เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

สิงหดาบ - ตอนที่ ๓ พ่อเสือแปรพักตร์ โดย ปิ่นไทวา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สิงหดาบ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

สิงหดาบ โดย ปิ่นไทวา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

ผู้แต่ง

ปิ่นไทวา

เรื่องย่อ

สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ

สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ

ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน 

ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน

เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน

ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ

ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด

เพราะสมองอันล้ำค่า

 

นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น                 

เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง 

 

TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)

การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก) 

การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)

ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง 

ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)

โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด 

คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส

 

แนะนำตัวละคร นายเอก

 

Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho

ชื่อ : เสือ

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง 

ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย

ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้

Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker

พระเอก 

ชื่อ : เชิง

ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ

ฉายา : พ่อเชิงปากหมา

พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ

 

 

Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_

ชื่อ : กล้า

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์

ถึงเวลาของข้าแล้ว...

 

ชื่อ : มณี

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ

ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน

 

ชื่อ : พวงทอง

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย

ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี

ฉายา : แม่นม

อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า

 

ชื่อ : สิน

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย

ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย

นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ 

อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ

 

ชื่อ : เดื่อ 

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง

นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป

ตำแหน่ง : ความลับ

แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง

 

ชื่อ : สุข

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)

นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย

ข้ากลัว...

 

ชื่อ : จันทร์

อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)

นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด

 

ชื่อ : นิ่มนวล

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา

นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย 

 

ชื่อ : แย้ม 

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด

 

ชื่อ : บังอร

อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ

 

ชื่อ : เดช 

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย

 

ชื่อ : จ้อย

อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ

นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย

ตำแหน่ง : ความลับ

 

ชื่อ : ชาญ

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง

นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว

 

ลำดับพี่น้อง 

พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช

 

คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ

คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี

สารบัญ

สิงหดาบ-ตอนที่ ๑ คดีฆาตกรรมหมู่บ้านรัตติกาล,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒ พระยาธารา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๓ พ่อเสือแปรพักตร์,สิงหดาบ-ตอนที่ ๔ (๑/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๔ (๒/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๕ เชษฐวิรุฬห์ คุณหลวงชาญ...,สิงหดาบ-ตอนที่ ๖ ป่ามนต์ทัช,สิงหดาบ-ตอนที่ ๗ (๑/๒) เผ่ากินคน,สิงหดาบ-ตอนที่ ๗ (๒/๒) เผ่ากินคน,สิงหดาบ-ตอนที่ ๘ (๑/๒) บู้มบู้มตัวน้อยไม่สบาย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๘ (๒/๒) บู้มบู้มตัวน้อยไม่สบาย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๙ (๑/๒) อดีตตรีทิพย์ทิศ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๙ (๒/๒) อดีตตรีทิพย์ทิศ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๐ (๑/๒) กรกาณฑ์ อดีตตรีทิพย์ทิศปรากฎตัว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๐ (๒/๒) กรกาณฑ์ อดีตตรีทิพย์ทิศปรากฎตัว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๑ (๑/๒) ปีศาจโชนผู้ว่องไวลำดับที่สาม,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๑ (๒/๒) ปีศาจโชนผู้ว่องไวลำดับที่สาม,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๒ (๑/๒) สุสานยาพิษใต้น้ำลึก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๒ (๒/๒) สุสานยาพิษใต้น้ำลึก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๓ (๑/๒) ปีศาจปรุงยาพิษและยารักษาอย่างแก้วตา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๓ (๒/๒) ปีศาจปรุงยาพิษและยารักษาอย่างแก้วตา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๔ (๑/๒) พ่อกล้าตัวจริงปรากฎตัวแล้ว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๔ (๒/๒) พ่อกล้าตัวจริงปรากฎตัวแล้ว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๕ (๑/๒) ลูกกล้ากลับบ้านเถิด,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๕ (๒/๒) ลูกกล้ากลับบ้านเถิด,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๖ (๑/๒) ย้อนรอยอดีตของพ่อกล้า,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๖ (๒/๒) ย้อนรอยอดีตของพ่อกล้า,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๗ (๑/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๗ (๒/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๘ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๘ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๙ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๒,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๙ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๒ ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๐ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๐ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๑ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๔,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๑ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๔ ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๒ (๑/๒) ความลับใด ๆ ก็ไม่อาจเก็บไว้ได้ตลอดกาล ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๒ (๒/๒) ความลับใด ๆ ก็ไม่อาจเก็บไว้ได้ตลอดกาล ,สิงหดาบ-แจ้งข่าวสารครั้งที่ ๑ ...

เนื้อหา

ตอนที่ ๓ พ่อเสือแปรพักตร์

“หึ เจ้าเสือมันเอาอีกแล้ว” ผู้เป็นบิดาเฝ้ามองดูลูกชายจากไกล ๆ โดยนั่งอยู่ในศาลาพักพิงใต้เรือนขนาดเล็กเอ่ยด้วยความหนักใจ แต่ก็ทำได้แค่ทำใจต่อไป เด็กวัยนี้กำลังซน ๆ ได้ที่เลย เสือเดินคู่มากับหญิงงามที่ร่วมนอนด้วยกันเมื่อคืนนี้

“ข้าไหว้ขอรับคุณพ่อคุณแม่” เสือยกมือไหว้ผู้มีพระคุณและผู้ให้กำเนิดตนมาเยี่ยงดีเอ่ยทักทายยามรุ่งวันใหม่โดยที่รู้ดีว่าเช้าวันนี้มิได้เข้าร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัวเพราะตนเองหนีเที่ยว เลยพยายามเปลี่ยนบรรยากาศเครียดตึงให้เบาลงด้วยการแนะนำผู้หญิงคนใหม่ให้รู้จัก

“แม่หญิงคนนี้ แม่ข้าวตังหนาขอรับ”

“ข้าไหว้เจ้าค่ะ คุณพ่อคุณแม่” แม่หญิงข้าวตังรีบยกมือไหว้อย่างเป็นมารยาท ทางคุณพ่อและคุณแม่ก็รับไหว้หญิงสาวทันที แม้จักไม่ค่อยถูกใจกับแม่หญิงคนนี้นักจึงเลือกเบือนหน้าหนีอย่างลำบากใจก่อนหันหน้ามารับแขกด้วยการยิ้มแย้มให้แม่นาง

“ข้าชื่อมณีหนาเจ้าค่ะ” มณีเข้ามาได้ยินพอดีก็เลยเลือกเข้าไปแนะนำตัวเองให้หญิงสาวของพี่ชายให้รู้จักไว้พร้อมกับยกฝ่ามือทั้งสองประนมมือไหว้โค้งศีรษะเล็กน้อย

