เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

สิงหดาบ - ตอนที่ ๑ คดีฆาตกรรมหมู่บ้านรัตติกาล โดย ปิ่นไทวา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สิงหดาบ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

สิงหดาบ โดย ปิ่นไทวา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

ผู้แต่ง

ปิ่นไทวา

เรื่องย่อ

สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ

สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ

ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน 

ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน

เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน

ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ

ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด

เพราะสมองอันล้ำค่า

 

นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น                 

เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง 

 

TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)

การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก) 

การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)

ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง 

ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)

โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด 

คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส

 

แนะนำตัวละคร นายเอก

 

Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho

ชื่อ : เสือ

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง 

ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย

ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้

Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker

พระเอก 

ชื่อ : เชิง

ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ

ฉายา : พ่อเชิงปากหมา

พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ

 

 

Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_

ชื่อ : กล้า

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์

ถึงเวลาของข้าแล้ว...

 

ชื่อ : มณี

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ

ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน

 

ชื่อ : พวงทอง

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย

ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี

ฉายา : แม่นม

อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า

 

ชื่อ : สิน

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย

ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย

นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ 

อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ

 

ชื่อ : เดื่อ 

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง

นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป

ตำแหน่ง : ความลับ

แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง

 

ชื่อ : สุข

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)

นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย

ข้ากลัว...

 

ชื่อ : จันทร์

อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)

นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด

 

ชื่อ : นิ่มนวล

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา

นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย 

 

ชื่อ : แย้ม 

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด

 

ชื่อ : บังอร

อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ

 

ชื่อ : เดช 

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย

 

ชื่อ : จ้อย

อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ

นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย

ตำแหน่ง : ความลับ

 

ชื่อ : ชาญ

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง

นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว

 

ลำดับพี่น้อง 

พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช

 

คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ

คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี

สารบัญ

สิงหดาบ-ตอนที่ ๑ คดีฆาตกรรมหมู่บ้านรัตติกาล,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒ พระยาธารา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๓ พ่อเสือแปรพักตร์,สิงหดาบ-ตอนที่ ๔ (๑/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๔ (๒/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๕ เชษฐวิรุฬห์ คุณหลวงชาญ...,สิงหดาบ-ตอนที่ ๖ ป่ามนต์ทัช,สิงหดาบ-ตอนที่ ๗ (๑/๒) เผ่ากินคน,สิงหดาบ-ตอนที่ ๗ (๒/๒) เผ่ากินคน,สิงหดาบ-ตอนที่ ๘ (๑/๒) บู้มบู้มตัวน้อยไม่สบาย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๘ (๒/๒) บู้มบู้มตัวน้อยไม่สบาย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๙ (๑/๒) อดีตตรีทิพย์ทิศ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๙ (๒/๒) อดีตตรีทิพย์ทิศ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๐ (๑/๒) กรกาณฑ์ อดีตตรีทิพย์ทิศปรากฎตัว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๐ (๒/๒) กรกาณฑ์ อดีตตรีทิพย์ทิศปรากฎตัว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๑ (๑/๒) ปีศาจโชนผู้ว่องไวลำดับที่สาม,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๑ (๒/๒) ปีศาจโชนผู้ว่องไวลำดับที่สาม,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๒ (๑/๒) สุสานยาพิษใต้น้ำลึก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๒ (๒/๒) สุสานยาพิษใต้น้ำลึก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๓ (๑/๒) ปีศาจปรุงยาพิษและยารักษาอย่างแก้วตา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๓ (๒/๒) ปีศาจปรุงยาพิษและยารักษาอย่างแก้วตา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๔ (๑/๒) พ่อกล้าตัวจริงปรากฎตัวแล้ว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๔ (๒/๒) พ่อกล้าตัวจริงปรากฎตัวแล้ว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๕ (๑/๒) ลูกกล้ากลับบ้านเถิด,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๕ (๒/๒) ลูกกล้ากลับบ้านเถิด,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๖ (๑/๒) ย้อนรอยอดีตของพ่อกล้า,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๖ (๒/๒) ย้อนรอยอดีตของพ่อกล้า,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๗ (๑/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๗ (๒/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๘ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๘ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๙ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๒,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๙ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๒ ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๐ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๐ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๑ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๔,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๑ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๔ ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๒ (๑/๒) ความลับใด ๆ ก็ไม่อาจเก็บไว้ได้ตลอดกาล ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๒ (๒/๒) ความลับใด ๆ ก็ไม่อาจเก็บไว้ได้ตลอดกาล ,สิงหดาบ-แจ้งข่าวสารครั้งที่ ๑ ...

เนื้อหา

ตอนที่ ๑ คดีฆาตกรรมหมู่บ้านรัตติกาล

“เสือ”

“เสือ”

“เสือ” เสียงเรียกชื่อของข้ามันสะท้อนก้องกังวานราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เสียงนั้นมันช่างอบอุ่นดั่งความห่วงใยจากใจจริงของเจ้าของเสียงที่เปล่งออกมา

ปัง ปัง ปัง!!! เสียงปืนสนั่นเจือด้วยเสียงของไอร้อนกรุ่น เสือกวาดสายตาไปตามปลายเสียงที่ดังออกมาเป็นระยะ แลมองผู้คนที่ถูกยิงด้วยลูกปืนขนาดเล็กอยู่ตรงหน้าเสือ เขาคือบุตรชายคนโตของตระกูลสิงหดาบที่เพิ่งครบ ๑๕ ปีไปไม่นานนี้เอง

“พี่กล้า!” เสือในเรือนร่างเด็กอายุ ๑๔ ปี ตะโกนดังลั่นอย่างเต็มเสียง เบื้องลึกของจิตใจเสือมันกำลังครวญครางราวกับว่าข้ากำลังจักเสียพี่ชายที่รักและเคารพนับถือยิ่งกว่าผู้ใด แม้นจักต้องแลกด้วยเลือดเนื้อ เสือก็ยอมที่จักเสียสละไป ลวดหนามแห่งความรวดร้าวทิ่มแทงเข้ามาตรงกลางหัวใจ

“กล้า!!” ผู้เป็นบิดาแห่งตระกูลสิงหดาบเอ่ยชื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนหลังจากถูกยิง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเจือปนไปด้วยกระโหยของน้ำตาผู้เป็นบิดา

“คุณกล้า” บ่าวรับใช้ชายคนสนิทของบิดาแห่งตระกูลสิงหดาบเอ่ยเรียกชื่อลูกชายของคุณท่านด้วยความตกใจและประปรานไม่แพ้คุณท่าน

“พี่กล้า พี่กล้า พี่กล้าอย่าเป็นกระไรไปหนาขอรับ” เสือรีบเข้าไปประคับประครองร่างกายของพี่ชายก่อนจักเอ่ยอย่างเป็นห่วงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เสือร้อนรนจนทำตัวไม่ถูกว่าตนควรจักต้องทำเช่นใดบ้าง เสือแลมองของเหลวสีแดงเข้มข้นอย่างเลือดที่ไหลออกมา เสือพยายามเลื่อนฝ่ามือหนาของตนเองห้ามเลือดไว้

“มันถึงเวลาของพี่แล้วเสือ” บุตรชายคนโตของตระกูลสิงหดาบเอ่ยเผยรอยยิ้มเผล่ไม่ทุกข์ร้อน นิ่งเรียบราวกับยอมรับโชคชะตากรรมที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่วันที่ซินแสทำนายไว้เสียแล้ว

“ไม่นะพี่กล้า ได้โปรดอดทนไว้เถิด ข้าจักพาพี่ไปหาหมอ อดทนไว้นะพี่กล้า ข้าขอร้อง ข้าขอร้อง ข้า...” เสือเอ่ยทั้งที่สะอึกสะอื้นด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง ทั้งยังกลั้นน้ำตาซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงและฝืนเผยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง

ไม่ได้สิพี่ชายข้า พี่กำลังจักเจ็บ ได้โปรดอย่าเพิ่งพูดกระไรออกมา พี่ต้องมีชีวิตรอดอย่างแน่นอน ข้าเชื่อว่าพี่ต้องกลับมาเป็นพี่ชายคนโตที่พวกเราต่างเคารพนับถือมากมายเพียงใด พี่ข้าคือคนที่นำทุกสิ่งทุกอย่างมาสู่ตระกูลสิงหดาบ

“พี่กล้า!!”

