จิงซิงอี้ แพทย์จีนจบใหม่ กลับมาเปิดคลินิกรักษาโรคที่หมู่บ้านกับคุณตาที่เลี้ยงดูเขามา เขารักษาคนไข้ที่อยู่ห่างไกล ทำธุรกิจสมุนไพร ทำแหล่งท่องเที่ยว และค้นหาความลับจากชาติกำเนิดที่เป็นปริศนาของตัวเอง เนื้อหาครึ่งแรกอยู่ในยุคปัจจุบัน ครึ่งหลังย้อนยุคไปราชวงศ์ซ่งเหนือ

จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN) - 14 14 โดย Clear Clouds @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ย้อนยุค,แฟนตาซี,ผจญภัย,จีน,ข้ามเวลา,จีนปัจจุบัน,แพทย์แผนจีน,พระเอกเป็นหมอจีน,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,พระเอกหล่อ,จิงซิงอี้,จิงซิงอี้แพทย์จีน2ยุค,ทำธุรกิจสมุนไพร,รักษาโรค,ทำสมุนไพรขาย,พบกับเปาบุ้นจิ้น,พบกับจั่นเจา,พระเอกซึนเดเระ,ผจญภัย,อบอุ่นหัวใจ,อบอุ่น,จบดี ,พระเอกอยู่กับคุณตา,ช่วยราชสำนักแก้ไขคดี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ย้อนยุค,แฟนตาซี,ผจญภัย,จีน,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จีนปัจจุบัน,แพทย์แผนจีน,พระเอกเป็นหมอจีน,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,พระเอกหล่อ,จิงซิงอี้,จิงซิงอี้แพทย์จีน2ยุค,ทำธุรกิจสมุนไพร,รักษาโรค,ทำสมุนไพรขาย,พบกับเปาบุ้นจิ้น,พบกับจั่นเจา,พระเอกซึนเดเระ,ผจญภัย,อบอุ่นหัวใจ,อบอุ่น,จบดี ,พระเอกอยู่กับคุณตา,ช่วยราชสำนักแก้ไขคดี

รายละเอียด

จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN) โดย Clear Clouds  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จิงซิงอี้ แพทย์จีนจบใหม่ กลับมาเปิดคลินิกรักษาโรคที่หมู่บ้านกับคุณตาที่เลี้ยงดูเขามา เขารักษาคนไข้ที่อยู่ห่างไกล ทำธุรกิจสมุนไพร ทำแหล่งท่องเที่ยว และค้นหาความลับจากชาติกำเนิดที่เป็นปริศนาของตัวเอง เนื้อหาครึ่งแรกอยู่ในยุคปัจจุบัน ครึ่งหลังย้อนยุคไปราชวงศ์ซ่งเหนือ

ผู้แต่ง

Clear Clouds

เรื่องย่อ

จิงซิงอี้เป็นแพทย์แผนจีนจบใหม่ ที่เก่งและมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัย แต่เขาตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านนอกในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งกับคุณตาของเขาที่เป็นแพทย์จีนที่มีชื่อเสียงเช่นกัน 

จิงซิงอี้เริ่มต้นชีวิตที่นี่ด้วยการเปิดคลินิกขนาดเล็ก และทำทุกอย่างเอง เพื่อให้ชาวบ้านรู้จักและยอมรับ เขาไปรักษาฟรีตามสถานที่ต่างๆ และสืบสานธุรกิจสมุนไพรจากคุณตาจิงเซียว 

ที่นี่ เขาไม่เพียงแต่ทำธุรกิจให้เลี้ยงตัวเองได้ เขายังสืบสานเจตนารมณ์ในการสร้างสำนักแพทย์ฉางซานตามที่คุณตาต้องการ และยังช่วยเหลือคนในหมู่บ้านให้มีรายได้เลี้ยงตัวเองไปด้วยกัน

ในแต่ละวันจะมีเคสคนไข้ที่ป่วยกด้วยโรคต่างๆแวะเวียนมาให้เขารักษา บางครั้งเขารักษาคน บางครั้งรักษาสัตว์ป่าบาดเจ็บ และบางครั้งยังช่วยทางการสืบคดีและชันสูตรศพที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาพิษจากสมุนไพร!

สิ่งที่เป็นความลับของเขามาตลอด คือ จิงเซียวช่วยเหลือเขา และเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก ปริศนาชาติกำเนิดนี้ทำให้เขาได้ย้อนยุคกลับไปอยู่สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ และได้พบกับคนดังในตำนานทั้งเปาบุ้นจิ้น กงซุนเช่อ และแมวหลวงจั่นเจา

ปริศนาชีวิตของเขาและจิงเซียวได้รับการเปิดเผยจากการผจญภัยในตอนนี้นี่เอง!!!

