เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สิงหดาบเด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ
สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ
ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน
ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน
เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน
ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ
ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด
เพราะสมองอันล้ำค่า
นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง
TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)
การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก)
การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)
ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง
ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)
โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด
คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส
แนะนำตัวละคร นายเอก
Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho
ชื่อ : เสือ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง
ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย
ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้
Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker
พระเอก
ชื่อ : เชิง
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ
ฉายา : พ่อเชิงปากหมา
พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ
Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_
ชื่อ : กล้า
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์
ถึงเวลาของข้าแล้ว...
ชื่อ : มณี
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ
ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน
ชื่อ : พวงทอง
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี
ฉายา : แม่นม
อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า
ชื่อ : สิน
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย
นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ
อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ
ชื่อ : เดื่อ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง
นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
ตำแหน่ง : ความลับ
แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง
ชื่อ : สุข
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)
นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย
ข้ากลัว...
ชื่อ : จันทร์
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)
นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด
ชื่อ : นิ่มนวล
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา
นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย
ชื่อ : แย้ม
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด
ชื่อ : บังอร
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ
ชื่อ : เดช
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย
ชื่อ : จ้อย
อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ
นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย
ตำแหน่ง : ความลับ
ชื่อ : ชาญ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง
นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว
ลำดับพี่น้อง
พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช
คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ
คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี
ณ เรือนสิงหดาบ
“คุณสิงห์เจ้าคะ เหนื่อยฤๅไม่เจ้าคะ ข้าทำน้ำชามาให้เจ้าค่ะ” เมื่อสิงห์เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย ๆ แม่พิมพาเลยรีบยกน้ำมารอคุณสิงห์ก่อนขึ้นเรือน
