เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สิงหดาบเด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ
สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ
ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน
ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน
เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน
ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ
ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด
เพราะสมองอันล้ำค่า
นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง
TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)
การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก)
การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)
ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง
ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)
โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด
คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส
แนะนำตัวละคร นายเอก
Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho
ชื่อ : เสือ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง
ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย
ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้
Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker
พระเอก
ชื่อ : เชิง
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ
ฉายา : พ่อเชิงปากหมา
พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ
Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_
ชื่อ : กล้า
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์
ถึงเวลาของข้าแล้ว...
ชื่อ : มณี
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ
ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน
ชื่อ : พวงทอง
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี
ฉายา : แม่นม
อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า
ชื่อ : สิน
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย
นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ
อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ
ชื่อ : เดื่อ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง
นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
ตำแหน่ง : ความลับ
แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง
ชื่อ : สุข
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)
นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย
ข้ากลัว...
ชื่อ : จันทร์
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)
นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด
ชื่อ : นิ่มนวล
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา
นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย
ชื่อ : แย้ม
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด
ชื่อ : บังอร
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ
ชื่อ : เดช
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย
ชื่อ : จ้อย
อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ
นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย
ตำแหน่ง : ความลับ
ชื่อ : ชาญ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง
นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว
ลำดับพี่น้อง
พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช
คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ
คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี
ณ หอเหม่ยลี่หยาดสีหยก
เหล่าหญิงสาวต่างผิวต่างสีหลากหลายเชื้อชาติรุมล้อมหนุ่มชายขี้เหล้าคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวจนตัวแดงนี้ช่างน่าเอ็นดู หญิงสาวเริ่มค่อย ๆ ตกหลุมรักใบหน้าและคารมณ์ของชายผู้นี้อย่างช้า ๆ เพราะเขาทั้งพูดจาน่าหลงใหลให้ชวนคิดชวนคล้อยตามและยังหยอดคำหวานชมนิดชมหน่อย เขาคนนั้นรู้ดีว่าผู้หญิงมักจักชอบให้ชื่นชมในทุก ๆ การกระทำของแม่นางหรือแม้แต่เล่าเรื่องตลกขำขันเพราะเธอเองก็ชื่นชอบนัก แต่อาจจักทำให้เขามีศัตรูเพิ่มโดยมิรู้ตัว เหล่าหนุ่มชายและชายสูงวัยที่เข้ามาดื่มเหล้าในค่ำคืนนี้ ต่างจับจองแม่นางแต่ละนางไว้ในใจเสียแล้ว พวกเขาเสียหน้าเป็นอย่างมากที่ผู้หญิงที่เขาเลือกไว้ กลับสนใจผู้ชายคนนั้นมากกว่าตน
