เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

สิงหดาบ - ตอนที่ ๔ (๑/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ โดย ปิ่นไทวา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สิงหดาบ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

สิงหดาบ โดย ปิ่นไทวา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

ผู้แต่ง

ปิ่นไทวา

เรื่องย่อ

สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ

สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ

ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน 

ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน

เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน

ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ

ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด

เพราะสมองอันล้ำค่า

 

นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น                 

เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง 

 

TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)

การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก) 

การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)

ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง 

ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)

โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด 

คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส

 

แนะนำตัวละคร นายเอก

 

Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho

ชื่อ : เสือ

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง 

ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย

ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้

Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker

พระเอก 

ชื่อ : เชิง

ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ

ฉายา : พ่อเชิงปากหมา

พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ

 

 

Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_

ชื่อ : กล้า

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์

ถึงเวลาของข้าแล้ว...

 

ชื่อ : มณี

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ

ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน

 

ชื่อ : พวงทอง

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย

ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี

ฉายา : แม่นม

อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า

 

ชื่อ : สิน

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย

ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย

นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ 

อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ

 

ชื่อ : เดื่อ 

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง

นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป

ตำแหน่ง : ความลับ

แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง

 

ชื่อ : สุข

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)

นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย

ข้ากลัว...

 

ชื่อ : จันทร์

อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)

นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด

 

ชื่อ : นิ่มนวล

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา

นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย 

 

ชื่อ : แย้ม 

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด

 

ชื่อ : บังอร

อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ

 

ชื่อ : เดช 

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย

 

ชื่อ : จ้อย

อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ

นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย

ตำแหน่ง : ความลับ

 

ชื่อ : ชาญ

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง

นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว

 

ลำดับพี่น้อง 

พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช

 

คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ

คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี

สารบัญ

สิงหดาบ-ตอนที่ ๑ คดีฆาตกรรมหมู่บ้านรัตติกาล,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒ พระยาธารา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๓ พ่อเสือแปรพักตร์,สิงหดาบ-ตอนที่ ๔ (๑/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๔ (๒/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๕ เชษฐวิรุฬห์ คุณหลวงชาญ...,สิงหดาบ-ตอนที่ ๖ ป่ามนต์ทัช,สิงหดาบ-ตอนที่ ๗ (๑/๒) เผ่ากินคน,สิงหดาบ-ตอนที่ ๗ (๒/๒) เผ่ากินคน,สิงหดาบ-ตอนที่ ๘ (๑/๒) บู้มบู้มตัวน้อยไม่สบาย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๘ (๒/๒) บู้มบู้มตัวน้อยไม่สบาย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๙ (๑/๒) อดีตตรีทิพย์ทิศ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๙ (๒/๒) อดีตตรีทิพย์ทิศ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๐ (๑/๒) กรกาณฑ์ อดีตตรีทิพย์ทิศปรากฎตัว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๐ (๒/๒) กรกาณฑ์ อดีตตรีทิพย์ทิศปรากฎตัว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๑ (๑/๒) ปีศาจโชนผู้ว่องไวลำดับที่สาม,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๑ (๒/๒) ปีศาจโชนผู้ว่องไวลำดับที่สาม,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๒ (๑/๒) สุสานยาพิษใต้น้ำลึก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๒ (๒/๒) สุสานยาพิษใต้น้ำลึก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๓ (๑/๒) ปีศาจปรุงยาพิษและยารักษาอย่างแก้วตา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๓ (๒/๒) ปีศาจปรุงยาพิษและยารักษาอย่างแก้วตา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๔ (๑/๒) พ่อกล้าตัวจริงปรากฎตัวแล้ว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๔ (๒/๒) พ่อกล้าตัวจริงปรากฎตัวแล้ว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๕ (๑/๒) ลูกกล้ากลับบ้านเถิด,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๕ (๒/๒) ลูกกล้ากลับบ้านเถิด,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๖ (๑/๒) ย้อนรอยอดีตของพ่อกล้า,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๖ (๒/๒) ย้อนรอยอดีตของพ่อกล้า,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๗ (๑/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๗ (๒/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๘ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๘ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๙ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๒,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๙ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๒ ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๐ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๐ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๑ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๔,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๑ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๔ ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๒ (๑/๒) ความลับใด ๆ ก็ไม่อาจเก็บไว้ได้ตลอดกาล ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๒ (๒/๒) ความลับใด ๆ ก็ไม่อาจเก็บไว้ได้ตลอดกาล ,สิงหดาบ-แจ้งข่าวสารครั้งที่ ๑ ...

เนื้อหา

ตอนที่ ๔ (๑/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ

ณ เรือนของตระกูลสิงหดาบ เป็นเรือนเครื่องสับที่ห้องซอยมากมายภายในเรือนแห่งนี้ มีหลังคาเป็นทรงจั่วสูง

ชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อที่ทำจากผ้าไหมมีลายริ้วตามแนวขวางสีกรมนุ่งโจงกระเบนสีดำ พื้นเท้าของชายหนุ่มผู้นี้เหยียบลงบนพื้นไม้ที่ถูกขัดจนเกิดเงาวาวที่ทอดเป็นชั้น ๆ เขากำลังเดินขึ้นกระไดอย่างช้า ๆ จนหยุดที่ขั้นสุดท้าย ฝ่ามือใหญ่ของเขาผลักดันประตูไม้เปิดออกไป

ยินดีต้อนรับสู่ เรือนสิงหดาบ

“เร็ว ๆ เข้าสิ นังเรียม!” เสียงของชายหนุ่มผู้นี้เอ่ยด้วยความใจร้อน เขาผู้นี้แย้มสรวลน้อย ๆ เพราะกำลังจักมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้นไม่นานนี้

“เจ้าค่ะ คุณสิงห์” บ่าวรับใช้ที่มีนามว่าเรียม เป็นบ่าวหญิงรับใช้คนสนิทของเรือนตระกูลสิงหดาบตอบรับทันที ทั้ง ๆ ที่ตัวเองกำลังวุ่นอยู่กับการจัดเตรียมเครื่องนุ่งห่มสำหรับเด็กแรกเกิด เธอจึงวิ่งไปด้วยความกระสับกระส่าย ทำตัวไม่ถูกเพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอต้องรับมือการคลอดบุตรของคุณหญิงของตนเอง

ชายร่างสูงที่เพิ่งเอ่ยอย่างใจร้อนไปเมื่อครู่นี้มีนามว่า นายราเมศ สิงหดาบ หรือ คุณสิงห์ เป็นเจ้าของเรือนแห่งนี้

ตึก ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังมาจากข้างหลังคุณสิงห์

“ราม!” พ่อสิงห์เรียกหาชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาด ถือกระเป๋าอุปกรณ์ทางการแพทย์ประจำตัวกำลังวิ่งเข้ามาหาตน เผยรอยยิ้มกว้างอย่างชื่นใจเพราะสหายผู้นี้เป็นบุคคลที่เขาไว้ใจมากที่สุด