“พี่กล้าอย่าเพิ่งตายหนา ข้าขอร้อง”

“พี่กล้า”

“พี่กล้า”

“พี่กล้า”

เสืออายุเพียงสิบเก้าปีนอนสั่นไหวอย่างทุรนทุรายจนสะดุ้งตื่นด้วยความหวาดผวา เสือหายใจรวยรินอยู่พักใหญ่จนกระทั่งกลับมาหายใจจังหวะปกติ หยาดเหงื่อเขาหยดไหลลงสู่กรอบใบหน้าทั้ง ๆ ที่ ใบหน้าของเสือซีดเซียวและตัวเย็นเฉียบ

เสือฝันร้ายเช่นนี้ซ้ำ ๆ มาตลอดห้าปี มิเคยลืมภาพวันนั้นได้ลงเลย พี่ชายที่น่าเคารพนับถือได้จากเสือไปเสียแล้ว ๕ ปีก่อน ตามคำพูดของซินแสเถียนที่เคยบอกข้าไว้ว่าพี่กล้าป็นบุตรชายที่สรวงสวรรค์ส่งลงมาเกิดบนโลกมนุษย์แต่กลับมีเหล่าปรวาณกลุ่มหนึ่งไม่ยินดียินใจกับการเกิดของพี่ พี่ชายข้าเลยต้องจากพวกข้าไปตามที่เหล่าปรวาณปรารถนา

“คุณเสือเจ้าคะ คุณหญิงมะลิใช้ให้บ่าวมาตามเจ้าค่ะ” บ่าวคนสนิทของคุณแม่ข้านั่งรอข้าอยู่ข้างหน้าห้องนอนแล้วตะโกนเรียกข้าจากข้างนอกประตู

“...”

ข้าไม่ได้ตอบกระไรออกไป ได้แต่นิ่งเงียบกับทุกสิ่ง

มันช่างรวดเร็วเหลือเกิน เหมือนทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝัน

ข้าลุกออกจากเตียงและก้าวเท้าออกจากห้องทันที

“นำข้าไปก่อน” เสือพูดด้วยน้ำเสียงเข้มกับบ่าวคนสนิทของคุณแม่ บ่าวของคุณแม่รับคำสั่งจากเสือเสร็จก็รีบเดินไปบอกคุณหญิงมะลิก่อนที่เสือจักหันกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งแล้วพยายามหากระไรบางอย่างติดมือไปด้วย เสือพยายามกระโดดออกทางหน้าต่างแล้วเดินมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่เสือปักฐานไว้ เขาเลือกนอนลงบนแผ่นไม้สักถูกสร้างเป็นที่นั่งใต้ร่มเงาครื้นของต้นไม้ใหญ่อย่างต้นนกยูง เป็นที่พักพิงพักใจของเสือโดยเฉพาะ สายลมหวีดหวิวพาความเย็นสบายพัดผ่านแมกไม้ใหญ่ กลีบดอกนกยูงหลุดร่วงไปตามกระแสลมก่อนจักลงสู่พสุธา เสือผู้คนที่นอนอยู่บนแผ่นไม้สักมองกลีบดอกนกยูงที่ลอยละลิ่วไม่วางตาก่อนจักหลับตาลง

เห้อ เสียงถอนหายใจดังกว่าเสียงฝีเท้าของใครบางคนลั่นออกมา

“คนหนีออกจากบ้านเช่นพี่ข้า มานอนถอนหายใจกระไรกงนี้ฤๅ” น้ำเสียงใสพราวของหญิงสาวที่ก้าวเท้าเข้ามาหาข้าดังจากข้างหลัง เพียงแค่เสียงฝีเท้าของเธอ ข้าก็รู้แล้วว่าผู้ใดกำลังเดินเข้ามาหาข้า เธอคือแม่มณี เธอเป็นน้องสาวของข้าเอง ข้าจึงชันตัวลุกนั่งช้า ๆ อย่างไม่รีบร้อน

“เจ้าล่ะ” ข้าถามทั้งที่รู้คำตอบเรื่องนี้อยู่แล้ว สองพี่น้องนิสัยใจคอเดียวกันแทบไม่ต้องเอ่ยปากก็สามารถรับรู้ข้างในใจกันและกันได้ทันที เธอนั้นเพิ่งรับประทานอาหารเช้ากับคุณพ่อคุณแม่มาก็ถอนหายใจด้วยความหนักใจก่อนจักเอ่ยปากพูด

“คงจักเป็นเรื่องเดียวกันกระมัง” เธอตอบคำถามข้าอย่างเรียบ ๆ พร้อมนั่งลงเคียงข้างข้า

“ข้าฝันร้ายอีกแล้ว” ข้าเอ่ยด้วยความหนักอึ้งภายในใจ

“ฝันถึงพี่กล้าอีกแล้วฤๅ”

“อือ”

“ข้าว่ามีเรื่องที่น่ากังวลกว่าเรื่องพี่กล้าเสียแล้ว โน่น” เธอใช้ใบหน้าของเธอเป็นนัยสำคัญในการชี้แนะให้ข้าหันไปมองกลุ่มผู้คนที่ไม่พึงประสงค์ดีทันที

“พวกโจรแดง” ข้าเอ่ยด้วยความโกรธแค้นยิ่งนัก

พวกโจรแดงเคยบุกรุกเข้ามาในเรือนสิงหดาบ ทำร้ายร่างกายเหล่าบ่าวไพร่และยังขโมยทรัพย์สมบัติไม่ว่าจักมีราคามากน้อยเพียงใดก็เลือกขโมยยกเรือนและที่ไม่น่าให้อภัยอย่างยิ่งก็คือพวกมันขโมยของต่างหน้าที่พี่กล้าเคยให้บรรดาพี่น้องไว้ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่จักกลับมาคืนสู่เจ้าของเดิมและมีอีกจำนวนหนึ่งสูญหายไประหว่างขนย้ายโดยเรือจึงทำให้ตกลงสู่แม่น้ำสายหนึ่งจนมิสามารถรู้ได้ว่าตกลงตรงไหนบ้าง ป่านนี้มันคงถูกสายน้ำพัดพาไปเสียแล้ว

“พี่เสือ!” เธอเห็นพี่เสือกำลังเดินออกไปหาพวกโจรแดงจึงรีบเรียกห้าม

แต่ว่า... ข้ามิได้เป็นคนนิสัยป่าเถื่อนหรือนักเลงกระไรทำนองนั้นดอก เจ้าพวกนี้ที่ชอบเอาแต่ปล้นขโมยของชาวบ้านเนี่ยสิ พวกมันทั้งข่มขู่ชาวบ้านและยังทำร้ายร่างกาย ล่วงเกินผู้หญิงและเด็ก ช่างน่าไม่ไว้วางใจอีกนัก จริง ๆ ก็มิได้อยากจักเป็นคนดีกระไรเช่นนั้นดอก แต่หากวันหนึ่งข้าพิงเฉยกับเรื่องนี้แล้วกลับกลายเป็นข้าที่เป็นผู้อ่อนแอ สู้พวกโจรมันไม่ได้แล้วยังไม่มีผู้ใดเข้ามาช่วยข้าอีก มันช่างรู้สึกแย่ยิ่งนัก ผู้คนเป็นกระไรกันหมด ถึงได้แล้งน้ำใจต่อข้าเช่นนี้ ข้าจึงช่วยเท่าที่ข้าช่วยได้ก็แล้วกัน หวังว่าข้าจักไม่เป็นกระไรจนตัวตายดอกนหนา ข้าจึงต้องยอมลดตัวไปต่อยตีกับพวกโจรแดง และเรื่องนี้ก็หนาหูไปถึงเจ้าคุณพ่อ ทำให้เจ้าคุณพ่อต้องส่งบ่าวคนสนิทตามเสือและมณีกลับเรือนทันที โดยที่คุณพ่อท่านยืนรอดักหน้าเรือนไว้