“พี่เสือ!” เสียงคุ้นเคยเรียกดังขึ้นจากข้างหลัง น้องสาวสุดที่รักของข้ากำลังเรียกข้าด้วยน้ำเสียงติเตียน ข้าไม่สนใจกระไรทั้งสิ้น ขอเพียงข้างหน้ามีแต่หญิงสาวรูปงามเช่นนี้อยู่ตลอดไป พวกเธองดงามสะกดจิตสะกดมนตร์จนข้าอยากที่จักล่องลอยเข้าไปในห้วงแห่งความฝันอันแสนหวานนี้ น่าเสียดายนักน้องสาวของข้าดันมาดักฝันเสียก่อน
“พี่เสือ กลับบ้านประเดี๋ยวนี้นะเจ้าค่ะ” น้องสาวบ่นก่อนจักรีบเข้ามาประคับประคองร่างกายที่เมาเหล้าจนเซไปเซมา
“วันพรุ่งข้าหยุด ปล่อยให้ข้าอยู่เพียงลำพังมิได้ฤๅไง”
“แล้วเหตุอันใดต้องมาเมาเหล้าลืมหูลืมตาที่นี่เสียล่ะเจ้าคะ ช่างน่าเสียคนจริง ๆ”
อย่างที่ใคร ๆ พูดกันไม่ผิด การดื่มเหล้ามันทำให้คนเราเสียคนจริง ๆ อย่างที่พวกเขาว่ากัน แต่บางครั้งอาจจักเป็นเพราะนิสัยเราจริง ๆ ตั้งแต่แรกหรือฤๅไม่ก็เป็นได้ เพียงเพราะสังคมมันขัดเกลาให้เรามีบุคลิกเช่นนั้นเพื่ออยู่รอดในสังคม มนุษย์ต่างเรียนรู้ชีวิตบนโลกใบนี้ได้ดี แต่ใช่ว่าทุกคนที่จักยับยั้งชั่งใจตนได้
“คุณหลวงเสือใช่ฤๅไม่ขอรับ” ต้นเสียงของชายหนุ่มผู้นี้สวมเสื้อผ้าทั่วไปเหมือนกับชาวบ้านโผล่มาประคับประคองต้นแขนชายหนุ่มเพื่อมิให้ล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น หลังจากเรือนร่างของเสือเซแซดทรงตัวไม่นิ่งและยังดื้อดึงจนเซออกจากวงแขนของน้องสาว
“ท่านเป็นใครฤๅเจ้าคะ เหตุใดถึงรู้จักพี่เสือ” น้ำเสียงของเธอแฝงด้วยความระคนสงสัย
“ข้าเชิงขอรับ เป็นหนึ่งในหน่วยสืบสวนคนใหม่ที่มาแทนคนก่อนหนาขอรับ” หนุ่มชายร่างสูงกว่าเสือเอ่ยแนะนำตัวก่อนจักช่วยแม่มณีประคองเรือนร่างพ่อเสืออีกแรง
“ไหนบอกจักมาวันพรุ่งไง เจ้าคนโกหก” แม้คนจักเมาเหล้าแต่ก็ยังมีสติมากพอที่จักถามคนข้าง ๆ ด้วยความเคืองใจ
“พอดีบังเอิญเจอคุณเสือที่นี่ก่อนนะขอรับ” เขาตอบคำถามของพ่อเสือทันที
“มิมีเรื่องบังเอิญดอก ทุกอย่างล้วนมาจากการกระทำของตนโดยที่อาจจักมิรู้ตัว ฤๅว่าจักรู้ตัวก็เป็นไปได้” เสือพูดจาประหลาดออกไปโดยไม่รู้ตัวและยังหลุดหัวเราะติดเล่นออกไปทำให้ผู้คนต่างพากันหันมามองเสือมากกว่าเดิม
“ขอโทษหนาเจ้าค่ะ พี่ชายของข้า เวลาเมามักจักพูดจาฟังไม่รู้ความเยี่ยงนี้หนาเจ้าค่ะ” แม่มณีโค้งตัวขอโทษด้วยความละอายใจแทนพี่ชายตนก่อนจักลงไม้ลงมือตีไปทั่วเรือนร่างของพี่ชายตนเพื่อเรียกสติ
“ไม่เป็นไรดอกขอรับ” จบสิ้นบทสนทนาก็ต่างช่วยกันแบกร่างเสือกลับเรือนทันที
ณ เรือนสิงหดาบ หลังจากทั้งสองคนแบกเรือนร่างของเสือมายังเรือนก็ส่งมือส่งไม้ต่อให้บ่าวในเรือนช่วยกันพาเสือเข้านอนในห้องของตนเอง ปล่อยให้แม่มณีรับแขกอย่างคุณเชิงอยู่หน้าเรือนเพียงลำพัง
“ขอขอบพระคุณมากเลยนหนาเจ้าค่ะ” แม่มณียกมือทั้งสองประนมมือติดกันแล้วโค้งศีรษะเล็กน้อยอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรดอกขอรับ ว่าแต่เจ้าชื่อกระไรฤๅ” เขารีบยกมือส่ายเพื่อบอกด้วยภาษากายว่ามิเป็นกระไรดอก ก่อนจักขอถามชื่อฝ่ายตรงข้าม
“มณีเจ้าค่ะ” แม่มณีบอกชื่อของตัวเองไปโดยไม่ลังเลกระไร ยินดีให้ผู้มีพระคุณอย่างคุณเชิงได้รู้จักชื่อของเธอ
“มณี อืม ช่างเหมาะสมยิ่งนัก” เมื่อเขาได้รับรู้ถึงชื่อของแม่มณีแล้วก็เอ่ยชมตามมารยาทเสียก่อน
“อะ เอ่อ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” แม่มณีขอบคุณเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานสุภาพ แม้คนตรงหน้าจักเอ่ยชื่นชมออกหน้าออกตาเช่นนี้ มณีจึงเลือกยิ้มสู้เข้าไว้ มิให้ตนนั้นเขินอายจนบิดตัว เพราะมณีถือตัวว่าตนเป็นผู้หญิงที่เก่งกล้า มิหวั่นไหวชายใด
“งั้นข้าไปก่อนนะ” เขากำลังจักยกมือไหว้ลาแม่มณี มณีก็รีบพูดดักขึ้นมาเสียก่อน
“ให้ข้าไปส่งดีฤๅไม่เจ้าคะ”
“ไม่ดีกว่า ข้าเป็นผู้ชายหนาแม่มณี ข้าดูแลตัวเองได้” เขาเผยรอยยิ้มไปถึงดวงตาด้วยความเอ็นดูแม่มณีที่ช่างเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเมตตาและใส่ใจกระไรเช่นนี้
“ถึงอย่างไรเสีย ข้าก็อยากขอบคุณสำหรับวันนี้หนาเจ้าค่ะ” แม่มณียืนยันที่จักเดินออกไปส่งคุณเชิง
“งั้น... ไว้วันพรุ่งเจ้ามาร่วมสืบคดีกับข้าดีฤๅไม่ คุณหมื่นมณี สิงหดาบ หญิงแกร่งในหน่วยสืบสวนนภาราม” เขาเผยรอยยิ้มกว้างอย่างยินดียินใจให้กับแม่มณี
“ทะ ทะ ท่านคือ” แม่มณีเริ่มพูดติด ๆ ขัด ๆ ด้วยความตกใจ ไยเขาถึงรู้ว่าเธอเป็นใคร ก่อนจักอ้าปากพะงาบ ๆ เพราะพูดไม่ออก