“ขอบใจหนา แม่พิมพา” สิงห์รับน้ำจากมือแม่พิมพาแล้วยกดื่มน้ำนั้นโดยไม่รู้ตัวว่าเมียทั้งสามคนกำลังมีแผนวางยาเสน่ห์ให้ตนเองดื่ม แต่วันนี้แม่พิมพาเป็นคนแรกที่ให้คุณสิงห์ดื่มก่อน เมื่อคุณสิงห์ดื่มน้ำชาของแม่พิมพาเสร็จจึงก้าวเท้าลงบนกระไดเพื่อขึ้นเรือนไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจชั่วครู่ แม่พิมพาไม่ลืมวิธีการใช้ยาเสน่ห์ของแม่หมอจึงรีบยกน้ำชาที่เหลือจนหมด
ยามราตรีนี้ แม้จักเป็นเพลาที่ลมเย็นสบายแต่แม่พิมพากลับนั่งรอในห้องของตนอย่างใจร้อนฉุดเฉียว
“ไยคุณพี่ของข้าถึงยังไม่มาสักทีวะ ข้ารอนานจนจักอดทนแล้วนะ” แม่พิมพาชะเง้กชะแง้มองหาคุณพี่แต่ก็ไร้เงาใด ๆ แม้แต่คนเดียว
“เอ็งแน่ใจนะว่าเอ็งใส่ยาเสน่ห์ในน้ำชาให้แล้ว ทำไมคุณพี่ยังไม่มาหาข้าอีกล่ะ” แม่พิมพาหันไปพาลใส่บ่าวรับใช้คนสนิทอย่างเขียว
“แน่ใจเจ้าค่ะ ข้าใส่เองกับมือเลยเจ้าค่ะ แต่บ่าวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไยคุณท่านถึงยังไม่มาหาคุณพิมพาสักที” นางเขียวพูดด้วยความลังเลและแน่ใจว่าตนนั้นใส่ยาเสน่ห์ของแม่พิมพาไปแล้ว แต่ตนนั้นก็มิรู้เช่นกันว่าไยยาเสน่ห์นี้ถึงออกฤทธิ์ช้าเช่นนี้
“แล้วทำไมยังไม่มาสักทีนะ”
“มาแล้วเจ้าค่ะ คุณท่านมาแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อเขียวเห็นคุณสิงห์เดินมายังเรือนเล็กของแม่พิมพา เธอจึงรีบทักทวงแม่พิมพาทันที
“เอ็งรีบออกเร็ว ออกไปสิ” แม่พิมพารีบไล่บ่าวคนสนิทอย่างเขียวให้ออกจากห้องไป
“เจ้าค่ะ” เขียวตอบรับทันทีและรีบเดินออกไปจากห้องแม่พิมพาอย่างระมัดระวังตัวเองเป็นอย่างดี
แม่พิมพารีบจัดแต่งตัวให้เรียบร้อย ทำเหมือนตนกำลังนอนอยู่บนเตียงแล้วแอบเนียนทำเป็นนอนหลับไปแล้ว โดยไม่รู้ว่าคุณสิงห์จักเดินมาหาตนเองถึงเรือนเล็ก
“แม่พิมพา” สิงห์เดินมาเคาะประตูหน้าห้องนอนแม่พิมพาเบา ๆ ก่อนจักเอ่ยชื่อแม่นาง
แม่พิมพาเล่นไปตามน้ำ จึงลุกขึ้นมาเปิดประตูให้พ่อสิงห์และยังทำหน้าตาราวกับว่าเพิ่งตื่นนอนมา
“มีกระไรฤๅเจ้าคะ” เธอแกล้งถามอีกฝ่าย
“วันนี้ข้าอยากนอนด้วยนะ” สิงห์ไม่รอช้ารีบดันตัวเข้าไปในห้องนอนของแม่พิมพาทันที
“เจ้าค่ะ” เธอยังคงทำตัวอย่างไร้เดียงสา ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว ได้แต่ยกยิ้มพร้อมหันไปมองซ้ายขวาหวังว่าจักไม่มีผู้ใดตามคุณสิงห์มาจึงรีบปิดประตูทันที
ทั้งคู่เกิดสบตากัน ทั้งคู่ก็เริ่มค่อย ๆ เข้าหากันเรื่อย ๆ เพราะยาเสน่ห์ จนพ่อสิงห์เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“คุณสิงห์จักทำกระไรเจ้าคะ”
เธอแกล้งไร้เดียงสาอีกครั้งด้วยความเขินอายก่อนจักเป็นฝ่ายจูบอีกฝ่าย ยามราตรีนี้ทั้งคู่ได้ร่วมรักกันจนนอนหลับไปด้วยกันจนรุ่งเช้าวันใหม่
เมื่อแม่มะลิตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าคุณพี่หายตัวไปเสียแล้ว เธอรีบลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้ามาไถ่ถามบ่าวในเรือนว่ามีผู้ใดเห็นคุณพี่บ้างฤๅไม่ ทุกคนต่างพากันตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เห็นเลยเจ้าค่ะ/ขอรับ
จนแม่พิมพาเดินเข้ามาในเรือนใหญ่ของแม่มะลิพร้อมควงแขนพ่อสิงห์มาด้วย แม่มะลิเห็นคุณสิงห์ด้วยความเป็นห่วงจึงเอ่ยถามคุณพี่ทันที
“คุณพี่เป็นกระไรฤๅไม่เจ้าคะ เมื่อคืนคุณพี่หายไปไหนมาฤๅเจ้าคะ” แม่มะลิทักถามคุณพี่ด้วยความเป็นห่วงที่หายตัวไปไหนมาทั้งคืน
“ข้าไม่ได้ไปไหนมาดอกแม่มะลิ ตั้งแต่วันนี้ข้าอยากให้แม่พิมพามาอยู่ที่เรือนใหญ่ของเรานะ แม่มะลิคงไม่ว่ากระไรใช่ฤๅไม่”
“คุณพี่มีเหตุผลกระไรถึงอยากให้แม่พิมพาเข้ามาอยู่ร่วมกับเรือนของเราเจ้าคะ”
“เอาหน่าแม่มะลิ เรือนเราออกจักใหญ่แบ่งให้แม่พิมพาอยู่ด้วยจักเป็นกระไรไปล่ะ”
“ถ้าน้องไม่ยอมล่ะเจ้าคะ” แม่มะลิเริ่มขึ้นเสียงใส่คุณพี่เพราะคุณพี่ผิดสัญญากับเธอ เขาเคยบอกว่าจักรักเพียงแค่แม่มะลิผู้เดียว
“แม่มะลิ!” สิงห์ขึ้นเสียงใส่แม่มะลิอย่างรุนแรง กระแทกเสียงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำให้บ่าวในเรือนต่างพากันตกใจกับการกระทำของคุณสิงห์ในเพลานี้
“คุณพี่” แม่มะลิเสียใจอย่างมากที่พ่อสิงห์ขึ้นเสียงใส่ เธอรีบเดินหนีออกไปจากตรงนั้นไปร้องไห้คนเดียวโดยมีบ่าวคนสนิทอย่างน้ำฟ้าอยู่เคียงข้าง
“ไปเอาข้าวของแม่พิมพามาไว้ที่เรือนนี้ด้วยล่ะ” สิงห์ออกคำสั่งให้บ่าวไปเอาของแม่พิมพาขึ้นมาในเรือนใหญ่นี้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“เจ้าค่ะ”
