หากเชื่อว่า "พระพุทธเจ้า" มีจริง "พญามาร" ก็เช่นกัน

จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD) - 02 CHAPTER 02 โดย HOPEE @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระทึกขวัญ,สืบสวนสอบสวน,เลือดสาด,สะท้อนปัญหาสังคม,ลึกลับ,สยองขวัญ,ผี,สืบสวนสอบสวน,น่ากลัว,เอาตัวรอด,ระทึกขวัญ,วิญญาณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ระทึกขวัญ,สืบสวนสอบสวน,เลือดสาด,สะท้อนปัญหาสังคม,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สยองขวัญ,ผี,สืบสวนสอบสวน,น่ากลัว,เอาตัวรอด,ระทึกขวัญ,วิญญาณ

รายละเอียด

จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD) โดย HOPEE @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หากเชื่อว่า "พระพุทธเจ้า" มีจริง "พญามาร" ก็เช่นกัน

ผู้แต่ง

HOPEE

เรื่องย่อ

 

ลิลิธตา พิ่งสูญเสียคนสำคัญซึ่งเป็นจุดพลิกผันให้เธอกลับไปเดินบนเส้นทางของ พยาบาลวิชาชีพ ที่เคยหันหลังให้มาหลายปี ก่อนจะพบว่าครอบครัวของคนที่จ้างเธอไปดูแลนั้นมีบางสิ่งผิดแปลกไป และทุกอย่างไม่ใช่เพียงเรื่องบังเอิญ

เดือน ด็กหนุ่มวัย 25 ปี กำลังอยู่ในช่วงมรสุมของชีวิต แต่แล้วเหตุการณ์ประหลาดรอบตัวและความฝันเกี่ยวกับสตรีในชุดล้านนาโบราณก็เริ่มเชื่อมโยงถึงความจริงที่สัมพันธ์กับเขา

บุศรา ต้องกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดเนื่องจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้เธอสังเกตได้ว่าแม่ของเธอเริ่มมีพฤติกรรมแปลกไป รวมไปถึงการบวงสรวงเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษของตระกูลที่ผิดไปจากเดิม

 

 

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ ผมนามปากกา โฮป (HOPEE) เป็นนักเขียนหน้าใหม่ (ใสกิ๊ก?) กับนิยายสยองขวัญ ระทึกขวัญเรื่องแรก จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD) นิยายเรื่องนี้เซตติ้งอยู่บนความเชื่อของแถบภาคเหนือ และแน่นอนว่า บุคคล สถานที่ และสถานการณ์ ต่างๆ ในเรื่องเป็นเรื่องสมมติทั้งสิ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือสถานที่อื่นแต่อย่างใด 

คำเตือน : เนื้อหาของนิยายค่อนข้างมีความรุนแรงทั้งในแง่คำพูดและการกระทำของตัวละคร โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

สารบัญ

จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-CHAPTER 00 เจตกาฬ,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-01 CHAPTER 01,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-02 CHAPTER 02,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-03 CHAPTER 03,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-04 CHAPTER 04,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-05 CHAPTER 05,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-06 CHAPTER 06,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-07 CHAPTER 07,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-08 CHAPTER 08,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-09 CHAPTER 09,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-10 CHAPTER 10,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-11 CHAPTER 11,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-12 CHAPTER 12,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-13 CHAPTER 13,จิต ● วิญ ● ญาณ (THE UNTOLD)-14 CHAPTER 14 : ปฐมกาล (END)

เนื้อหา

02 CHAPTER 02

ตึก ตึก ตึก เสียงรองเท้าส้นตึกสีขาวเดินควบเป็นจังหวะกลางทางเดินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตอนกลางคืนผิดกับกลางวันคนละโลก รอบๆมีคนไข้ไม่กี่คนจากทั้งโรงพยาบาล แต่บนหอผู้ป่วยแผนกต่างๆ นั้นแน่นขนัด ลิลิธตาในชุดสุภาพสีชมพูอ่อนกำลังเดินจ้ำอ้าวไปที่วอร์ดที่เธอทำงานเพื่อให้ทันเวลารับเวร นี่เป็นเวรดึกแรกหลังจากหยุดไปสามวันติดเพราะลาไปต่างจังหวัดกับแม่และธันซึ่งแน่นอนว่าไม่มีพยาบาลคนไหนชอบการขึ้นเวรดึกเป็นเวรแรกต่อจากวันพักผ่อน 

ในที่สุดเธอก็มาถึง ‘หออภิบาลผู้ป่วยหนักกุมาร’ ลิธเปิดประตูวอร์ดไปด้วยใจระทึก สวัสดีพี่ๆเวรบ่ายพลางกวาดสายตาไปรอบๆ เธอถอนหายใจเมื่อเห็นว่าในวอร์ดมีคนไข้อยู่เพียงเตียงเดียว ในขณะที่ลิลิธตากำลังจะเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อีกห้องนึงนั้น

“ลิธมารับเวรก่อนมา ไม่มีไรมาก” รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น

ลิลิธตาวางกระเป๋าและเดินมารับเวรซึ่งเป็นไปอย่างปกติ เนื่องจากผู้ป่วยเด็กคนนี้เป็นเพียงผู้ป่วยที่อยู่เพื่อเตรียมความพร้อมแก่ครอบครัวในการดูแลเกี่ยวกับการใช้เครื่องช่วยหายใจที่บ้าน เพราะฉะนั้นอาการหรือยาต่างๆ นั้นค่อนข้างคงที่แล้ว แทบไม่มีอะไรต้องเฝ้าระวังมากนัก แต่แล้วลิลิธตาก็ต้องสะดุดเมื่อรุ่นพี่ทักขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เราจำเตียงสาม ที่ดูเคสก่อนจะหยุดได้มั้ย” 

“มีอะไรรึเปล่าคะ”

“ไม่มีอะไรมากหรอก แต่เวรนั้นลิธลืมให้ยาละลายเสมหะตอนเช้า ดีที่อาการน้อง stable (1) แล้ว” หญิงสาวเพียงพยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้ตอบกลับอะไร “อันนี้พี่เตือนนะ” น้ำเสียงเริ่มแข็งขึ้นทีละนิด “ถ้ามันเป็น Antibiotic (2) หรือยาอื่นสำคัญๆ มันเรื่องใหญ่นะ เราเข้าใจใช่มั้ย”

“ค่ะ” ลิลิธตาเริ่มหน้าถอดสี

“พี่ขออย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก”

“ขอโทษด้วยค่ะ” 

สิ้นคำขอโทษ รุ่นพี่ลุกเดินออกจาก Nurse Station เข้าห้องเปลี่ยนชุดไปทันที ส่วนรุ่นพี่อีกคนที่เห็นเหตุการณ์อยู่ข้างๆ ก็เดินมาหาเมื่อเห็นว่าน้องร่วมวิชาชีพยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน

“ลิธ โอเคมั้ย” เธอเอื้อมมือแตะที่ไหล่จนลิลิธตารู้สึกตัว

“ค่ะพี่นุช” พูดเสร็จลิลิธตาก็รีบเดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปพร้อมสายตาของพี่นุชที่มองตามด้วยความเป็นห่วง

ภายในวอร์ดนั้นเงียบสงัด ไฟสลัวถูกเปิดเอาไว้เพียงหนึ่งดวงที่ Nurse Station (3) เพื่อให้คนไข้ได้พักผ่อน ส่วนเพื่อนอีกคนที่ขึ้นเวรด้วยกันก็งีบอยู่ข้างๆ เนื่องจากคนไข้มีเพียงเตียงเดียวและอาการไม่ได้หนักหรือต้องเฝ้าระวังอะไรมาก การพักงีบระหว่างเวรถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับกรรมกรชุดขาวอย่างพวกเธอ

ลิลิธตายังคงนั่งเขียน Nurse Note (4) อยู่แต่ไม่นานก็เสร็จ เธอมองนาฬิกาที่แขวนอยู่เบื้องหน้าจากนั้นลุกขึ้นไปอีกมุมหนึ่งของวอร์ด เป็นเคาเตอร์ไม่กว้างมาก มีตระกร้าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยขวดนมหลายขนาดซึ่งถูกทำความสะอาดฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว เธอเอื้อมมือหยิบกระป๋องนมทางการแพทย์ออกมาเพื่อชงเตรียมสำหรับมื้อเช้าของคนไข้ในความดูแล

ขณะที่มือยังคงจับช้อนคนให้นมละลาย สีหน้าบ่งบอกได้ถึงความรู้สึกที่อัดอั้น รอยย่นบนหัวคิ้วพับไปมาเป็นคลื่น ดวงตาแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆพร้อมน้ำใสคลอบางๆ เสียงสูดน้ำมูกดังเป็นพัก ความคิดวนเวียนอยู่ในหัวว่าทำไมชีวิตถึงมาอยู่ตรงนี้ เธอนึกถึงเพื่อนคนอื่นของเธอที่ไม่ได้เป็นพยาบาล ในคืนวันศุกร์เช่นนี้ตาลก็ไปเที่ยวกับเพื่อนในก๊วน ส่วนโมก็คงกำลังนอนหลับอย่างสบายใจ 

1 อาการคงที่ ไม่ได้อยู่ในช่วงวิกฤต

2 ยาปฏิชีวนะ

3 สถานีกลางพยาบาล มีไว้เพื่อให้พยาบาลทำงานเอกสาร หรือประขุมวิชาการต่างๆ

4 บันทึกทางการพยาบาล เป็นบันทีกที่พยาบาลเขียนในทุกเวรถึงปัญหา วิธีการประเมิน การปฏิบัติการพยาบาล และการประเมินผลในปัญหาของผู้ป่วย

เธอเพียงแค่อยากมีชีวิตที่ปกติเหมือนคนอื่นบ้าง แม้ลิลิธตาจะรู้ตัวมาตลอดตั้งแต่ตอนเรีียนว่าการเป็นพยาบาลนั้นมันไม่ใช่ทางของเธอ แต่เธอก็ฝ่าฟันมาจนจบและทำงาน แต่แล้วสุดท้ายมันก็ไม่ใช่ตัวเธออยู่ดี เส้นความคิดถูกตัดขาดด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อนั้นสั่นครืดๆ หน้าจอบ่งบอกว่าธันโทรมา ลิลิธตาปาดน้ำตาเตรียมรับสายเพื่อไม่ให้อีกคนเป็นห่วง  

“ทำไรอยู่” เสียงชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความคิดถึง

“ชงนมให้เด็กน้อยอยู่” 

“เดี๋ยวลงเวรแล้วธันกับแม่ไปรับที่เดิมนะ”

“โอเค” น้ำมูกเจ้ากรรมดันไหลเป็นน้ำตก ทำให้เธอต้องสูดมันกลับเข้าไปโดยปริยาย

“เป็นอะไรรึเปล่า”

“เค้าโอเค" 

“ฟังจากเสียงแล้วรู้สึกว่าลิธไม่ค่อยจะโอเคเลย มีอะไรเล่าให้ธันฟังได้นะ”

“เอ่อ... เค้าขอไปเตรียมยาให้คนไข้ก่อนนะ จวนได้เวลาละ คนไข้เยอะมากเลย” เธอรีบตัดบท

“โอเคครับ เช้าเจอกัน รักนะครับ” แล้วสายก็ดับไป

น้ำตาที่เอ่ออยู่แล้วล้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เสียงสะอื้นดังอยู่เนืองๆ แต่เธอก็ต้องพยายามเก็บเสียงเพราะไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานได้ยิน มือสองข้างปิดปากและจมูกเอาไว้ เธอยืนร้องไห้ด้วยความทุกข์ท่ามกลางความมืด บรรยากาศเงียบสนิท และไฟสลัว 

 

————————————————————————

 

กลางดึกสะงัด เวลาประมาณ 03:00 น. ธันนอนหลับสนิทอยู่ที่เตียงบนห้องนอนชั้นสองของบ้าน ในขณะที่ผ้าห่มข้างๆ ถูกขยุ้มไปกองไว้ปลายขา ไร้วี่แววคนอื่นในห้อง เสียงเครื่องปรับอากาศไม่ดังมากนัก แต่ก็ไม่ได้เงียบจนวังเวง มองไปนอกระเบียงเห็นลิลิธตายืนตากลมโชยอ่อนอยู่ด้านนอก มือซ้ายท้าวราวเหล็กเย็นเฉียบ มือขวาคีบบุหรี่หนึ่งมวนพร้อมสูบมันอย่างชำนาญ 

สายตามองออกไปด้านนอกเห็นวิวธรรมชาติและบ้านหลังอื่นแทรกอยู่ตามพื้นที่สีเขียว เสียงนกเค้าแมวร้องดังอยู่บนหลังคาบ้าน เธอยืนนิ่ง ใช้สติไตร่ตรองบางอย่างอยู่ในห้วงความคิด ควันสีเทาฟุ้งไปทั่วบริเวณ สักครู่ลิลิธตาก็เดินเข้ามาในห้อง เธอเดินตรงไปห้องน้ำด้วยฝีเท้าที่เบาที่สุด สายน้ำกระทบแผ่นกระเบื้องดังซู่ๆอยู่เนืองๆ หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดสีดำดูทะมัดทะแมง หนีบผมยาวตรงและรวบขึ้นเป็นหางม้า ก่อนจะเดินออกมาหยิบกระเป๋าใบใหญ่ที่เตรียมไว้ข้างตู้เสื้อผ้า ประตูห้องนอนถูกปิดลงพร้อมธันที่ยังคงนอนไม่ได้สติ เธอลากกระเป๋ามาวางไว้ที่หน้าประตูบ้าน  แต่แล้วก็หยุดชะงัก

ลิลิธตาเดินขึ้นบันไดอย่างเบาเท้า ค่อยๆ เปิดประตูห้องนอนอย่างเบามือ เดินไปข้างๆ ชายหนุ่มที่นอนขดอยู่กับกองผ้าห่ม ยืนมองเขาด้วยสีหน้าราบเรียบราวกับปกปิดอะไรบางอย่างไว้ใต้หน้ากาก ลิลิธตาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้คนตรงหน้าจนเต็มตัว แววตาดำขลับกล่าวอำลา 

 

————————————————————————

 

ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งตัวห่อลีบอยู่ในห้องปิดทืบของออฟฟิศสูงตระหง่านกลางกรุงเทพฯ สายตากวาดไปทั่วเพื่อไม่ให้รู้สึกประหม่า นิ้วโป้งซ้ายขวาไล่จับกันไปมาระหว่างนั่งรอ เบื้องหน้าคือหญิงวัยกลางคนที่ลักษณะภายนอกดูมีภูมิฐานและเดาไม่ยากว่านี่เป็นหัวหน้า เธอกำลังอ่านเอกสารบางอย่างในมือ ก่อนจะลดระดับแว่นตาลงมองผ่านมาที่อีกคน 

“เดือนแน่ใจแล้วเหรอ” เธอยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้บนโต๊ะซึ่งหัวกระดาษเขียนว่า ‘หนังสือแจ้งลาออก’

“แน่ใจครับพี่” เขายืนยันด้วยความหนักแน่น

“เฮ้อ....” หัวหน้าถอดแว่นวางลงบนโต๊ะ เอนหลังลงซบกันที่พิงของเก้าอี้พลางถอนหายใจ “เดือนเป็นคนเก่งมากนะ ซึ่งพี่ก็เห็นมาตลอด และก็แพลนตำแหน่งของเราไว้แล้วด้วย พี่ให้เวลากลับไปคิดอีกทีดีมั้ย”

“ไม่เป็นไรครับ” เดือนยิ้ม เป็นยิ้มที่อ่อนโยน แต่ก็แฝงไปด้วยความหัวแข็งในเวลาเดียวกัน

“ถ้าเราจะไปจริงๆ พี่ก็ไม่ติดนะ แต่เรามีแผนสำรองไว้ใช่มั้ย”

เขาไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ และยิ้มให้อย่างเคย ซึ่งเดือนเองก็ยังไม่แน่ใจถึงอนาคตเช่นกัน 

 

ชายหนุ่มนอนแอ้งแม้งอยู่บนโซฟาสีดำลายเรียบในห้องคอนโดที่เช่าไว้แถบชานเมือง สายตาจ้องมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์อ่านข้อความบางอย่าง

‘เดือนออกจากงานแล้วนะแม่’

‘ไม่ต้องโอนเงินมานะ เดือนพอมีเงินเก็บอยู่’

นี่คือสองข้อความล่าสุดที่เขาทิ้งไว้ในช่องแชทของแม่ตั้งแต่ตอนบ่าย นี่ก็ผ่านมา 9-10 ชม. แล้วแต่ก็ยังไม่มีการอ่านหรือตอบกลับ เดือนถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางคิดถึงความสัมพันธ์ของเขากับแม่ที่ดูห่างเหินขึ้นเรื่อยๆ ครอบครัวของเขานั้นประกอบธุรกิจ 2-3 อย่างอยู่ทางภาคเหนือและกรุงเทพฯ จึงทำให้พ่อกับแม่ไม่ค่อยจะมีเวลาให้สักเท่าไหร่ เขาเองก็พยายามทดแทนความเหงาในใจนั้นด้วยเหตุผลและความเข้าใจ แต่มันก็เป็นอะไรที่ยากเหลือเกิน เดือนเริ่มพิมพ์อีกหนึ่งข้อความทิ้งท้าย ‘เดือนขอพักหน่อยนะแม่’

เขาทิ้งโทรศัพท์ลงบนอก แขนขาอ้าซ่าหมดเรี่ยวแรง สายตามองจ้องเพดานอยู่ในวังวนแห่งความคิด มือพยายามเอื้อมไปด้านบนกวาดแสงไฟไปเรื่อย เหมือนอยากจะคว้าอะไรบางอย่างไว้แต่ก็สัมผัสไม่ได้ 

ไม่นานนัก เสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เดือนควานหามือถือมาดูด้วยสายตาเบื่อหน่าย แต่แล้วดวงตาก็เริ่มจุดประกายไปด้วยความหวัง ‘ตั้วเครื่องบินไปกลับเชียงใหม่ราคาพิเศษสำหรับ 2 ที่นั่ง จำนวนจำกัด!’ ข้อความที่เด้งขึ้นจากแอปพลิเคชั่นหนึ่ง

 

“พี่ไปเป็นเพื่อนเดือนหน่อยดิ” สายตาออดอ้อนส่งไปถึงอีกคนที่นั่งตรงข้าม

“ไม่!!!” ชายหนุ่มที่ดูโตกว่าสวนกลับไปทันควัน ก่อนจะโสยก๋วยเตี๋ยวในชามที่เหลืออยู่จนหมด

เดือนทำหน้ามุ้ยและกินในส่วนของตัวเองต่อ ทั้งคู่นั่งทานกันอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวริมทางเจ้าประจำ เสียงบีบแตรจากรถบนถนนดังอยู่เนืองๆ แม้จะเป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว แต่คนก็ยังพากันแห่ออกมาหาอะไรทานอย่างแน่นขนัด 

“เอาอีกแล้วนะมึงอ่ะ แล้วนี่ออกมาไม่ได้หางานใหม่ไว้ใช่มั้ย” โบ๊ทถามด้วยความเป็นห่วง 

“ก็มันทำมาหมดแล้วแต่ก็ไม่ใช่อ่ะพี่ อยู่ต่อมันทุกข์นะ”

“กูเข้าใจ แต่มันก็ต้องเซฟไว้บ้างสิวะเดือน” เดือนไม่ได้ตอบอะไร เหมือนสำนึกผิด “กูรู้เรื่องครอบครัวมึงแล้วนะ มีเงินพอใช้มั้ย”

“มีเงินเก็บอยู่ครับ” 

“มึงไม่ต้องมาทำหน้าจ๋อยเลย” โบ๊ทตวาดอีกคนเมื่อเห็นน้องกำลังหม่นหมอง “เออ กูไปด้วยก็ได้” แต่ก็ไม่วายใจอ่อน 

จากหมาหงอยกลับมาหูตั้งทำหน้าดีใจ ก่อนข้อความตอบกลับของแม่จะดังขึ้น ‘แม่โอนให้เท่านี้ก่อน นี่ลูกรู้ใช่มั้ยว่าสถานการณ์บ้านเราไม่ค่อยดี อดทนหน่อยสิลูก’ 

“แล้วจองตั๋วยัง” 

เดือนรีบเก็บโทรศัพท์ ยังไม่ได้ตอบอะไรแม่กลับไป “ยังเลยพี่ ก็มาถามก่อนเนี่ย”

“เดี๋ยวจองให้ เก็บเงินไว้แดกข้าวเหอะ” 

ถึงบางทีพี่โบ๊ทจะโผงผางไปบ้าง แต่เขารู้ดีว่าพี่ชายคนนี้คือคนที่ให้กำลังใจเขาเสมอ แม้จะไม่ใช่ในแบบที่อ่อนโยนสักเท่าไหร่ ทั้งสองเจอกันครั้งแรกตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และบังเอิญมาเช่าคอนโดอยู่ที่เดียวกัน ก่อนที่เดือนจะเริ่มเปลี่ยนงานไปเรื่อย ซึ่งแน่นอนว่าโบ๊ทนั้นรู้ปัญหาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพียงพยายามช่วยเหลืออยู่ห่างๆ

ทันใดนั้น เสียงเย็นยะเยือกบางอย่างได้ล่องลอยมาตามลมกลบเสียงรอบข้าง เสียงสะอื้นของหญิงสาว ฮึก... มันแว่วมาไกลๆ กระทั่งเดือนเริ่มสังเกตถึง กระทั่งเสียงนั้นใกล้เข้ามารดต้นคอ 

เขาหันควับไปทันทีเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างยืนอยู่ด้านหลัง แต่พอหันไปกลับไม่มีใคร และเริ่มสังเกตเห็นว่าคนรอบข้างนั้นหายไป ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาวที่นั่งกินอยู่โต๊ะข้างๆ หรือคนเดินเท้าตามฟุตบาท เสียงความวุ่นวายรอบตัวนั้นเงียบสงัดราวกับถูกปิดสวิตช์ เดือนหันมาหาพี่โบ๊ทแต่ก็ว่างเปล่า เขาพบว่าตัวเองนั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียวโดยมีไฟสลัวจากรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวไกวไปมาที่เมื่อหลุดจากขอบเขตของไฟไปกลับดำสนิท

อัตราการเต้นของหัวใจพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ การหายใจเข้าออกเร็วช้าสลับกันไม่เป็นจังหวะพลางมองไปรอบๆด้วยความฉงนและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จังหวะนั้นเองเสียงสะอื้นเย็นยะเยือกก็ดังรดต้นคออีกครั้ง จุดศูนย์กลางคามสว่างหนึ่งเดียวดับลง และเสียงของหญิงสาวแหบแห้งก็แผดขึ้นสนั่นทั่วบริเวณ

“กูจะสะ” พูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงนั้นก็เงียบ เผยภาพตัดสลับไปมาอย่างรวดเร็วของ หญิงสาวในชุดผ้าซิ่นแดงสลับดำพนมมือโดยมีดอกบัวอยู่ตรงกลาง, กองเลือดไหลนอง และ ปิ่นปักผมทองคำลายผีเสื้อตอมดอกพิกุล 4 ชั้น  

เสียงหายใจหอบกระเส่า เดือนดีดตัวลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ กลับพบว่าตัวเองอยู่บนเตียง สายตามองนาฬิกาบ่งบอกเวลา 03:00 น. พร้อมเสียงปลุกดังติ้ดๆ อยู่เบื้องหลัง

วันนี้อัพซะช้าเลย ไรท์ต้องขอโทษด้วยครับบบ (ถึงแม้จะไม่มีใครรอก็ตาม 5555) เรื่องราวจะไปในทางไหนฝากติดตามกันด้วยนะครับบ นิยายเราจะมีคนอ่านไหมหนอ TWT

CHAPTER 03 : on 04 NOV 2024