“ลูกเป็นกระไรไปฤๅ ลูกอยากเป็นนักเลงฤๅ ใครสั่งใครสอนให้ลูกทำตัวเช่นนี้ ไม่ละอายใจกันบ้างฤๅ” น้ำเสียงเกรี้ยวโกรธของคุณพ่อตะโกนใส่ข้าหนักแน่นทุกประโยคที่พูดออกมา

“พวกมันทำร้ายชาวบ้านก่อนหนาขอรับคุณพ่อ” ข้าตอบคำถามคุณพ่อท่านไปตามความจริงก่อนจักเบือนหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์

“พ่อเสือ เมื่อไหร่หนาเจ้าจักเลิกทำตัวเช่นนี้เสียที ทำเช่นนี้ไปเจ้าได้กระไรขึ้นมาฤๅ ไยเจ้าถึงได้มีความคิดคดแค้นพวกมันถึงเพียงนี้” พ่อท่านเอ่ยน้ำเสียงอ่อนลงด้วยความเป็นห่วงลูกชายสุดที่รักผู้นี้

“หากว่าพี่กล้ายังอยู่ ข้าเชื่อว่าพี่กล้าคงยินดีกับสิ่งที่กระผมทำเป็นแน่ขอรับ” ข้ากล่าวถึงพี่ชายที่เคารพด้วยความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งนักที่ได้เอ่ยถึงเขา หลังจากพ่อท่านได้ยินชื่อพี่กล้าก็ชะงักก่อนจักถอนหายใจแล้วขึ้นเสียงใส่พ่อเสืออีกครั้งเพียงเพราะตนคิดว่าวันหนึ่งเขาจักเสียลูกชายอีกคนไปเหมือนกับลูกชายคนโตอย่างพ่อกล้า เขาต้องเสียใจจนเสียสติเป็นแน่

“กล้าจักอยู่ฤๅไม่ เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ทำเยี่ยงนี้ เจ้ารู้ตัวฤๅไม่ว่าที่เจ้าทำ มันจักทำให้ตัวเจ้าเดือดร้อน”

“เดือดร้อนเยี่ยงไรกันขอรับ” ข้าถามด้วยความสงสัย ข้าไม่เข้าใจความเป็นห่วงนี้ของคุณพ่อเลย

“เพราะเจ้ากับกล้าเหมือนกันมาก... ลูกเอ๋ย ได้โปรดฟังพ่อเสียเถิด เพราะความหวังดีของลูก มันจักทำให้ลูกมีชะตากรรมเหมือนกับพี่กล้าหนาลูกหนา” พ่อท่านพูดกล่าวพร้อมกับเอามือข้างขวาวางบนไหล่ข้าเพื่อปลอบใจข้าด้วยภาษากาย เสือปัดมือของเจ้าคุณพ่อออก

“พี่ชายข้าล้วนทำแต่สิ่งที่ถูกต้องมาโดยตลอด เหตุผลอันใดที่เขาสมควรโดนกระทำเช่นนั้น และเจ้าคุณพ่อก็เชื่อเช่นนั้นจริง ๆ ฤๅขอรับ ว่าพี่กล้าของเราเกิดอุบัติเหตุมิใช่ถูกฆ่าตาย ทั้ง ๆ ที่-” ข้าเอ่ยถามคุณพ่ออีกครั้งยังมิทันพูดจบประโยค

“พอได้แล้ว” น้ำเสียงโมโหสุดขีดของเจ้าคุณพ่อก็แทรกขึ้นมา

“เจ้าคุณพ่อ” ข้าเน้นน้ำเสียงเข้มเรียกสติคุณพ่อ แต่เหมือนว่าท่านจักโกรธข้าจนลืมหูลืมตา ต่อให้พูดอันใดออกมา คุณพ่อท่านก็ไม่ฟังข้าอยู่ดี

“พี่พูดเช่นนั้นได้เยี่ยงไรกัน พี่ก็รู้ว่าคุณพ่อเองก็โดนทางนั้นข่มขู่กระไรมาบ้าง” น้องสาวข้าอย่างแม่มณีที่ยืนอยู่เงียบ ๆ ข้างหลังข้ามาสักพักพยายามพูดให้ข้าเข้าใจความรู้สึกของคุณพ่อ ตั้งแต่วันที่พี่กล้าจากพวกเราไป

สิ้นประโยคของแม่มณี บ่าวผู้หญิงรีบเข้าดึงตัวแม่มณีออก แต่แม่มณีขัดขืนจนยกฝ่ามือขึ้นบอกเป็นนัย ๆ กับบ่าวว่าข้ายอมอยู่นิ่งก็ได้ ขอแค่ข้าได้ยืนอยู่ในบทสนทนาตรงนี้

คุณพ่อเองก็แทบจักเปลี่ยนไปมาก คุณพ่อที่มีความยุติธรรมสูงคนนั้นหายไปไหนเสียแล้ว ไยเราต้องโดนข่มขู่เพียงฝ่ายเดียวจนไม่สามารถสงสัยในสิ่งที่เราควรสงสัยได้

“แล้วเหตุใดเราต้องก้มหัวยอมพวกมัน” ข้าถามคุณพ่อด้วยความโกรธแค้นยิ่งนักที่กระทำกับพี่กล้าเช่นนั้นแล้วยังจักต้องยอมให้พวกมันกดหัวพวกเราให้จมดิน ช่างน่าสมเพช ดวงตาข้าโชนไปด้วยความเดือดดาล กำมือแน่นด้วยแรงโทสะ

“เราไม่มีอำนาจกระไรเหนือกว่าเขาเลยหนาเสือ” คุณพ่อตอบด้วยความลำบากใจและรู้สึกว่าตนไม่สบอารมณ์ เมื่อพูดจบจึงรีบเดินหนีออกไปเสียก่อน ก่อนที่ตนจักเผลอแสดงกิริยาไม่ดีออกมาต่อหน้าลูก ๆ ของตน

“พี่จักสอบเข้าราชการ” ข้าเอ่ยให้น้องสาวอย่างแม่มณีได้ยินพร้อมเดินออกไปคนละทิศทางกับคุณพ่อท่าน เธอตกใจเป็นอย่างยิ่ง เธอรีบหันขวับไปหาพี่เสือ เพราะนึกว่าหูตัวเองฟังผิดเพี้ยนกระไรไปฤๅไม่

“พี่เสือ พี่เสือ พี่เสือ นี่! พี่เสือคิดดีแล้วฤๅ พี่จักสอบเข้าราชการ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่า-” เธอรีบเอาเรือนร่างของตัวเองขวางทางมิให้พี่ชายของตนเดินหนีไปไหนด้วยการกลางแขนกลางขาออก เธอทวนคำพูดของเสืออีกครั้งเพื่อความแน่ใจแต่เสือก็รีบพูดแทรกเข้ามา