สารบัญ

จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-1 1,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-2 2,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-3 3,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-4 4,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-5 5,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-6 6,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-7 7,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-8 8,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-9 9,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-10 10,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-11 11,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-12 12,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-13 13,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-14 14,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-15 15,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-16 16,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-17 17,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-18 18,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-19 19,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-20 20,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-21 21,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-22 22,จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ ที่ meb เด็กดี ปิ่นโต ARN)-23 23

เนื้อหา

14 14

ตอนบ่ายวันนั้น จิงเซียวได้รับโทรศัพท์ เชิญให้เขาไปรักษาคนไข้บางคน แต่เขาปฏิเสธไป 

แต่ในอีก 2-3 ชั่วโมงต่อมา ก็มีรถเบนท์เลย์สีดำคันใหญ่มาจอดอยู่หน้าบ้าน คนขับรถรีบวิ่งลงมาเปิดประตูหลัง โดยมีชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานก้าวออกมาจากรถ และกดกริ่งหน้าบ้านของจิงเซียว

 เมื่อแม่บ้านเดินมาเปิดประตู ก็พบชายวัยกลางคนหน้าตาดี อายุประมาณ 35 ปี เขาบอกเธอว่า เขาเป็นหลานชายของจิงเซียว ชื่อ จิงเฉิงอู่ และอยากจะมาพบกับคุณอาจิงเซียว 

แม่บ้านจึงพาเขาเดินเข้าไปในห้องหลังบ้าน ซึ่งจิงเซียว ลั่วเยี่ยนและจิงซิงอี้นั่งทำงานอยู่  จิงเฉิงอู่ทักทายจิงเซียว

จิงเซียวพาจิงเฉิงอู่ออกไปคุยที่ห้องรับแขก หลังจากนั้นอีกสักพัก ลั่วเยี่ยนได้ยินเสียงเปิดปิดประตูหน้าบ้าน และเสียงรถขับออกไป 

จิงเซียวเดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาพูดกับจิงซิงอี้และลั่วเยี่ยนว่า เขาจะต้องเดินทางไปปักกิ่ง เพื่อรักษาอาการของพี่ชาย และต้องใช้เวลาหลายวัน เขาจึงถามจิงซิงอี้ว่า อยากจะไปด้วยหรือไม่ เด็กชายขมวดคิ้วและถามว่า   “คุณตาคนนั้นเหรอครับ”

จิงเซียวพยักหน้า จิงซิงอี้ส่ายหน้าทันที  “ไม่ไป ผมไม่ชอบบ้านนั้น!”

เมื่อจิงเซียวถามว่าเขาจะอยู่คนเดียวได้อย่างไร จิงซิงอี้ตอบทันทีว่า เขาอยู่คนเดียวได้ จิงเซียวรู้จักนิสัยดื้อของหลานชายดี เขาจึงจะให้แม่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อน และในวันที่ไปโรงเรียนก็จะให้คนขับรถมารับส่งตามปกติ

ลั่วเยี่ยนซึ่งนั่งฟังอยู่ก็พูดขึ้นมาว่า “ผมมาอยู่เป็นเพื่อนให้มั้ยครับ ผมไปทำงานตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืน ถ้าไม่ต้องเข้าเวร ก็อยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวอี้ได้”

“เจ้าว่ายังไง” จิงเซียวถามความเห็นจิงซิงอี้ 

เด็กชายพยักหน้าตกลง จิงเซียวหัวเราะและลูบหัวเด็กชายเบาๆ 

จิงเซียวบอกกับลั่วเยี่ยนในตอนเย็นว่า ปกติแล้ว จิงซิงอี้ไม่เคยยอมอยู่กับใคร เขาเลือกจะอยู่คนเดียวกับแม่บ้าน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมอยู่กับคนอื่น

เมื่อจิงเซียวเดินทางไปปักกิ่ง ลั่วเยี่ยนจึงย้ายมาอยู่กับจิงซิงอี้ เขาคอยดูแลเด็กน้อย พาไปเที่ยวและกินอาหารข้างนอกเมื่อมีเวลา ในขณะที่จิงเซียวก็จะคอยโทรศัพท์มาสอบถามเสมอ