“เจ้ามาก็ดีเลยมณี ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าพอดี” เสือพูดยังไม่ทันจบรีบลากตัวแม่หญิงข้าวตังและแมณีไปที่ศาลาริมน้ำในสวนของเรือนสิงหดาบ

 

ณ ศาลาพักพิงริมท่าน้ำเรือนสิงหดาบ

“พี่เสือจักปลอมตัวเข้าไปเป็นคนงานของพระยาธาราฤๅเจ้าคะ มิได้หนาเจ้าค่ะ ข้าไม่เห็นด้วยหนาเจ้าค่ะ” มณีไม่พอใจกับความคิดนี้อย่างยิ่ง

“เราไม่มีทางเลือกแล้วหนามณี” เสือพูดด้วยความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่แม้มันจักเสี่ยงมากเกินไปแต่วิธีนี้แหละที่จักสามารถเข้าถึงพวกมันได้มากที่สุด

“แต่ว่า...” มณีพยายามห้ามและหาวิธีทางอื่น แต่สุดท้ายมันก็สิ้นคิดจริง ๆ ไม่เหลือวิธีไหนอีกแล้ว

“จากนี้ไปเจ้าต้องดูแลแม่หญิงข้าวตังให้ดีที่สุด เธอเป็นพยานคนสำคัญในคดีนี้” เสือมอบคำสั่งส่งท้ายก่อนจักหายตัวไปให้กับแม่มณี

“ฮะ!! ขะ...ข้าคิดว่าพี่ข้าวตังเป็นเมียพี่เสียอีก” มณีพูดด้วยเลิ่กลั่กเล็กน้อย ก่อนจักโค้งหัวเล็กน้อยเพื่อขอโทษเธอที่เข้าใจเธอผิด

“คิดเสียว่าแม่ข้าวตังเป็นเมียพี่ล่ะกัน แล้วก็ส่งคนไปเฝ้าหอเหม่ยลี่หยาดสีหยกมากที่สุดเท่าที่ทำได้ จับตามองพวกทหารหรือคนงานจากหมู่บ้านรัตติกาลเอาไว้ ทางหอเหม่ยลี่หยาดสีหยกพร้อมให้ความร่วมมือกับเรา แต่ว่าแม่หญิงข้าวตังจัดว่าเป็นพยานคนสำคัญมากที่สุด ข้าจึงจำเป็นต้องเอาแม่ข้าวตังมาอยู่ร่วมเรือนของเราไปก่อน”

“แล้วเจ้าคุณพ่อรู้เรื่องนี้ฤๅไม่เจ้าคะ”

“ข้าไม่มีเวลาแล้วหนาแม่มณี เจ้าทำเยี่ยงไรก็ได้ให้แม่ข้าวตังได้อยู่เรือนนี้ อยู่ภายใต้การดูแลของคนของเราให้ดีที่สุด ข้าฝากเจ้าจัดการทุกอย่างด้วยล่ะ” จบประโยคบทสนทนานี้เสือก็รีบเดินออกไปจากเรือนสิงหดาบทันที ปล่อยให้แม่มณีและแม่หญิงข้าวตังอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง

“ข้าขอโทษหนาเจ้าค่ะ” แม่หญิงข้าวตังรู้สึกเสียใจแทนแม่มณีเลยเอ่ยคำขอโทษออกมา เพราะเห็นสีหน้าของแม่มณีเศร้าสร้อยอย่างผิดหวัง ดวงตาของเธอซ่อนความนัยทั้งห่วงใยทั้งคะนึงหา เธอพยายามห้ามพี่ชายสุดกำลังที่มี แต่พี่ชายของเธอกลับเลือกกระทำเช่นนั้นต่อไป

“ไม่เป็นไรดอกเจ้าค่ะ พี่ชายข้าอาจจักไม่ค่อยพูดเหตุผลกระไร แต่ข้าเชื่อว่าพี่ข้าตัดสินใจทุกอย่างมาเป็นอย่างดีแล้ว ส่วนเรื่องที่พักอาศัย อาหาร ข้าวของเครื่องใช้ข้าจักให้บ่าวจัดเตรียมมาให้หนาเจ้าค่ะ เป็นไปได้อย่าออกจากเรือนนี้หนาเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจักพาไปชมเรือนของเราก่อนหนาเจ้าค่ะ” แม่มณีพูดพร้อมทั้งยังเผยรอยยิ้มไร้ความกังวลใด ๆ ก็เดินนำทางให้แม่หญิงข้าวตังชมบ้านชมเรือน

ในขณะเดียวกันทางแม่แย้ม หญิงสาวที่มีใบหน้าสละสลวย ทาปากสีแดงเข้ม มีไฝข้างมุมปากซ้าย และมีสายตาที่ดุคมกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนเรือนก็เห็นหญิงสาวที่ไหนไม่รู้และไม่รู้หน้ารู้ใจมาก่อนขึ้นมายังเรือนนี้

“เจ้าเป็นใคร กล้าดีเยี่ยงไรขึ้นมาบนเรือนของข้า” แม่แย้มรู้สึกไม่พอใจกับการที่มีผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่คนในเรือนขึ้นมาบนเรือนเพราะเธอกลัวนักว่าการที่มีผู้หญิงขึ้นเรือนเช่นนี้คงจักเป็นเมียของใครสักคนในบรรดาพี่น้องเป็นแน่ ซึ่งเธอไม่ยอมรับและไม่ไว้วางใจเหล่าผู้หญิงคนนอกเหนือจากพี่น้องของตน เธอเป็นถึงลูกสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไรเชียว แม้จักไม่ได้กำเนิดก่อนใครก็เถอะ เธอก็ยอมรับไม่ได้ที่จักมีคนมาแย่งตำแหน่งและอำนาจบารมีหญิงสาวในเรือนแห่งนี้ทั้งที่จริง อำนาจผู้หญิงในเรือนนี้มักจักตกเป็นของลูกเมียเอกอย่างแม่มณีเสมอ แต่แม่มณีกลับมิได้ต้องการอำนาจการตัดสินใจในบ้านใด ๆ จึงขอยกอำนาจการตัดสินใจนี้ให้กับแม่พวงทองเพียงคนเดียว และยังเป็นเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องฝ่ายหญิงได้ล่วงรู้ความลับของแม่มณีที่เก็บมาแสนนาน แต่ยังไม่ทางการจึงทำให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นจนได้

“แม่นางคือแม่หญิงข้าวตัง จากนี้ไปแม่หญิงข้าวตังจักเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรือนของเรา เพราะเขาเป็นเมียของพี่เสือเจ้าค่ะ” แม่มณีแนะนำตัวแม่หญิงข้าวตังให้คนที่เหลือบนเรือนสิงหดาบได้รู้จักกับเมียคนแรกของพ่อเสือที่ออกหน้าออกตาให้ได้รู้จักกับในคนครอบครัวเป็นครั้งแรก