“ขอโทษที่แนะนำตัวช้าหนาขอรับ กระผมหลวงอัคคัญญ์ หน่วยสืบสวนนภาราม” เขาแนะนำตัวกับแม่มณีอีกครั้งก่อนจักเดินจากตรงนั้นปล่อยให้แม่มณีงุนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครานี้
“คุณหลวงอัคคัญญ์…”
เช้าวันใหม่ ณ อาคารสืบสวนเขตหมู่บ้านรัตติกาล
“ไยเจ้าถึงตามข้ามาถึงที่ทำงานฤๅแม่มณี” เสือถามน้องสาวตนที่เอาแต่เดินตามหลังมาตั้งแต่เช้ามืด
“ข้ามิได้ตามพี่เสือหนา ข้าแค่มาตามคำสั่งของคุณหลวง” มณีพูดส่ง ๆ ไปพร้อมกับมองหาคุณหลวงเชิงที่ปรากฏตัวเมื่อวานนี้
“คุณหลวง? ผู้ใดฤๅ?” ข้าถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง เผยรอยยิ้มแฝงความข้องใจจนกระทั่งหนุ่มชายร่างสูงกว่าเสือ เดินเข้ามาทักทายทั้งสองคนที่กำลังพูดคุยกัน
“มากันแล้วฤๅขอรับ”
“อย่าบอกนะว่านี่คือ...” เสือยกนิ้วชี้ไปทางคุณหลวงอัคคัญญ์ที่ประคองร่างกายของเสือมาส่งที่เรือนเมื่อคืนนี้ เสือเบิกดวงตากว้างอย่างตกตะลึง
แม่มณีพยักหน้าตอบอย่างให้เข้าใจง่าย ๆ พร้อมยกแขนขึ้นมากอดอกแล้วเผยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขและภูมิใจในขณะเดียวกัน
ณ ห้องทำงานส่วนตัวของพระยาตุลธรธยศ
“เหตุใดถึงต้องเอาหน่วยสืบสวนลับจาก สน.เหนือนภาด้วยขอรับ เรื่องนี้ไม่เห็นเกี่ยวข้องกันเลยนิขอรับ” ข้าถามอย่างไม่เข้าใจเหตุผลกระไรจึงต้องเอาสายสืบสวนจากดินแดนเหนือมาสืบสวนเรื่องของหมู่รัตติกาลด้วย ทำให้ผู้พระยาตุลธรธยศที่นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของตนถอนหายใจอึดใจ
“เจ้าก็รู้ว่าผู้รับผิดชอบคดีเกี่ยวกับหมู่บ้านรัตติกาลเสียชีวิตคนไปหลายคนแล้ว ไหนจักเป็นบ้า สติแตกอีก ทางผู้ใหญ่เห็นด้วยกับการให้ความร่วมมือในครั้งนี้” พระยาตุลธรธยศพูดด้วยความคิดเห็นที่ถูกลงชื่อเห็นด้วยกับเรื่องนี้กันมาอย่างดีแล้ว
“แต่เรื่องนี้กระผมมั่นใจว่าสามารถจัดการได้หนาขอรับ”
“เอาหน่าเสือ คิดเสียว่าได้มีคนเข้ามาช่วยผ่อนแรงให้ก็แล้วกัน” พระยาตุลธรธยศพูดจบก็รีบยื่นเอกสารบางอย่างให้ข้า คงจักเป็นเอกสำคัญมาก ๆ เลยสินะในนั้นคงจักเป็นข้อตกลงในการร่วมมือระหว่างกันอย่างแน่นอน ข้ารีบตอบตกลงทันทีเพื่อความสบายใจ
“ก็ได้ขอรับ” จบประโยคนี้ข้าก็โค้งตัวอย่างสุภาพก่อนจักเดินออกจากห้องนี้ไปยังอีกห้องนึง ฝ่ามือหนาเปิดประตูออกไปเห็นทั้งแม่มณี หลวงอัคคัญญ์และลูกน้องอีกสองคนนั่งรอในห้อง ระหว่างก่อนเดินเข้ามาในห้องได้เปิดแฟ้มดูผลงานของน้องสาวเสียก่อน
“เจ้าเป็นหมื่นมณีของหน่วยสืบสวนนภารามจริง ๆ ฤๅเนี่ย” ข้าพูดจาหยอกล้อน้องสาวด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เห็นน้องสาวเป็นถึงหมื่น
“เป็นไงล่ะ เท่ใช่ม้า” แม่มณีพูดด้วยความตื่นเต้นและภูมิใจในตัวเองยิ่งนัก
“เก่งนะเนี่ย” ข้าชมพร้อมยกฝ่ามือข้างขวาลงบนศีรษะของแม่มณีแล้วลูบเบา ๆ เอ็นดูเจ้านัก ไม่คิดว่าเจ้าจักเติบโตมาได้ดีขนาดนี้
“อย่าบอกพ่อล่ะกัน” แม่มณีรีบพูดดักก่อน
“แล้วที่ผ่านมารอดมาได้ไง”
“โกหกเอานะ”
เมื่อ ๒ ปีก่อนมณีได้ออดอ้อนเจ้าคุณพ่อขึ้นเหนือตามพี่สาวอย่างแม่พวงทองเพื่อไปศึกษาวิชาเฉพาะทางโรงเรียนกุลสตรีที่ขึ้นชื่อทางเหนือเป็นอย่างมาก แต่เธอเป็นหญิงสาวที่ขยันขันแข็งเรียนควบทั้งสองอย่างจนแอบสอบเข้าข้าราชการสำเร็จและยังสำเร็จหลักสูตรกุลสตรีดีเด่นโดยมีแม่พวงทองช่วยอีกแรง
“ข้าว่ามาเริ่มคดีเก่า ๆ ของหมู่บ้านรัตติกาลก่อนดีกว่านะขอรับ” หลวงอัคคัญญ์รีบเข้าเรื่องทันที
“เด็กและผู้หญิงมักหายตัวไป จนชาวบ้านเชื่อเรื่องปีศาจของเรื่องเล่าในอดีต” จ่ามาบลูกน้องร่างสูงของหลวงอัคคัญญ์ดำเนินเรื่องคนแรก
“มีทั้งพบเป็นศพ เป็นบ้า และหายตัวไปเลย” จ่าลาลูกน้องคนตัวเตี้ยกว่ามาบต่อเรื่องให้อีกที
“แล้วพยานให้การว่าเยี่ยงไรบ้างฤๅเจ้าคะ” แม่มณีถามอย่างสงสัย
“บางคนบอกว่าพวกมันมีกันเป็นกลุ่ม ๆ เดี่ยว ๆ บ้าง อยู่บนเรือบ้าง อยู่ในที่ไหนสักที่บ้าง บางคนก็โดนข่มขู่ บางคนเล่าว่ามีคนโดนจับกิน” คราวนี้หลวงอัคคัญญ์เป็นฝ่ายพูด
“กินกันเอง?” เสือพูดด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวนี้ยังมีคนกินกันเองอีกฤๅเจ้าคะ” แม่มณีถาม
“เขาเชื่อกันว่าเนื้อมนุษย์อร่อยนัก แต่คนในหมู่บ้านนี้เขาชอบกินเนื้อวัวเป็นหลักกันอยู่แล้ว ก็เลยดูเป็นหมู่บ้านที่แปลกประหลาดสำหรับคนนอก” หลวงอัคคัญญ์หรือนายเชิงพูดพร้อมเปิดหลักฐานการสอบปากคำของผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แม่มณีหยิบสมุดสอบปากคำของคุณชิงมาอ่านแล้วขนลุกซู่กับทุก ๆ ประโยคที่คุณหลวงเชิงเขียนไว้
"หึ้ย!"