ตลอดที่ผ่านมาแม่มะลิไม่ยอมคุยกับพ่อสิงห์อีกเลย จึงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงดูลูกชายอย่างใกล้ชิด เพราะเธอนั้นขาดความไว้วางใจจากคุณพี่แล้ว ก็หวังว่าตนจักสอนให้ลูกชายอย่าทำตัวเช่นนี้ เพราะตนไม่ชอบนัก
“เอ็งว่าคุณพี่มีอาการแปลก ๆ ฤๅไม่ ทำไมจู่ ๆ คุณพี่ถึงหลงรักนางแม่พิมพาหัวปักหัวปำเช่นนี้” แม่สร้อยเกิดความสงสัยในขณะที่ตนกำลังเฝ้ามองทั้งสองคน ทั้งพ่อสิงห์และแม่พิมพากำลังป้อนผลไม้ให้กันและกันในสวน
“นั่นสิเจ้าค่ะ ข้าเองก็สงสัยว่าทำไม เอ๊ะ หรือว่าคุณสิงห์จักโดนยาเสน่ห์ของแม่พิมพาเจ้าคะ?” นางบัวบ่าวคนสนิทของแม่สร้อยเห็นด้วยกับความสงสัยของแม่สร้อยและนึกออกว่าอาการแบบนี้มีแต่คนที่โดนยาเสน่ห์เท่านั้นที่จักเป็นเช่นนี้
“ข้าต้องหาหลักฐานให้เจอก่อน ไปกัน เราต้องค้นห้องแม่พิมพาเงียบที่สุด” แม่สร้อยพูดก่อนจักเดินนำไปยังห้องแม่พิมพา ทั้งสองคนช่วยกันค้นห้องแม่พิมพาอย่างระมัดระวังตัวให้มากที่สุด จนบ่าวบัวเจอขวดใส่น้ำแปลกประหลาดตู้ชั้นล่างสุด
“แม่นายเจ้าค่ะ ขวดนี้ใช่ฤๅไม่เจ้าคะ” บ่าวคนสนิทอย่างบัวรีบยกขวดแปลกประหลาดให้แม่นายเห็นก่อนจักเอ่ยถาม แม่สร้อยไม่ตอบกระไรได้แต่พยักหน้าเป็นสัญญาณบอกว่าเนี่ยแหละ ยาเสน่ห์ แต่ด้วยความไม่มั่นใจของแม่สร้อยเลยพยายามไปตามหาแม่หมอที่ยังหลงเหลืออยู่ในแถวนี้เพื่อถามหาว่าขวดยาประหลาดนี้ใช่ยาเสน่ห์ฤๅไม่ จนเข้าพบแม่หมอคนหนึ่งเป็นแม่หมอวัยหนุ่มสาว แม้แม่สร้อยจักไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวแม่หมอคนนี้เท่าไหร่ อาจจักเพราะอายุยังน้อย ประสบการณ์ก็คงยังน้อยด้วยเช่นกัน แต่เรื่องยาเสน่ห์จัดว่าเป็นเรื่องที่ในบรรดาแม่หมอต้องเป็นที่รู้จักกันทุกคนอยู่แล้ว เธอเอาแต่คิดเองเออเองตามไปประสา
“ยาเสน่ห์นี้เป็นเพียงยาเสน่ห์ฤทธิ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง พวกเจ้าถามไปไยฤๅ” แม่หมอวัยหนุ่มสาวคนนี้ถาม
“มีวิธีแก้ฤๅไม่เจ้าคะ” แม่สร้อยรีบยกมือทั้งสองประนมเข้าหากันแล้วเอ่ยถามถึงวิธีแก้ของ
“ง่ายนัก แค่เจ้าไปหาน้ำมนต์จากหลวงพ่อมาล้างหน้าชะล้างของดำออกไป เพียงเท่านี้ก็สามารถแก้ของได้แล้ว แต่ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ ใคร ๆ ก็รู้ว่าของดำเป็นกระไรเกินเหนือความสามารถคนทั่วไป มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป แล้วสักวันก็จะฉิบหายเพราะมัน” จบบทสนทนานี้ทั้งสองก็ไหว้ลาแม่หมอตรงไปหาพ่อหลวงเพื่อขอน้ำมนต์มาให้คุณสิงห์ ทั้งคู่อาศัยจังหวะที่พ่อสิงห์เผลอหลับในสวนเพียงลำพัง แม่สร้อยเอ่ยกล่าวถึงการนอนหลับในเวลากลางวันมันไม่ดีเพราะอาจจักทำให้การนอนหลับของพ่อสิงห์ในกลางคืนลำบากเลยให้พ่อสิงห์ล้างหน้าด้วยน้ำมนต์ พ่อสิงห์ยอมทำตามที่แม่สร้อยแนะนำ พ่อสิงห์จึงกลับมาเป็นปกติและยังคงจำความที่ผ่านมาว่าตนเองทำกระไรลงไปบ้าง และความทรงจำที่กลับมาในระยะเพลานี้คือตนเองเผลอขึ้นเสียงและพูดจารุนแรงใส่คนที่ตนรักมากที่สุด
พ่อสิงห์รีบเร่งฝีเท้าตามหาแม่มะลิทันที ปล่อยให้แม่สร้อยยืนอยู่เพียงลำพัง พ่อสิงห์พยายามตามหาแม่มะลิสุดกำลัง จนในที่สุดก็เจอแม่มะลิกำลังนั่งเลี้ยงดูลูกชายของตนอยู่
“แม่มะลิ ข้า...” ยังไม่ทันพูดต่อ แม่มะลิก็ตัดบทเสียก่อน
“ข้าไม่อยากคุยกับคุณพี่เจ้าค่ะ”
“ไม่นะแม่มะลิ ได้โปรดฟังข้าอธิบายก่อน ข้ารู้ตัวว่าข้าทำกระไรลงไป แต่ข้าอยากขอให้เจ้าเชื่อข้า ข้าโดนแม่พิมพาวางยาเสน่ห์จนหลงหัวปักหัวปำเช่นนี้ ข้าขอโทษนะแม่มะลิ อภัยให้ข้าด้วย” เพียงแค่คำพูดมันคงไม่พอพ่อสิงห์รีบคุกเข่าต่อหน้าเมียสุดที่รักของตนทันที จนแม่มะลิตกใจไม่คิดว่าคุณพี่ของตนจักยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อขอโทษตนเช่นนี้
“คุณพี่คุกเข่าทำไมเจ้าคะ ลุกขึ้นมาเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่โกรธคุณพี่แล้วเจ้าค่ะ ลุกขึ้นมาเถอะเจ้าค่ะ”
“จริงนะ เจ้าไม่โกรธข้าแล้วจริงนะ ข้าขอโทษนะแม่มะลิ”
“คุณพี่อย่าทำเช่นนี้อีกหนาเจ้าค่ะ”
และแล้วทั้งสองคนก็กลับมารักกันดีเหมือนเคยและพ่อสิงห์รู้สึกอยากมีลูกอีกคนจึงขออนุญาตแม่มะลิ ขอร้องจนยอมมีกระไรด้วยแล้วท้องลูกชายคนที่สองนามว่า เสือ
แต่ว่าก่อนที่แม่มะลิจักรู้ว่าท้องนั้น แม่พิมพาที่วางยาเสน่ห์ก่อนก็ท้องบุตรได้หกเดือน และมีเหตุจำเป็นต้องเดินทางไปหาคุณพ่อที่บาดเจ็บสาหัสจากการรบที่ชายแดน ด้วยความเป็นพ่อเห็นว่าลูกสาวของตนกำลังท้องจึงอยากให้ลูกกลับเรือนของตัวเองไป หากตนรู้ว่าแม่พิมพาท้องลูกอยู่ ตนคงไม่ขอส่งข่าวที่ตนบาดเจ็บมายังลูกเด็ดขาด แต่ไหน ๆ ก็มาแล้วให้พักสักคืนก่อนจักเดินทางกลับดีกว่า ในวันที่เดินทางกลับเรือนสิงหดาบ พบเห็นแม่หมอที่ตนได้ทำยาเสน่ห์ซึ่งบังเอิญเป็นคนเดียวกันกับแม่หมอที่ทำยาเสน่ห์ให้แม่เรไร บ่าวปลาและบ่าวเนื่องเป็นคนในเรือนสิงหดาบที่แม่เรไรวานจ้างให้มาเฝ้าดูแม่พิมพา โดยมีบ่าวดอกรักคอยดูแลแม่เรไรแทนบ่าวปลา เมื่อบ่าวปลาเห็นแม่หมอก็นึกออกทันทีว่าแม่หมอคนนี้คือคนเดียวกับคนที่ทำยาเสน่ห์ให้แม่เรไร ตนพยายามฟังเงียบ ๆ ว่าทั้งสองคนพูดคุยเรื่องกระไร ก็คงเป็นกระไรไปไม่ได้นอกจากเรื่องยาเสน่ห์ หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอาข่าวนี้ไปบอกให้แม่เรไรรู้เรื่อง โชคดีนักทั้งสองคนเลือกที่จักวิ่งไปทางลัด เมื่อแม่เรไรได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดก็ยืนดักรอแม่พิมพากลับมายังเรือนสิงหดาบ
“นี่แก! ทำยาเสน่ห์ใส่คุณพี่ฤๅ นังพิมพา” เมื่อแม่เรไรเห็นใบหน้าของแม่พิมพาก็รีบหาเรื่องขึ้นมาทันที พร้อมจิกหัวแม่พิมพาแล้วตบใบหน้าซ้ำ บ่าวเขียวพยายามช่วยแม่นายแต่ก็โดนบ่าวปลาดักตบก่อนจนล้มลงไปกับพื้น
“แกรู้ได้ไง” แม่พิมพาเอ่ยถามแม่เรไรทั้ง ๆ ที่ฝ่ามือของตนนั้นกำลังประคบแก้มที่ถูกตบไว้
“ก็ไอ้หมอที่ทำยาเสน่ห์ของแกมันคือเดียวกันกับข้าไง มานี่นะ” แม่เรไรพยายามตบตีแม่พิมพาด้วยความโมโหมากที่สุดจนเผลอผลักแม่พิมพาล้มลงบนพื้นจนเกิดการแท้งลูกขึ้นมา มีเลือดสีแดงเข้มข้นไหลออกจากช่องคลอดของแม่พิมพา แม่พิมพาใช้มือทั้งสองข้างอุ้มเลือดของตนในอุ้งมือก่อนจักพูด
“เลือด! แก แก!”
เสียงร้องกริ๊ดของแม่พิมพาดังลั่นไปทั่ว ทำให้แม่เรไรรีบหนีออกจากตรงนั้นไป ทำเป็นไม่รู้เรื่องกระไร ทำหน้าตาราวกับว่ามิรู้เลยว่าเกิดกระไรขึ้นกันฤๅ ปล่อยให้แม่พิมพาทรุดตัวปล่อยเสียงร้องโฮเสียใจกับการแท้งในครั้งนี้
จนทั้งเสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ของแม่พิมพาดังขึ้นไปยังเรือนสิงหดาบจนทุกคนในเรือนได้ยินก็รีบพากันลงมาดู พ่อสิงห์พยายามจับใจความจากปากคนที่เสียสติอย่างแม่พิมพาว่า แม่เรไรเป็นคนทำร้ายตน ตนจึงเรียกแม่เรไรมานั่งคุยให้รู้เรื่อง แต่แม่เรไรยังคงทำเมินไม่รู้เรื่องรู้ความกระไรเลย ทำให้สิงห์หนักใจทั้งเรื่องแม่เรไรและไหนจักแม่พิมพาที่ต้องเสียลูกไปด้วยไม่ได้ตั้งใจอีก พ่อสิงห์จึงออกคำสั่งให้บ่าวในเรือนไปตามหมอมาดูแลแม่พิมพาในเรือนเล็ก เขาจึงยกฝ่ามือของตนแตะลงบนหน้าผากอย่างเบา ๆ ก่อนจักถอยหายใจ แม่สร้อยเห็นท่าไม่ดีก็สะกิดบ่าวคนสนิทให้ไปเตรียมน้ำให้คุณสิงห์พร้อมใช้โอกาสนี้เทยาเสน่ห์ลงไปในน้ำให้พ่อสิงห์ดื่มแก้กระหาย แต่ว่าก็มีเรื่องไม่คาดถึง ผมของบ่าวบัวหลุดลงไปในน้ำชา บัวเองก็คิดว่าคงไม่เป็นผลกระไรดอก เลยหยิบผมของตนเองออกก่อนจักส่งให้แม่สร้อย
“ดื่มน้ำก่อนหนาเจ้าค่ะ เรื่องนี้ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปกันดีกว่าหนาเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจักช่วยคุณพี่จัดการเรื่องทั้งหมดให้หนาเจ้าค่ะ”
“ขอบใจเจ้ามากนักแม่สร้อย”
“เจ้าค่ะ”
คุณสิงห์รับน้ำชาจากมือแม่สร้อยยกดื่มจนหมดแล้วส่งถ้วยชานั้นคืนให้กับแม่สร้อยแล้วเดินตรงออกไปดูว่าแม่พิมพาว่าเป็นเยี่ยงบ้าง
ในค่ำคืนวันนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่แม่สร้อยคาดหวังไว้ พ่อสิงห์กลับไปกระท่อมเล็ก ๆ ของบ่าวของแม่สร้อยนามว่าบัว พ่อสิงห์เคาะประตูกระท่อมเล็ก ๆ ของแม่บัวอยู่พักใหญ่ก่อนที่แม่บัวยังสะดุ้งตื่นเพราะเรียกเคาะประตู จึงรีบออกมาเปิดประตูอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จนรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูกระท่อมของตนนั้นคือคุณสิงห์ ตนจึงเอียงคอลงเล็กน้อย เพราะเพลานี้ฤทธิ์ยาเสน่ห์น่าจักออกมาเต็มที่แล้วและก็น่าจักโผล่ไปอยู่กับแม่นายของตนมิใช่ฤๅ
“คุณสิงห์มีกระไรฤๅเจ้าคะ”
“แม่บัว...”
ทั้งคู่ได้ทำเรื่องอย่างน่าอายขึ้นในกระท่อมเล็ก ๆ จนถึงเช้าวันใหม่ จู่ ๆ ยาเสน่ห์ก็ค่อย ๆ จางหายไป ทำให้บ่าวบัวหลุดร้องไห้ออกไป เธอนั้นทั้งเอาฝ่ามือปกป้องร่างกายของตนไว้ เธอสะอึกสะอื้นจนไหล่สั่นสะท้าน เมื่อพ่อสิงห์เริ่มได้สติแล้ว
“ข้าขอโทษจริง ๆ นะแม่บัว ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่รู้ว่าข้าทำกระไรลงไป” พ่อสิงห์ที่ยังตั้งสติไม่ได้อย่างเต็มที่และไม่เข้าใจทำไมตนทำกระไรลงไป
บ่าวบัวที่เพิ่งเสียตัวให้พ่อสิงห์ พยายามทบทวนว่าเกิดกระไรขึ้นและยังสำนึกบาปของตนออกมาด้วยความอึดอัดภายในใจ
“คุณสิงห์เจ้าคะ บ่าวเองก็ต้องขอโทษด้วยเจ้าค่ะ ฮึก ฮือ แม่นายใช้ให้บ่าววางยาเสน่ห์คุณสิงห์แต่ข้าไม่คิดว่ายาเสน่ห์จักได้ผลกับข้า แม่นายเอาข้าตายแน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ คุณสิงห์ ได้โปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับแม่นายหนาเจ้าค่ะ ข้ากลัวแล้ว ข้าขอร้อง” บ่าวบัวยกมือไหว้ปลก ๆ สิงห์เลือกที่จักเงียบและยกฝ่ามือกุมเข้าที่บ่าวบัวยกมือไหว้ปลก ๆ ปลอบใจนางก่อน
“เรื่องนี้เป็นความลับของเราสองคน หากข้าและเจ้าไม่ปริปากพูดกระไรออกไปก็ไม่มีผู้ใดรู้ดอกหนา” พ่อสิงห์เอ่ยก่อนจักเดินหนีหายไป โดยการอ้อมไปหลังกระท่อมของบ่าวบัว ด้านแม่สร้อยเองก็รู้สึกขุ่นเคืองอัดแน่นเต็มอกเพราะเมื่อคืนนี้พ่อสิงห์ไม่ได้ไปหาตนตามที่คิดไว้ ไหนจักบ่าวบัวที่ตื่นสาย จนบ่าวบัวปรากฏตัวต่อหน้าแม่นาย
“ไยเอ็งถึงมาช้านัก นางบัว” แม่สร้อยถามบ่าวคนสนิทอย่างฉุนเฉียวด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นไร้ความปรานีก่อนจักส่งสายตาแลมองไปทั่วร่างกายของบ่าวคนสนิทของตนอย่างสงสัย
“ต้องขอโทษด้วยเจ้าค่ะ วันนี้ข้าตื่นสายหนาเจ้าค่ะ” บัวพยายามกลบเกลื่อนเรื่องราวให้เนียนที่สุดเท่าที่ทำได้
“ปกติเอ็งไม่เคยที่จักตื่นสาย เมื่อคืนเอ็งไปทำกระไรมาถึงไม่ยอมนอน” แม่สร้อยถามอีกครั้งด้วยความสงสัย
“ข้านอนไม่หลับเจ้าค่ะ” บัวพยายามตอบเนียน ๆ แต่สีหน้าของแม่สร้อยใช่ว่าจักเชื่อบ่าวคนสนิทซะทีเดียวเพราะปกติบัวเป็นคนตื่นเช้า จู่ ๆ จักมานอนไม่หลับ มันใช่เรื่องฤๅ
วันนี้การแสดงของแม่บัวผ่านไปด้วยดีนัก แต่ผ่านไปไม่กี่วันก็มีข่าวลือจากปากบ่าวไพร่ลือกันว่ามีคุณสิงห์แอบเข้าไปในกระท่อมบ่าวคนหนึ่งจนแม่สร้อยรับรู้เรื่องนี้ ก็เดินเข้าไปถามว่าข่าวลือนี้มาจากใคร ใครต่อใครก็ถูกบอกต่อส่ง ๆ มา แม่สร้อยพยายามตามหาเจ้าของเรื่องจนเจอ บ่าวดอกรักคนที่เคยดูแลแม่เรไรชั่วคราวนี่เอง
“เอ็งรู้ฤๅไม่ว่ามันเป็นใคร คุณพี่เข้ากระท่อมของใคร พูด ถ้าแกไม่พูด แกตายแน่ ข้าบอกไว้ก่อน” แม่สร้อยข่มขู่ใส่บ่าวดอกรักจนเธอเกรงกลัว
“ขะ... ข้าบอกไม่ได้จริง ๆ เจ้าค่ะ”
“ข้าบอกให้เจ้าพูดไง มันเป็นกระไรต้องปิดปากเงียบไว้ ทีข่าวลือแกยังกล้าปริปากพูดออกไปได้เลย พูดเดี๋ยวนี้ จักพูดไม่พูด ฮะ!!!”
“พี่บัวเจ้าค่ะ”
“ฮะ บัว?! นางบัว” แม่สร้อยเริ่มมึนงงกับชื่อที่หลุดออกมาจากปากบ่าวดอกรัก ชื่อนั้นเป็นชื่อของบ่าวที่ตนเลี้ยงและดูแลมากับมือ
แม่สร้อยรีบเดินตามหาบ่าวคนสนิทของตนอย่างรีบร้อนใจ พบเห็นว่าคุณสิงห์กับแม่บัวกำลังจักเดินออกจากเรือนนี้ไป ตนจึงรีบไปดักก่อน
“ข้ามีเรื่องต้องคุยกับคุณพี่นะเจ้าค่ะ”
“ไว้วันอื่นได้ฤๅไม่ แม่สร้อย”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ คุณพี่มีกระไรกับนังบัวใช่ฤๅไม่เจ้าคะ”
“แม่สร้อย เจ้าอย่ามาพูดกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานนะ”
“ถึงข้าจักไม่มีหลักฐาน แต่ข้ามีพยานที่เห็นคุณพี่เข้าไปในกระท่อมของนังบัวเจ้าค่ะ” แม่สร้อยดึงแขนบ่าวดอกรักที่ลากตัวออกมาด้วย
“แม่สร้อย เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ข้ามีธุระจำเป็นต้องออกไปตอนนี้”
“นังบัวท้องฤๅเจ้าคะ?” แม่สร้อยถามตามสัญชาตญาณของตนเอง
“คุณสิงห์เจ้าคะ” บ่าวบัวพูดสะกิดใจพ่อสิงห์
“เจ้าพูดกระไร กลับเรือนไปเดี๋ยวนี้ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” สิงห์โมโหที่แม่สร้อยไม่เชื่อมั่นในคำพูดของตน
“เอาเลยเจ้าค่ะ ข้าจักฟ้องแม่มะลิให้รู้เรื่องนี้ด้วยว่าคุณพี่มีกระไรกับนังบัว นังทรยศ แกกล้าดียังไงมาแย่งคุณพี่ไปจากฉัน” แม่สร้อยมองบ่าวบัวด้วยความอาฆาตแค้น ก่อนจักโพล่งจู่โจมเข้าตบหน้าบ่าวบัวอย่างรุนแรง
“หยุดเดี๋ยวนี้ แม่สร้อย แม่สร้อย! ข้าบอกให้เจ้าหยุดไง” เสียงห้ามของพ่อสิงห์ดังขึ้น แต่แม่สร้อยก็ไม่ยอมหยุด พ่อสิงห์ส่งสายตาให้บ่าวชายจับตัวแม่สร้อยไว้
“กูไล่มึงออก มึงไม่ต้องมารับใช้กูอีกต่อไป มึงจักไปไหนก็ไป อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก” แม่สร้อยด่ากล่าวแม่บัว โดยที่แม่บัวนั่งร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อแม่นายของตนและยังเจ็บใบหน้าบริเวณที่ถูกแม่นายของตนตบเข้ามา
“จักไม่มีใครไล่ใครไปไหนได้ทั้งนั้น แม่สร้อย เจ้าสงบสติอารมณ์ได้แล้ว แม่บัวกำลังตั้งท้องลูกของข้าอยู่ ข้ากำลังจักพาแม่บัวไปหาหมอ แล้วอีกไม่นานนัก ข้าเองก็จักบอกแม่มะลิให้ทราบเรื่องนี้ ฤๅเจ้ารีบร้อนนักก็บอกไปเลย อย่างไรเสียข้าก็จักบอกแม่มะลิอยู่ดี ไป” พ่อสิงห์พูดจบก็รีบพาแม่บัวไปหาหมอทันทีพร้อมทั้งยังหันไปออกคำสั่งส่งท้ายให้กับบ่าวชายคนสนิทของตน ปล่อยให้แม่สร้อยยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวกับคำถามมากมายในหัวของเธอ ในระหว่างที่พ่อสิงห์พาแม่บัวไปหมอ แม่สร้อยได้กลับไปนั่งศาลาริมน้ำคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ เมื่อพ่อสิงห์กลับมาก็เดินเข้าหาแม่มะลิเพื่อคุยเรื่องนี้
“ข้าเสียใจนะแม่มะลิ แต่เรื่องนี้ข้าโดนวางยาเสน่ห์แล้วเธอก็ตั้งท้องลูกของข้าอยู่ ข้าอยากรับผิดชอบในสิ่งที่ข้าทำลงแม้มันจักไม่ตั้งใจก็เถอะ ได้โปรดโมโหใส่ข้าเลยเถอะแม่มะลิ แต่ขอร้องอย่าทำร้ายลูกข้าเลย เขาไม่ได้ขอให้เกิดแต่ข้าดันไปทำให้เขาเกิดขึ้นมา แม่มะลิจักด่าจักเฆี่ยนตีข้าเยี่ยงไรข้าก็ยอม” พ่อสิงห์ก้มหัวพูดทั้งกลั้นน้ำตาลูกผู้ชายไว้ไม่ให้แม่มะลิเห็น แต่แม่มะลิกลับรู้สึกเห็นใจเพราะครั้งนี้คุณพี่ของตนโดนวางยาเสน่ห์
แม่มะลิเลือกที่จักปลอบใจพ่อสิงห์ด้วยการโอบกอดเข้าร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว
เมื่อแม่บัวอุ้มท้องครบเก้าเดือนพอดี ก็เกิดเรื่องขึ้นในระหว่างที่พ่อสิงห์ไม่อยู่ มีโจรบุกรุกเข้ายังเรือนสิงหดาบรื้อค้นกระไรสักอย่าง พร้อมทำร้ายแม่หญิงทั้งหมด แม่บัวพยายามปกป้องแม่นายของตน พยายามร้องขอให้ไว้ชีวิตแม่นายของตนย่างสุดชีวิต ทั้งคู่ต่างพากันร้องไห้เพราะตั้งแต่เราจากบ้านจากเมืองมาก็มีแค่เรากันและกันมาตลอด ทั้งคู่พยายามปกป้องกันและกันจนพวกโจรขังทุกคนไว้ในเรือนจุดไฟรอบ ๆ เพื่อฆาตกรรมหมู่