“หึ คิดจักเป็นเมียเอกของพี่เสืองั้นฤๅ รู้ฤๅไม่ว่าพี่เสือคว้าเมียมาทั้งประเทศนี้แล้วกระมัง เอ็งมิใช่คนแรกแน่นอน หึ เมียคนแรกที่ออกหน้าออกตารู้จักกับคนในเรือนคนแรก เลือกให้ดีกว่านี้หน่อยก็มิได้ ถึงได้คว้าเอานางไม้นางเรือนที่ไหนก็ไม่รู้มาทำเมีย ใฝ่ต่ำนัก แล้วเจ้าก็อย่าแม้แต่คิดจักเหยียบหัวข้าล่ะกัน ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่” แม่แย้มข่มขู่แม่หญิงข้าวตังทันทีหลังจากที่แลมองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

“แต่ถึงอย่างไรเสีย เขาก็เป็นพี่สะใภ้ของเราหนาแม่แย้ม ให้เกียรติแม่นางด้วยสิเจ้าค่ะ อีกอย่างคงมิใช่นางไม้นางเรือนที่ไหนดอกเจ้าค่ะ นางไม้ใดจักงดงามถึงเพียงนี้กันหนา คงมีแต่นางฟ้านางสวรรค์เท่านั้นที่มักถูกนางมารร้ายริษยาเพียงนี้” แม่พวงทองที่กำลังนั่งร้อยมาลัยได้ยินเข้าก็รีบพูดจาเหน็บแม่แย้มทันที

“นี่!!” แม่แย้มกระแทกเสียงใส่แม่พวงทองก่อนจักเห็นบ่าวคนสนิทของคุณหญิงสร้อยเดินเข้ามาเห็นเข้าก็เลยเลือกเบือนหน้าหนีหันไปหาเรื่องหญิงสาวคนใหม่

“งั้นบอกไว้ก่อน อย่าคิดที่จักใช้อำนาจความเป็นพี่สะใภ้มากดหัวข้าเด็ดขาด” พูดจบก็เดินออกไปจากตรงนั้นพร้อมบ่าวรับใช้เดินตามแม่นายไปด้วย บ่าวของคุณหญิงสร้อยส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความไม่พอใจกับการกระทำของแม่แย้มก่อนจักค่อย ๆ คุกเข่าคลานไปหาแม่พวงทองเพื่อบอกข่าวสารกระไรบางอย่างให้แม่พวงทองรับรู้ไว้เสียก่อน

“พี่ชื่อข้าวตังฤๅจ๊ะ” แม่นิ่มนวลลูกสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพาเอ่ยถามพี่สะใภ้ด้วยถ้อยคำสุภาพอ่อนโยนเหมาะสมกับใบหน้าอ่อนละมุนพร้อมปิดหนังสือที่เปิดทิ้งไว้เดินเข้าไปกุมมือของพี่สะใภ้แล้วเผยรอยยิ้มจริงใจให้อีกฝ่าย

“เจ้าค่ะ” แม่หญิงข้าวตังเริ่มรู้สึกเกรงกลัวคนในเรือนสิงหดาบนี้มากแล้วสิอาจเป็นเพราะไม่ใช่ถิ่นของตน เธอจึงลำบากใจจนแสดงสีหน้ากังวลออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ พวกเรายินดีต้อนพี่สะใภ้เสมอ แต่อาจจักมีใครบางคนปากเสียปากหมาไปหน่อย ประเดี๋ยวข้าจักพาพี่สะใภ้มาชมเรือนของเราเองนะจ๊ะ” แม่นิ่มนวลพูดจบก็จับมือพี่สะใภ้แล้วจูงมือนำชมเรือนสิงหดาบ

“เห้อ” เสียงถอนหายใจของแม่มณีดังจนไปถึงข้างในที่นั่งร้อยมาลัยของแม่พวงทอง โดยที่บ่าวของคุณหญิงสร้อยเพิ่งจักคลานตัวออกไปจากแม่พวงทองไปไม่นานนี้

“เจ้ามีกระไรไม่สบายใจฤๅแม่มณี” พี่สาวที่เคารพของแม่มณีเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงทั้งที่ในมือของตนนั้นยังคงร้อยมาลัยอยู่

“ข้าขอคุยกับพี่เพียงลำพังได้ฤๅไม่เจ้าคะ” แม่มณีถามคุณพี่พวงทองที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาร้อยมาลัยอยู่ เขาจึงชะงักหยุดร้อยมาลัยไปก่อนแล้วเงยหน้ามาพูดกับน้องสาว

“ได้สิ”

 

ณ ศาลาพักพิงหน้าเรือนในบ่อดอกบัว มีปลาตัวสีสันสวยงามว่ายน้ำวนไปมากันอย่างรื่นเริง เงาคนสองคนสะท้อนระยิบระยับบนผิวน้ำ

“เอาหน่า พี่เสือคงจักทำไปตามหน้าที่ของพี่เขาเท่านั้นเอง เจ้าอย่าได้คิดมากไปเลยหนาแม่มณี” พี่พวงทองพูดอย่างเข้าใจความคิดของพี่ชายหลังจากที่ฟังน้องสาวของตนเล่าเรื่องทั้งหมด

“แต่ว่างานนี้อันตรายเกินไปหนาเจ้าค่ะ ข้ากลัวเจ้าค่ะ ข้ากลัวจักเสียพี่เสือไปอีกคนเหมือนกับพี่กล้า” มณีพยายามพูดกลั้นน้ำตามากที่สุดจนสุดท้ายก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมา โชว์ด้านอ่อนแอที่อดกลั้นไว้ให้พี่สาวตรงหน้าเห็น

“เชื่อมั่นในตัวพี่เสือไว้สิ แม่มณี” แม่หญิงพวงทองรีบเข้ามาโอบกอดน้องสาวโดยฝ่ามือของแม่หญิงค่อย ๆ ลูบเรือนร่างของน้องสาวอย่างเบา ๆ

“ข้ากลัวจังเลยเจ้าค่ะ ตั้งแต่ที่พระยาธาราพูดถึงพี่กล้า ข้าก็กลัวไปหมดเลยเจ้าค่ะ” แม่มณีพยายามระบายความรู้สึกข้างในใจออกมาให้แม่หญิงพวงทองได้รับรู้ความรู้สึกของตน น้ำตาของเธอเอ่อล้นคลอเบ้าไหลหยดตามอิงแก้มจนลงสู่กรอบใบหน้าของเธอ

“โอ๋หนา น้องสาวข้า ไม่เป็นกระไรดอกหนา พี่เสือของเราเก่งกาจนัก อย่าได้เสียขวัญไปเลย อย่าลืมสิ พวกเจ้าทั้งสองคนต่างเชื่อมจิตวิญญาณกันและกันไว้ หากเจ้าอ่อนแอ พี่เสือก็คงจักอ่อนแอเหมือนเจ้าด้วยหนา” แม่หญิงพวงทองเห็นท่าทางไม่ดีแล้วจึงพยายามปลอบใจน้องสาวให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ด้วยน้ำเสียงแสดงความปลอบโยน แม่พวงทองคอยรับฟังเรื่องที่แม่มณีระบายออกมาพร้อมลูบมือน้องเบา ๆ ไปด้วย

เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ก็มีคนเดินเข้ามาที่เรือนสิงหดาบอย่างรีบร้อน

“คุณเชิง คุณเชิงเจ้าคะ คุณเชิงมาที่นี่มีกระไรรฤๅเจ้าคะ” แม่มณีที่นั่งอยู่ในศาลาหน้าเรือนตะโกนจากในศาลาจนคุณหลวงเชิงได้ยิน

“คุณหลวงเสือลาออกจากข้าราชการแล้วขอรับ” หลวงเชิงเดินเข้ามาแจ้งข่าวสารที่เพิ่งได้รับเมื่อครู่ไม่นานนี้เอง ดวงตาของเขาดูสับสนและพร่ามัวราวกับทำตัวกระไรไม่ถูกในเพลานี้ ทุกอย่างมันกะทันหันมากเกินไป

“…” แม่มณีเงียบสงบก็เริ่มค่อย ๆ เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ที่พี่เสือลาออกครั้งนี้เป็นเพราะเรื่องนั้นเป็นแน่

“มีเรื่องกระไรที่ข้ายังไม่รู้อีกฤๅไม่ขอรับ ไหนจักเรื่องของพี่กล้าพี่ชายของแม่มณีอีก โปรดเล่าให้ข้าฟังเสียเถิดขอรับ ข้าจำเป็นต้องรู้ การที่ปล่อยให้ข้ากลายเป็นคนมิรู้เรื่องรู้ราวกระไรเช่นนี้ ช่างดูเป็นคนที่โง่เขลานัก” หลวงเชิงกำลังขอร้องมณีให้เล่าทุกเรื่องให้ตนฟังอยู่

“ข้ารู้เจ้าค่ะว่าพี่เสือทำเช่นนั้นไปไย ก่อนอื่นหนาเจ้าค่ะ พี่กล้าคือเด็กที่ถูกฆ่าตายในคดีที่เลื่องลือกันในย่านนี้ แต่ว่า... คดีของพี่กล้าถูกจัดให้เป็นอุบัติเหตุ แต่เรื่องนี้พี่เสือเป็นพยานให้ได้หนาเจ้าค่ะ พี่เสือเห็นพี่กล้าถูกยิงต่อหน้าเลยเจ้าค่ะ” แม่มณีพยายามเล่าให้หลวงเชิงโดยที่เธอกำลังกลั้นน้ำตาไว้อยู่

“ทางเรือนของเราเองก็เคยโดนค้นด้วยเจ้าค่ะ จนเจ้าคุณพ่อต้องจ้างบ่าวชายที่มีฝีมือการต่อสู้มากกว่าบ่าวชายคนทั่วไปมาดูแลพวกเราด้วยเจ้าค่ะ จนตอนนี้พวกมันไม่กล้ามาค้นเรือนของเราอีกแล้วเจ้าค่ะ” แม่พวงทองช่วยเสริมเรื่องราวต่อจากน้องสาวของตนต่อเพราะเข้าใจดีว่าน้องสาวของตนกำลังพยายามอดกลั้นอยู่จึงรีบเข้าไปประคับประคองโอบกอดน้องสาวให้อบอุ่นไว้

“ขอโทษหนาขอรับ พอจักทราบฤๅไม่ขอรับ ว่าผู้ใดเป็นคนรับผิดชอบคดีนี้” เชิงถามพร้อมทั้งเผยฝ่ามือข้างที่ถนัดออกมาราวกับว่ายินดีพร้อมรับรู้เรื่องราวทั้งหมด

“คุณหลวงไชยาเนตรเจ้าค่ะ เขาเสียแล้วเจ้าค่ะ ทุกคนที่เข้ามารับผิดชอบให้คดีพี่กล้าเสียทุกคนเลยเจ้าค่ะ จนตอนนี้แทบไม่มีใครกล้ายื่นมือช่วยอีกเลย คุณเชิงเจ้าคะ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยได้ฤๅไม่เจ้าคะ” แม่มณีพยายามขอร้องให้คุณหลวงอย่างคุณเชิงเข้ามาดูแลคดีของพี่ชายของตนทั้ง ๆ ที่ตนนั้นกำลังโอบกอดแม่พวงทองไว้อย่างเหนียวแน่น

“ข้าจักลองพยายามดูหนาแม่มณี” เชิงตอบอย่างลำบากใจเล็กน้อย เพราะสงสัยในการตายของผู้รับผิดชอบคดีนี้ เขาจักลังเลก่อนเม้มริมฝีปากด้วยความชั่งใจแล้วยกฝ่ามือทั้งสองข้างไขว้หลัง

เวลาผ่านไป ๕ เดือน ณ หมู่บ้านรัตติกาล

“โธ่เว้ย! พวกเอ็งทำงานไม่ได้เรื่อง” พระยาธาราด่ากล่าวลูกน้องของตน ทั้งยังเอี้ยวร่างกายสั่นไหว ยกนิ้วชี้ประจานดาหน้าด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน ลูกน้องทั้งห้าคนที่เพิ่งถูกทำโทษ ต่างก้มหน้าก้มตาให้กับพระยาธารา

“ไม่ได้การล่ะ ต้องหามือปืนที่แม่นให้ได้ ใครก็ได้ ขอสักคนเถอะ” เขาโมโหใส่ลูกน้องด้วยอาการประสาททางจิตเพียงเพราะเขานั้นกำลังขาดยา พระยาธาราทำลายข้าวของทั้งหมดอย่างโล่งใจก่อนจักยกฝ่ามือขึ้นมาแตะหน้าผากตัวเองราวกับปวดหัวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“พวกเอ็งรู้ฤๅไม่ ว่าที่ข้ายังก้มหัวให้ไอ้ยักษ์นั้นเพราะกระไร เพราะแม่งมีคนที่คุมหัวมันอยู่ไง คนนั้นแหละคือคนที่ข้าต้องการ ไม่ใช่มัน ช่างกล้าดีนักไอ้ยักษ์ ไป ไปหามือปืนเก่ง ๆ มาให้ข้า จักนักล่าค่าหัวเท่าไหร่ก็ช่าง ข้ายอม ขอแค่ให้ไอ้ยักษ์มันต้องตายเร็วที่สุดก็สมใจข้าแล้ว ไป ไปสิว่ะ” เขาใส่อารมณ์โมโหมากขึ้น ทำให้ลูกน้องทั้งห้าคนเกรงกลัวจนต้องรีบลุกเดินออกไปจากกงนี้