“อาวุธล่ะเจ้าคะ ได้เรื่องว่าเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ” แม่มณีรีบวางสมุดเล่มนั้นลงบนโต๊ะแล้วถามหาอาวุธในการฆาตกรรมหมู่บ้านรัตติกาล
“นั่นแหละที่น่าสงสัยที่สุด บ้างโดนแทง บ้างโดนวางยานอนหลับ บ้างโดนทำร้ายร่างกาย” นายเชิงพูดก่อนจักค่อย ๆ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดอกแล้วยกมือข้างขวาลูบคางอย่างช้า ๆ
“โหดร้ายเสียจริง” แม่มณีพูดออกไปตามความรู้สึกของตน
“แปลว่าไม่ใช่คดีแรก แต่เป็นคดีฆาตกรต่อเนื่อง” เสือถามคนตรงหน้า
“อืม” หลวงอัคคัญญ์พยักหน้ายืนยันว่าใช่
“แล้วคุณหลวงชัชพลคิดว่าเยี่ยงไรกับเรื่องนี้ฤๅไม่ขอรับ” ลาเอ่ยถาม
“เรียกเสือเฉย ๆ ก็พอนะขอรับ อืม ข้ารู้สึกว่าหมู่บ้านนี้มันแปลก ๆ และน่าจะมีเรื่องกระไรที่พวกเราคาดไม่ถึงเป็นแน่”
“ไม่รู้นะว่าสงสัยเรื่องเดียวกันฤๅไม่ แต่ว่าหมู่บ้านนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังและเบื้องหน้าชื่อยักษ์” นายเชิงเปิดประเด็นหัวข้อใหม่
“ไม่ใช่เจ้าพระยาธาราฤๅขอรับ” มาบลูกน้องของนายเชิงถามเพราะยังไม่รู้เรื่องนี้
“เจ้าพระยาธาราเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของหมู่บ้านนี้”
“หุ่นเชิด?” เสือรู้สึกงุนงงกับเรื่องนี้ ช่างซับซ้อนกระไรเช่นนี้
“อืม ข้าส่งคนปลอมตัวเข้าไปเป็นคนในหมู่บ้านนั้นมา ๔ ปีเจอแต่เรื่องแปลกประหลาดเต็มไปหมดเลย”
“เช่น!?”
“…” เสียงเงียบของคุณหลวงเชิงกำลังบอกนัยสำคัญพร้อมสายตาที่จริงจังหันไปสบสายตากับเสือ
ณ หมู่บ้านรัตติกาล
“ข้าว่าข้าขอไม่ยุ่งดีกว่า” เสือคนกล้าหาญหายไปเรียบร้อยแล้วหลังจากที่ได้ยินข่าวลือจากปากเชิงไปเมื่อไม่นานนี้
“เอาหน่าคุณเสือ ระดับคุณหลวงต้องรับมือกับเรื่องนี้ได้แน่ ๆ” ขวานลูกน้องของเสือพูดปลอบใจขึ้นมาหลังจากที่ตนได้ฟังข่าวลือจากปากนายเชิงระหว่างเดินทางมายังหมู่บ้านรัตติกาลจึงเอ่ยแกล้งคุณหลวงของตนเต็มเปี่ยมไปด้วยปริ่มยิ้ม
“นั่นสิ งานถนัดของพี่เสือเลย” แม่มณีเสริมอีกคน
“แต่ว่า…” เสือเริ่มละล้าละลังกับคำตอบอย่างไม่มั่นใจ
“มาแล้ว หลบก่อน” เชิงผู้ระแวดระวังรีบเรียกให้ทุกคนหลบด้านหลังพุ่มต้นไม้ขนาดใหญ่และยาวไปตามระเบียบที่เจ้าของพื้นที่จัดวางไว้
“กระไรฤๅ” มาบถาม
“เจ้าพระยาธารา” เพียงคำพูดของเชิงพูดชื่อนี้ ทุกคนก็หันไปมองหาเจ้าพระยาธาราที่เป็นจุดสนใจเดียวกัน ทุกคนเห็นพระยาธาราและเหล่าพรรคพวกกำลังขนกระไรบางอย่างออกจากโรงฆ่าสัตว์ มีขนาดใหญ่ราวกับเนื้อวัวชิ้นใหญ่ที่ถูกชำแหละออกมาอย่างดีพร้อมขนส่งนำจ่ายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ
“พวกเขาจักทำกระไรกันฤๅเจ้าคะ” มณีถามอย่างเบาเสียงมากที่สุดแต่ก็ไม่มีใครสามารถตอบได้เพราะถุงสีดำมันปกปิดข้างในได้ดีมาก
“ท่าทางจักไม่ดีแล้วแหล่ะ มาบ ลา พวกนายแยกตัวไปก่อน ถ้าติดตามพวกมันได้ก็ไปให้สุด แต่หากคิดว่ามันอันตรายเกินไปก็ถอยเลยนะ” เชิงออกคำสั่งก่อนที่ทั้งสองจักพยักหน้ารับคำสั่งคุณหลวงเชิงแล้วก็เดินแยกตัวออกไปทันที
“จักดีฤๅเจ้าคะ แยกตัวกันออกไปเช่นนี้” มณีถามเชิงอย่างเป็นห่วงทั้งสองคนนั้น
“เชื่อใจพวกเขาไว้เถิดแม่มณี ทั้งสองมีประสบการณ์มามากกว่าพวกเราเสียอีก” คุณหลวงเชิงพยายามสร้างความเชื่อมั่นในตัวของทั้งสองคนให้แม่มณีรับรู้
“เราควรแยกด้วยฤๅไม่ขอรับคุณหลวง” ขวานถามเสือ เห็นท่าทีเช่นนี้ช่วยอีกแรงก็คงจักช่วยได้มาก แต่รอคำสั่งจากปากคุณหลวงเสียก่อน
“ถ้ามันช่วยสะกดรอยตามได้อีกทางก็เอา ขวาน ศักดิ์” เสือออกคำสั่งแล้วทั้งสองก็พยักหน้าแบบที่มาบและลาทำก่อนจักเดินย่อง ๆ จากไปทันที
“ระหว่างนี้เราต้องจับตามองหาหลักฐานให้มากที่สุด” เชิงหันไปยังเจ้าพระยาธาราเช่นเคยพร้อมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ
“ไม่เห็นเอกสารส่งมอบสินค้าเลยนิเจ้าค่ะ” แม่มณีทักท้วงหาเอกสารส่งมอบสินค้าอย่างน่าสงสัย
“ไปแล้ว หลบก่อน เร็ว” เชิงพูดให้ทั้งสองคนรีบหลบทันทีหลังเห็นพรรคพวกของพระยาธาราเริ่มเคลื่อนไหวออกจากกงนี้
เจ้าของโรงฆ่าสัตว์เริ่มสงสัยตรงพุ่มไม้มันขยับแปลก ๆ ราวกับมีคนทำกระไรหลบ ๆ ล่อ ๆ แถวนี้
“ไปเร็ว ก่อนจักโดนจับได้เสียก่อน” เสือรีบทักอย่างเบา ๆ ทั้งสามรีบย่องออกจากพุ่มไม้ตามที่เสือออกความเห็นไป ถอยออกไปห่างไกลจากที่นี่จนกระทั่งคุณหลวงเสือเอ่ยถาม
“เอาไงต่อดี”
“ลองทำเป็นสอบถามชาวบ้านแถว ๆ นี้ดีฤๅไม่จักได้โดนสงสัยเอา” เชิงพูดขึ้น พร้อมส่งสายตาไปให้เสืออย่างเข้าใจ ทั้งคู่ต่างเข้าใจกันผ่านดวงตา เสือเลยพยักหน้าแล้วเดินมุ่งหน้าไปหาชาวบ้าน ทำตัวดำเนินการสืบสวนตามน้ำไปเรื่อย ๆ จนเจ้าพระยาธาราลงจากรถม้ามาเดินชื่นชมชาวบ้านแถวนี้ตามประสาผู้ใหญ่บ้าน นานมากแล้วที่เขาได้ปกป้องหมู่บ้านรัตติกาลมาโดยตลอด ทั้งสามเฝ้าสถานการณ์อย่างระมัดระวังตัวมากที่สุด
“ไยต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยล่ะพี่ชาย” ชาวบ้านคนหนึ่งที่สังเกตเห็นทีท่าของหลวงเชิงพอดีจึงเอ่ยทัก ทั้งสามคนตกใจทันทีที่มีคนเห็น โชคดีนักที่คนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน
“แสม สาร ษา พวกเอ็งจริง ๆ ด้วย” คุณหลวงเชิงเผยรอยยิ้มกว้างทักทายตามประสาคนรู้จักพร้อมเดินหลบหนีสายตาของพระยาธาราเสียก่อน พวกเขาต่างกอดคอกันกลมเกลียว ยกฝ่ามือตบหลังพวกเขาเบา ๆ
“มาทำกระไรกงนี้ฤๅขอรับคุณหลวง” แสมเอ่ยถามเชิงหรือคุณหลวงอัคคัญญ์ที่พวกเขารู้จักกันเป็นอย่างดี
“คดีรัตติกาลนะ” เพียงแค่ประโยคเดียวทั้งสามคนก็เข้าใจทันที ก่อนอื่นทั้งสามคนรีบพาเดินเข้าไปยังในบ้านของทั้งสามคนนี้ มีบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านรัตติกาลโดยอาศัยอยู่ร่วมกันทั้งสามคนเพื่อสืบสวนคดีรัตติกาลตามที่ได้รับมอบหมายมานาน
“ข้าขอแนะนำให้รู้จัก แสม สาร ษา เป็นทีมสืบสวนที่ข้าส่งมาให้สืบสวนหมู่บ้านนี้เอง แสม สาร ษา นี่คุณหลวงชัชพลหรือเสือเพิ่งได้รับตำแหน่งมาไม่นานนี้ ส่วนแม่หญิงคนนี้คือหมื่นมณี ตำแหน่งเดียวกับพวกเอ็งเลยนะ” เชิงพยายามแนะนำทั้งสองฝ่ายให้ได้รู้จักกันและกัน
“ในที่สุดรุ่นหลังก็มีผู้หญิงเข้ามาจริง ๆ ด้วย เจ้าคงลำบากมาก ๆ เลยสินะ ใครทำกระไรเจ้าบอกข้าได้เลย” แสมพูดเชิงหยอกด้วยความเอ็นดู
“นอกจากแม่หญิงแล้วก็ขอแสดงความยินดีให้กับคุณหลวงชัชพลหรือคุณเสือด้วยหนาขอรับ” สารเอ่ยด้วยความยินดี
“ขอบคุณขอรับ” คุณหลวงเสือยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนทันที ทั้งสามคนก็รับไหว้ตามมารยาทอันดีงาม
“พวกเอ็งพอจักรู้ฤๅไม่ ไยพระยาธาราถึงมาลงพื้นที่วันนี้แทนจักเป็นยักษ์” เชิงถามทั้งสามคนอย่างเป็นกันเอง
“ก็ตั้งแต่มีคุณหลวงคนใหม่มาหมู่บ้านนี้แล้วก็จบชีวิตแบบไม่ทราบสาเหตุจนทำให้เบื้องบนสงสัยในตัวของเจ้าพระยาธารา เจ้าพระยาธาราเลยต้องลงพื้นที่ออกหน้าออกตาดูแลชาวบ้านเช่นนี้แทบทุกวัน” แสมพูด
“แต่วันที่ข้ามาสืบคดีก่อนหน้านี้แล้วเกิดคดีที่นี่พอดี ไม่เห็นมีเจ้าพระยาธาราเลยหนาขอรับ” เสือพูดด้วยความสงสัยมันช่างย้อนแย้งกับคำพูดของแสมยิ่งนัก
“บอกแล้ว ไม่ใช่แค่ข้าที่สงสัยเหมือนกัน” ษาเอ่ยเถียงแสม
“เขาอาจจักไม่อยู่ก็ได้ไง” ทั้งสองเริ่มตีกัน
“ตอแหลทั้งสิ้น”
“เอ๊ะ นี่เอ็งจักหาเรื่องข้าใช่ฤๅไม่วะ”
“เอาหน่า ๆ พวกเจ้ามีสิทธิ์สงสัยเช่นนั้นได้ แต่เรามาหาคำตอบกันเถอะ” เชิงห้ามปรามก่อนจักพูดปลุกใจขึ้นมา
“แล้วพวกเราจักหาคำตอบกันเยี่ยงไรดีขอรับคุณเชิง” ษาเอ่ยถามด้วยความกวนตีนเพราะรู้ดีการที่คนสนิทอย่างพวกเขามาพูดจาดี ๆ ใส่กันคงพาขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“จับตาดูไปก่อน เผื่อเราจักได้กระไรมาบ้าง”