“พี่ต้องรู้ให้ได้ว่าไยคดีของพี่กล้าถึงเป็นอุบัติเหตุ พี่มิเคยเชื่อเลยว่าพี่กล้าของเราจักตายเพราะอุบัติเหตุ พี่เห็นเต็มสองตาเลยหนาแม่มณี พี่กล้า... พี่กล้าถูกยิงต่อหน้าข้า” ข้าพูดด้วยความรู้สึกผิดที่วันนั้นข้าทำได้เพียงมองดูพี่ชายอย่างพี่กล้าถูกยิงต่อหน้า

“แต่เจ้าคุณพ่อไม่เห็นด้วยเป็นแน่” เธอห้ามทันที ใช่แล้วขอรับ การห้ามของเธอ มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะตั้งแต่ตระกูลปู่ย่ามาก็แทบไม่มีผู้ใดสืบทอดการเป็นข้าราชการเลยสักคน ตั้งแต่รุ่นพ่อของคุณปู่เกลียดข้าราชการมาสู่รุ่นต่อรุ่น เพราะคุณพ่อของปู่เป็นคนตะวันออกอพยพเข้าประเทศไททิวารัตน์ก็โดนเอาเปรียบ ถูกกดขี่ และใช้ความรุนแรงมาเป็นเวลานานจนกว่าจักได้เป็นที่ยอมรับและมีหน้ามีตามาจนถึงทุกวันนี้

“ตั้งแต่วันมะรืนนี้ ข้าจักไปจากที่นี่” เสือร้อนใจนัก รีบสาวเท้าออกไปทันที แม่มณีได้ห้ามข้าด้วยน้ำผลักน้ำแรงเท่าที่มี ฝ่ามือคู่นั้นดันตัวข้าไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น

“พี่จักบ้าฤๅ พ่อเอาพี่ตายแน่”

“เจ้าจักให้พี่ทำเยี่ยงไร ข้าอยู่เฉย ๆ เช่นนี้ต่อไปมิได้แล้วหนามณี” ข้าถามน้องสาวด้วยความไม่เข้าใจการกระทำของน้องสาว เพราะข้าเองก็นึกไม่ออกว่าข้าควรจักต้องทำเช่นไรถึงจักเรียกว่าถูกต้อง ไม่ใช่ความถูกต้องสำหรับข้า แต่เป็นความถูกต้องสำหรับพี่กล้าต่างหาก

“อดทนไว้เถิดพี่เสือ” แม่มณียื่นมือมาจับมือข้า เธอกำลังปลอบใจข้าด้วยภาษากายว่าเธอยังอยู่เคียงข้างข้า พวกเราไม่ได้โดดเดี่ยวกันซะหน่อย

“แม้นน้องเป็นพี่กล้า น้องว่าตอนนี้ควรทำเยี่ยงไรฤๅ” ข้าถามด้วยความอยากรู้นักและโศกเศร้าทุกครั้งที่พูดชื่อของพี่กล้า

“ข้าไม่รู้... ข้า... แม้นน้องเป็นพี่กล้า...” เธอลังเลกับคำตอบของตัวเองจนเธอชะงักกับความคิดที่มันผุดโผล่ขึ้นมา

“มีกระไรฤๅ” ข้าถามหลังจากเห็นเธอชะงักไปสักครู่

“นิสัยพี่กล้าคือการกลบเนียนไปกับผู้คนแม้เราต่างจักเป็นศัตรูกัน กฎข้อแรกของการเป็นหนอนบ่อนไส้” เธอทวนกฎข้อแรกที่พี่กล้าเป็นคนตั้งไว้ให้พวกเราย้อนกลับมาคิด

“กำลังจักบอกว่าให้ข้าปลอมตัวเข้าไปงั้นฤๅ” ข้ามองเข้าไปในดวงตาของน้องสาว ดวงตาแม่มณีช่างมั่นคงแทบไม่มีความลังเลหลงเหลืออยู่ เธอจึงพยักหน้าตอบข้า

“วิธีนี้น่าจักเป็นวิธีเดียวที่ดีสุดแล้วหนาพี่เสือ” แม่มณีเชื่อมั่นในความคิดนี้มากที่สุดพร้อมมองเข้าไปในนัยน์เนตรของอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพื่อบอกกับพี่ชายของตนว่าเชื่อใจฉันสิ วิธีนี้แหละดีที่สุด

“แต่ตอนนี้ใคร ๆ ก็รู้จักพวกเรากันแล้วหนามณี” ข้าเอ่ยด้วยความผิดหวัง การปลอมตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ใคร ๆ ก็ต่างรู้จักพวกเรากันเป็นอย่างดี แม้จักอยู่ในระดับหมู่บ้านละแวกนี้ก็เถอะ

“แล้วเพื่อนพี่เสือล่ะ ที่เคยบอกว่าอยากเป็นหลวงปราบคนร้ายให้พ้นจากแผ่นดินนี้ให้ได้ เขาช่วยพวกเราได้แน่” เธอพยายามมอบความหวังให้ข้าอีกครั้ง

“แต่เขาจักได้กระไรจากเรื่องนี้ล่ะ” ข้าถามน้องสาวอีกครั้ง

“พี่เสือ คดีนี้ผู้คนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก หากว่าเขาได้เข้าไปทำคดีนี้แล้วค้นเจอกระไรบางอย่างโดยที่เราไม่รู้มาก่อน ไหนคดีนี้จักถูกตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุอีก อย่างน้อย ๆ เพื่อนของพี่เสือก็ได้ประโยชน์ตั้งมากมายจากเรื่องนี้หนา” เธออธิบายให้เข้าใจภาพรวมและผลสำเร็จให้เสือเข้าใจอย่างง่าย ๆ

“อาจจักเสี่ยงเกินไป” ข้าเอ่ยด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ตอนนี้พวกเรายังเด็กเกินกว่าที่ควร

“ถ้างั้นต่อให้คดีนี้จักผ่านไปสิบปี น้องจักทำเอง” เธอเอ่ยกับข้าอย่างหนักแน่น นัยน์ตาของเธอบ่งบอกว่าคราวนี้ข้าเอาจริง มันทำให้ข้าสัมผัสถึงพลังงานความแกร่งกล้าที่ออกมาจากตัวแม่มณี ข้าทึ่งในความเด็ดเดี่ยวของแม่มณีชั่วครู่

“ฟังหนาแม่มณี งานนี้มีคนตายมากกว่าหนึ่งแน่” ข้าเอ่ยด้วยความเป็นห่วงน้องสาวสุดที่รักอย่างยิ่ง เธอเป็นผู้หญิง มันอันตรายเกินกว่าที่ข้าจักยอมให้น้องไปจัดการเรื่องนี้เพียงคนเดียว

“ถึงจักเป็นเช่นนั้น น้องก็ยอม” เธอยืนยันคำตอบอีกครั้ง

“ใครจักให้เธอทำกันเล่า” ในเมื่อเธอยังยืนกรานเช่นนี้ ข้าจำเป็นต้องลุยไปกับเจ้า น้องสาวที่รัก ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำมันคนเดียวดอก ข้ายกฝ่ามือข้างขวาขึ้นและวางลงบนศีรษะของแม่มณีแล้วลูบเบา ๆ เผยรอยยิ้มกว้างให้กับเธอ

เจ้าโตขึ้นเยอะเลยหนาแม่มณี ข้าเอ็นดูเจ้านัก ขอบคุณนะที่ยังอยู่เคียงข้างข้าเสมอ ข้ายกฝ่ามือออกจากศีรษะแม่มณีแล้วเดินจากไปตรงนี้

“พี่เสือ! รอข้าด้วยสิ” เธอเดินตามมาทันที

 

เวลาผ่านไปห้าปี ณ หมู่บ้านรัตติกาล

“เสือ เสือ เสือ! เป็นกระไรฤๅ” เพื่อนชายคนสนิทของข้าอย่างสามเอ่ยถามด้วยความห่วงใยหลังจากที่ได้เรียกชื่อข้าออกไปอย่างซ้ำ ๆ ซาก ๆ แต่ไร้เสียงตอบกลับ จนข้าต้องส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อเรียกสติกลับมาและทวนคำถามที่เพื่อนถามใหม่อีกครั้ง

“เปล่า แค่สงสัยกระไรนิดหน่อยนะ” ข้าตอบเรียบก่อนจักทำท่าทางสงสัยกระไรเล็กน้อยด้วยการเงื้อแขนขึ้นแล้วยกนิ้วมือถูกับบริเวณกรอบหน้าไปมา

“กระไรฤๅ” เพื่อนคนสนิทอย่างสามเอ่ยถามอีกครั้ง

“เราเจอชิ้นส่วนของผู้ตายเพียงแค่ท่อนล่าง ส่วนท่อนบนหายไปไหนไม่รู้ เจ้าว่าแม้นเจ้าเป็นฆาตกร เจ้าจักเอาท่อนบนไปไว้ที่ใดฤๅ” คราวนี้ข้าขอถามบ้าง

“ยากเลย ข้าไม่ใช่ฆาตกรเสียด้วย” เพื่อนคนสนิทส่ายหน้าก่อนจักตอบคำถามของข้าแล้วเบนสายตากลับไปยังสภาพเหยื่อที่ถูกวางบนพื้นเรียบหน้าบ้านของชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวยืนยันว่าเจ้าตัวมิได้ทำ ละแวกนี้เป็นบ้านที่ถูกสร้างด้วยปูนผสมผสานกับไม้สัก มีพืชสวนหลากหลายชนิดปลูกคั่นเป็นรั้วบ้าน

“สงสัยจังเลยหนา” ขวาน ลูกน้องร่วมทีมอีกคนที่มากับเพื่อนข้าพูด

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องสัตว์ร้ายในหมู่บ้านรัตติกาลนี้ฤๅไม่” ศักดิ์ ลูกน้องร่างสูงกว่าขวานเอ่ยถาม

“หึ้ย สยองเลย สัตว์ร้ายพวกนั้นมันกัดศพได้โหดเหี้ยมมาก ครั้งแรกที่ข้าเห็นแทบจักอ้วก” ขวานพูดไปสั่นตัวขนลุกซู่ไปด้วย รีบเอามือทั้งสองข้างถูตัวทันที

“ต้องสัตว์ร้ายเท่านั้นจริง ๆ สินะ” ข้าเอ่ยด้วยความไม่มั่นใจ ทำให้สามหรี่ตามองเสือก่อนจักถามอย่างเหลือเชื่อ

“เจ้ากำลังสงสัยว่าฝีมือคนฤๅ ไม่มีทางน่า” สามแสดงท่าทางความเป็นไปไม่ได้ของเรื่องนี้ออกมาพร้อมยังส่ายหน้าเบา ๆ

“แค่คิดนะ” ข้าตอบกลับทั้ง ๆ คำตอบในใจมิใช่เช่นนั้น

“อยากจักรู้ว่าในหัวเจ้าเนี่ย คิดกระไรบ้างในแต่ละคำถามที่ถามมา” สามเอ่ยพร้อมชี้มาที่ศีรษะของข้าแล้วหมุนเป็นวงกลมเชิงหยอกเย้า

“อย่างกับคุณเสือเป็นฆาตกรจริง ๆ เลยนะขอรับ” ขวานเอ่ยด้วยความเป็นคนพูดไม่คิดจึงทำให้ศักดิ์ต้องดึงสติขวานด้วยการกระทุ้งสีข้าง

“โอ๊ย! อะไรเล่า” ขวานโดนกระทุ้งสีข้างแรงจนเจ็บปวดเลยร้องออกมา ศักดิ์ทำปากขยุบขยิบ เบิกดวงตากว้างโตก่อนจักเอามือหนาปิดปากขวานไว้

“ไม่รู้สิ ข้าแค่คิดนะว่าถ้าจักจับฆาตกรได้ต้องคิดแบบฆาตกร” ข้าตอบคำถามของขวาน แม้จักเป็นคำถามที่ไม่ถูกกาลเทศะก็เถอะ แต่การที่ถามเข้ามาเป็นใครก็สงสัย ข้าชอบนัก คนที่กล้าถามกระไรตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมเช่นนี้

“แล้วเอ็งคิดว่าเยี่ยงไรล่ะ” ไหน ๆ ขวานก็กล้าถามขึ้นมาแล้ว ครานี้ข้าขอถามกลับบ้าง

“มันต้องมีบางอย่างที่เราไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อนแน่นอนขอรับ” ขวานตอบตามความสงสัยของตนเอง

“รวมกับไอ้เจิมที่เพิ่งถูกย้ายด้วยฤๅไม่ที่เอ็งสงสัย” ข้าถามขวานอีกครั้ง

“ใช่ ที่นี่น่าสงสัยไปหมด แต่หากเราทำกระไรเกินหน้าเกินตามีหวังจักโดนจับตาดูเป็นแน่” ขวานเสียขวัญทันทีที่พูดถึงไอ้เจิม เจิมเป็นลูกน้องในทีมพ่อเสือที่เพิ่งถูกย้ายหลังจากที่ทำตัวแปลก ๆ มาสักพัก

“เอาหน่า เราแค่ทำตัวปกติเข้าไว้” สามพยายามพูดให้เรื่องนี้กลับมาสู่ภาวะปกติหลังจากเห็นอาการเสียขวัญของขวานจนศักดิ์ก็พาขนลุกซู่ตามไปด้วยคน

“ใช่ จนกว่าเราจักรู้กระไรบางอย่างเข้า” ข้าเสริมเข้าไปด้วยคน

ด้วยกลิ่นเหม็นฉุนนอกจากกลิ่นศพก็ส่งกลิ่นเหม็นนั้นมายังที่เกิดเหตุจนเหล่าคุณหลวงที่รับหน้าที่ดูแลคดีนี้เอ่ยปากถาม

“ไยมีกลิ่นอะไรเหม็น ๆ แถวนี้อีก”

“บ้านไอ้เข้มก็เหม็นเช่นนี้แหละคุณหลวง วันใดที่ไอ้ปานมันไม่อยู่บ้าน ไอ้เข้มก็ชอบแอบเอาสัตว์มาฆ่าถอดเนื้อถอดหนังออก แล้วเหมือนจักไม่ค่อยชอบทำความสะอาดด้วย กลิ่นมันถึงได้เหม็นอับเช่นนี้” พยานคนหนึ่งที่อยู่ในละแวกนี้ได้ตอบคำถามที่พวกเราสงสัยกัน รวมทั้งยังเป็นพยานให้กับผู้ต้องสงสัยอย่างปานที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้อีกด้วย

“…”

“หรือว่า... ไอ้เข้มอาจจักเป็นฆาตกร” จู่ ๆ พยานคนนี้ก็นึกสงสัยขึ้นมา

“ใจเย็นก่อนหนาขอรับ อย่าเพิ่งกล่าวหาผู้ใดโดยไม่มีหลักฐาน” สามพยายามเก็บข้อมูลจากปากพยานจึงได้ห้ามและเรียกสติพยานไว้

“โอ๊ย หลักทงหลักฐานกระไรก็ช้าเหลือเกินคุณหลวง หากว่าไอ้เข้มเป็นฆาตกรจริง ๆ พรุ่งนี้ข้าอาจจักตายแล้ว หึ้ยย น่ากลัว” พยานเริ่มเสียขวัญหวาดเสียวทันทีหลังจากที่ตนเองสงสัยไอ้เข้มไป