“ทำกระไรสักอย่างสิ” แม่เรไรโวยวายด้วยความกลัวและกรีดร้องอย่างคนสติแตก
“น้ำ น้ำ ทำตัวให้เปียกมากที่สุดแล้ว เอาผ้าชุบน้ำแล้วคุมตัวไว้กันเร็ว” แม่สร้อยตั้งสติและสั่งให้ทุกคนหาผ้ามาชุบน้ำแล้วคุมตัวไว้พร้อมปิดจมูกไว้ด้วย จนแม่สร้อยคิดวิธีออกให้ทุกคนเกาะกันเป็นกลุ่ม ช่วยกันสาดน้ำเปิดประตูทางหนีไฟ หากใครถูกไฟไหม้ให้รีบกลิ้งตัวทันที หรือใครจักใช้อีกเส้นทางแต่ใช้วิธีเดียวกับที่แม่สร้อยบอก สาดน้ำเพื่อเปิดเส้นทางชั่วคราวในการหนีออกทางรั้วแล้วกระโดดลงน้ำทันที ทุกคนต่างให้ความร่วมมือกับแม่สร้อยเป็นอย่างดี ทุกคนสามารถรอดออกมาจากสถานการณ์นี้ได้หมดทุกคน แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจรักษาเรือนนี้ไว้ได้ และในขณะเดียวกันแม่บัวปวดท้องกำลังจักคลอดบุตรออกมาในสถานการณ์แบบนี้
“ใครก็ได้พาแม่บัวไปหาหมอทีเร็ว เร็วสิ” แม่สร้อยออกคำสั่งทันทีหลังเห็นแม่บัวปวดท้องจนร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ บ่าวผู้ชายช่วยกันอุ้มแม่บัวไปหาหมอแต่ไปได้ไม่ไกล แม่บัวก็เริ่มไม่ไหว เธอพร้อมที่จักคลอดลูกเต็มที่แล้ว
“ไปตามหมอมา เร็วสิ ไปตามหมอมาเร็ว”
“ข้าอยู่นี่แล้วแม่บัว ฟังข้านะ นับ หนึ่ง สอง สาม นะ” แม่สร้อยพยายามทำให้แม่บัวตั้งสติกับการหายใจและการคลอดลูกในครั้งนี้ ทั้งที่เรือนร่างของเธอนั้นกำลังสั่นกลัวโดยมีแม่มะลิร่วมช่วยเพราะเธอเองก็เคยคลอดลูกมาก่อนแล้ว โดยให้บ่าวน้ำฟ้าอุ้มลูกชายของตนไว้
“อืมมมม อืม หนึ่ง สอง สาม อืออออออ ขะ... ข้าไม่ไหวแล้ว อือออออ อือออ” เสียงของแม่บัวร้องดัง ในขณะเดียวกันกับเหล่าบ่าวไพร่กำลังช่วยกันดับไฟเรือนสิงหดาบ ช่างเป็นวันที่วุ่นวายเสียจริง แม่สร้อยพยายามช่วยเหลือแม่บัวอยู่นานจนบ่าวตามหมอผู้หญิงมาจนได้
อือออออ อะ อืออออ หนึ่ง สอง สาม อือออออออออออ ในที่สุดลูกชายคนที่สามก็กำเนิดขึ้นมา
“ลูกชายเจ้าค่ะ” แม่หมอพูดเสียงดังแทรกกับเสียงวุ่นวายที่กำลังช่วยกันดับไฟด้วยความยินดีหลังสำรวจเพศของเด็กทารกคนนี้
“แม่นายเจ้าคะ ได้โปรดเลี้ยงดูลูกชายให้เหมือนลูกชายของท่านด้วยหนาเจ้าค่ะ”
“ไยเจ้าพูดเช่นนั้น ไม่นะ เจ้าต้องกลับมาดูลูกของเจ้าสิ บัว บัว” และเรื่องน่าเศร้าในวันนี้ก็จบลงที่แม่บัวเสียชีวิตหลังคลอดบุตรลูกชายออกมา แม่มะลิสงสารเธออย่างจับใจจึงเดินเข้าไปโอบกอดแม่สร้อยและแม่พิมพาเองก็เดินเข้าไปโอบกอดด้วยความเป็นผู้หญิงเหมือนกัน จึงเข้าใจในความรู้สึกนี้อย่างดี ทั้งสามคนโอบกอดให้กำลังใจกันจนตะวันขึ้น ในระหว่างที่รอพ่อสิงห์กลับมา ทุกคนต่างพากันทำหน้าที่ตัวเองตามที่แม่มะลิมอบหมายให้ และเฝ้ามองแม่สร้อยอย่างใกล้ชิด
“แม่นายเจ้าคะ จักทำเช่นใดกับบัวดีเจ้าคะ” น้ำฟ้าบ่าวคนสนิทของแม่มะลิเอ่ยถามพร้อมหันไปมองที่แม่สร้อยกำลังกอดเรือนร่างของแม่บัวไว้อยู่
“คงอีกสักพักนะ ที่จักพาแม่บัวไปสวรรค์” แม่มะลิตอบคำถามบ่าว
จนกระทั่งพ่อสิงห์กลับมายังเรือนสิงหดาบ เห็นเรือนของตนอยู่ในสภาพถูกไฟเผาผลาญให้มอดไหม้จนไม่มีอะไรเหลือเลย และยังดีที่ทุกคนยังปลอดภัยกันทุกคน
“คุณพี่เจ้าคะ...” แม่มะลิเรียกหาคนรักของตนและเดินเข้าไปปลอบใจด้วยการโอบกอดและฝ่ามือของเธอ ตบหลังคุณสิงห์เบา ๆ
“ไม่เป็นไร ไม่มีใครเป็นกระไรก็ดีแล้ว” สิงห์พยายามพูดปลอบใจให้สถานการณ์ดีขึ้น
“คือว่า... แม่บัว” เพียงชื่อของแม่บัวก็ทำให้ทั้งสองคนคลายกอดแล้วต่างมองตากันอย่างลำบากใจ
“แม่บัว? ทำไมฤๅ”
“แม่บัวคลอดลูกชายออกมาแล้วหนาเจ้าค่ะ”
“จริงฤๅ”
“แต่ว่า...”