หลังสนทนากันเสร็จเรียบร้อย ทั้งเสือ เชิง แม่มณี แสม สาร และษาเดินออกมาจับตามองอยู่อย่างใกล้ชิดจนกระทั่งเจ้าพระยาธาราเดินเข้าทางที่เปลี่ยวในป่าทุ่งดอกบัวเพื่อพบกับใครบางคน ทำให้ทั้งหกคนต่างพากันย่องเข้าไปเงียบ ๆ
“ทางเรายังไม่พบพิรุธกระไรเลยขอรับ แต่คุณยักษ์มาด้วยสภาพแบบนี้จักไม่น่าสงสัยฤๅขอรับ” เจ้าพระยาธารารายงานการสืบสวนของตนให้คนที่ใส่ชุดราวกับชาวบ้านธรรมดาฟัง
“หากข้าไม่ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน คนก็สงสัยข้าสิว่ะ” เขาเอ่ยด้วยความหงุดหงิดในความโง่ของเจ้าพระยาธาราและแสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่าตนกำลังโมโหและหงุดหงิดปนกัน
“ไอ้เด็กนั่นมันเอาของไปซ่อนไว้ที่ไหนวะ ขนาดผ่านมา ๑๐ ปี ยังหาไม่เจอ รู้ฤๅไม่ว่าเจ้านายข้าโมโหมากเทียวนะ” ยักษ์โมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วเจ้าเด็กนั่น มันเป็นใครฤๅขอรับ” พระยาธาราถาม
“กล้าหาญ สิงหดาบ ลูกชายคนโตของพ่อค้ารายใหญ่แถวนี้เอง แม่ง!!เฮงซวยฉิบหายไอ้เด็กเวร”
ในขณะเดียวกันทั้งหกคนกำลังฟังในสิ่งที่ทั้งสองคนนั้นพูดจนเสือและแม่มณีได้ยินชื่อจริง นามสกุลของพ่อกล้า ลูกชายโตของตระกูลสิงหดาบที่เพิ่งจากโลกไปไม่กี่ปีนี้เอง
“พี่กล้า?” ทั้งสองพูดพร้อมหันหน้ามามองตากันอย่างตกใจ
“ไยข้ารู้สึกแปลก ๆ วะ” ยักษ์ถามด้วยความสังหรณ์ใจเล็กน้อยเลยเดินไปเรื่อย ๆ ทั้งหกคนก็รีบย่องหนีอย่างเงียบ ๆ ไม่ให้ยักษ์และพระยาธารารู้ตัว
ณ ทุ่งดอกบัว
“กระไรฤๅขอรับคุณยักษ์” เจ้าพระยาธาราหุ่นเชิดเอ่ยถามหลังสังเกตท่าทางของอีกฝ่ายอย่างผิดสังเกต
“ไม่มีกระไร ข้าแค่ระแวงไปเอง ไป” จบประโยคยักษ์จึงเดินนำก่อนแล้วเจ้าพระยาธารามองรอบ ๆ เพื่อสำรวจว่าไม่มีผู้ใดมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่จึงค่อยเดินตามยักษ์ไป
ในทุ่งดอกบัว มีดอกบัวมากมายหลากสีมีทั้งสีชมพูและขาวตัดไปด้วยสีเขียวขจีของใบบัวเต็มทุ่ง จู่ ๆ ใบบัวก็ถูกยกขึ้นอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ ถูกยกเพิ่มทีละใบเรียงรายกันเป็นระยะ
“ไปแล้วใช่ฤๅไม่เจ้าคะ” มณีถามพร้อมกลอกตาไปมาก่อนจักยอมยกใบบัวออกจากหัวของตน แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นเหนือน้ำ เสื้อผ้าของพวกเขาต่างอุ้มน้ำไว้ ทำให้หยดน้ำทั้งปวงค่อย ๆ ไหลลงสู่ทุ่งดอกบัวนี้ ทั้งมณี เสือ แสม สาร ษา และเชิง ไม่วายที่จักบิดน้ำที่ถูกขังบนเนื้อผ้าแล้วเสยปอยผมที่ติดอยู่บนใบหน้าออกไปข้างหลังเพื่อเปิดหน้าผากรับแสงแดดที่ส่องลงมายังพวกเขา
“เจ้าได้ยินชื่อพี่กล้าเหมือนข้าใช่ฤๅไม่แม่มณี” เสือโพล่งถามน้องสาวของตนทันที
“เจ้าค่ะ พวกมันเอ่ยถึงพี่กล้า ข้าได้ยินเต็มสองหูเลย”
“กล้า? คือผู้ใดฤๅ” แสมถามอย่างสงสัย เหตุใดทั้งสองพี่น้องถึงรู้จักคนที่ยักษ์พูดถึง
“พี่ชายของพวกเราเจ้าค่ะ”
“ข้าขอกลับบ้านก่อน ลาหนาขอรับ” เสือพูดจบรีบยกมือไหว้ก่อนเดินออกไปอย่างดื้อ ๆ
“พี่เสือ พี่เสือ จิ๊ ขอข้าลาก่อนหนาเจ้าค่ะ คุณเชิง พี่แสม พี่สาร พี่ษา” มณีเอ่ยลาพร้อมโค้งหัวเล็กน้อยให้ทีละคนก่อนจักเดินตามพี่ชายไป
“กลับบ้านดี ๆ หนาแม่มณี” แสมเอ่ยด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับเงื้อฝ่ามือของตนโบกมือลาอย่างเป็นมิตร
“น่าจักเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของเขาหนาขอรับคุณเชิง” สารหันมาพูดกับเชิง
“นั่นสิ ให้เวลาเขาสักหน่อยเนอะ แต่ตอนนี้ เห้อ ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ปะ” เชิงมองแผ่นหลังของคู่พี่น้องสิงหดาบอย่างห่วงใย ก่อนจักถอนหายใจเมื่อหันมาดูสภาพตนเองจึงชวนพวกแสมไปอาบน้ำดีกว่า