“แต่คุณอยู่มานานแล้วใช่ฤๅไม่ขอรับ” สามถามพยานคนนั้น

“อือ” เขาตอบกลับทันที

“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือกับเราหนาขอรับ” สามกล่าวคำขอบคุณทันทีหลังจากได้รับข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว

“รีบ ๆ หน่อยนะ” พยานคนนั้นขอร้องหลวงทั้งสองที่อยู่ข้างหน้าด้วยความสั่นกลัวและระแวงจนไม่วางสายตาที่มองเข้าไปในบ้านของนายเข้ม

“ขอรับ”

หลังจากสอบปากพยานเสร็จ ทั้งสี่เริ่มจับกลุ่มกันเข้าหากัน

“เอ็งว่ามันแปลก ๆ ฤๅไม่” ข้าถามด้วยลางสังหรณ์ใจ

“แปลกเยี่ยงไรกันฤๅขอรับ คุณหลวง” ศักดิ์ถาม

“ไม่รู้สิ ความรู้สึกของข้าบอกว่ามันแปลก ๆ” ข้าตอบกลับทันที

“พ่อเสือคิดมาก ปะ ไปหาข้าวกินกัน ข้าหิวจนไส้จักขาดแล้ว” สามเปลี่ยนเรื่องมุ่งเข้าร้านอาหารแถว ๆ นี้ โชคดีนักแถวนี้มีตลาดน้ำ ทั้งสี่เลือกเดินเข้าร้านอาหารง่าย ๆ เป็นร้านที่มีเรือเป็นเอกลักษณ์ เรือลำนี้ลอยเหนือน้ำอยู่ริมน้ำ มีสะพานข้ามระหว่างเรือทั้งสองลำ สามารถข้ามไปมากันได้ ทั้งสี่เดินเข้าไปยังโต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้เป็นระเบียบ นั่งลงกันอย่างเรียบร้อย ร้านที่ทั้งสี่คนเลือกคือร้านอาหารตามสั่งล้อมไปด้วยร้านที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

“เอากระไรดี พ่อหนุ่ม” เจ้าของร้านอย่างนายชาติเดินเข้ามารับรายการอาหารทันที เขามีรูปลักษณะบึกบึน ผิวแทน แต่กลับมีใบหน้าที่คมคาย ผิวพรรณเรียบเนียนราวกับว่าเขาใช้เครื่องบำรุงที่มีราคาแพงกว่าท้องตลาด เขาคงจักค้าขายดีจนสามารถจับจ่ายสินค้าราคาแพงเช่นนั้นได้

“เอาข้าวคลุกกะปิและปลาทูหนึ่งตัว” สามสั่งคนแรกพร้อมทั้งยกยิ้มกว้างให้กับนายชาติ

“เอาเหมือนกันอีก ๑ จาน” ข้าและขวานสั่งตามลำดับต่อมา

“เหมือนกันอีก ๑ จานจ้ะพี่ชาย”

“ข้าเหมือนกันแต่ขอเปลี่ยนจากปลาทูเป็นไข่ต้มแทนนะจ๊ะ” ผู้ไม่กินปลาทูอย่างศักดิ์สั่งเป็นคนสุดท้าย

“รอสักครู่หนาขอรับ” เจ้าของร้านจดรายการอาหารเสร็จก็รีบบอกกล่าวก่อนจักเร่งฝีเท้าเอารายการอาหารไปให้พ่อครัวข้างในได้จัดเตรียมอาหารทันที

ร้านขนมหวานตรงข้ามกับร้านอาหารของนายชาติมีผู้คนเข้ามากมายสะดุดตา

“ไยร้านนั้น คนเยอะจัง” ขวานเอ่ยถามเสียงดังจนทำให้เจ้าของร้านอย่างนายชาติได้ยิน

“อ๋ออ ร้านขนมหวานของยายพรนะ ข้าวเกรียบปากหม้ออร่อยมากเลยหนาพ่อหนุ่ม ข้าขอแนะนำเลย จริง ๆ ก็มีอีกเจ้านะ เปิดเฉพาะวันนี้ด้วยเป็นร้านของหนุ่มสาวรูปงาม ชื่อวรรณากับแหลมทองนะ และที่สำคัญไส้พิเศษไม่มีใครเหมือน อยู่แถวนี้เอง ต้องลองดูหนาพ่อหนุ่ม” เจ้าของร้านเอ่ยชื่นชมร้านขนมหวานของยายพรอย่างเป็นแฟนพันธุ์แท้ก่อนจักแนะนำอีกร้านตามลำดับ

“อร่อยขนาดนั้นเชียวฤๅ ไส้กระไรฤๅลุง” ศักดิ์เอ่ยถามเจ้าของร้าน

“ฮ่า ๆ ไม่รู้สิ เขาบอกแค่ว่าเป็นเนื้อวัวแล้วก็สูตรลับกระไรของเขา ข้าไม่รู้ดอก แต่อร่อยจนข้าตั้งหน้าตั้งตารอเชียวหนา” เจ้าของร้านช่วยพ่อครัวในครัวดำเนินรายการอาหารอย่างระมัดระวังพร้อมพูดแนะนำให้ฟัง เมื่ออาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งเจ้าของร้านและพ่อครัวต่างช่วยกันนำอาหารมาเสิร์ฟถึงที่

“เอ้า ได้แล้ว”

“ขอบคุณขอรับ” ทั้งสี่กล่าวคำขอบคุณหลังจากรับอาหาร

“ข้าฝากร้านด้วยล่ะ ประเดี๋ยวข้าจักไปซื้อข้าวเกรียบปากหม้อก่อน” เจ้าของร้านเอ่ยให้ทั้งสี่ได้ยินก่อนจักรีบเดินออกไป

“...” ทั้งสี่และพ่อครัวที่เหลือพยักพเยิดตอบรับทันที

เจ้าของร้านอย่างนายชาติหายไปช่วงหนึ่ง กลับมาพร้อมกับข้าวของในมือทั้งสองข้าง

“นี่ ๆ ข้าวเกรียบปากหม้อร้านยายพร ส่วนอันนี้ร้านของวรรณาและแหลมทองที่ข้าพูดไป ลองกินดู อร่อยจริง ๆ เลยหนา” เจ้าของร้านเชิญชวนให้ชายหนุ่มทั้งสี่คนลองชิมข้าวเกรียบปากหม้อที่ตนอวยปากออกหน้าออกตา ศักดิ์ตักชิมคนแรก ตามด้วย ขวาน สาม และเสือ

“จริงด้วย อร่อยจริง ๆ นะเนี่ย” ดวงตาของขวานเปล่งประกายวาวเอ่ยชมจากใจจริงตามด้วยศักดิ์

“ข้าว่าพวกเราต้องมากินบ่อย ๆ แล้วเนอะขวาน”

“ข้าบอกแล้ว ฮ่า ๆ” จบสิ้นเสียงหัวเราะของนายชาติ ก็มีลูกค้าคนใหม่เข้ามา นายชาติจึงรีบเดินเข้าต้อนรับและรับรายการอาหารตามหน้าที่เช่นเคย

“วันนี้เรายังต้องสืบเรื่องอีกเยอะเลยหนา กินอิ่มเช่นนี้จักไม่ง่วงนอนเอาฤๅ” ข้าเห็นทั้งสองเพลิดเพลินกับข้าวปากเกรียบหม้อมากเกินไปแล้ว ข้าจึงรีบเปลี่ยนเรื่องเข้าเรื่องงานทันที

“ไม่เป็นไรดอก” ขวานตอบรับอย่างไร้ความกังวลพร้อมกับเผยฝ่ามือปฏิเสธ ทำให้ข้าหันไปสบสายตากับเพื่อนรักอย่างสาม แต่สามกับทำหน้าเหยเก

ทั้งสี่คนเดินตรวจสอบหมู่บ้านรัตติกาลอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเจอส่วนชิ้นส่วนท่อนบนของมนุษย์โดยขวานเป็นคนแรกที่ค้นพบศพ แต่ไม่พบชิ้นส่วนท่อนล่างเลย สภาพศพเละเทะยิ่งกว่ากระไร ช่างน่าสยดสยองยิ่งนัก ราวกับโดนปีศาจกัดกินอย่างโหดเหี้ยม

“โอ๊ยยย ข้าจักอ้วก ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าขอไปอ้วกก่อนนะ” ขวานเริ่มไม่ไหวกับการพบเห็นศพในตอนนี้แล้วศักดิ์ก็พากันอ้วกเพิ่มอีกคน ทั้งคู่พากันอ้วกแล้วยกมือคนละข้างลูบหลังให้กันและกันอย่างเบา ๆ

ไยคราวนี้เจอศพเปลือยกายจนเห็นทุกอณูท่อนบนของผู้หญิงล่ะ แรงจูงใจคดีนี้คืออันใดกันนะ ไยต้องตัดเป็นสองท่อนด้วย ไยต้องทำลายศพขนาดนี้ พวกเขาไปทำกระไรให้กันนะถึงได้โหดร้ายกันขนาดนี้ สาเหตุการตายคือกระไรกันนะ ความคิดของเสือก็ได้ตั้งคำถามมากมายเต็มไปหมด

“สาเหตุการตายคือกระไรฤๅ” สามถามถึงสาเหตุการตายของศพข้างหน้า

“คงตายตอนโดนผ่าครึ่งท่อนแน่ ๆ” หลังกระอักกระอ่วนเสร็จขวานจึงรีบตอบสามด้วยความคิดเห็นของตัวเองทันที

“ใครบอกเอ็ง ผีฤๅ” ข้าถามไอ้ขวานทันทีหลังได้ยินเช่นนั้น ช่างเป็นการคาดเดาที่มีแต่มือสมัครเล่นเท่านั้นจักสงสัยได้เพียงเช่นนี้

“คุณหลวงสงสัยกระไรรฤๅขอรับ” สามเอ่ยถามเพื่อนสนิทอย่างข้าหลังจากเห็นสีหน้าและท่าทางที่ข้าแสดงออกไปอย่างน่าสงสัย แต่ติดเล่นจึงทำหน้ากวนประสาทใส่ข้า เพราะการขึ้นต้นด้วยคุณหลวง ก็รู้แล้วว่าเพื่อนคนนี้ตั้งใจหยอกเย้ายั่วอารมณ์ข้า

“มันแปลกเกินไป” ข้านิ่วหน้าตอบตามความรู้สึกในตอนนี้พร้อมยังเน้นเสียงเข้มเพื่อดึงสติของสามให้กลับมาจริงจัง อย่าได้เตลิดไปไหน สามสังเกตจากน้ำเสียงที่จริงจังของเสือจึงรีบดึงสติก่อนจักถามเพื่อนคนสนิทอีกครั้ง

“เยี่ยงไรฤๅ”

“ไม่มีรอยแทงก่อนโดนผ่าครึ่ง คนเราโดนแทงนิดเดียวก็ต้องดิ้นแล้ว จักเป็นไปได้เยี่ยงไรที่จักสามารถผ่าศพออกมาสภาพเช่นนี้ได้” ข้าพยายามอธิบายสภาพศพตามที่ตาเห็น

“หรือว่าจักหลับลึกเกินไป” ศักดิ์พูดติดเล่นจนขวานที่เคยเป็นคนพูดไม่คิด ทำให้ศักดิ์ติดนิสัยของเขามาจึงกระทุ้งสีข้างศักดิ์ทันที

“ก็หวังว่าจักมีความเป็นไปได้ แต่กระไรล่ะที่สามารถผ่าครึ่งโดยมีรอยผ่าได้สวยเรียบเช่นนี้ ข้าคิดว่าเป็นไปได้ฤๅไม่ ที่ศพนี้อาจจักตายก่อนโดนผ่าเสียก่อน” ข้าพูดพร้อมสงสัยการกระทำเหล่านั้นไปด้วย ขวานที่เพิ่งนิ่งเงียบไปกับตัวเองก็ได้เรียกสติกลับมาเอ่ยถามคุณหลวงเสือ

“แล้วถ้าเป็นเยี่ยงนั้นจริง ๆ ไยถึงทำเช่นนั้นฤๅขอรับคุณหลวง”

“ข้าเองก็สงสัยเหมือนกัน” ข้าตอบเรียบพร้อมเดินตรวจสอบรอบ ๆ ต่อไปเผื่อได้กระไรมาเพิ่มเติม

“ไยต้องผ่าศพด้วยล่ะ” ขวานเอ่ยถามให้ทุกคนได้ยินและคิดคล้อยตาม

“ฆาตกรอาจจักอยากทำให้พวกเราสับสนฤๅไม่” สามตอบจากที่สังเกตจากการกระทำเช่นนี้ ทำให้ทั้งสี่คนต่างพากันเงียบหาหลักฐานเพิ่มเติมอย่างตั้งใจ

“คุณเสือขอรับ! มีคนพบชิ้นส่วนเพิ่มรอบ ๆ แถวนี้เลยขอรับ” ศักดิ์พบเห็นชิ้นส่วนของศพเพิ่มเติมบริเวณใกล้ ๆ หลังจากที่ได้รับแจ้งมาจากชาวบ้านละแวกนี้

“ชิ้นส่วน?” ข้าถามด้วยความสงสัยจึงรีบวิ่งตามต้นเสียงไป

ทั้งสี่คนช่วยกันตามหาพบชิ้นส่วนมนุษย์บริเวณใกล้ ๆ จนกระทั่งลามไปถึงบ้านของชาวบ้านในหมู่บ้านรัตติกาลทุกหลัง แต่ละบ้านจักเจอชิ้นส่วนมนุษย์ที่แตกต่างกัน ไหนจักหมาแถวนี้คาบชิ้นส่วนของมนุษย์ออกมาให้เห็นอีก

“นี่มันเรื่องกระไรกันวะเนี่ย” ขวานถามด้วยความตกใจยิ่งนัก ทั้งชีวิตไม่เคยพบไม่เจอกระไรเช่นนี้มาก่อนเลย

“โคตรน่ากลัวเลยว่ะ” ศักดิ์ขนลุกซู่นต้องลูบตัวเองอย่างแรง ๆ

“พวกเอ็งคิดว่าไงบ้าง” ข้าถามทุกคน

“จักคิดไงได้ล่ะขอรับ โคตรน่ากลัวเลย” ขวานรีบตอบกลับด้วยความหวาดกลัวเสียขวัญกว่าตอนแรกทันที

“…”

หลวงเสือมอบคำสั่งให้ขวานและศักดิ์เรียกทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องมาเก็บรายละเอียดพร้อมสืบสวนกันอยู่หลายวัน แต่เมื่อเวลาล่วงมาหลายวันแล้วยังมิได้กระไร เสือจึงเลือกที่จักกลับเรือนไปพักผ่อน ปล่อยให้หน่วยอื่น ๆ ไปตามคดีที่สำคัญและเร่งด่วนกว่าคดีนี้ เสือเลือกนั่งรถม้าขนาดกลางเดินทางกลับยังเรือนแต่ระหว่างทางที่กลับเรือนได้แวะโรงฆ่าสัตว์ที่อยู่ผ่านทางกลับเรือน เสือจ่ายหนักเพื่อให้รถม้านั่งยอมรอตนตั้งแต่เช้าจนกลับถึงเรือน แม้ว่าวันนี้จักเป็นวันหยุดของคุณหลวงเสือแต่เขาก็ไม่วายที่จักทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อหน้าที่นี้