ในวันต่อมามีใบประกาศขนาดกลางแปะตามเสาประกาศหาคนมีฝีมือมาเป็นทหารให้พระยาธารา ชาวบ้านหมู่บ้านรัตติกาลต่างพากันตื่นเต้นกันใหญ่ เพราะการได้เป็นทหารเป็นกระไรที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในความคิดของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นแล้วการได้เข้าทำงานร่วมกับเจ้าพระยาธารายิ่งเป็นยอมรับมากขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงต่างพากันส่งรายชื่อลูกชายตนเองเข้าร่วมการคัดเลือกทหารของพระยาธารา ชายหนุ่มร่างหนาเดินเอาเข้าไปเขียนชื่อตัวเองกับลูกน้องของพระยาธารา

“เอ็งชื่อเพชรฤๅ” ลูกน้องของพระยาธาราถามเจ้าหนุ่มแปลกหน้าไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน

“ใช่จ้ะพี่ชาย” ชายหนุ่มนามว่าเสือได้ปลอมชื่อตัวเองขึ้นมาหลังจากที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้แล้วห้าเดือน

“งานนี้ยากนะ เอ็งจักไหวฤๅ” ลูกน้องถามเจ้าหนุ่มชายคนตรงหน้า แม้จักดูเป็นคนมีพละกำลังมากแต่ว่าดูทรงและท่าทางก็มิอาจไว้ใจได้ ยิ่งไม่เคยพบไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ว่าหมู่บ้านรัตติกาลเป็นหมู่บ้านที่อิสระ ยินดีต้อนผู้คนใหม่ ๆ เข้ามาอาศัยในละแวกนี้ เพราะข่าวลือจึงทำให้หมู่บ้านรัตติกาลมีผู้คนอาศัยน้อยที่สุดในประเทศไททิวารัตน์

“ไหวอยู่แล้วพี่ชาย ไอ้หมอนี้แหละเป็นคนฆ่าเสือในภูเขาลูกนี้ที่ชาวบ้านเขาลือกันหนักกันหนา” แสมเอ่ยแซวชายหนุ่มสหายอย่างเพชรด้วยความตรงไปตรงมา

“จริงด้วย เอ็งนี้เองไอ้เพชร พวกเอ็งแม่งสุดยอดเลยว่ะ” ชายหนุ่มที่เข้ามาลงชื่อสมัครเป็นทหารของพระยาธาราต่างพากันเอ่ยยืนยันความจริงให้กับนายเพชรด้วยน้ำเสียงเฮฮารื่นเริงกันเป็นอย่างมาก

“เอ็งฤๅ!! เก่งว่ะ” เพียงแค่คำยืนยันจากปากชาวบ้านและเพื่อนของเขาแล้วก็นับถือในความเก่งกาจของเขาจนต้องฉีกปากยิ้มออกมา เขาคิดในใจว่าข้าเจอแล้วคนที่เจ้านายต้องการ

“เพราะพวกเขาด้วยแหละ ไม่งั้นข้าคงมิรอดมาจนถึงทุกวันนี้ดอก” เพชรเองก็อวยให้บรรดาสหายของเขาด้วย หวังให้พวกลูกน้องของพระยาธาราเห็นดีเห็นงามที่จักรับทั้งตนและพรรคพวกเข้าทำงานด้วย

“ก็นะ จริง ๆ พระยาธาราต้องการแค่ไม่กี่คน แต่ข้าจักลองคุยให้ดูล่ะกันไอ้น้อง” ลูกน้องเริ่มเห็นใจพวกเขาตามที่เขาต้องการ ก่อนจักรับเรื่องนี้ไปคุยกับพระยาธาราอีกที

“ขอบใจหลาย ๆ เลยหนาพี่ชาย” แสมเอ่ยคำขอบคุณอย่างกวน ๆ พร้อมกับเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรไปถึงดวงตาจนเห็นริ้วรอยชัดเจน

เมื่อถึงเพลาที่พระยาธาราเปลี่ยนใจจักดูตัวเหล่าทหารที่ลงชื่อคัดเลือกด้วยตัวเอง โดยมีบททดลองทั้งมวยไทย การใช้ดาบ และการใช้ปืน เพื่อรับคนที่มีฝีมือมากที่สุดเข้าทำงานกับตน ปรากฏว่ารอบนี้มีคนที่สนใจถึงห้าคน ทำให้พระยาธาราตัดสินใจรับทั้งห้าคนที่ผ่านบททดสอบในครั้งนี้เข้ารับเป็นทหารที่มีฝีมือเก่งกาจและดำเนินงานเทา ๆ อย่างลับ ๆ ให้กับตนเอง

“เพชร แสม สาร ษา เอก พวกเอ็งผ่านทดสอบนี้ วันพรุ่งเริ่มงานที่นี่ได้เลย” ลูกน้องคนสนิทของพระยาธาราอย่างเต่าเดินเข้ามาแจ้งข่าวก่อนจักไปจากตรงนั้น เหล่าพรรคพวกแอบส่งสายตารู้ใจแก่กันและกันระหว่างที่ลูกน้องของพระยาธาราเดินเข้ามาประกาศรายชื่อคนที่ผ่านและก็เดินจากไปทันที ทั้งห้าคนหันมากอดคอยินดียินใจให้กันและกัน ต่างพากันไปดื่มเหล้าเมาตั้งแต่หัววันโดยที่รับรู้ว่ามีคนของพระยาธารามาจับตามองดูพวกเขา แต่ก็ไม่พบกระไรผิดปกติ พวกเขาทำตัวกลบเกลื่อนอย่างเป็นธรรมชาติ

 

ณ สำนักของพระยาธารา เป็นเรือนไม้ผสมผสานกับปูนที่มีขนาดใหญ่กว่าบ้านเรือนปกติเพราะเขาก่อสร้างมาอย่างให้เหมาะสมกับอำนาจบารมีของผู้อาศัย ภายในเรือนถูกตกแต่งไปด้วยสินค้าที่มีราคาแพงและยังประดับตกแต่งเรือนเปี่ยมไปด้วยสีม่วงล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใด พระยาธารานั่งลงบนโซฟาโบราณที่มีเบาะหนังห่อหุ้มโซฟาเป็นสีทองประกายแทรกลวดลายด้วยสีขาวสะอาดและยังประดับเต็มไปด้วยเพชรพลอย เขาสวมชุดราชปะแตนสีขาวมุกกำลังนั่งหลังตรง ไขว้เท้าข้างขวาทับข้างซ้าย แขนข้างขวาวางลงบนโซฟาอย่างเรียบร้อย ส่วนแขนข้างซ้ายยกหงายฝ่ามือออกแล้วในฝ่ามือข้างซ้ายนั้นกำลังถือแก้วที่ใส่ไวน์องุ่นสีม่วงเข้มข้น เขายกแก้วไวน์ดื่มน้ำอึกหนึ่งก่อนจักกลืนน้ำดื่มอันล้ำค่าลงคออย่างไหลลื่น สายตาคู่นั้นกำลังจ้องมองลูกน้องคนที่กำลังยืนตรงอยู่ข้าง ๆ

“พวกเอ็งไปหาประวัติพวกมันทั้งห้าคนมาให้ได้ว่าพวกมันเป็นใคร มาจากไหน ทำงานกระไรมาบ้าง” พระยาธาราต้องการรับรู้ว่าทั้งห้าคนมีกระไรที่เขาคาดไม่ถึงฤๅไม่ เพราะการจักเป็นคนมีฝีมือระดับนี้อย่างน้อยมันต้องผ่านกระไรมาบ้าง ไม่เยี่ยงนั้นคงไม่มีทางที่จักสามารถรับมือกับบททดสอบนี้ได้

“ขอรับนายท่าน” ลูกน้องคนหนึ่งรับคำสั่งจากพระยาธาราเสร็จก็รีบเดินออกไปหาข้อมูลรายละเอียดต่อ

“ฤๅว่าพวกมันจักเป็นต่างด้าว” พระยาธาราพูดขึ้นให้ลูกน้องรอบข้างได้ยินแต่ไร้ซึ่งคำตอบจากปากลูกน้องสักคนเลย

“ช่างเถอะ ทำเยี่ยงไรก็ได้ให้พวกมันเชื่องมากที่สุด หน้าที่ของเจ้าแล้ว” พระยาธาราออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทอย่างเต่าพร้อมยังหยิบน้ำแข็งที่แช่แข็งขังลูกตาของใครสักคนไว้โยนให้เต่ารับ

“ขอรับนายท่าน” สิ้นประโยคจากปากลูกน้องคนสนิทอย่างเต่า ก็โค้งตัวเล็กน้อยก่อนที่พระยาธาราจักชันตัวลุกขึ้นเดินออกไปทำธุระอื่น ๆ ต่อ เต่าเองก็เดินตามไปเฝ้าด้วย แต่ก่อนจักไป ได้ส่งสายตาให้กับสหายของตน ๆ ในกลุ่มรับรู้และเดินคล้อยตามกันเป็นระยะ

ทั้งห้าคนได้เข้าร่วมทำงานให้พระยาธาราเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ๆ ไม่ว่าจักขนศพที่ถูกฆ่ามาจากที่อื่นเอาไปลงในบ่อใหญ่ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากหมู่บ้าน ขนยาเสพติดจากเรือส่งขนสินค้าจากตะวันตกและตะวันออก กดขี่พวกพ่อค้าขนส่งสินค้า กดขี่ชาวบ้าน รีดไถเงินทองชาวบ้าน รวมไปถึงฆ่าชาวบ้านในย่านใกล้ ๆ เพื่อปล้นเอาสมบัติ และยังเป็นนักฆ่าชั้นดีที่คอยเก็บเกี่ยวผู้คนตามที่ผู้อยู่เบื้องบนสั่งมาทั้งสิ้น จนวันหนึ่ง...

“พวกเอ็งว่าหน้าของไอ้เพชรมันคุ้น ๆ ฤๅไม่” พระยาธาราถามลูกน้องคนสนิทอย่างเต่าทั้งที่ตนนั้นกำลังนั่งลงบนโซฟาคู่ใจแล้วยกรูปถ่ายขึ้นมามองดูก่อนจักหันรูปถ่ายนั้นให้กับลูกน้องคนสนิทอย่างเต่าแล้วปล่อยลงให้ล่องลอยลงสู่พื้นแล้วยกเท้าของตนเหยียบย้ำลงบนรูปภาพถ่ายนั้น

“ขอรับ” เต่าเอ่ยเห็นด้วยกับเจ้านายทันที เขาไม่อยากขัดใจอารมณ์ดี ๆ ของเจ้านายเท่าไหร่ นาน ๆ ทีจักเห็นเจ้านายอารมณ์ดีเช่นนี้

“หลวงเสือ หรือ นายชัชพล สิงหดาบ น้องชายของไอ้เด็กเวรวันนั้นนี้เอง หึ แต่ดันทรยศตระกูลและหน่วยสืบสวนในเพลาเดียวกันเช่นนี้ ช่างสงสัยเหลือเกินนักไอ้เสือ... ฤๅว่ามันจักเป็นคนโง่เขลาเหมือนพี่ชายมันนัก” พระยาธาราเอ่ยด้วยความสุขใจ เพราะตนรอเวลานี้มานาน ในเมื่อเหยื่อเข้ามาหาเสือเองเช่นนี้ ช่างกล้าหาญเหมือนพี่ชายมันไม่มีผิด แต่ก็ดูคิดน้อยเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลย

“ให้ข้าเก็บพวกมันเลยฤๅไม่ขอรับ” เต่าเอ่ยถามผู้เป็นนายที่กำลังอารมณ์ดี

“ไม่ต้อง ข้าคิดกระไรสนุก ๆ ออกล่ะ” ใบหน้าผู้กำลังสุขใจหนักหนาเริ่มค่อย ๆ แสดงใบหน้าโรคจิตออกมาให้ลูกน้องเห็น เขาใช้ลิ้นของตนเลียฟันจากทางขวาไปซ้ายก่อนจักหลุบหายไปในปากแล้วโยนเอกสารทิ้งลงบนโต๊ะหน้าโซฟา

“เห้ออออ คิดจักทดสอบข้างั้นฤๅเสือ เฮ้ย! สหายของเสือคือคุณหลวงสามใช่ฤๅไม่ ไปเอาตัวหลวงสามสหายคนสนิทของไอ้เสือมา อย่าให้ใครจับได้ล่ะ” พระยาธาราออกคำสั่งให้ไปจับหลวงสามผู้เป็นสหายของเสือมาพร้อมทั้งยกนิ้วชี้สั่ง

ยามค่ำคืนคืนหนึ่ง ลูกน้องของพระยาธาราได้เรียกเหล่าทหารของพระยาธาราที่เข้าร่วมทำงานเมื่อครบหนึ่งปีเข้าพบ โดยนัดให้มาพบกันที่โรงฆ่าสัตว์ที่พระยาธาราโปรดปราน ทั้งห้าคนค่อย ๆ เดินเข้าไปข้างในอย่างกล้าหาญ จนกระทั่งถึงจุดนัดพบที่ลูกน้องของพระยาธาราพามา เสียงหรีดหริ่งเรไรดังออกมาเป็นระยะ พระยาธาราผู้ตั้งหน้าตั้งตารอเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของตนกำลังยืนรอต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี

“ไง วันนี้ข้าอารมณ์ดีนัก เลยอยากจักแบ่งปันความสุขให้พวกเจ้าด้วย” พระยาธาราพูดจาเป็นนัย ๆ ความสุขในที่นี้ของเขามันคือสิ่งใดกันนะ

จู่ ๆ ลูกน้องสองสามคนของพระยาธาราพาผู้คนเป็นชายหนุ่มร่างหนากำยำล่ำสันถูกเอาผ้าสีดำปิดใบหน้าของเขามาคุกเข่าตรงหน้าของเหล่าทหารของพระยาธาราทั้งห้าคน

“ความสุขที่ข้าว่า ข้าว่าพวกเอ็งน่าจักรู้ใจข้าเป็นอย่างดี เฉพาะนายเพชร” พระยาธาราพูดและส่งสายตาไปยังทั้งห้าคนราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจักเขมือบเหยื่อทั้งห้าคนที่อยู่ตรงหน้า แต่ใส่ใจมากที่สุดก็คือเพชร

“เฮ้ย เปิดหน้ามันสิว่ะ” พระยาธาราสั่งให้ลูกน้องเปิดหน้าเจ้าคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ให้ทั้งห้าคนได้เห็น เมื่อเปิดหน้าออกมาพบว่าคนนั้นคือหลวงสาม สหายคนสนิทของเสือ เสือเบิกดวงตากว้างกว่าปกติด้วยความตกใจกับคนตรงหน้า ไม่คิดไม่ฝันว่าสหายตนเองจักกลายเป็นเหยื่อให้กับพระยาธาราในยามค่ำคืนวันนี้

“สะ... เสือ ชะ...ช่วยข้าด้วย เสือ” สามที่โดนทรมานมาอย่างสาหัสมีรอยแผลบอบช้ำแสดงให้เห็นชัดเจนทั้งใบหน้าและร่างกายพยายามเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากสหายตรงหน้า แต่ความเงียบสงบนี้ก็ทำให้บรรยากาศมันเครียดตึงเกินไปจนทำให้พระยาธาราเริ่มหงุดหงิดอยากจักแกล้งกระไรนิด ๆ หน่อย ๆ ให้เหยื่อกลัวมากขึ้น เลยหยิบมีดในมือลูกน้องตัวเองก่อนจักเดินเข้าไปหาสาม พระยาธาราใช้มีดเล่มนั้นกรีดลงบริเวณหลังมือโดยกรีดเป็นตัวอักษรคือ ส.เสือ สามร้องออกมาด้วยเจ็บปวดทรมานระหว่างโดนกรีดหลังมือ เขาทั้งดิ้นรนและกลัวสั่นในความโหดเหี้ยมของพระยาธารา

“สะ... เสือ เสือ... เสือ...”

“เอ็งร้องหาใครวะ ในนี้มีใครชื่อเสือฤๅ?!” พระยาธาราแกล้งยั่วอารมณ์ทุกคนแต่ก็ไม่มีใครตอบ พระยาธาราแค่นหัวเราะออกมาราวกับคนบ้าคลั่ง แต่สายตาของสามนั้นเอาแต่จ้องมองทั้งห้าคน แววตาของสามพยายามอดกลั้นจนน้ำตาคลอเบ้าด้วยความกลัวสั่น ในเมื่อยังไม่มีใครตอบก็เริ่มเปลี่ยนตำแหน่งกรีดหลังมือมาเป็นคอ จุดอันตรายของร่างกายของมนุษย์ ปาดทีเดียวสามารถตายได้เลย เจ้าพระยาธาราอยากสนุก นึกแกล้งยั่วอารมณ์เหยื่อตรงหน้าด้วยการค่อย ๆ ปาดคออย่างช้า ๆ และสามก็ร้องออกมาอย่างดังลั่นตามที่พระยาธาราต้องการ พยายามดิ้นรนมากที่สุดเท่าที่ทำได้ แววตาของสามสั่นระริกเช่นเดียวกับริมฝีปาก

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เสียงสวรรค์ส่งมาโปรด หลวงเชิงได้นำพรรคพวกอย่าง ขวาน ศักดิ์ ลูกน้องของสาม และ มาบ ลา แม่มณีมาร่วมทีมด้วย ทั้งห้าคนประเมินว่าถ้าร่วมมือกับหลวงเชิงจักได้เปรียบที่สุดและยังสามารถช่วยสามได้อีกด้วย ครานี้พระยาธาราเป็นฝ่ายเสียเปรียบที่สุด ตนจึงรีบวิ่งหนีนำก่อนผู้ใดเลย ปล่อยให้ลูกน้องจัดการกันเอาเอง เต่าลูกน้องคนสนิทของพระยาธาราไม่ได้วิ่งตามไปด้วยครานี้เขาพร้อมปะทะกับกลุ่มของเชิง หลวงเชิงพยายามต่อสู้กับเต่าอยู่นานจนถึงคราวต้องตัดสินใจที่จักจับตายเท่านั้น แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายชนะ ลูกน้องของพระยาธาราที่เหลือถูกจับใส่กุญแจมือส่งสน.ทันที และรีบช่วยเหลือส่งตัวหลวงสามเข้าโรงพยาบาลเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

 