ณ เรือนสิงหดาบ
“เกิดกระไรขึ้นฤๅขอรับคุณเสือ คุณมณี ไยมีสภาพเป็นเยี่ยงนี้กันขอรับ” บ่าวชายนามว่าภูมิเป็นบ่าวคนสนิทของพ่อเสือเอ่ยด้วยความตกใจจากสภาพที่ตนมองเห็นด้วยตาเปล่า สภาพของคุณเสือและคุณมณีเปียกโชกเต็มไปด้วยโคลนดำและเศษดอกบัวติดมาตามเสื้อผ้า
“เกิดเรื่องนิดหน่อยนะ” เสือตอบบ่าวคนสนิทให้หายห่วง
“พวกมันขี้ระแวงเหลือเกินเจ้าค่ะพี่เสือ” มณีหันไปคุยกับพี่ชายของตนทั้งที่ฝ่ามือของตนกำลังจัดการโคลนดำและเศษดอกบัวออกจากเรือนร่าง
“นั่นสิ ข้าว่าพวกมันจักต้องมีเรื่องที่เราคาดไม่ถึงไว้เป็นแน่”
“แล้วพวกเราจักสืบกันเยี่ยงไรกันดีล่ะพี่เสือ”
“ทางเดียวคงจักต้องปลอมตัวเป็นพวกมันแล้วล่ะ”
“เสี่ยงเกินไปหนาเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากให้พี่เสือทำเยี่ยงนั้นดอกเจ้าค่ะ”
“มณี หากเรามิทำเช่นนี้ เราจักไม่มีทางรู้เลยว่าหมู่บ้านนี้มีความลับกระไรซ่อนพวกเราอยู่”
“แต่ก่อนอื่นหนาขอรับ คุณเสือกับคุณมณีต้องไปอาบน้ำอาบท่าก่อนหนาขอรับ หากคุณท่านมาเห็นคุณเสือกับคุณมณีสภาพนี้จักแย่เอาหนาขอรับ” บ่าวภูมิขัดจังหวะพอดีเพราะอีกไม่นานก็จักใกล้เวลาได้รับประทานอาหารแล้ว หากคุณท่านเห็นต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ ๆ เขานั้นกระวนกระวายใจทำให้เขาเผลอขมวดคิ้วมุ่นเข้าหาเล็กน้อย
“ฝากเจ้าเอาของไปเก็บที่ห้องข้าทีนะ” เสือยกของบางอย่างที่ห่อด้วยผ้าสีขาวถือติดมือมาส่งให้กับมือบ่าวภูมิก่อนจักเดินออกไปอาบน้ำอาบท่า
“ขอรับ”
บ่าวหญิงในครัวกำลังจัดเตรียมอาหารให้คุณท่าน ทุกคนต่างพากันวุ่นวายในครัวกัน บ่าวรับใช้หญิงคนหนึ่งกำลังหั่นเนื้อสะโพกวัวเป็นชิ้นหนา ๆ เป็นวัวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างมีคุณภาพที่ดีจากหมู่รัตติกาล และแม่นางอีกคนกำลังตำพริกแกงเขียวหวาน ใส่ตะไคร้ ขมิ้น ตำจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นเริ่มจุดเตาก่อไฟด้วยฝืนไม้ที่ถูกตัดมาโดยบ่าวชาย ตั้งหม้อขึ้นบนเตา ตักพริกแกงเขียวหวานใส่ลงในหม้อ เทน้ำมันรำข้าวเพิ่มความนัวและความหอมลงไป เติมกะทิลงแล้วผัดให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง รอจนเดือด เมื่อเดือดแล้วหยิบเนื้อวัวชิ้นหนาที่หั่นไว้อย่างดีใส่ลงไปในหม้อตามด้วยตะไคร้ ใบมะกรูด แล้วปรุงด้วยเกลือ น้ำปลา และน้ำตาลมะพร้าว เมื่อเสร็จแล้วตักออกมาใส่ภาชนะที่เตรียมไว้
อาหารมื้อนี้มีชื่อว่า แกงระแวงเนื้อ นอกจากแกงระแวงเนื้อแล้วยังมีปลาแห้งแตงโมอีกด้วย
เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ทุกคนต่างมารวมตัวกันและรับประทานอาหารอย่าเงียบ ๆ อย่างไม่มีกระไรเกิดขึ้น จนรับประทานอาหารเสร็จเสือขอแยกตัวออกไปข้างนอก
“พี่พวงทองเห็นพี่เสือฤๅไม่เจ้าคะ” มณีถามแม่หญิงผู้เป็นพี่ใหญ่ฝ่ายผู้หญิงกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ใต้เรือนกับพ่อสิน
“เห็นเดินออกไปเมื่อครู่นี้เอง มีกระไรฤๅไม่แม่มณี” พวงทองถามน้องสาวที่กำลังกังวลใจแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน
“ก็วันนี้จิตใจของพี่เสือแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยหนาเจ้าค่ะ” มณีเอ่ยด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่ง
“เรื่องกระไรฤๅแม่มณี” พวงทองเอ่ยถามด้วยความอยากรู้พร้อมกับตบแผ่นไม้สักเบา ๆ เพื่อเรียกให้น้องสาวนั่งลงเคียงข้างตน
“หากข้าเล่าให้ฟังแล้วได้โปรดเก็บเป็นความลับด้วยหนาเจ้าค่ะ” มณีพูดอย่างลำบากใจก่อนจักเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่สาวของตนฟัง
ณ หอเหม่ยลี่หยาดสีหยก
ในยามรัตติกาลอันแสนสงบนี้จักมีเพียงหอเหม่ยลี่หยาดสีหยกที่ไม่ได้เงียบสงบเหมือน ๆ กับร้านอื่น