ในระหว่างนี้ จิงซิงอี้รับผิดชอบงานของตัวเองโดยไม่บิดพลิ้ว นอกจากจะทำการบ้านที่คุณครูสั่งแล้ว เขายังทำงานที่จิงเซียวมอบหมายเอาไว้ด้วย  บางครั้งเมื่อเขาไม่เข้าใจการบ้าน ลั่วเยี่ยนก็จะคอยอธิบายให้ฟัง

วันหนึ่ง ลั่วเยี่ยนได้รับโทรศัพท์จากที่บ้าน คุณปู่ของเขาโทรมาชวนไปกินอาหารเย็นที่บ้านในวันเสาร์ ลั่วเยี่ยนจึงคิดจะพาจิงซิงอี้ไปที่บ้านด้วย

เมื่อเลิกงานกลับมาบ้าน ลั่วเยี่ยนจึงถามจิงซิงอี้ว่า เด็กชายอยากจะไปบ้านของเขาหรือไม่ เด็กชายนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะพยักหน้าตกลง 

ในเย็นวันเสาร์ หลังจากลั่วเยี่ยนกลับมาจากทำงาน  เขาก็มารับจิงซิงอี้ และขับรถพาไปบ้านซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของเมือง

พวกเขาขับรถมาถึงหมู่บ้านเก่าแก่แห่งหนึ่ง ที่มีความร่มรื่นและสิ่งแวดล้อมเงียบสงบ หมู่บ้านนี้เป็นที่อยู่อาศัยของข้าราชการและนักการเมืองที่เกษียณแล้วหลายคน  

ลั่วเยี่ยนขับรถไปที่วิลล่าสองชั้นหลังหนึ่ง ซึ่งมีสนามหน้าบ้านตกแต่งอย่างสวยงามประณีต ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูให้ เขาคือพ่อบ้านที่ดูแลวิลล่าหลังนี้ 

เมื่อรถจอดเรียบร้อยแล้ว ลั่วเยี่ยนก็พาจิงซิงอี้เดินเข้าไปที่ในห้องรับแขก พวกเขาพบคุณปู่ของลั่วเยี่ยน ซึ่งมีหน้าตาใจดี อายุประมาณ 70 ปี นั่งดูโทรทัศน์อยู่ ในขณะที่คุณย่าของลั่วเยี่ยนกำลังเตรียมอาหารอยู่กับแม่ครัวในครัว 

ลั่วเยี่ยนพาจิงซิงอี้ไปแนะนำตัว คุณปู่ลั่วชอบเด็กชายเป็นอย่างมาก ถึงแม้จิงซิงอี้จะค่อนข้างเงียบขรึมแตกต่างจากเด็กทั่วไป แต่ความเฉลียวฉลาดและความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ทำให้คุณปู่ลั่วรู้สึกเอ็นดูเขามาก

เช่นเดียวกับคุณย่าลั่วที่รีบยกขนมมาให้เด็กน้อยกิน เพราะกลัวว่าเขาจะรอกินข้าวเย็นไม่ไหว แต่จิงซิงอี้กลับปฏิเสธ และพูดด้วยท่าทางที่เหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อยว่า คุณตาจิงเซียวไม่ให้กินขนมก่อนกินข้าว ทุกคนหัวเราะออกมา ลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะลูบหัวเด็กชายด้วยความเอ็นดู 

เย็นนั้น พวกเขากินอาหารเย็นท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น เมื่ออิ่มแล้ว ก็ย้ายไปนั่งที่ห้องรับแขกเพื่อดูโทรทัศน์และจิบชา ในระหว่างนั้น คุณปู่ลั่วก็พูดขึ้นมาว่า 

“เสี่ยวเยี่ยน พ่อของหลานโทรมาหาปู่เมื่อวาน”

ลั่วเยี่ยนหันขวับ ในขณะที่คุณปู่ลั่วยังพูดต่อด้วยเสียงเรียบๆ ว่า 

“เขาอยากรู้ว่า สิ้นปีนี้ หลานจะกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลของเขาได้รึยัง”

ลั่วเยี่ยนหัวเราะหึหึ  ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขบขันว่า “แล้วลูกชายของเขากับภรรยาคนใหม่จะยอมเหรอครับ”

คุณปู่ลั่วเงียบไป ก่อนจะพูดว่า

“หลานตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน แล้วค่อยบอกปู่อีกที ถึงไม่ไปทำงานที่นั่น หลานก็มีงานทำอยู่แล้ว”

จิงซิงอี้ซึ่งนั่งฟังอยู่เงียบๆ มองหน้าลั่วเยี่ยนด้วยความอยากรู้ว่า ชายหนุ่มจะตอบรับหรือไม่ ลั่วเยี่ยนยิ้มให้เด็กชายและตอบคุณปู่ลั่วว่า

“ตอนนี้ผมกำลังเรียนวิชาแพทย์แผนจีนกับคุณหมอจิงเซียว คุณตาของเสี่ยวอี้ ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่ได้เป็นลูกศิษย์ แต่คุณหมอจิงก็ให้โอกาสผมได้เรียนรู้  ผมเองก็มีแผนจะเรียนต่อเฉพาะด้านด้วย คงไม่มีเวลาไปทำงานที่โรงพยาบาลของพ่อหรอกครับ” 

พ่อของลั่วเยี่ยนเป็นหมอแผนปัจจุบัน เขายังเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนในเซี่ยงไฮ้ ส่วนแม่ของลั่วเยี่ยนเสียชีวิตไปเมื่อตอนที่ลั่วเยี่ยนอายุได้ 5-6 ปี พ่อของลั่วเยี่ยนจึงแต่งงานใหม่กับลูกสาวนักธุรกิจ และมีลูกชายกับภรรยาใหม่

สองแม่ลูกคอยขัดขวางไม่ให้ลั่วเยี่ยนมีส่วนร่วมกับโรงพยาบาล เพราะกลัวว่าเขาจะได้เป็นผู้สืบทอดกิจการ ในขณะที่พ่อของลั่วเยี่ยนก็ใช้เวลาไปกับการทำงานหาเงินและอยู่กับครอบครัวใหม่

เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น คุณปู่ลั่วก็บอกให้เขาทำในสิ่งที่ต้องการ จากนั้นก็พูดกับจิงซิงอี้ว่า

“ปู่เคยได้ยินชื่อคุณหมอจิงเซียวตอนไปปักกิ่งนะ น่าจะมาจากตระกูลจิงที่ปักกิ่ง เสี่ยวอี้ก็มาจากปักกิ่งด้วยหรือ”

เด็กชายส่ายหน้าปฏิเสธ และไม่พูดอะไรต่อ คุณปู่ลั่วมองหน้าลั่วเยี่ยนเหมือนจะถาม แต่ชายหนุ่มส่ายหน้าว่าไม่รู้เหมือนกัน ชายชราจึงหันมาพูดกับจิงซิงอี้ต่อว่า

“เสี่ยวอี้มีคุณตาเก่งขนาดนี้ คุณตาได้สอนอะไรบ้างมั้ย”

ชายชราไม่ได้คิดว่าจิงซิงอี้จะมีความรู้ทางการแพทย์อะไร แต่เด็กน้อยกลับจ้องมองคุณปู่ลั่วด้วยดวงตาสีน้ำตาลเข้ม เขาอ่านสีหน้าและท่าทางของคุณปู่อย่างตั้งใจ 

เขาขอให้ชายชราแลบลิ้น จากนั้นก็คว้ามือของชายชราไปจับชีพจร คุณปู่ลั่วทำหน้าหัวเราะ แต่ก็ยอมให้เด็กน้อยทำตามใจ แต่ลั่วเยี่ยนรู้ว่าเด็กชายกำลังตรวจร่างกายของคุณปู่ลั่วอยู่จริง

เมื่อจับชีพจรได้สักพัก จิงซิงอี้ปล่อยมือ เขามองคุณปู่ลั่ว และพูดช้าๆ อย่างมั่นใจว่า “คุณปู่น่าจะเป็นเบาหวาน”

ชายชราตกใจ เขาสบตากับลั่วเยี่ยน ในขณะที่ชายหนุ่มขมวดคิ้วและถามจิงซิงอี้ทันที จิงซิงอี้อธิบายว่า

“เพราะลิ้นคุณปู่มีสีแดงแห้ง ผิวหนังแห้ง ชีพจรตึงและเต้นเร็ว และกระหายน้ำบ่อย เห็นได้จากการจิบชาหลายถ้วย” 

จากนั้น เด็กชายก็ถามว่า “ช่วงนี้คุณปู่ปัสสาวะบ่อยใช่มั้ยครับ นอนไม่ค่อยหลับ ปวดเมื่อยแถวเอว บางทีก็เวียนหัว”

ทั้งคุณปู่และคุณย่าลั่วที่เดินกลับมาจากครัว เริ่มมีสีหน้ากังวลใจ ชายชราพยักหน้า และหันไปถามลั่วเยี่ยนว่า นี่มันอะไรกันแน่ 