ณ เรือนสิงหดาบ

“พี่เสือ พี่เสือเจ้าคะ” น้องสาวผู้กล้าหาญอย่างแม่มณีเรียกหาพี่ชายตนเมื่อพบเห็นพี่ชายกำลังเดินอยู่ก่อนขึ้นบกระไดหน้าเรือน โดยที่แม่มณีเพิ่งกลับจากตลาด

“มีกระไรฤๅแม่มณี” ข้าหยุดนิ่งหันไปตามปลายเสียงแล้วเอ่ยถามแม่ณีเสียก่อน

“ได้ยินเรื่องของหมู่บ้านแดนรัตติกาลฤๅไม่เจ้าคะ” มณีสอบถามข่าวสารที่ตนได้ยินมาตลาดเมื่อไม่นานนี้

“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้เยี่ยงไรกัน” ข้าถาม

“พี่เจินเล่าให้ข้าฟังเจ้าค่ะ” มณีรีบตอบชื่อเจ้าของคนที่ปล่อยข่าวให้ทันที

“เจินนะเจิน”

ข้าช่างไม่รู้จักทำกระไรเจ้าดีนักแม่มณี ไหนจักเจินอีก ไม่รู้จักปากสว่างไปถึงไหนกันนัก

“อย่าว่ากระไรพี่เจินเลยหนาเจ้าค่ะ น้องเป็นคนขอให้พี่เจินพูดออกมาเอง อีกอย่างคนในตลาดเขาลือกันไปทั่วแล้วหนาเจ้าค่ะ” มณีใช้น้ำเสียงอ่อนเพื่อออดอ้อนพี่ชายตัวเองอย่าได้เอาผิดพี่เจินเลย

“เห้อ” เสียงถอนหายใจดัง เสือหลุบสายตาลงก่อนจักเงยใบหน้าขึ้นมาสบสายตาแม่มณี

“คดีนี้แปลกจังเลยหนาเจ้าค่ะ” แม่มณีกล่าวด้วยความแปลกใจกับคดีที่เสือเพิ่งอดหลับอดนอนมาโดยเฉพาะ

“เจ้าว่าแปลกเยี่ยงไรฤๅ” ข้าถาม

“ศพมากมายขนาดนั้น ไยพี่เจินกลับบอกน้องว่าทุกคนในนั้นผิดปกติกันหมด นิ่งเฉยกันไปหมดเลย ราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ เรื่องแบบนี้มันควรเป็นเรื่องปกติฤๅเจ้าคะ? แล้วคนในตลาดก็เอ่ยปากพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเรื่องปกติของหมู่บ้านประหลาดนี้” แม่มณีเล่าตามที่ได้ยินจากพี่เจินมาพร้อมคำถามลงท้ายให้พี่ชายตนเองฟัง

“หมู่บ้านนี้เกิดเรื่องแปลกประหลาดมานาน ไหนจักเรื่องปีศาจจากภูเขา ปีศาจจากเรื่องเล่าในอดีตอีก เรายังคงต้องหารายละเอียดอีกเยอะเลย” ข้าตอบด้วยความเบื่อหน่าย เพราะก่อนเดินทางมายังเรือนนี้ก็มีผู้คนมากมายถามหาคดีในหมู่บ้านรัตติกาลกันเข้ามามากมายจนแทบจักเป็นเครื่องมือป้อนคำพูดเดิม ๆ

“แต่เหตุใดชาวบ้านถึงชินเฉยเมยกับเรื่องนี้ได้กันเจ้าค่ะ หากเป็นน้อง น้องคงอพยพหนีไปอยู่ที่อื่นแล้วเจ้าค่ะ” แม่มณีเอ่ยด้วยความกลัวลึก ๆ

“แล้วน้องคิดว่าเหตุใดชาวบ้านถึงยังอยู่ในหมู่บ้านนั้น ทั้ง ๆ ที่เกิดเรื่องแปลกประหลาดกันมายาวนานล่ะ” ใช่แล้วล่ะ คำถามที่น้องข้าสงสัยมันถูกต้องแล้ว ไยผู้คนยังคงอยู่หมู่บ้านนี้กันอยู่

“...”

“คุณเสือเจ้าคะ คุณมณีเจ้าคะ คุณท่านเรียกหาหนาเจ้าค่ะ” บ่าวหญิงคนสนิทของคุณหญิงแม่เดินลงมาตามหลังได้ยินเสียงคุยกันหน้าเรือน ทั้งสองมองหน้าพร้อมกันและได้เดินตามบ่าวหญิงเข้าไปหาคุณพ่อคุณแม่อย่างเงียบ ๆ อย่างรู้ชะตากรรมดี

“เจ้าคงจักรู้เรื่องหมู่บ้านรัตติกาลแล้วสินะ” คุณพ่อท่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังนัก

“…” ทั้งสองเงียบ เสียงเงียบนี้มันชัดเจนเสียแล้วว่าทั้งสองรู้เรื่องของหมู่บ้านรัตติกาลเสียแล้ว

“ถอดตัวจากคดีนี้เสียเถิดพ่อเสือ”

“แต่ว่าพี่เสือเพิ่งจักได้รับตำแหน่งคุณหลวงหนาเจ้าค่ะ” แม่มณีเอ่ยด้วยความประหลาดใจและไม่เข้าใจกับคำสั่งของคุณพ่อที่เพิ่งหลุดปากออกมา

“ข้าไม่สนว่าผู้ใดจักเป็นผู้ขัดขวางกระไรก็ตามที่ข้าทำอยู่ แต่ข้าขอยืนยันว่าจักไม่มีวันยอมให้ลูกเอาตัวไปเสี่ยงกับเรื่องนี้เด็ดขาด” คุณพ่อท่านยืนกรานที่จักให้พ่อเสือถอดตัวจากคดีหมู่บ้านรัตติกาลราวกับรับรู้กระไรมาล่วงหน้าเสียแล้ว ก่อนจักเงียบถอนหายใจไปสักครู่

“ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดีนะพ่อเสือ” สุดท้ายพ่อท่านก็อยากพูดให้ลูกชายตนเข้าใจว่าคำสั่งนี้ตนเตือนด้วยความหวังดี

“ช่วยบอกเหตุผลให้ข้าทราบได้ฤๅไม่ขอรับ” ข้าถาม

“ไม่ว่าจักเหตุผลใด ข้าก็อยากให้เจ้าถอดตัวจากเรื่องนี้เสีย อย่าได้ถามกระไรให้มากความ” พ่อท่านยังคงยืนกรานกับคำพูดเดิมอีกครั้ง

“หากคุณพ่อไม่อยากพูด ข้าจักหาคำตอบนี้เองขอรับ” ข้าเริ่มอารมณ์ไม่สบอารมณ์เลยพูดตัดบททิ้งให้คุณพ่อท่านทราบแล้วรีบเดินหนีเข้าไปยังห้องของตนเอง

“เสือ! เสือ ไม่ได้นะ เสือ!” คุณพ่อท่านพยายามเรียกชื่อลูกชายทั้งที่สายตาของเขาเอาแต่มองแผ่นหลังของลูกชาย แทนที่จักสาวเท้าเดินเข้าไปห้ามด้วยน้ำแรงของตน เขาถอนหายใจอีกครั้งเพราะความดื้อดึงเจ้าลูกชายผู้นี้

“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วยกับพี่เสือหนาเจ้าค่ะ หากคุณพ่อยอมไม่บอกเหตุผลกระไรที่ทำให้คุณพ่อต้องห้าม สุดท้ายแล้วไม่คำตอบหรือพี่เสือก็จักหากันเจอเจ้าค่ะ” แม่มณีพูดอย่างหนักแน่น แม้จักไม่เข้าใจการการกระทำของผู้เป็นพ่อนัก แต่ตนเชื่อว่าสักวันต้องพบเจอคำตอ