ณ โรงพยาบาลรัตติกาล

“ข้า...ข้ามัวแต่ยืนดูสามโดนกรีดคอต่อหน้าต่อตา โดยที่... ข้าช่วยเขาไม่ได้ ข้า... ข้าทำผิดไปแล้ว ข้าขอโทษนะสาม ได้โปรดฟื้นมาเถอะสาม ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ” เสือคุกเข่าหน้าห้องผ่าตัดของสาม พร้อมโค้งตัวเอาศีรษะลงพื้นด้วยความสำนึกผิดที่เอาแต่ยืนดูเพื่อนรักของตนเองโดนทำร้ายร่างกายต่อหน้าต่อตาโดยมิสามารถช่วยเหลือได้เพราะตนกำลังปกปิดตัวตนอยู่และย้ำคำขอโทษอยู่เยี่ยงนั้นไปเรื่อย ๆ พร้อมเผยน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างอ่อนแอ น้ำเสียงของเสือสั่นเครือทั้งยังเอาแต่พูดคำขอโทษไปเรื่อย ๆ ไม่มีหยุด ร่างกายของเสือสั่นระริกไปทั่วเรือนร่าง แม้แต่ดวงตาที่เป็นอวัยวะที่สามารถกักเก็บอารมณ์ไว้ได้ดีที่สุดยังคงหลุดร่วงออกมา หยาดน้ำตาคู่นั้นไหลลงตามอิงแก้มของเสือและลงสู่พื้นเรียบของโรงพยาบาล

“พี่เสือ พี่เสือเจ้าค่ะ พี่ต้องเชี่อมั่นสิเจ้าค่ะว่าสหายของพี่ต้องไม่เป็นกระไร ต้องรอดกลับมาอย่างแน่นอน เชื่อมั่นไว้สิเจ้าค่ะ ข้าขอร้อง ข้าขอให้พี่เสือเชื่อมั่นใจเข้าไว้ว่าพี่สามต้องรอดเจ้าค่ะ พี่เสือ...” แม่มณีส่งเสียงเรียกปลุกใจพี่ชายตัวเองทั้งน้ำตา เธอรับรู้ความรู้สึกข้างในของพี่ชายมันทั้งเจ็บปวดและตอกย้ำตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อนได้ทั้ง ๆ ที่ในเวลานั้นฝ่ายเสือเองก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบเกินที่จักตัดสินใจช่วยเหลือเพื่อน

ขวานและศักดิ์ช่วยกันพนมมือไหว้พระพุทธเจ้าโดยหันออกไปทางพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่อยู่ตรงหน้าอาคารของโรงพยาบาลแห่งนี้ พวกเขาทั้งสองคนต่างช่วยกันขอพรพระพุทธเจ้า ขอให้พระพุทธเจ้าช่วยคุ้มครองคุณหลวงสามของพวกเขาด้วยเถิด

เมื่อมาบและลาเห็นทั้งสองคนยกมือพนมมือไหว้พระพุทธเจ้าทั้งคู่ก็ชวนกันพนมมือไหว้พระพุทธเจ้าอีกแรง ในขณะเดียวกันมีแค่เชิงที่ยืนมองดูห่าง ๆ ก่อนจักเดินเข้าไปปลอบใจเสือ

“เจ้าทำดีที่สุดแล้วนะ ข้าเข้าใจเจ้าหนาพ่อเสือ” ดวงตาฉายแววเอื้ออาทร ยกฝ่ามืออุ่นลูบลงบนหลังของเสือปลอบประโลม

“ขะ...ข้า...” เสือรู้สึกหมดหนทางความรู้สึกตอนนี้ มันเต็มไปด้วยความเสียใจและความสั่นกลัวระริก ภาพที่เห็นคือสหายรักของตนลอยเข้ามาตลอดไม่มีหยุด มันเป็นภาพความจริงที่ไม่สามารถลบลืมมันได้ ตอนนี้พ่อเสือกำลังไร้สติสตังมากที่สุดตั้งแต่ที่พบเห็น

เชิงเริ่มเห็นอกเห็นใจในความรู้สึกของคุณหลวงเสือก็เข้าไปช่วยลูบหลังเพื่อปลอบใจพร้อม ๆ กับแม่มณี

ทั้งเจ็ดคนนั่งรออย่างจดจ่อรอฟังคำพูดจากปากแพทย์แต่ยิ่งรอนานยิ่งท้อมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งผ่านไปจนเช้าวันใหม่ คุณหมอก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัดพอดี

“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วหนาขอรับ แต่ตอนนี้ต้องให้คนไข้พักฟื้นพักใหญ่ก่อนหนาขอรับ” เพียงเสียงคำพูดจากปากแพทย์เท่านั้นก็ทำให้ทั้งเจ็ดคนโล่งอกโล่งใจขึ้นแต่ยังมีความรู้สึกผิดปน ๆ อยู่เล็กน้อย

“ขอบคุณหนาขอรับ/เจ้าค่ะ” ทั้งเจ็ดคนเอ่ยคำขอบคุณที่คุณหมอได้ช่วยเหลือชีวิตของหลวงสามไว้พร้อมกัน พวกเขาเข้ามาโอบกอดปลอบประโลมกันและกันอย่างแน่นเหนียว ก่อนที่คุณหลวงเชิงจักเป็นคนแรกที่คลายโอบกอดนั้น

“มาบ ลา เดี๋ยวพวกเราต้องเปลี่ยนเวรผลัดกันเฝ้าสามช่วงนี้ไปก่อนนะ ส่วนพวกที่เหลือข้าจักไปจัดการกับคนใน สน.อีกทีเอง” เชิงรีบออกคำสั่งก่อนจักพยักหน้าสื่อความเข้าใจระหว่างกันแล้วรีบเดินไปยัง สน.ทันที

ในระหว่างนั้นทั้งมาบลาขวานศักดิ์แม่มณีและเชิงต่างช่วยกันแลกเปลี่ยนเวรเฝ้าสามไว้ไม่ให้ใครเข้าใกล้เป็นอันขาด

จนคืนวันหนึ่ง โชคร้ายนัก คุณหลวงเชิงตกเป็นเป้าหมายหลักคนสำคัญที่พระยาธาราหมายหัวไว้ เพราะหลังจากได้สืบก็รับรู้ว่าเชิงเป็นถึงเจ้าหมื่นอัคคัญญ์หน่วยสืบสวนนภารามและยังเป็นบุคคลสำคัญของหน่วยลับของประเทศอีกด้วย เพราะความกลัวของเขาทำให้ต้องลงมือฆ่าเชิงให้เร็วที่สุด ก่อนที่เชิงจักปริปากพูดกระไรเกี่ยวกับหมู่บ้านรัตติกาลและพระยาธาราอย่างเสียหาย ในที่สุดเชิงก็ถูกซ้อมอย่างทรมานปางตายที่สุด จนมีกลุ่มคนสวมผ้าปิดหน้าสีดำไว้มาช่วยเหลือคุณหลวงเชิงหนีเข้าป่าไปทันที

“โธ่เว้ย!! พวกเอ็งเก็บปากเงียบไว้ อย่าได้เอ่ยปากบอกนายท่านเด็ดขาดว่าเราทำงานพลาด ไม่งั้นกูไม่เอามึงไว้แน่” ลูกน้องคนใหม่ของพระยาธาราโมโหแล้วพาลให้ลูกน้องคนที่เหลือ