“ข้ามาแล้ว สิงห์” เสียงหอบแหบของรามตอบรับสหายคนสนิทตรงหน้าทันทีพร้อมท่าทางรีบร้อน แต่ไม่ละเลยลืมมารยาทอันดีงามเสียก่อนเลยยกมือไหว้ผู้เป็นสหาย และรอให้เจ้าของเรือนยกฝ่ามือเชิญไปทางเข้าของห้องสำหรับคลอดบุตรชายคนแรกของตระกูลสิงหดาบ ตนจึงรีบเข้าไปในห้องนอนแห่งหนึ่งในเรือนนี้ทันที นายแพทย์ผู้นี้กำลังทำหน้าที่แพทย์ด้วยจรรยาบรรณที่ดีพร้อมกับผู้ช่วยแพทย์ที่ล่วงหน้ามารอร่วมกันในวันนี้แล้ว เขารีบทำการคลอดลูกให้เมียของคุณสิงห์อย่างเร่งด่วนและเฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด

“ช่วยเมียและลูกข้าด้วย” พ่อสิงห์ยกมือทั้งสองข้างพนมเข้าหากันก่อนจักเงยหน้ามองบนท้องฟ้า เอ่ยคำกล่าวภาวนานี้ พ่อสิงห์ได้หวังว่าสารนี้จักถูกส่งไปยังพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดรับฟังคำขอภาวนาของลูกด้วยเถิด สาธุ...

อือ อืออ อือออออ อะ อือออออ เสียงร้องของเมียของคุณสิงห์ ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอกับความเจ็บปวดอันใหญ่หลวงเช่นนี้ เสียงเจ็บปวดทรมานนี้สะท้อนความเจ็บปวดให้กับคุณท่านเช่นเดียวกัน พ่อสิงห์รับรู้และรู้สึกสงสารเมียของตนมาก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการมีลูก ทั้งสองคนพยายามกับความตั้งใจในครั้งแรกเป็นอย่างมาก พยายามกันมา ๓ ปี ตั้งแต่แต่งงานกันมา

“ข้าไม่ไหวแล้วราม!” เธอกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้ได้ไม่นาน ผู้คนเป็นแม่ร้องออกมาด้วยความเจ็บทรมานยิ่งนัก ความเจ็บปวดนี้มิอาจหาสิ่งใดมาเทียบเคียงได้เลย เธอจึงเผลอส่งเสียงออกมาโดยมิได้ตั้งใจ จนลืมไปเลยว่าผู้หญิงเช่นเธอควรจักใช้น้ำเสียงที่สุภาพไพเราะอ่อนหวานกว่านี้ แต่มันเกินกว่าที่จักควบคุมได้ เธอจึงพยายามเบ่งลูกออกมาจนในที่สุด

ฮือ ฮืออ แงงง อุ แงงงง เสียงร้องของเด็กทารกดังลั่นไปทั่วเรือน ทำให้เหล่าพวกบ่าวไพร่ต่างพากันยินดียินใจกระโดดโลดเต้นอึกทึกครึกโครมด้วยความดีใจ

ทารกตัวน้อย ๆ เจ้าช่างงดงามกระไรเช่นนี้ เลือดเนื้อของพวกเราได้รวมกันเป็นลูกน้อยคนนี้ มนุษย์เราช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก ผิวนุ่มนวลช่างน่าหลงใหล รูปร่างสมส่วนนี้ ทั้งแขนขา มือเท้า ลำตัว และศีรษะช่างน่าทะนุถนอมเสียจริง ดูมือน้อย ๆ ของเขาสิ ช่างน่ารักช่างชังกระไรเช่นนี้ ผู้เป็นมารดาเผยรอยยิ้มแย้มจนเห็นไรฟัน เธอเอานิ้วก้อยของตนสอดเข้าไปในอุ้งมือของเจ้าตัวน้อย ลูกเอ๋ย ลูกน้อย นัยน์ตาสีดำขลับแสนงดงามดั่งอัญมณีนี้ มองเข้าไปข้างในเขาสิ เหมือนจริง ๆ เขาช่างเหมือนเราทั้งสองคนเลยจริง ๆ

“ราม! แม่มะลิกับลูกข้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง” ชายหนุ่มผู้กำลังเป็นพ่อคนเอ่ยถามถึงความปลอดภัยเมียและลูกของตนอย่างเป็นห่วงเป็นใยหลังจากที่ตนได้ยินเสียงร้องของเด็ก จึงรีบเดินเข้ามาดูอย่างรวดเร็ว แต่สหายอย่างรามกลับเดินออกมาจากห้องจังหวะเดียวกัน

“ปลอดภัยทั้งคู่ ยินดีด้วยหนาสหาย” ทั้งคู่จับมือกับอย่างหนักแน่น รวมกันเป็นหนึ่งใจเดียวกัน

ชายหนุ่มกำลังจักเป็นพ่อคนพยักหน้ารับคำยินดีจากสหายคนสนิทเสร็จจึงรีบเดินเข้าไปในห้องนอนทันที ก้าวเท้าเข้าไปห้องนอน กวาดสายตาคู่นั้นมองหาลูกตัวน้อยที่อยู่ในโอบกอดของแม่มะลิ

ช่างงดงามยิ่งนัก ลูกของเรา ลูกที่เกิดจากความพยายามของเรา สิงห์เผยรอยยิ้มที่มีความสุขที่สุดในชีวิตให้กับลูกน้อยของเขา ก่อนจักหันไปยิ้มหวานปานน้ำผึ้งให้กับคู่ชีวิตของเขาอย่างแม่มะลิ

“แม่มะลิ ขะ... ข้าขอบคุณนะที่อดทนเพื่อลูกของเรา เจ้าคงจักเจ็บปวดมาก ๆ เลย ข้าขอโทษหนาที่ทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดเช่นนี้” เขามองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวที่แต่งงานด้วยความห่วงใย ในดวงตาเธอช่างแข็งแกร่งนัก เขารู้สึกสงสารเธอเหลือเกิน ตั้งแต่เขามีเธอมา เขาไม่เคยทำให้แม่มะลิเสียน้ำตาเลยแม้แต่หยดเดียวเพราะเขาอยากเป็นผัวที่ดีสุดในชีวิตเธอ เธอคือโลกทั้งใบของเขา เขาอยากดูแลและถนอมแม่มะลิให้มากที่สุดเท่าที่เขาจักทำได้ หวังว่าความพยายามนี้จักพยายามเป็นคนเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ย่อท้อ

“ขอบคุณหนาเจ้าค่ะ คุณพี่” เธอเอ่ยคำขอบคุณจากใจจริงก่อนจักเรียกหาผู้เป็นพ่อของลูกของตนทันที เธอสัมผัสถึงความในใจของคนตรงหน้าเธอได้อย่างดี เราทั้งคู่ต่างพยายามมีลูกกันมา ๓ ปีกว่า ๆ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ช่างเป็นวันที่ดีที่สุด ลูกของเรามาแล้วเจ้าค่ะ คุณพี่

“ลูกของเรา... จักชื่กระไรดีฤๅเจ้าคะ คุณพี่” ใช่แล้ว ทั้งคู่ต่างพยายามในการมีลูกมาก ๆ จนลืมไปเลยว่าลูกของเราทั้งสองจักมีชื่อว่ากระไรดี

“กล้า”

“หาญ”

ทั้งตอบต่างเอ่ยชื่อที่อยากได้ขึ้นมาพร้อมกัน มองตากันพากันหัวเราะอย่างมีความสุข

“กล้าหาญ ดีฤๅไม่” ผู้เป็นผัวอย่างพ่อสิงห์เอ่ยถามผู้เป็นเมียของตน เธอพยักหน้าตอบแทนพร้อมเผยรอยยิ้มที่ออกมาอย่างจริงใจ

ทันใดนั้นเองพ่อสิงห์ออกคำสั่งให้บ่าวไปตามซินแสเถียนมาดูดวงโชคชะตาให้ลูกคนแรกของตน ซินแสเถียนเป็นซินแสที่ดูดวงโชคชะตาของคุณสิงห์มาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งเป็นคนโปรดของพระบิดาข้า

“ลูกชายคุณสิงห์ ช่างเป็นคนที่กล้าหาญและเฉลียวฉลาดเหมือนคุณสิงห์เลยหนา และยังเป็นบุคคลที่จักนำพาโชคชะตาทุกอย่าง ทั้งความเจริญก้าวหน้า ความรุ่งเรือง ความสงบสุขมายังตระกูลสิงหดาบนี้ แต่ว่า...” เพียงคำว่าแต่ว่าก็ช่างเป็นประโยคลงท้ายด้วยลางไม่ดีเสียแล้ว

“แต่ว่ากระไรฤๅ ซินแส”

“คุณสิงห์รู้ฤๅไม่ ว่าการเป็นคนฉลาดเกินคนในวัยเดียวกัน มักจักโดนอิจฉาริษยา อย่างที่เขาว่ากันว่าช้างเผือกเกิดในป่า ผู้คนมีความรู้ความสามารถแม้จักเกิดห่างไกลก็มีคนกล่าวถึง แต่ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบมากเท่าใดก็มักจักมีคนเกลียดมากเท่านั้นหนา”

“ข้าไม่เข้าใจ มันก็เป็นเรื่องปกติที่คนฉลาดอย่างเรา จักโดนคนอิจฉาริษยาเช่นนั้นมิใช่ฤๅ”

“ดวงคุณสิงห์โชคดีหนาที่ยังน้อยก็มีบริวารและเทวดาฟ้าดินคุ้มครอง แต่ดวงของคุณกล้ากลับไม่เหมือนกับคุณสิงห์ คุณกล้าเกิดในปีมะเส็งและยังเกิดในเดือนสาม เป็นบุคคลที่เหลือเชื่อเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปก็จริง แต่โชคชะตาของคุณกล้ากลับมีบริวารไม่เพียงต่อการต่อกรกับสิ่งใด หากเป็นไปได้หนา คุณสิงห์กับคุณมะลิควรจักพาคุณกล้าออกไปให้ไกลจากที่นี่ ดวงคุณกล้าบอกกระผมว่าคุณกล้าจักถึงฆาต แต่มันไม่ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ รู้แค่ว่ามีผู้ประสงค์ร้ายอยู่รอบ ๆ คุณกล้าตลอดเวลา ยิ่งผู้คนมิรู้จักคุณกล้ามากเพียงใดก็ยิ่งดีต่อคุณกล้าหนา”

“มันเป็นใครฤๅ ซินแสพอจักบอกข้าได้ฤๅไม่ ว่ามันเป็นใคร”

“มากมายเลยหนาคุณสิงห์”

“มีทางแก้ฤๅไม่ขอรับ ซินแส”

“อย่างที่กระผมบอกไปก่อนหน้านี้ ต้องพาคุณกล้าออกไปจากที่นี่”

“เห้อ นอกจากข้าและแม่มะลิแล้วคงไม่มีผู้ใดจักสามารถดูแลลูกของข้าให้เติบโตมาดีอย่างแน่นอน ข้ากลัวนัก” ผู้คนเป็นพ่อคนทุกข์ใจหนัก ใครกันเล่าจักสามารถเลี้ยงดูลูกของเราได้ดีเท่าคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างพวกเรา

“อืมม เอาเยี่ยงงี้ฤๅไม่ขอรับ รอคุณกล้าอายุครบ ๑๕ ปีก่อนที่จักพาออกไปจากที่นี่ ระหว่างนั้นก็ทำบุญเสริมดวงให้คุณกล้าตลอดไม่มีเว้นวันเลยหนา และพยายามให้คุณกล้าออกเรือนให้น้อยที่สุดเท่าที่จักทำได้” นับว่าเป็นข่าวดีกับทางออกในเรื่องทุกข์ใจอันใหญ่หลวงสำหรับพ่อแม่คู่นี้

ตั้งแต่ซินแสเถียนให้คำแนะนำเกี่ยวกับพ่อกล้า พ่อสิงห์และแม่มะลิก็ปฏิบัติตามคำแนะนำมาโดยตลอดสองปีจนกระทั่ง...

“กระไรนะ คะ... คุณพะ...พ่อ จักให้กระผมตบแต่งแม่หญิงเข้าเรือนงั้นฤๅขอรับ” พ่อสิงห์เอ่ยด้วยความไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกับการตบแต่งครั้งนี้ เพราะตนมีแม่มะลิอยู่แล้ว ส่วนแม่หญิงคนที่พ่อท่านอยากจักให้ข้าพเจ้าตบแต่งด้วยเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่อาจไว้ใจได้ง่าย ๆ คนเราจักรักคนที่ไม่รู้จักกันได้ไง รู้หน้าไม่รู้ใจเอาซะเลย ข้าไม่ยอมตบแต่งกับแม่นางครั้งนี้อย่างแน่นอน ยังไงก็ไม่มีวันแต่ง

“สิงห์ลูก แต่คนนี้พ่อแม่รับปากเขาไว้แล้วหนา ตบแต่งกับเธอเถิดลูก ถือว่าครั้งนี้แม่ขอนะ” มารดาเรียกร้องขอความเห็นใจเนื่องจากรับปากเขาไว้แล้ว สัญญาคือสัญญา ยิ่งเป็นคำสัญญาก่อนตายยิ่งไม่สามารถหลบหนีมันได้ พวกเขาจึงมิอาจผิดสัญญาได้ จึงพยายามขอร้องให้พ่อสิงห์ตบแต่งตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้

“คุณแม่ไปรับปากเขาไว้ตอนไหนขอรับ ไยกระผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย แล้วแม่มะลิล่ะขอรับ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่เห็นใจแม่มะลิบ้างฤๅขอรับ” ความไม่เป็นธรรมทั้งกระผมและแม่มะลิก็เกิดขึ้น ณ เพลานี้ เขาจึงพยายามถามหาความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อลูกคนนี้และเมียที่รักของตน

“ไม่ว่ายังไงแกต้องแต่งกับเธอ ฉันไม่ได้มาขอร้อง นี่คือคำสั่ง แกจักทำให้ฉันขายหน้าไปมากกว่าไม่ได้แล้วนะ” เขาเอ่ยด้วยความไม่พอใจและเกรี้ยวโกรธมาก ๆ ที่ลูกชายคนโตของเขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของตนเลย

“พ่อ!!”