“คุณเสือเจ้าคะ” นางโลมในหอเหม่ยลี่หยาดสีหยกสวมชุดจีนนามว่าโบตั๋นเรียกชื่อคนที่เอาแต่ดื่มเหล้าจนไม่สนใจผู้ใดเลย
“มีกระไรฤๅ” เสือถามหญิงสาวก่อนจักยกซดเหล้าอีกรอบจนหมด ทำให้โบตั๋นพยายามเลื่อนเหล้าในมือของเสือออก เพราะเสือเอาแต่สนใจน้ำเมามากกว่าแม่นาง
“ข้าขอนั่งด้วยได้ฤๅไม่ พี่ชายข้า” ชายร่างหนาเดินเข้ามานั่งแล้วพูดขึ้นก่อนจักยกเหล้าซดเช่นกัน เขาไม่เพียงเดินมาคนเดียวยังมีหญิงสาวสามนางเดินตามมาด้วย
“ไม่คิดเลยหนาว่าจักเจอเอ็งที่นี่กับเขาด้วย”
“หึ ข้ามาที่นี่ไม่แปลกใจนักดอก ว่าแต่พี่เถอะ ไยถึงก็อยากมาที่นี่เสียล่ะ”
“แค่อยากลืม”
“เรื่องกระไรฤๅ”
“เห้อออ ช่างมันเถอะ”
“แล้วแต่หนา”
“วันนี้ไม่ได้ไปหาเมียเอ็งฤๅ เดื่อ” พี่ชายอย่างเสือเอ่ยแซวคนเจ้าเล่ห์แพรวพราวกงหน้าเขา ผู้เป็นน้องชายต่างแม่ที่เติบโตและเรียนรู้ทุกอย่างมาด้วยกัน
“คุณเดื่อมีเมียแล้วฤๅเจ้าคะ น่าเสียดายจังเลยเจ้าค่ะ”
“นางงามฤๅไม่เจ้าคะ”
“ชื่อกระไรฤๅเจ้าคะ”
“งามกว่าข้าฤๅไม่เจ้าคะ” ทั้งสามนางพยายามแย่งกันถามคำตอบกับเดื่อหนุ่มเจ้าเล่ห์คนนี้ แม้เจ้าคนแพรวพราวจักเป็นบุตรต่างแม่ยังคงมีความคมคายหล่อเหลาไม่ทิ้งท้ายจากผู้เป็นพ่อ
“ณ เพลานี้พวกเจ้างามที่สุดนะ” เดื่อไม่รู้จักตอบคำถามไหนก่อนดีเลยตัดบทออกไปก่อนดีกว่า
“พวกเจ้ารู้จักหมู่บ้านรัตติกาลกันฤๅไม่” เสือเอ่ยถามด้วยไม่ได้คิดกระไรและไม่ได้คาดหวังคำตอบว่าจักออกมาเป็นแบบไหน
“ข้าเกิดที่นั้นเจ้าค่ะ” หญิงงามนางหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เดื่อเอ่ยขึ้น
“แล้วไยถึงย้ายมาอยู่ที่นี่ล่ะ” เสือถาม
“ความลับหนาเจ้าค่ะ หากคุณเสือยอมนอนกับข้าคืนนี้ ข้าจักยอมเล่าให้ฟังเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่หวงก้างดอกหนา” เดื่อยกยิ้มดักทันทีที่พี่ชายหันมามองหน้าอย่างเข้าใจ
ในค่ำคืนนี้พี่น้องทั้งสองคนต่างนอนอยู่ในหอเหม่ยลี่หยาดสีหยกค่อนคืนจนเช้าวันใหม่ หญิงงามยังคงนอนอยู่เคียงข้างพ่อเสือ ส่วนพ่อเดื่อนอนอีกห้องกับหญิงงามห้าคน เก็บตกระหว่างเดินขึ้นห้องมาด้วย แม่หญิงตื่นหลังได้ยินใต้หอส่งเสียงดังขึ้นมายังข้างบนก่อนจักชันตัวลุกเดินไปเปิดม่านรับแสงพระอาทิตย์ยามเช้า
“อืมมม เช้าแล้วฤๅ” เสือถามหญิงงามที่นอนด้วยทั้งที่ยังไม่ลืมตาเพราะเธอเปิดผ้าม่านจนแสงสว่างจากตะวันส่องแสงเข้ามาทำให้เสือรู้สึกตัว แต่แสงสว่างเจิดจ้านั้นทำให้เสือมิสามารถลืมตาได้ในทันที
“คุณเสือเจ้าคะ หมู่บ้านนั่นอันตรายเกินไปหนาเจ้าค่ะ ถือว่าข้าขอร้องนะเจ้าค่ะ อย่าไปเลยหนาเจ้าค่ะ” เธอพยายามห้ามพ่อเสือพร้อมมองด้วยสายตาห่วงใย
“มีบางอย่างทำให้ข้าจำเป็นต้องเข้าไปนะ” เสือพูดอย่างลำบากใจเล็กน้อยหลังถูกเธอขอร้องด้วยสายตาออดอ้อน
“แต่การปลอมตัวเข้าไปมิใช่เรื่องง่ายเลยหนาเจ้าค่ะ คุณเสือลองหาคนที่คิดจักหนีออกจากหมู่บ้านนั้นร่วมมือดีกว่าฤๅไม่เจ้าคะ”
“เดี๋ยวข้าจักลองหาดู แล้วถ้าเจ้ากลับเข้าไปหมู่บ้านนั้นจักมีกระไรเปลี่ยนแปลงไปฤๅไม่” เสือถามด้วยความสงสัย
“คุณเสือเจ้าคะ เรื่องที่ข้าเล่าให้วันนี้และเมื่อคืนช่วยเก็บไว้เป็นความลับด้วยหนาเจ้าค่ะ แม้ข้าจักหนีรอดมาได้ แต่ข้าเชื่อว่าสักวันพวกมันต้องคิดว่าข้ารู้กระไรแน่ ๆ ส่วนเรื่องที่ว่าหากข้ากลับไปยังหมู่บ้านนั้นแล้วมีคนยังจำข้าได้คงโดนบูชาให้ปีศาจย่านนั้นแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าพอจักเล่าเรื่องปีศาจภูเขาให้ข้าฟังหน่อยได้ฤๅไม่”
“สัญญากับข้าก่อนหนาเจ้าค่ะ จักไม่บอกเรื่องนี้กับใครและคุณเสือก็อย่าไว้ใจใครในย่านนั้นด้วยหนาเจ้าค่ะ”
“ข้าสัญญา”
“พระยาธาราเจ้าค่ะ ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดคือพระยาธาราเจ้าค่ะ”