จิงซิงอี้ แพทย์จีนจบใหม่ กลับมาเปิดคลินิกรักษาโรคที่หมู่บ้านกับคุณตาที่เลี้ยงดูเขามา เขารักษาคนไข้ที่อยู่ห่างไกล ทำธุรกิจสมุนไพร ทำแหล่งท่องเที่ยว และค้นหาความลับจากชาติกำเนิดที่เป็นปริศนาของตัวเอง เนื้อหาครึ่งแรกอยู่ในยุคปัจจุบัน ครึ่งหลังย้อนยุคไปราชวงศ์ซ่งเหนือ
ผจญภัย,แฟนตาซี,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,จีน,จีนปัจจุบัน,แพทย์แผนจีน,พระเอกเป็นหมอจีน,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,พระเอกหล่อ,จิงซิงอี้,จิงซิงอี้แพทย์จีน2ยุค,ทำธุรกิจสมุนไพร,รักษาโรค,ทำสมุนไพรขาย,พบกับเปาบุ้นจิ้น,พบกับจั่นเจา,พระเอกซึนเดเระ,ผจญภัย,อบอุ่นหัวใจ,อบอุ่น,จบดี ,พระเอกอยู่กับคุณตา,ช่วยราชสำนักแก้ไขคดี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จิงซิงอี้ แพทย์จีน 2 ยุค (มี E-book ครบ 4 เล่มจบ)จิงซิงอี้ แพทย์จีนจบใหม่ กลับมาเปิดคลินิกรักษาโรคที่หมู่บ้านกับคุณตาที่เลี้ยงดูเขามา เขารักษาคนไข้ที่อยู่ห่างไกล ทำธุรกิจสมุนไพร ทำแหล่งท่องเที่ยว และค้นหาความลับจากชาติกำเนิดที่เป็นปริศนาของตัวเอง เนื้อหาครึ่งแรกอยู่ในยุคปัจจุบัน ครึ่งหลังย้อนยุคไปราชวงศ์ซ่งเหนือ
จิงซิงอี้เป็นแพทย์แผนจีนจบใหม่ ที่เก่งและมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัย แต่เขาตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านนอกในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งกับคุณตาของเขาที่เป็นแพทย์จีนที่มีชื่อเสียงเช่นกัน
จิงซิงอี้เริ่มต้นชีวิตที่นี่ด้วยการเปิดคลินิกขนาดเล็ก และทำทุกอย่างเอง เพื่อให้ชาวบ้านรู้จักและยอมรับ เขาไปรักษาฟรีตามสถานที่ต่างๆ และสืบสานธุรกิจสมุนไพรจากคุณตาจิงเซียว
ที่นี่ เขาไม่เพียงแต่ทำธุรกิจให้เลี้ยงตัวเองได้ เขายังสืบสานเจตนารมณ์ในการสร้างสำนักแพทย์ฉางซานตามที่คุณตาต้องการ และยังช่วยเหลือคนในหมู่บ้านให้มีรายได้เลี้ยงตัวเองไปด้วยกัน
ในแต่ละวันจะมีเคสคนไข้ที่ป่วยกด้วยโรคต่างๆแวะเวียนมาให้เขารักษา บางครั้งเขารักษาคน บางครั้งรักษาสัตว์ป่าบาดเจ็บ และบางครั้งยังช่วยทางการสืบคดีและชันสูตรศพที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาพิษจากสมุนไพร!
สิ่งที่เป็นความลับของเขามาตลอด คือ จิงเซียวช่วยเหลือเขา และเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก ปริศนาชาติกำเนิดนี้ทำให้เขาได้ย้อนยุคกลับไปอยู่สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ และได้พบกับคนดังในตำนานทั้งเปาบุ้นจิ้น กงซุนเช่อ และแมวหลวงจั่นเจา
ปริศนาชีวิตของเขาและจิงเซียวได้รับการเปิดเผยจากการผจญภัยในตอนนี้นี่เอง!!!
**เล่ม 1 และ 2 ยังอยู่ในยุคปัจจุบัน และเล่ม 3 และ 4 ย้อนยุคไปราชวงศ์ซ่งเหนือ**
สวี่เหรินเจี๋ยตกใจ และหัวหน้าซึ่งนั่งฟังอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจทันที จิงซิงอี้อธิบายพร้อมกับอ่านรายงานผลตัวยาในห้องแล็บ
“ปกติการได้รับพิษ เรามักจะคิดว่า อาจจะมีใครใส่ตัวยาที่เป็นอันตรายลงไป และบางครั้งจะพบได้จากร่างกายและจากยาที่เหลือ
แต่ในกรณีนี้ เป็นการใช้สมุนไพรรักษาโรค ที่สั่งโดยหมอจีนที่น่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องหรือผลประโยชน์ได้เสียกับผู้ตาย ตัวยาที่ใช้จึงปกติ ไม่มีความแตกต่างอะไร ถ้าดูด้วยตาเปล่าก็คงไม่พบความผิดปกติ
แต่เมื่อมีการวิเคราะห์ด้วยเครื่อง จะพบปริมาณของยา และที่ฉันเห็นจากผลวิเคราะห์ในห้องแล็บคือ ตัวยาที่ทำช่วยระบายเลือด ซึ่งเป็นตัวยาหนึ่งของตำรับยานี้ แต่ผลกลับพบว่า มีการใส่มากเกินไป จนส่งผลให้หัวใจทำงานหนักมาก เพราะหัวใจเต้นเร็ว”
จากนั้น หมอหนุ่มก็อธิบายแบบแพทย์ปัจจุบันว่า “ภาวะหัวใจเต้นเร็ว หรือ Tachycardia คืออาการที่หัวใจเต้นเร็วเกิน 100 ครั้งต่อนาที ทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมาก ซึ่งบางคนเป็นตั้งแต่เกิด บางคนก็เป็นตอนโต และการที่หัวใจเต้นแรงเร็วผิดปกติ ผิดจังหวะ หมายความว่าเกิดความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในหัวใจ บางครั้งเกิดที่หัวใจห้องล่าง ทำให้เลือดไม่สามารถสูบฉีดได้ทั่วร่างกาย บางครั้งคลื่นไฟฟ้าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ
สำหรับอาการของผู้ตาย ต้องเช็คว่า ก่อนหน้านี้เป็นโรคหัวใจมาก่อนหรือไม่ มีความผิดปกติอะไร หรือถ้าไม่เคยมีอาการอะไรเลย ก็เป็นไปได้ว่าการกินยาตำรับนี้ ทำให้หัวใจเกิดปัญหาได้”
สวี่เหรินเจี๋ยจดข้อมูลที่เขาได้ยินจากจิงซิงอี้ไม่หยุดมือ จากนั้นเขาก็หันไปสั่งให้คนอื่นที่นั่งห่างๆ ออกไป รีบสืบข้อมูลนี้ ในขณะที่หัวหน้าของสวี่เหรินเจี๋ยที่นั่งฟังก็ถามขึ้นมาว่า “คุณหมอคิดว่า เป็นความผิดพลาดของหมอจีนที่สั่งยามั้ยครับ”
จิงซิงอี้ส่ายหน้าไม่แน่ใจ และตอบว่า “ผมไม่ทราบจริงๆ ตอนนี้ที่ผมสงสัย คือ ถ้าความผิดพลาดนี้เกิดจากหมอจีน ก็แปลว่าการทำงานของเขามีปัญหา และสาเหตุจะมาจากอะไร ก็ต้องให้ทางพวกคุณสอบสวน และยังมีความเป็นไปได้อื่นๆอีก
ตัวอย่างเช่น ใครเป็นคนเตรียมยาให้ ต้องดูว่าทำไมเขาถึงใส่ยาบางอย่างมากจนเกิดอันตราย เป็นเพราะไม่รู้ หรือเพราะมีแรงจูงใจอะไร แล้วทำไมถึงมีความรู้เรื่องนี้ และไปเอายานี้มาจากไหน
และสุดท้าย ต้องดูด้วยว่า คนตายซื้อยาเองและต้มยาเองตลอดด้วยหรือไม่ ถ้าทำเองตลอด ก็มีความเป็นไปได้ว่า มีความผิดพลาดตั้งแต่แรกจากหมอจีน หรือมีบางคนแอบใส่ยาเพิ่มโดยที่ผู้ตายไม่รู้ตัว
คุณต้องไม่ลืมอย่างหนึ่งว่า ผู้ตายใช้เวลาในการกินยานี้นานนับเดือน เท่ากับว่า อาการของเขาค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ถ้าเป็นการฆาตกรรม คนทำก็ต้องใจเย็นและวางแผนมาดี รวมไปถึงรู้จักผู้ตายดีจนรู้ข้อมูลสุขภาพของผู้ตาย และผู้ตายก็ไว้วางใจจนสามารถต้มยาให้ผู้ตายได้ด้วย”
สวี่เหรินเจี๋ยและตำรวจคนอื่นนิ่งไป จากนั้นพวกเขาก็เริ่มปรึกษากัน โดยมีจิงซิงอี้ให้แนะนำเกี่ยวกับยาเป็นระยะ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย พวกเขาก็พร้อมที่จะออกไปสืบสวนแล้ว
สวี่เหรินเจี๋ย หัวหน้าของเขา และคนอื่น ต่างก็ขอบคุณจิงซิงอี้อย่างจริงใจ และจบการประชุมออนไลน์เพียงเท่านี้
หลังจากนั้น เวลาก็ผ่านไปอีกเกือบเดือน สวี่เหรินเจี๋ยแวะมาหาเขาที่คลินิก และเล่าผลการสอบสวนและผลสรุปคดีให้จิงซิงอี้ฟังว่า หมอจีนที่สั่งยาไม่ได้มีความผิดอะไร แต่มีการเปลี่ยนยาของผู้ตายจริง ซึ่งคนที่เปลี่ยนยา คือ น้องชายของผู้ตาย ซึ่งในวันเกิดเหตุเขาไม่อยู่บ้าน
จากการสอบสวนพบว่า เขาเป็นคนอาสาไปซื้อยาให้พี่ชายและเพิ่มปริมาณยาบางอย่างลงไป สำหรับสาเหตุนั้น เป็นเพราะเขาต้องการได้มรดกซึ่งเป็นบ้านหลังปัจจุบัน เพราะน้องชายของผู้ตายลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อนและขาดทุน เขาจึงนำบ้านของตัวเองไปจำนองเพื่อลงทุนกับเงินดิจิทัล แต่โชคร้ายที่ประเทศจีนมีนโยบายเข้มงวดด้านการลงทุนบิทคอยน์ ทำให้เขาขาดทุนหนัก จนต้องคอยหลบหนีหนี้
เมื่อไม่มีทางไป เขาจึงอยากจะได้บ้านของพี่ชายมาลงทุนอีกครั้ง จนนำมาสู่การฆาตกรรมดังกล่าว เพราะภรรยากับผู้ตายไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และพวกเขาก็ไม่มีลูกด้วย ถ้าพี่ชายตาย บ้านและทรัพย์สินอื่นก็มีสิทธิ์จะตกเป็นของน้องชาย
สวี่เหรินเจี๋ยกล่าวตอนท้ายว่า อีกไม่กี่วัน สื่อคงจะประโคมข่าวการจับกุมนี้ เขาจึงมาถามจิงซิงอี้ว่า อยากจะให้เปิดเผยชื่อตอนสัมภาษณ์หรือไม่ เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ชอบอยู่เงียบๆ มาตั้งแต่เด็ก
แต่ครั้งนี้สวี่เหรินเจี๋ยก็ต้องเดาผิด เพราะจิงซิงอี้บอกให้เขาเปิดเผยชื่อได้ ทำให้สวี่เหรินเจี๋ยต้องถามด้วยความประหลาดใจว่าทำไม จิงซิงอี้จึงพูดว่า ตอนนี้ เขาต้องการจะสร้างชื่อเสียงให้กับคลินิก เพราะไม่อยากจะปล่อยให้คลินิกนี้ต้องปิดตัวลงไป
อีกวันต่อมา จิงซิงอี้มีนัดกับเฉินหานอวี้ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนาสมุนไพรของบริษัทใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออก ในช่วงสาย เฉินหานอวี้เดินทางมาพร้อมกับพนักงานอีก 2 คน คนหนึ่งเป็นนักวิจัยที่มีความรู้ด้านธรณีวิทยา อีกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกสมุนไพร พวกเขาทักทายกัน และเริ่มต้นสำรวจพื้นที่ปลูกซึ่งเป็นบริเวณหลังบ้านของเขา และบนเขาบางส่วน
ก่อนหน้านั้น ประมาณ 4-5 วันที่ผ่านมา หวังคุน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะกรรมการประชาชนและผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งจิงซิงอี้ได้ติดต่อขออนุมัติการเช่าที่ดินเพื่อปลูกสมุนไพร ได้แจ้งข่าวดีกับเขาว่า ทางคณะกรรมการในระดับหมู่บ้านและในระดับตำบล อนุมัติโครงการของเขาอย่างไม่เป็นทางการแล้ว และกำลังรอจดหมายอนุมัติอย่างเป็นทางการให้ส่งกลับมา ตอนนี้จิงซิงอี้สามารถวางใจได้แล้วว่า เขาจะได้รับการอนุมัติให้ปลูกสมุนไพรในพื้นที่ที่เขาต้องการ