“ตบแต่งกับเธอซะ”

“...”

หลังจากการขึ้นเสียงของทั้งคู่ ก็ต่างพากันเงียบสงบไปทั้งเรือน ความสงบนี้มิได้เป็นความสงบพ้นทุกข์ใด ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความไม่เป็นธรรม ความไม่พอใจ และไม่เห็นด้วยของความคิดของอีกฝ่าย จนพ่อของคุณสิงห์ก้าวเท้าออกจากเรือน ทั้งคุณแม่และแม่มะลิจึงค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้คุณสิงห์มากขึ้นอย่างช้า ๆ ทั้งสองคนเข้ามาลูบเนื้อลูบตัวสิงห์เบา ๆ เพื่อพยายามปลอบใจกระผม ราวกับกำลังจักบอกกระผมด้วยภาษากายให้รู้ว่าเรายังอยู่เคียงข้างกัน

“คุณพี่เจ้าคะ... น้องไม่เป็นไรเจ้าค่ะ หากคุณพี่จักมีเมียเพิ่มอีกคน” แม่มะลิเอ่ยด้วยความลำบากใจหลังจากที่คิดไตร่ตรองมาเรียบร้อยแล้ว แต่หากรู้ไม่ว่าคุณสิงห์จับได้ว่าเธอนั้นไม่ได้อยากให้ตนมีเมียเพิ่มอีกคนอย่างที่ปากว่า แต่เธอเอ่ยด้วยความเกรงใจต่อบิดาของคุณสิงห์

“แต่พี่ไม่เคยรู้จักแม่นางเลยหนาแม่มะลิ”

“คุณพ่อโกรธคุณพี่มากเลยหนาเจ้าค่ะ ขืนยังเป็นเช่นนี้ต่อไป มันจักทำให้ลำบากใจหนาเจ้าค่ะ ยิ่งเป็นสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนตาย ยิ่ง-” เธอรู้ว่าคุณพี่ของตนไม่ได้อยากตบแต่งครั้งนี้เท่าไหร่ แต่คำสั่งของบิดาถือว่าเป็นคำสั่งสูงสุดมาแต่ไหนต่อไหนแล้วตั้งแต่วันที่เธอพบเจอกับคุณสิงห์ คุณพี่ของเธอก็ชอบขัดขืนคำสั่งมาโดยตลอดแต่ไม่เคยโกรธกันขนาดนี้มาก่อน หากเป็นไปได้อาจโดนตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกกันก็ได้ เธอจึงจำเป็นต้องยอมจำนนเพื่อเขาและเพื่อคำสัญญาก่อนตายของเจ้าคุณพ่อและคุณแม่ แม่มะลิยังมิทันพูดจบประโยคทั้งหมดก็กลั้นความรู้สึกไม่ไหวจึงเลือกเข้าไปโอบกอดคุณพี่อย่างแน่นเหนียว

“ยอมเพื่อพ่อเขาสักครั้งเถิดหนาลูกหนา” แม้แต่มารดายังเอ่ยกล่าวประโยคนี้ เธอทั้งลูบเนื้อตัวของกระผมและยังตบบ่าของแม่มะลิเบา ๆ เธอเม้มริมฝีปากด้วยความอดกลั้นพยายามไม่ปล่อยหยาดน้ำตาออกมาต่อหน้าลูกชายของตน กระผมคงจักเป็นลูกชายที่แย่มาโดยตลอดเลยใช่ฤๅไม่ขอรับ ไม่ว่าจักคำสั่งใด กระผมก็ขัดขืนมาตลอด แม้แต่ความรักที่มีให้กับแม่มะลิก็ตาม กระผมทำคุณพ่อเสียหน้าเสียตามาหลายหน จนท่านสามารถตัดกระผมออกจากมรดกและตระกูลอย่างแน่นอนแล้วยกทุกสิ่งทุกอย่างให้น้องชายแทน แต่ว่า... ครั้งหนึ่งที่เคยถูกไล่ออกจากตระกูลจนมาใช้ตระกูลเดียวกับแม่มะลิ พ่อท่านก็ยังคงไม่นิ่งเฉยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตน เป็นเพราะเขายังเป็นลูกชายของพ่อท่านงั้นฤๅขอรับ...

“...”

ใช้เวลาคิดในใจอยู่สักพัก พ่อสิงห์จึงเลือกคลายกอดเหล่ามารดาและคนรักของตนแล้วก้าวเท้าออกจากเรือน เดินไปตามหาคุณพ่อท่านอย่างรีบร้อนจนในที่สุดก็ได้พบท่าน คุณพ่อท่านกำลังยืนโชว์แผ่นหลังให้เขาแล้วไขว้มือทั้งสองข้างไว้ข้างหลังอย่างสุภาพ

เสียงถอนหายใจอย่างลำบากใจดังออกมา แล้วสูบลมหายใจเข้าก่อนที่จักเอ่ยกับคุณพ่อของตนว่า

“ครั้งนี้กระผมยอมตบแต่งเพื่อคุณพ่อก็ได้ขอรับ”

หลังจากคุณพ่อท่านได้ยินประโยคก่อนหน้านี้แล้ว พ่อท่านจึงแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจักหันหน้ามาหาลูกชายแล้วพูดกล่าวออกไป

“เพื่อฉัน!? แกยอมเพื่อฉันจริง ๆ ฤๅ”

“ขอรับ” ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“วันมะรืนนี้ฉันจักจัดงานแต่งให้แกพร้อมกับเมียทั้งสามคน” พูดจบก็ยกฝ่ามือแตะตรงหัวไหล่พ่อสิงห์เบา ๆ

“ฮะ!!!” เสียงร้องตกใจดังลั่นออกมา

“ตอนแรกพ่อไม่ได้พูดเช่นนี้หนาขอรับ”

“หากฉันบอก แกคิดว่าแกจักยอมตบแต่งฤๅไม่ล่ะ”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีคำว่าแต่ แกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธแล้ว ตามนั้นนะ” จบบทสนทนานี้แล้วเขาก็รีบเดินออกจากกงนั้นไปอย่างมีความสุข ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขมากเหลือเกินในชีวิตนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกชายของเขายอมทำตามคำสั่งของตน นานมาแล้วที่ลูกชายของเขาเอาแต่ใจตัวเองมาโดยตลอด สร้างปัญหามากมายจนทำให้เขาต้องแยกออกไปจากเรือนตั้งแต่อายุ ๑๘ ปี

“กระไรนะเจ้าคะ” เสียงแม่มะลิเอ่ยด้วยความตกใจอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ยินคุณสิงห์เล่าเรื่องการแต่งงานในวันมะรืนนี้ให้ฟัง

“ก็อย่างที่แม่มะลิได้ยินหนา ข้าต้องตบแต่งกับเมียทั้งสามคนภายในวันมะรืนนี้”

“ไยต้องตบแต่งกับเมียพร้อมกันทีเดียวสามคนฤๅเจ้าคะ?” แม่มะลิถามด้วยความสงสัย ปกติการตบแต่งเข้าเรือน เขามักแต่งกันทีละคน ไหนจักต้องดูฤกษ์การแต่งงานอีกด้วย

“คุณพ่อท่านคงจักวางแผนกระไรไว้แล้วล่ะแม่มะลิ”

“นั่นสิเจ้าค่ะ ไม่งั้นคงไม่รีบร้อนเพียงนี้ดอกเจ้าค่ะ”

“ถึงข้าจักตบแต่งกับแม่หญิงอีกสามคน แต่ข้าก็ยังรักแม่มะลิเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนนะ”

“น้องรู้แล้วเจ้าค่ะ ว่าคุณพี่รักน้องมากแค่ไหน”

“หัวใจดวงนี้มีแต่น้องมาตลอดและตลอดไป” ทั้งคู่โอบกอดซึ่งกันและกัน

และแล้วงานแต่งของพ่อสิงห์ก็มาถึง ผู้หลักผู้ใหญ่จากดินแดนไกลเดินทางมายังเรือนสิงหดาบเพื่อมาแสดงความยินดีให้กับแต่งงานครั้งนี้ของพ่อสิงห์

บรรยากาศครื้นเครงเหล่าผู้คนมากมายในเรือนสิงหดาบต่างพากันรดน้ำให้คู่เจ้าสาวทั้งสามคนและเจ้าบ่าวที่เลื่องลือกันหนาหู มีเสียงดนตรีบรรเลงไพเราะเสนาะหู สายลมเหมันต์พัดพาความเย็นสบายโชยหอบเอากลิ่นหอมหวานอย่างดอกจำปีเข้ามา

“ไหนคุณพ่อบอกว่างานเล็ก ๆ ไงขอรับ” สิงห์เอ่ยถามพ่อท่านที่กำลังยกขันรดน้ำให้ผู้บ่าว

“ก็เล็ก ๆ ไง มีแต่คนสนิททั้งนั้น” บิดาตอบเรียบ ทั้งที่ยังยกขันน้ำเล็ก ๆ รดน้ำอวยพรให้กับพวกเขา

“เล็ก ๆ ขนาดว่าลือไปทั้งเมืองได้เลยกระมัง” สิงห์ตอบด้วยความประชดประชันผู้เป็นบิดา

“ฉันขอให้พวกเธอมีความสุขกันมาก ๆ เลยหนา ไม่ว่าปัญหากระไรก็ขอให้รอดพ้นไปด้วยดี มีกระไรก็รับฟังกันนะ แม่สร้อย แม่พิมพา แม่เรไร” คำอวยพรของพระบิดาคุณสิงห์เอ่ยก่อนจักเดินจากไป

“ขอบคุณเจ้าค่ะ/ขอรับ” ทั้งสี่กล่าวรับคำอวยพรของผู้ใหญ่ทันที และทั้งสี่คนต่างพากันดำเนินพิธีการแต่งงานกันจนถึงเวลาค่ำ เป็นช่วงเพลาที่ผู้หลักผู้ใหญ่เดินมาส่งคู่บ่าวสาวนอนลงบนเตียงเพื่อร่วมรักกันในค่ำคืนนี้ ทุกคนต่างรู้หน้าที่ของตนเองได้ดีจึงค่อย ๆ ทยอยเดินออกจากห้องเพื่อกิจกรรมต่อไปในเพลานี้

พวกเขานอนนิ่งกันพักใหญ่ก่อนที่พ่อสิงห์จึงชันตัวลุกขึ้นออกจากเตียงนอนแล้วหันไปถามแม่นางทั้งสามคน

“ถามจริง ๆ นะ พวกเธอคิดเยี่ยงไรกับการตบแต่งทีเดียวกันสามคนเช่นนี้ฤๅ” ความคิดในใจของพ่อสิงห์ดังออกมาเป็นคำพูด ถามหญิงสาวทั้งสามคนที่อยู่กงนี้

“...” ไร้ซึ่งคำตอบกลับจากทั้งสามคน

“คงจักสับสนเหมือนข้าสินะ เอาเถอะ วันนี้พวกเจ้านอนในห้องนี้กันตามสบายเลยนะ ข้าจักออกไปนอนอีกห้อง ไม่ต้องกลัวดอกหนา ที่นี่ปลอดภัยไม่มีกระไรน่าเป็นห่วง ไม่ต้องกลัวดอกว่าจักมีผู้ใดเข้ามาทำร้ายพวกเจ้าได้ นอนหลับให้สบายล่ะกันหนา” จบประโยคบทสนทนาก็รีบก้าวเท้าออกจากห้องทันที จนเสียงฝีเท้าก้าวออกไปได้ไกลแล้ว

“นี่! มาตกลงกันหน่อยได้ฤๅไม่ ข้ารักคุณสิงห์มานานกว่าพวกเจ้า หมั้นหมายตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะงั้นข้ามีสิทธิ์เข้าหาคุณสิงห์มากกว่าพวกเจ้า” หญิงสาวนามว่าเรไรเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจทันที เพราะแม่นางเป็นคนมีรูปร่างและใบหน้าสวยคม เป็นที่หมายปองของชายมากมายมาแต่น้อย

“กระไรกัน พวกเราแต่งงานพร้อมกันหนา” หญิงสาวอย่างแม่พิมพาเอ่ยด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แม้เธอจักเป็นคนที่อ่อนหวาน สุภาพเรียบร้อย แต่เธอถูกเลี้ยงให้เป็นผู้เป็นคนเพื่อศักดิ์ศรีของตนเอง

“อีกอย่างนะ ถ้าเจ้าหมั้นหมายกับคุณสิงห์มาก่อน ไยเจ้าถึงตบแต่งช้ากว่าแม่มะลิล่ะ เธอเป็นถึงเมียเอกของคุณสิงห์เชียว คิดจักล้ำเส้นก็ระวังตัวไว้บ้างเถอะ โดนเขาไล่ออกจากเรือนก็มิรู้ด้วยหนา” เสียงนุ่มนวลและหนักแน่นเช่นนี้ คงจักเป็นใครมิได้นอกจากแม่สร้อย หญิงสาวจากภาคเหนือที่มีความฉลาดหลักแหลมยิ่งนักกล่าวประโยคเหน็บแม่เรไรด้วยความหมั่นไส้ แม้แม่เรไรจักเป็นดวงตาดุคมราวกับเหยี่ยว คนอย่างแม่สร้อยเองก็ดวงตาเฉียบคมราวกับเสือเช่นเดียวกัน ทำให้ทั้งสองคนไม่รู้สึกกลัวกันและกัน ผิดกับแม่พิมพาที่นุ่มนิ่มอ่อนหวานราวกับกระต่ายจึงต้องยอมอยู่ข้างหลังแม่นางทั้งสองคนนี้

“นางแย่งคุณสิงห์ไปจากข้าต่างหาก เราทั้งคู่หมั้นหมายกันมาก่อนจริง ๆ นะ แค่คิดก็แค้นแหละ นางหน้าด้านนัก กล้าดียังไงมาตบแต่งกับคุณสิงห์ก่อนฉัน”

“...” ทั้งสองคนแม่พิมพาและแม่สร้อยต่างเอือมระอากับความมั่นใจในตัวเองของแม่เรไรจึงพากันแยกย้ายนอนมุมของตัวเองตามสะดวก

ยามรุ่งอรุณ ไก่โต้งขันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจนฟ้าสางเป็นระยะ

ครัวแสนวุ่นวายนี้เต็มไปด้วยเสียงหั่นสมุนไพรและเนื้อสัตว์อย่างเร่งรีบ

ตึก ตึก ตึก เสียงสากกระแทกกับครกเพื่อบดขยี้พริกแกงอย่างละเอียด

ฝ่ามือทั้งสองข้างอุ้มผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างกลมมน เป็นผลไม้ในฤดูร้อน รสชาติเปรี้ยวหวานอย่างเข้ากัน มีฉายาว่าราชินีผลไม้คือมังคุดนั่นเอง นิ้วโป้งทั้งสองข้างกำลังกดเปลือกแข็งสีม่วงดำแล้วแยกเปลือกออกจากกันเป็นสองท่อน แกะกลีบมังคุดแต่ละกลีบลงแช่ในน้ำผสมมะนาวร่วมกัน ตั้งเตาตั้งหม้อเพื่อทำอาหาร จุดไฟร้อนรนอย่างช้า ๆ เทกะทิลงไปในหม้อเพียงก้นหม้อเล็กน้อย คนให้เข้ากันจนเดือดเทพริกแกงเขียวหวานลงไปแล้วผัดให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใส่เนื้อลงไปผัดจนสุก จากนั้นเติมกะทิเข้าไปจนครึ่งหม้อแล้วหย่อนมะเขือเปราะ มะเขือพวงลงตามไปจนเดือด ปรุงรสชาติด้วยน้ำตาลเพื่อรสหวานและน้ำปลาเพื่อรสเค็ม คนให้รสชาติเข้ากันทั่วหม้อ โรยใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้า ตามด้วยมังคุดที่แกะไว้แล้ว แกงนี้มีชื่อเรียกว่า “แกงเขียวหวานมังคุด”

ทุกคนต่างมารวมตัวกันที่เรือนใหญ่เพื่อรับประทานอาหารมื้อเช้านี้ โดยมีพ่อสิงห์นั่งอยู่ระหว่างกลาง ซ้ายมือคือแม่สร้อย ขวามือคือแม่มะลิ และถัดไปนั่นเองคือแม่เรไรกับแม่พิมพา ทุกคนต่างพากันล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารเช้า สำรับวันนี้มีมากมายให้เลือก ทั้งอาหารคาว ขนมหวาน และน้ำดื่ม รวมไปถึงผลหมากรากไม้ถูกแกะสลักอย่างสวยงาม เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเสร็จต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง

“ไม่ได้เจอกันนานเลยหนา แม่มะลิ” หญิงสาวที่มาพร้อมแรงแค้นอย่างแม่เรไรเอ่ยประโยคทักทายแม่หญิงผู้มีศักดิ์เป็นเมียเอกด้วยการขึงตาใส่อย่างขุ่นเคืองพร้อมทั้งยังเบะปากใส่ผู้เป็นเมียเอก

“พูดจากระไรเยี่ยงนั้น”

นี่คือจุดเริ่มต้นของการเกิดความขัดแย้งในเรือนสิงหดาบ

“ไม่เอาหน่าแม่เรไร วันนี้กำลังจักเป็นวันดี ๆ ของพวกเราเลยหนา” แม่พิมพารีบเข้าห้ามปรามแต่เหมือนจักไร้ซึ่งความปรานีใด ๆ

“ไม่มีวันนั้นหรอก ถ้านางนี่ไม่ตบแต่งกับคุณสิงห์ตัดหน้าข้าก่อน” แม่เรไรพูดจาก้าวร้าวขึ้นมาทันที

“เจ้ากำลังหาเรื่องข้าอยู่งั้นฤๅ แม่เรไร” แม่มะลิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใจเย็น

“ทำไม!” แม่เรไรขึ้นเสียงใส่แม่มะลิผู้เป็นเมียเอกของเรือนสิงหดาบ

“เรือนเราสงบสุขมาตลอด เจ้าจักมาทำให้เรือนนี้แปดเปื้อน มีทุกข์มีภัยเช่นนี้มิได้หนา” แม่มะลิเองก็ไม่อาจสามารถสบอารมณ์ตนเองได้หลังจากที่โดนขึ้นเสียงโดยที่ผ่านมาแทบไม่เคยมีผู้ใดกล้าขึ้นเสียงใส่แม่มะลิเลย

“ได้ยินมาว่าลูกชายเจ้านะ อยู่ได้อีกไม่นานนัก ต่อให้เจ้าเป็นเมียเอกก็เถอะ ข้าจักมีลูกชายกับคุณสิงห์ให้ได้และข้าจักขึ้นตำแหน่งเมียเอกแทนที่เจ้า ค่อยดู!!” แม่เรไรเฉลยแผนการในการตบแต่งครั้งนี้ออกไปโต้ง ๆ ให้แม่มะลิได้รับรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของตน

“เธอเนี่ยช่างพูดจาน่ารังเกียจจังเลยหนา เธอไม่ได้รับการสั่งสอนมาบ้างเลยฤๅไงกัน” จู่ ๆ แม่มะลิก็พูดจสุภาพใส่พร้อมทั้งกวาดสายตามองเหยียดหยามผู้หญิงคนนี้เห็นว่าแม่เรไรช่างดูไร้มารยาทจึงเอ่ยว่ากล่าวทันที

“นี่!!เธอ” แม่เรไรขึ้นเสียงใส่แม่มะลิพร้อมท่าทางและสายตาพยายามข่มขู่ให้แม่มะลิกลัว

“อยู่กับเจ้าไปก็คงจักเสียเวลาเปล่า ข้าไปดูแลพ่อกล้าดีกว่า” แต่ว่าแม่มะลิเองก็ไม่ใช่คนอ่อนแอกระไรดอกหนา เพียงแค่เป็นคนมิอยากมีเรื่องกับผู้ใดมากกว่า เธอพูดตัดบทก่อนจักเดินเข้าไปดูแลลูกชายคนแรกของตระกูลสิงหดาบ

“อีกไม่นานก็จักตายแล้วจักดูแลไปทำไมกันนะ” แม่เรไรพูดจาก้าวร้าวเสียงห้าวใส่แม่มะลิทั้ง ๆ ที่แม่มะลิกำลังเดินออกไปจากตรงนั้น แม่มะลิได้ยินที่แม่เรไรกล่าวไป ทำให้บ่าวคนสนิทของคุณหญิงมะลิกำลังจักหันไปพุ่งตัวใส่แม่เรไร แม่มะลิจึงรีบห้ามปรามบ่าวของตนแล้วทำเป็นไม่ใส่ใจเพราะคิดว่าคุยกับคนไร้สติ

“เธอสาปแช่งฤๅ?” แม่พิมพาถาม

“กระไร” เพียงคำพูดของแม่พิมพาก็ไม่สามารถสงบอารมณ์แม่เรไรได้ เธอจึงรู้สึกขุ่นเคืองแล้วถามกลับด้วยความไม่พอใจ

“ไม่รุนแรงไปหน่อยฤๅ อีกอย่างนะเด็กไม่ได้เกี่ยวกระไรด้วยหนา เธอจักทำเช่นนั้นไปทำไม” แม่สร้อยพูดอย่างมีเหตุมีผล

“ทำไมจักไม่เกี่ยว นั่นลูกน้องชายของนางมะลิเลยนะ”

“ตามใจเธอล่ะกัน ข้าขอไม่ยุ่งดีกว่า” แม่สร้อยถอนหายใจก่อนจักเดินหนีแม่เรไร เพราะอยู่ไปก็ทำลายสุขภาพจิตเปล่า ๆ เธอจึงเดินแยกตัวออกไปหากระไรทำ

“อยู่ด้วยแบบสงบสุขมันจักตายฤๅ” แม่พิมพาถาม แต่อีกคนกำลังโกรธแม่มะลิกับลูกชายของเขาอยู่เลยไม่ได้สนใจที่เธอพูด

“แกทำเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน แกควรจักอยู่กับเมียแกสิ อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนแกเดินออกจากห้องไปดื้อ ๆ ง้ั้นฤๅ” พ่อของคุณสิงห์กล่าวว่าพ่อสิงห์ที่เมื่อคืนปล่อยให้เมียทั้งสามนอนกันเองในห้องในค่ำคืนแรกที่ตบแต่งเข้าเรือนสิงหดาบ

“คนเราจักกล้ามีกระไรกับใครเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกันวันแรกฤๅขอรับคุณพ่อ” สิงห์ถามอย่างไม่เข้าใจ

“ทำไมแกชอบทำทุกเรื่องให้เป็นเรื่องใหญ่นัก” คุณพ่อเริ่มมีอาการปวดหัวมากจนต้องยกฝ่ามือจับหน้าผากของตนก่อนจักนั่งลงอย่างช้า ๆ

“คุณพ่อขอรับ เรื่องนี้ได้โปรดเห็นใจแม่มะลิด้วยเถิดขอรับ” สิงห์เอ่ยพร้อมเผยฝ่ามือทั้งสองหันไปหาตำแหน่งของแม่มะลิที่กำลังเลี้ยงดูลูกชายคนของตนอยู่

“แกก็รู้ว่าโชคชะตาของพ่อกล้าเป็นเช่นไรมิใช่ฤๅ” คุณพ่อท่านถามด้วยความหนักแน่นและลำบากใจไปพร้อม ๆ กัน

“กระผมทราบดีขอรับ” สิงห์ยอมรับกับความผิดหวังที่สัมผัสได้แต่สุดท้ายเขาเองก็อยากเลี้ยงดูลูกคนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

 

ณ ศาลาริมน้ำเรือนสิงหดาบ

แม่เรไรที่นั่งอยู่ที่ศาลามาพักใหญ่แสดงท่าทางหงุดหงิดด้วยการสะบัดเรือนร่างของตัวเองออกมาก่อนจักเอ่ยถามบ่าวรับใช้คนสนิทของตน

“นี่!! เอ็งพอจักรู้จักแม่หมอบ้างฤๅไม่วะ”

“คุณเรไรจักทำไมฤๅเจ้าคะ” นางปลาบ่าวรับใช้คนสนิทของแม่เรไรเอ่ยถามกลับ

“ข้าจักทำยาเสน่ห์ใส่คุณสิงห์สิว่ะ ยิ่งเร็วยิ่งดี” แม่เรไรคิดแผนร้ายออกและอยากที่จักลงมือให้เร็วที่สุด เธอจึงเผยรอยยิ้มแสยะอย่างตั้งใจ

“แต่ว่า...ของดำมันไม่ดีหนาเจ้าค่ะ อีกอย่างถ้าคุณเรไรทำแล้วคุณสิงห์รู้เรื่องขึ้นมา มันจักเป็นเรื่องใหญ่โตเอาหนาเจ้าค่ะ” ปลาพยายามห้ามแม่เรไรด้วยน้ำเสียงสั่นกลัวและลำบากใจในเพลาเดียวกัน

“ก็ดี ข้ายอมแลก อย่างน้อย ๆ ข้าจักต้องมีลูกชายกับคุณสิงห์ให้ได้ เพราะกระไรนะเหรอ เพราะอีกไม่นานลูกชายคนแรกและคนเดียวของแม่มะลิจักสิ้นแล้ว ตำแหน่งลูกชายก็จักตกมาเป็นของลูกชายฉัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แม่เรไรบอกรายละเอียดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามแม่มะลิและลูกชายให้กับบ่าวคนสนิทฟังและหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา

“แต่ว่าคุณมะลิกับคุณสิงห์ รักกันมานานมากเลยหนาเจ้าค่ะ มันยากที่จักหากระไรมาตัดคุณท่านกับคุณมะลิขาดออกจากกันหนาเจ้าค่ะ” ปลาคือบ่าวผู้ที่อยู่เรือนนี้มานานกว่าแม่เรไรจึงพอจักรู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นอย่างดีจึงเอ่ยถามเพราะตนรู้สึกไม่แน่ใจว่าจักทำเยี่ยงไรให้พวกเขาขาดจากกัน แม้ตนนั้นอยากจักสนับสนุนแม่นายของตนก็เถอะ

“ง่าย ๆ เลย ก็ทำให้ผิดใจกันสิ ทะเลาะกันใหญ่โตจนทำให้คุณพี่เกลียดนางมะลิ แล้วข้าก็ขึ้นเป็นเมียเอกแทนมัน” เมื่อพูดจบประโยคแม่เรไรก็นั่งลงหยิบน้ำชาข้าง ๆ ยกขึ้นมาดื่มอย่างสบายใจ ยังคงเผยรอยยิ้มมุมปากและเผลอหัวเราะในลำคอออกมาอย่างชัดเจน

“...”

ไม่กี่วันต่อมา บ่าวคนสนิทของคุณนายเรไรได้นำทางไปสู่บ้านแม่หมอเพื่อทำยาเสน่ห์ เพียงเพราะตนนั้นได้ยินข่าวมาจากวงล้อมกินข้าวของเหล่าบ่าวที่มักจักพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ นานา จนได้เรื่องมาว่ามีแม่หมอท่านหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ขึ้นเรื่องการทำยาเสน่ห์และยาสั่งเป็นสั่งตาย บ่าวคนสนิทของคุณหญิงเรไรสร้างเรื่องด้วยการอยากทำยาเสน่ห์ใส่บ่าวผู้ชายในเรือนจึงพยายามขอร้องให้คนที่รู้ที่อยู่ของแม่หมอนำทางไปแล้วในอีกไม่กี่วันต่อมาก็ได้เชิญชวนคุณเรไรไปตามเส้นทางเดิมที่เคยมา บ้านเรือนของแม่หมออยู่ป่าห่างไกลจากผู้คน จึงจำเป็นต้องเดินเท้าอย่างระมัดระวัง เพราะป่าแห่งนี้มีสัตว์พิษหลากหลายชนิดเป็นที่โปรดปรานของเหล่าแม่หมอ เรือนของแม่หมอเป็นกระท่อมไม้ไผ่ขนาดใหญ่ แต่กลับมีสีดำมืดหม่นไร้แสงสว่างส่องเข้ามาถึงเรือนนี้ ทั้งสองคนจึงเดินเข้าไปในเรือนของแม่หมออย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพียงเปิดประตูเข้าไปในกระท่อมไม้ไผ่ แม่หมอก็ส่งเสียงราวกับล่วงรู้อยู่แล้วว่าจักมีผู้ใดมาหาตน

“แรงแค้นเอ็งมันแรงดีนัก!” เพียงแค่แม่เรไรเดินเข้ามาในบ้านของแม่หมอ แม่หมอก็สามารถรับรู้ถึงความแค้นของแม่เรไรที่มีต่อแม่มะลิเสียแล้ว แม่หมอผู้คนนี้มีอายุราว ๆ ๕๐ ปี มีไรผมแทรกสีขาวตามประสาผู้คนวัยชรา ชอบเคี้ยวหมากเป็นประจำจนมีฟันดำสวยงดงาม ดวงตาของแม่หมอขุ่นขาวแทบจักปกปิดนัยน์ตาสีดำขลับจนมิด นั่งพับเข่าทั้งสองข้างแบะออกบนพื้นแล้วเอาขาไขว้กันอยู่ข้างหน้าโต๊ะบูชาทั้งปวง สวมเสื้อผ้าม่อฮ่อมสีแดงเลือดหมูเข้มข้น กางเกงสีดำระบายอากาศง่าย

“ใช่เจ้าค่ะ ข้าแค้นนางมะลิมาหลายสิบปี จนตอนนี้ข้ารอไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ” แม่เรไรรีบเอ่ยออกมาไม่ทันไตร่ตรองกระไร ดวงตาของเธอมืดครึ้มและเคลือบแฝงด้วยความโหดเหี้ยม จนแม่หมอรู้สึกถึงความอาฆาตแค้นของแม่เรไรได้

“เอ็งไม่ต้องรีบดอก รู้สึกว่าลูกชายเอ็งนะ กำลังจักมาหาเอ็งแล้ว” แม่หมอพูดให้ความหวังแก่แม่เรไรก่อนจักยกยิ้มเพื่อหลีกเลี่ยงออร่าความอาฆาตพยาบาลของแม่เรไร

“จริงฤๅเจ้าคะแม่หมอ” แม่เรไรถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจและเธอปั้นสีหน้ายิ้มแย้มแช่มชื่นอย่างกับคนละคนกับคนเมื่อกี้นี้เลย

“ก็เออสิว่ะ ข้ายินดีกับเอ็งด้วย อ่ะ!! เอาไปมันคือยาเสน่ห์ที่เอ็งต้องการ ข้าแนะนำให้เอ็งใส่ลงในน้ำชาแล้วคุณท่านดื่ม หลังจากนั้นเอ็งก็ขยันทำบุญทำทาน ทำความดีเข้าไว้ ความดีที่เอ็งทำมันจักปิดบังยาเสน่ห์เอาไว้ จักได้ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเอ็งนะทำยาเสน่ห์ใส่คุณท่าน ยิ่งเอ็งชวนคุณท่านใส่บาตรทุกเช้ายิ่งดีนัก พวกขุนนางทั้งหลายต่างชื่นชอบบุญส่งเสริมอำนาจบารมียิ่งนัก” แม่หมอแสดงความยินดีกับแม่เรไรอย่างมีความสุขออกหน้าออกตาก่อนจักหันไปหยิบขวดยาเสน่ห์ที่เตรียมไว้มอบให้แม่เรไรแล้วใช้ภาษามืออธิบายถึงวิธีการใช้ยาเสน่ห์อันนี้

“ขอบคุณเจ้าค่ะแม่หมอ” แม่เรไรรีบกล่าวคำขอบพระคุณแล้วรับยาเสน่ห์จากมือแม่หมอด้วยตัวเองทันที

“อย่าลืมของตามศรัทธาด้วยล่ะ” แม่หมอทักทวงเรื่องค่ายาเสน่ห์เป็นสินน้ำใจ

“อยู่นี่เจ้าค่ะแม่หมอ” ปลารีบหยิบเงินทิวาที่ถูกห่อด้วยถุงผ้าปิดมิดชิดขนาดเล็กส่งให้แม่หมอก่อนที่จักตามแม่เรไรกลับเรือนไป เมื่อทั้งสองคนแม่นายและบ่าวเดินออกจากไปเรือนของแม่หมอได้สักพักแล้ว

“ข้าทำตามที่เอ็งต้องการแล้วนะ” แม่หมอหันไปพูดกับอีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านแม่หมออย่างเงียบ ๆ และยังเฝ้าสถานการณ์มาโดยตลอด

“ดีมากแม่หมอ นางนี่มันโง่ยิ่งกว่ากระไรนัก แค่ข้าให้บ่าวของข้าส่งข่าวลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มาถึงที่เลย หึ!!” แม่สร้อยและบ่าวคนสนิทก็ปรากฏตัวออกมาแล้วนั่งลงตรงหน้าแม่หมอ

“ว่าแต่เขา ทีเอ็งล่ะ” แม่หมอพูดเหน็บแม่หญิงทำให้แม่สร้อยขุ่นเคืองจนขวมดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจักเลือกปั้นหน้านิ่งเฉยไปสบสายตากับแม่หมอ

“นางจักมีลูกชายจริง ๆ ฤๅ แม่หมอ” เธอไม่พอใจคำทำนายแม่หมอเมื่อครู่นี้แต่เพื่อยาเสน่ห์จึงยอมสงบอารมณ์ตัวเองก่อนจักเอ่ยถามถึงลูกชายของแม่เรไร

“ก็เออสิว่ะ เอ็งกล้าดูถูกคำทำนายของข้าฤๅ” คราวนี้แม่หมอถามแม่หญิงคนงามกลับบ้าง

“มีวิธีจัดการฤๅไม่”

“หึ ข้าบอกว่ามีลูกชายแต่ไม่ได้บอกว่าเร็ว ๆ นี้ซะหน่อย” แม่หมอเอ่ยพร้อมยกยิ้มแล้วหัวเราะเล็กน้อยทำให้สีหน้าของแม่สร้อยเปลี่ยนไป

“หมายความว่าไงฤๅ”

“ที่ข้าให้ไปไม่ใช่ยาเสน่ห์กระไรดอก ข้าแค่ให้แม่นางทำความดีชนะใจคุณท่านเท่านั้นเอง”

“ดีมาก แล้วยาเสน่ห์ของข้าได้จัดหาไว้ไม่”

“หึ บ่าวเอ็งจ่ายข้าหนัก มีฤๅว่าข้าจักไม่จัดหามาให้ เอ้า” แม่หมอรีบยกขวดยาเสน่ห์ตามที่แม่สร้อยต้องการออกมา

“ขอบใจ หวังว่าเอ็งกับข้าจักไม่ได้เจอกันอีกนะ” คำสั่งส่งท้ายของแม่สร้อยกล่าวออกไป

“แน่นอนสิ เอ็งจ่ายหนักขนาดนี้ ข้าย้ายไปตั้งหลักที่อื่นได้สบายเลย”

“งั้นก็ขอให้โชคดี” แม่สร้อยลาอย่างไม่ลืมมารยาทผู้ดีก่อนกลับ