จิงซิงอี้ แพทย์จีนจบใหม่ กลับมาเปิดคลินิกรักษาโรคที่หมู่บ้านกับคุณตาที่เลี้ยงดูเขามา เขารักษาคนไข้ที่อยู่ห่างไกล ทำธุรกิจสมุนไพร ทำแหล่งท่องเที่ยว และค้นหาความลับจากชาติกำเนิดที่เป็นปริศนาของตัวเอง เนื้อหาครึ่งแรกอยู่ในยุคปัจจุบัน ครึ่งหลังย้อนยุคไปราชวงศ์ซ่งเหนือ

จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN) - 11 11 โดย Clear Clouds @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ย้อนยุค,แฟนตาซี,ผจญภัย,จีน,ข้ามเวลา,จีนปัจจุบัน,แพทย์แผนจีน,พระเอกเป็นหมอจีน,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,พระเอกหล่อ,จิงซิงอี้,จิงซิงอี้แพทย์จีน2ยุค,ทำธุรกิจสมุนไพร,รักษาโรค,ทำสมุนไพรขาย,พบกับเปาบุ้นจิ้น,พบกับจั่นเจา,พระเอกซึนเดเระ,ผจญภัย,อบอุ่นหัวใจ,อบอุ่น,จบดี ,พระเอกอยู่กับคุณตา,ช่วยราชสำนักแก้ไขคดี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ย้อนยุค,แฟนตาซี,ผจญภัย,จีน,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จีนปัจจุบัน,แพทย์แผนจีน,พระเอกเป็นหมอจีน,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,พระเอกหล่อ,จิงซิงอี้,จิงซิงอี้แพทย์จีน2ยุค,ทำธุรกิจสมุนไพร,รักษาโรค,ทำสมุนไพรขาย,พบกับเปาบุ้นจิ้น,พบกับจั่นเจา,พระเอกซึนเดเระ,ผจญภัย,อบอุ่นหัวใจ,อบอุ่น,จบดี ,พระเอกอยู่กับคุณตา,ช่วยราชสำนักแก้ไขคดี

รายละเอียด

จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN) โดย Clear Clouds  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จิงซิงอี้ แพทย์จีนจบใหม่ กลับมาเปิดคลินิกรักษาโรคที่หมู่บ้านกับคุณตาที่เลี้ยงดูเขามา เขารักษาคนไข้ที่อยู่ห่างไกล ทำธุรกิจสมุนไพร ทำแหล่งท่องเที่ยว และค้นหาความลับจากชาติกำเนิดที่เป็นปริศนาของตัวเอง เนื้อหาครึ่งแรกอยู่ในยุคปัจจุบัน ครึ่งหลังย้อนยุคไปราชวงศ์ซ่งเหนือ

ผู้แต่ง

Clear Clouds

เรื่องย่อ

จิงซิงอี้เป็นแพทย์แผนจีนจบใหม่ ที่เก่งและมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัย แต่เขาตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านนอกในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งกับคุณตาของเขาที่เป็นแพทย์จีนที่มีชื่อเสียงเช่นกัน 

จิงซิงอี้เริ่มต้นชีวิตที่นี่ด้วยการเปิดคลินิกขนาดเล็ก และทำทุกอย่างเอง เพื่อให้ชาวบ้านรู้จักและยอมรับ เขาไปรักษาฟรีตามสถานที่ต่างๆ และสืบสานธุรกิจสมุนไพรจากคุณตาจิงเซียว 

ที่นี่ เขาไม่เพียงแต่ทำธุรกิจให้เลี้ยงตัวเองได้ เขายังสืบสานเจตนารมณ์ในการสร้างสำนักแพทย์ฉางซานตามที่คุณตาต้องการ และยังช่วยเหลือคนในหมู่บ้านให้มีรายได้เลี้ยงตัวเองไปด้วยกัน

ในแต่ละวันจะมีเคสคนไข้ที่ป่วยกด้วยโรคต่างๆแวะเวียนมาให้เขารักษา บางครั้งเขารักษาคน บางครั้งรักษาสัตว์ป่าบาดเจ็บ และบางครั้งยังช่วยทางการสืบคดีและชันสูตรศพที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาพิษจากสมุนไพร!

สิ่งที่เป็นความลับของเขามาตลอด คือ จิงเซียวช่วยเหลือเขา และเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก ปริศนาชาติกำเนิดนี้ทำให้เขาได้ย้อนยุคกลับไปอยู่สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ และได้พบกับคนดังในตำนานทั้งเปาบุ้นจิ้น กงซุนเช่อ และแมวหลวงจั่นเจา

ปริศนาชีวิตของเขาและจิงเซียวได้รับการเปิดเผยจากการผจญภัยในตอนนี้นี่เอง!!!

สารบัญ

จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-1 1,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-2 2,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-3 3,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-4 4,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-5 5,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-6 6,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-7 7,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-8 8,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-9 9,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-10 10,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-11 11,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-12 12,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-13 13,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-14 14,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-15 15,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-16 16,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-17 17,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-18 18,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-19 19,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-20 20,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-21 21,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-22 22,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-23 23

เนื้อหา

11 11

เมื่อถึงเวลาเที่ยง ลั่วเยี่ยนพาจิงซิงอี้ออกไปกินข้าวกลางวัน เขาถามเด็กชายว่า คุณตาอยู่ไหน เด็กน้อยตอบว่า ชั้น 6 ชายหนุ่มนึกขึ้นมาได้ว่า ชั้นนี้เป็นห้องพักสำหรับคนไข้ VIP 

เขาพาจิงซิงอี้ขึ้นลิฟท์ เมื่อขึ้นไปถึงชั้น 6  ก็พบเคาเตอร์พยาบาลตรงหน้าลิฟท์ เมื่อพยาบาลที่เข้าเวรเห็นว่าเป็นลั่วเยี่ยนจึงยิ้มให้ และถามว่าเขามาตรวจคนไข้คนไหน ลั่วเยี่ยนชี้ไปที่เด็กชายและตอบว่า เขาพาเด็กมาหาญาติ

เมื่อพยาบาลเห็นจิงซิงอี้ เธอทำหน้าแปลกใจ เพราะไม่แน่ใจว่าเด็กชายเป็นญาติของคนไข้ห้องไหน จิงซิงอี้บอกว่า เขามากับคุณหมอจิงเซียว พยาบาลอีกคนหนึ่งซึ่งเข้าเวรมาตั้งแต่เมื่อคืน จึงบอกว่า

“คุณหมอจีนจิงเซียวไงเธอ คุณหมอมาเมื่อวานตอนเย็น แล้วก็มาตอนเช้าอีกที เธอเพิ่งมาเข้าเวรตอนเช้าก็เลยไม่รู้ ” 

จากนั้น พยาบาลคนที่สองจึงพาพวกเขาไปที่ห้องซ้ายมือสุด 

เมื่อไปถึงหน้าห้อง เธอเคาะประตู เดินเข้าไปในห้องเพื่อแจ้งคนไข้ สักพักเธอจึงพาลั่วเยี่ยนและจิงซิงอี้เดินเข้าไป 

ภายในห้องขนาดใหญ่ พวกเขาเห็นคนไข้ชายวัยกลางคนหน้าตาดี ดูภูมิฐานมีอำนาจ อายุประมาณ 55 ปี กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง พูดคุยอยู่กับชายรูปร่างผอมสูงหน้าตาหล่อเหลา ลักษณะสงบสุมขุม อายุประมาณ 50 ปี ซึ่งกำลังอ่านข้อมูลคนป่วยจากแฟ้ม 

ตรงข้ามกันเป็นชายอายุประมาณ 40 กว่าปี ใส่เสื้อเชิร์ตแขนยาวและกางเกงทำงานเหมือนพนักงานบริษัท กำลังฟังการสนทนาของทั้งสองคนและจดข้อมูลลงในสมุดบันทึก 

เมื่อมองไปที่มุมห้องอีกด้าน จะเห็นญาติของผู้ป่วยอีก 2-3 คน นั่งอยู่ที่โซฟาใกล้เตียง โดยมีชายรูปร่างสูงใหญ่ เหมือนบอดี้การ์ดยืนเฝ้าที่ประตู

เมื่อลั่วเยี่ยนและจิงซิงอี้เดินเข้าไป ทุกคนก็หันมามอง ชายที่น่าจะเป็นแพทย์จีนก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นจิงซิงอี้ และทักว่า “กลับมาแล้วหรือเสี่ยวอี้ หิวข้าวรึยัง”

จิงซิงอี้เดินเข้าไปหาคุณตา หรือก็คือจิงเซียวเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ยังมีเส้นผมสีดำและมีผมขาวขึ้นบริเวณขมับประปราย เขายังกระฉับกระเฉง เปี่ยมไปด้วยพลัง 

จิงเซียวเห็นลั่วเยี่ยน ก็รู้ว่านี่คือหมอที่จิงซิงอี้ไปอยู่ด้วยตั้งแต่เช้า ที่เขารู้ก็เพราะนางพยาบาลที่อยู่ชั้นหนึ่งโทรมาบอก จิงเซียวจึงไม่ห่วงหลานชาย 

เขาขอโทษที่จิงซิงอี้ไปรบกวน และขอบใจชายหนุ่มที่ช่วยดูแลเด็กน้อยด้วย ลั่วเยี่ยนรีบตอบกลับว่าไม่เป็นไร 

จิงซิงอี้เดินเข้าไปจับมือจิงเซียว และพูดว่า “คุณตาครับ ผมหิวข้าวแล้ว เราไปกินข้าวได้รึยัง” 

จากนั้นเขาก็หันไปทางลั่วเยี่ยนและพูดต่อว่า “พาพี่คนนี้ไปกินด้วยนะ”

จิงเซียวรู้สึกแปลกใจ เขารู้ดีว่าจิงซิงอี้ไม่สนิทสนมกับใครง่ายๆ โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า แต่ครั้งนี้ เขากลับเลือกไปอยู่กับหมอหนุ่มคนนี้ และยังชวนไปกินข้าวด้วย  จิงเซียวจึงยิ้มและพูดกับหมอหนุ่มว่า 

“ผมชื่อจิงเซียว เป็นตาของจิงซิงอี้ครับ”

จากนั้นเขาก็ชวนให้ลั่วเยี่ยนไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน ซึ่งหมอหนุ่มก็ตอบตกลง เพราะเขาก็อยากรู้จักจิงเซียวเช่นกัน 

คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงก็ถามด้วยความสนใจขึ้นมาว่า

“นี่เป็นหลานแท้ๆ ของคุณหมอหรือครับ”

จิงเซียวพยักหน้ารับ แต่ไม่อธิบายเพิ่มเติม ในขณะที่คนไข้ก็ไม่ถามอะไรต่อ เพราะเขารู้ดีว่าจิงเซียวมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา และไม่ชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัว 

สิ่งที่เขารู้คือ จิงเซียวเหมือนจะอยู่คนเดียว เด็กชายอาจจะเป็นลูกหลานของญาติคนอื่นก็ได้ 

จากนั้นจิงเซียวก็บอกให้จิงซิงอี้ทักทายคนไข้บนเตียง โดยแนะนำว่าเป็นคุณลุงหลินซือ ซึ่งลั่วเยี่ยนก็ตกใจเมื่อรู้ชื่อของคนไข้ 

หลินซือเป็นข้าราชการระดับสูงจากพรรคคอมมิวนิสต์ในระดับจังหวัด ที่มาพักรักษาตัวที่นี่ หมอที่ดูแลเขา คือ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลและหมออาวุโสที่เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทอีกคนหนึ่ง แต่หลินซือกลับเชิญจิงเซียวมารักษา

สักพักจิงเซียวก็ขอตัวกลับ เพื่อพาจิงซิงอี้ไปกินอาหารกลางวัน ลั่วเยี่ยนสังเกตเห็นว่า ทุกคนในห้องปฏิบัติต่อจิงเซียวด้วยความเคารพนบนอบ พวกเขาพยายามจะเชิญสองตาหลานไปกินอาหารกลางวันที่โรงแรม แต่จิงเซียวปฏิเสธ โดยอธิบายว่าจิงซิงอี้ไม่ชอบไปตามร้านใหญ่ๆ 

จากนั้นเขาก็จูงมือเด็กน้อยเดินออกมา และชวนลั่วเยี่ยนไปด้วย ทำให้คนไข้และญาติๆ ที่อยู่ในห้องมีสีหน้าทั้งเสียดายและอิจฉา 

หลินซือซึ่งอยู่บนเตียงจึงพูดว่า “ใครๆ ก็อยากจะเชิญคุณหมอจิงเซียวไปทานข้าว แต่ก็ถูกปฏิเสธตลอด นี่คุณโชคดีมากเลยนะ ที่คุณหมอชวนคุณเองเลย”

ลั่วเยี่ยนได้แต่หัวเราะ เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร เขากล่าวอำลาหลินซือและเดินออกนอกห้องไปกับสองตาหลาน

บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าห้องรีบเปิดประตูให้พวกเขา ในขณะที่ภรรยาและลูกชายของหลินซือ ก็เดินออกมาส่งพวกเขาจนถึงลิฟท์ 

เมื่อเข้าไปในลิฟท์ ลั่วเยี่ยนซึ่งเป็นเจ้าถิ่น ก็ถามสองตาหลานว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ถ้าเป็นแถวนี้เขาพอจะแนะนำร้านให้ได้ 

จิงเซียวปล่อยให้จิงซิงอี้เป็นคนเลือก เด็กชายบอกว่าเขาอยากกินบะหมี่ ลั่วเยี่ยนจึงแนะนำร้านที่อยู่ใกล้กับโรงพยาบาล จากนั้นเขาจึงพาสองตาหลานเดินไปร้านบะหมี่ดังกล่าว

ทั้งสามคนมาถึงห้องแถวที่เปิดเป็นร้านบะหมี่ เนื่องจากเป็นช่วงเที่ยงจึงมีคนนั่งเกือบเต็ม ภรรยาของเจ้าของร้านซึ่งเป็นทั้งคนรับออเดอร์และคนเสิร์ฟหันมาเห็นลั่วเยี่ยน เธอก็ทักทายเขาด้วยความคุ้นเคย และพาพวกเขาไปนั่งริมหน้าต่างด้านในสุดของร้าน 

ตลอดช่วงที่นั่งกินด้วยกัน ลั่วเยี่ยนจะคอยหยิบขวดน้ำ แก้วน้ำและเครื่องปรุงต่างๆ ให้สองตาหลาน ลั่วเยี่ยนเติบโตมากับปู่ย่า เพราะพ่อกับแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ เขาจึงคุ้นเคยกับการดูแลผู้สูงอายุ

เขาสังเกตเห็นว่าจิงซิงอี้กินบะหมี่ได้เอง เด็กชายสามารถใช้มือจับตะเกียบได้อย่างคล่องแคล่วกว่าเด็กวัยเดียวกัน 

เมื่อลั่วเยี่ยนถามว่าจิงเซียวมาที่นี่บ่อยหรือ เขาตอบว่าไม่ ปกติแล้วเขาอยู่ที่อีกเมืองหนึ่ง แต่ถูกเชิญมารักษาหลินซือตั้งแต่เมื่อวาน และพักอยู่ที่โรงแรมใกล้กับโรงพยาบาล 

ลั่วเยี่ยนรู้ว่า การที่จิงเซียวถูกเชิญมารักษาข้าราชการระดับสูงได้ เขาจะต้องมีความสามารถและมีชื่อเสียงไม่น้อย แต่เพราะเขาไม่ได้อยู่ในวงการแพทย์แผนจีน เขาจึงไม่ค่อยรู้จักแพทย์จีนมากนัก

ในระหว่างนั้นเขาก็ถามจิงเซียวว่า จิงซิงอี้หนีออกมาเดินเล่นแบบนี้ แล้วจะไม่เป็นอันตรายหรือ จิงเซียวหัวเราะ เขาตอบว่าไม่  แต่เพราะทั้งสองเคยมาที่นี่ จึงคุ้นเคยกับโรงพยาบาลดี แต่จิงซิงอี้จะไม่ออกไปไหนไกล เขายังรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถ้ามีเหตุอันตรายเกิดขึ้น

สำหรับจิงเซียวแล้ว  ครั้งนี้กลับแปลกมาก เพราะจิงซิงอี้บอกว่าจะไปเดินเล่นในโรงพยาบาล แต่แล้วก็หายไปเลย โชคดีที่นางพยาบาลโทรมาบอกตั้งแต่เช้าว่า ตอนนี้เด็กชายอยู่กับหมอลั่วเยี่ยน จิงเซียวจึงวางใจ 

ลั่วเยี่ยนหัวเราะและล้อเด็กน้อยที่กำลังกินบะหมี่อย่างตั้งใจว่า

“อ้อ! เป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เด็กรึนี่ เก่งจริงๆ”