และในวันนี้ เขาและทีมของเฉินหานอวี้จะไปสำรวจดูพื้นที่ที่คาดการณ์ไว้ และถ้ามีปัญหาก็จะสำรวจพื้นที่อื่นใกล้เคียงเอาไว้ด้วย ซึ่งหวังคุนบอกว่า ขอให้จิงซิงอี้แจ้งมา ทางคณะกรรมการพร้อมจะอนุมัติ เพราะพวกเขาต้องการสร้างงานและรายได้ให้กับชุมชน ให้คนหนุ่มสาวกลับมามีงานทำอยู่ที่นี่ และดึงดูดนักท่องเที่ยวกับนักลงทุนต่างถิ่นด้วย
เฉินหานอวี้มีอายุประมาณ 50 ปีกว่า ผมยาวประบ่าและมีสีเทาแซมไปทั้งหัว เขาดูร่าเริงมีพลังและไม่ใส่ใจกับกฎเกณฑ์และข้อจำกัดมากนัก ซึ่งขัดกับนิสัยของนักวิจัยส่วนใหญ่ที่เน้นรายละเอียด
เมื่อเขาได้พบและพูดคุยกับจิงซิงอี้ เขารู้สึกประทับใจในตัวหมอหนุ่มมาก ไม่เพียงแต่บุคลิกหน้าตาภายนอกที่ทำให้ใครๆ ก็ชอบ แต่เขายังประทับใจความรู้ความสามารถด้านสมุนไพรที่ล้ำลึก ทั้งจากการเรียนจากมหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดัง และที่เรียนรู้มาจากปรมาจารย์อย่างจิงเซียว และประสบการณ์ด้านแพทย์และสมุนไพรที่หมอหนุ่มเรียนรู้เองมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงกระตือรือล้นที่จะช่วยจิงซิงอี้อย่างมาก
พวกเขาเตรียมพร้อมออกสำรวจไปบนพื้นที่บนภูเขา ทั้งน้ำ อาหาร และอุปกรณ์ต่างๆ จางเซี่ยที่รู้ข่าวก็ขอตามมาด้วย จิงซิงอี้ตรวจเช็คร่างกายของเด็หนุ่ม และพบว่าหัวใจของเขาแข็งแรงขึ้นมาก แต่เขาก็เตือนเด็กหนุ่มว่า ถ้ารู้สึกไม่สบายต้องหยุดทันที จางเซี่ยดีใจที่จิงซิงอี้ไว้ใจเขา เพราะบางคนอาจจะปิดบังข้อมูลทางธุรกิจ แต่จิงซิงอี้กลับพูดตรงๆว่า
“เผื่อฉันจะขอให้นายกับพ่อมาร่วมลงทุนด้วย ก็เลยยอมให้นายไป”
จางเซี่ยหัวเราะและกล่าวขอบคุณเขา เด็กหนุ่มคิดในใจว่า เขาอาจจะเอาเงินเก็บส่วนตัวมาลงทุนด้วย เพราะเขาชอบจิงซิงอี้ และเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะไปได้ด้วยดี
ทีมสำรวจเริ่มต้นออกเดินทางไปบนเขา พวกเขาใช้ไม้เท้าช่วยเดิน และยังใช้เป็นอาวุธด้วย และพวกเขายังเตรียมอาวุธป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายไปด้วย ครั้งนี้พวกเขาจะเดินลึกขึ้นไป เพื่อหาพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกสมุนไพรจริงๆ
ในระหว่างการเดินสำรวจ บางครั้งพวกเขาก็พบสมุนไพรที่น่าสนใจ และช่วยกันปรึกษาเรื่องวิธีการปลูก และบางครั้งก็เก็บเอาตัวอย่างไปด้วย พวกเขาพบพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม ที่อยู่สูงขึ้นไป เหมาะสมกับการปลูกสมุนไพรประเภทหัวที่ต้องการความชื้นเย็นสูง
และเมื่อลงมายังพื้นที่ราบแล้ว สภาพดินฟ้าอากาศบริเวณนี้ก็มีความเหมาะสมจะปลูกสมุนไพรหลายประเภทเช่นกัน จิงซิงอี้ตัดสินใจจะเช่าพื้นที่หลังบ้านของเขาเพิ่มออกไป เพื่อปลูกสมุนไพรประเภทใบเป็นหลัก
พวกเขายังคิดจะทำโรงเรือนที่สามารถควบคุมอากาศและน้ำได้ เพราะมีสมุนไพรหายากหลายชนิดที่จิงเซียวพบจากการเดินทางไปทั่วประเทศ ชายชราได้เก็บทั้งเมล็ด ทั้งราก และหัวของสมุนไพรเหล่านี้เอาไว้เป็นอย่างดี และเขายังมีแหล่งที่จะหาพันธุ์มาปลูก แต่จะรอดและเจริญเติบโตได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเทคนิคด้วย ซึ่งจิงเซียวมีภูมิรู้ตรงนี้อยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่กังวล
สำหรับสมุนไพรทั่วไปนั้น จิงซิงอี้ก็วางแผนที่จะปลูกด้วย เขาสามารถทำให้สมุนไพรธรรมดา มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่อื่นๆ ได้ด้วยวิธีการปลูกและการเผาจื้อแบบพิเศษ
เมื่อลงมาจากเขาในช่วงบ่ายแก่ๆแล้ว เฉินหานอวี้พูดกับจิงซิงอี้อย่างจริงจังว่า
“คุณหมอจิง ถ้าได้ผลผลิตแล้ว สนใจจะส่งสมุนไพรมาขายกับเรามั้ยครับ คุณหมอบอกข้อเสนอมาได้เลยนะ”
จิงซิงอี้พยักหน้าและพูดว่า “สนใจครับ แต่รายละเอียดผมต้องขอปรึกษากับคุณตาก่อน แต่ในระยะสั้นนี้ ผมจะส่งสมุนไพรที่แปรรูปแล้วไปให้คุณขายก่อนนะครับ ส่วนสมุนไพรหายากที่ต้องใช้กรรมวิธี ต้องรอคุณตาครับ”
เฉินหานอวี้ยินดี เขายังแนะนำต่อว่า “ควรจะเริ่มหาคนที่ไว้ใจมาเริ่มงานได้แล้ว ผมจะแนะนำบริษัทที่เก่งเรื่องก่อสร้างโรงเรือนกับโรงงานแปรรูปสมุนไพรให้”
ชายหนุ่มคิดสักพัก แล้วก็พูดว่า “ตอนนี้ ผมจะขอรบกวนเรื่องการหาคนที่มีประสบการณ์มาช่วยก่อนได้มั้ยครับ ชาวบ้านที่นี่ช่วยได้แค่แรงงานแล้วก็การปลูก การเก็บสมุนไพร ต้องมีการฝึกอบรมด้วย”
เฉินหานอวี้รับปาก ในขณะที่จางเซี่ยซึ่งนั่งพักและกินขนมอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาว่า
“ผมจะขอให้พ่อช่วยหาคนให้ด้วยนะครับ พ่อมีเพื่อนที่ทำธุรกิจการเกษตรอยู่”
จิงซิงอี้หันไปขอบใจเด็กหนุ่ม พวกเขาเริ่มต้นปรึกษากันคร่าวๆว่า จะใช้พื้นที่ตรงไหนปลูกอะไรบ้าง และแต่ละประเภทของสมุนไพรจะใช้ระบบและวิธีการปลูกอย่างไร
ชายหนุ่มสนใจการสร้างโรงแปรรูปสมุนไพรเอง เพราะเขาไม่ต้องการจะให้ความลับในการทำสมุนไพรหลุดออกไปยังบริษัทอื่น ซึ่งจะเป็นการทำธุรกิจครบวงจร ตั้งแต่การปลูก แปรรูป ผลิต และส่งขาย ส่วนผลพลอยได้จากการทำธุรกิจนี้ จิงซิงอี้มีภาพร่างเอาไว้ในใจแล้ว เขาจะไม่หยุดอยู่แค่การปลูกสมุนไพรอย่างเดียวแน่นอน
หลังจากนั้นอีกสองสามวัน เมื่อเขาร่างแผนงานคร่าวๆแล้ว เขาจึงไปพบกับหวังคุนอีกครั้ง เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับกฎระเบียบในการตั้งโรงงาน หวังคุนจะหาคำตอบให้คร่าวๆ แต่เขาขอให้จิงซิงอี้ยื่นแผนงานและพิมพ์เขียวโรงงานมาให้คณะกรรมการตรวจสอบและอนุมัติก่อนด้วย
จิงซิงอี้จึงตอบว่า การตั้งโรงงานจะเป็นแผนในระยะสอง เพราะเขาจะต้องปรึกษากับจิงเซียวก่อน และช่วงแรกจะเป็นการปลูกสมุนไพรเป็นหลัก
ดังนั้นในช่วงเวลานี้ นอกจากการรักษาคนไข้ที่เริ่มมีมามากขึ้นทุกวันแล้ว เขายังต้องจัดการเรื่องการปลูกสมุนไพร ซึ่งในตอนนี้ เขาต้องหาคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้งานจางเซี่ย และทำทุกอย่างคนเดียวทั้งหมด