ลั่วเยี่ยนซักถามอาการของคุณปู่ เขาคิดว่าชายชราน่าจะเป็นเบาหวานจริง เขาจึงบอกคุณปู่ว่า พรุ่งนี้เช้าเขาจะมาพาคุณปู่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียด

ลั่วเยี่ยนซึ่งกำลังเรียนแพทย์แผนจีนก็ถามจิงซิงอี้ว่า อาการนี้เกิดจากอะไร เด็กชายตอบอย่างไม่แน่ใจว่า อาจจะเป็นทั้งอินและหยางพร่อง แต่เขาก็ไม่แน่ใจ ต้องให้คุณตาจิงเซียวตรวจอีกที 

ลั่วเยี่ยนบอกคุณปู่ว่า ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะอาการยังอยู่ในขั้นต้น

ในระหว่างนั้น คุณย่าก็ถามเด็กน้อยซึ่งกำลังกินขนมว่า อยากขอให้จิงซิงอี้ช่วยดูหน่อยว่า เธอเป็นอะไรหรือไม่ 

เด็กชายจึงสอบถามอาการและจับชีพจรของคุณย่าลั่ว จากนั้นก็ตอบว่า น่าจะชี่พร่อง เพราะกล้ามเนื้อเริ่มเหลว ลิ้นซีดใหญ่ ขอบลิ้นมีรอยฟัน  เมื่อคุณย่าถามว่าต้องรักษาอย่างไรบ้าง

ลั่วเยี่ยนจึงช่วยตอบแทนว่า ให้กินพวกข้าวซ้อมมือ พุทราจีน น้ำผึ้ง และนอนหลับให้เพียงพอ ซึ่งจิงซิงอี้ก็พยักหน้าเห็นด้วย 

เด็กชายพูดต่อว่า ถ้าอาการไม่ดีขึ้น อาจจะกินยาจีนและฝังเข็มได้ ซึ่งต้องให้แพทย์จีนที่มีความรู้รักษาให้ เพราะทั้งจิงซิงอี้และลั่วเยี่ยนยังไม่มีความรู้ถึงระดับนั้น 

ทั้งคุณปู่และคุณย่าลั่วอยากจะขอให้จิงเซียวรักษาให้ แต่น่าเสียดายที่เขาไปปักกิ่ง จึงต้องรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันแทน และเมื่อจิงเซียวกลับมา เขาก็ช่วยรักษาอาการของคุณปู่กับคุณย่าลั่วให้

เหตุการณ์ในวันนั้น เป็นอีกตัวกระตุ้นหนึ่ง ที่ทำให้ลั่วเยี่ยนเสียใจ ที่เขาไม่สามารถสังเกตเห็นอาการของคุณปู่และคุณย่าได้ก่อน แต่กลับเป็นจิงซิงอี้เด็กน้อยอายุ 6 ขวบ ที่สามารถใช้ความรู้ด้านแพทย์จีนตรวจพบโรคก่อน 

ลั่วเยี่ยนรู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่เก่งพอ เขาจึงตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใหม่ และจะขอให้จิงเซียวรับเขาเป็นลูกศิษย์ให้ได้ 

ในระหว่างที่ขับรถไปส่งจิงซิงอี้ที่บ้านนั้น เด็กชายสังเกตเห็นว่าลั่วเยี่ยนดูเงียบๆ ไป เมื่อมาถึงบ้าน ก่อนที่จะลงจากรถไป จิงซิงอี้ก็พูดขึ้นมาว่า

“คุณตาเคยบอกว่า ถ้าเรารู้ว่าเราไม่เก่ง เราก็ต้องตั้งใจเรียนให้มากขึ้น แต่หมอก็ไม่ใช่เทวดา เรารักษาชีวิตของทุกคนไม่ได้ ถึงรักษาได้ วันหนึ่งทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี เราทำหน้าที่ของหมอได้แค่นี้ล่ะ” 

ลั่วเยี่ยนตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่จิงซิงอี้พูดออกมา เด็กน้อยมองหน้าเขาด้วยแววตาไร้เดียงสา เขารู้ว่าเด็กชายต้องการจะปลอบใจเขา ลั่วเยี่ยนหัวเราะออกมาเบาๆ เขาลูบหัวเด็กน้อยและพูดว่า

“ขอบใจนะเสี่ยวอี้ พี่จะจำคำของนายเอาไว้นะ”