“แต่ว่ากระไรฤๅ”
“แม่บัวเสียแล้วเจ้าค่ะ” เธอโศกเศร้าเสียใจแทนพ่อสิงห์ พ่อสิงห์รีบเดินไปยังเรือนร่างแม่บัวแล้วโทษทุกอย่างเป็นความผิดของตนเอง
“ข้า... ข้าขอโทษ ทั้งหมดมันเป็นเพราะข้าเอง ถ้าข้ายังอยู่ที่เรือน ข้าคงช่วยเจ้าได้”
“ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้นแหละเจ้าค่ะ” แม่สร้อยตอบอย่างเย็นชาตายด้าน ผิวพรรณของเธอซีดเผือด เธอไร้สติพร้อมยังคงกอดเรือนร่างของบ่าวคนสนิทอยู่เช่นนั้นโดยตลอด ทุกคนต่างพากันช่วยอำลาและฝังศพแม่บัวอย่างมีเกียรติ ทั้งเรือนพากันเงียบและจดจ่อกับหลุมศพของแม่บัวข้างหน้าอย่างเดียว สิงห์เดินเข้าไปโอบกอดให้กำลังใจแม่สร้อยพร้อมมองแม่มะลิสุดที่รักไปด้วย แม่มะลิมองเข้าไปในสายตาของพ่อสิงห์อย่างเข้าใจในการกระทำของพ่อสิงห์ โอบกอดนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเชิงชู้สาว แต่เป็นการโอบกอดเพื่อให้กำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนเราควรจักปลอบอ่อนโยนแก่บุคคลที่เสียใครไป แม่มะลิอุ้มลูกชายของแม่บัวแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ
“แม่สร้อย ลูกชายคนนี้ต้องการเจ้านะ” แม่มะลิส่งมอบลูกชายของแม่บัวให้แม่สร้อยพร้อมเฝ้าระวังสภาพจิตใจของแม่สร้อยไปด้วย แม่สร้อยทำหน้าที่แม่ได้ดีนัก อุ้มลูกน้อยของแม่บัวราวกับเป็นลูกของตนเอง
“เขาชื่อกระไรฤๅ” แม่มะลิถามถึงชื่อนามของบุตรคนนี้
“เดื่อ ข้าอยากให้ลูกชายคนนี้ชื่อเดื่อ” แม่สร้อยตอบแม่มะลิพร้อมยิ้มทั้งน้ำตา
“ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะดีนักแม่สร้อย”
และแล้วเรือนสิงหดาบก็ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยที่ทุกคนไปอาศัยอยู่กับเรือนเพื่อนคนสนิทของพ่อสิงห์นามชื่อราม นายแพทย์ที่เคยทำคลอดให้แม่มะลิ คราวนี้พ่อสิงห์ตัดสินใจสร้างห้องนอนทุกคนในเรือนเดียวกัน ออกแบบทางหนีไฟและทางลับสำหรับคนในเรือน เริ่มออกแบบฐานเป็นปูนแทนไม้เพื่อลดการถูกไฟไหม้ เป็นบ้านทรงไทยประยุกต์ตามที่พ่อสิงห์คิดแบบมาด้วยตนเอง และคุมดูแลการก่อสร้างครั้งนี้เองกับมือ ในระยะเวลานี้พ่อสิงห์ทำงานหนักมาก ทั้งดูแลการก่อสร้างเรือนใหม่ กิจการ เรือขนส่งสินค้า และดูแลทุกคนในเรือนทั้งหมด ช่างเป็นช่วงเวลาที่เครียดนัก ในระหว่างที่อยู่บนเรือนของพ่อราม แม่สร้อยก็ท้องกับพ่อสิงห์ จนกระทั่งคลอด แม่พวงทอง ออกมา บุตรสาวคนแรกของตระกูลสิงหดาบ
ในขณะเดียวกัน แม่มะลิเองก็ท้องลูกสาวอย่างแม่มณี บุตรสาวคนสองของตระกูลสิงหดาบ
เรื่องน่ายินดีของตระกูลสิงหดาบก็กำเนิดขึ้นอีกครั้ง
แม่มณี เป็นลูกสาวคนแรกของแม่มะลิกับพ่อสิงห์ ดวงชะตากรรมของเธอมาเป็นบริวารที่คอยดูแลทุก ๆ อย่างเคียงข้างตระกูลสิงหดาบ ราวกับสวรรค์ส่งลูกสาวมาเกิดอีกคน และแม่แย้มลูกสาวของแม่เรไรก็เกิดในเวลาใกล้เคียงกันกับแม่มณี
จนกระทั่งผ่านไปสองปีได้ย้ายเข้าเรือนสิงหดาบเรือนใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เนื่องจากแม่พิมพาเกิดในตระกูลที่ร่ำรวย ไม่เคยลำบากลำบนมาก่อน ตอนนี้ก็ผ่านมาตั้งสองปีแล้ว ไยเธอยังไม่มีลูกสักที บิดามารดาของแม่พิมพาถึงได้ขอร้องให้พ่อสิงห์และแม่มะลิช่วยเมตตาให้ตนที ตนอยากมีหลาน ตนอยากทำทุกอย่างเพื่อหลานของตน แม่มะลิเห็นใจบิดามารดาของแม่พิมพาเลยเอายาเสน่ห์มาให้แม่พิมพา หวังว่าจักอยู่ร่วมด้วยกันแบบสงบสุข เธอยอมยกคุณสิงห์ให้สองสามคืนเพื่อให้แม่พิมพาได้ตั้งท้องลูก ซึ่งการตั้งครรภ์ในครั้งนี้เธอได้ลูกแฝดไข่คนละใบ ลูกผู้หญิงชื่อจันทร์ ลูกผู้ชายชื่อสุข
ในการตั้งครรภ์ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่แม่พิมพา แม่สร้อยเองก็ตั้งครรภ์เวลาเดียวกัน
แม่สร้อยคลอดบุตรชายออกมามีนามว่า สิน และในเวลาต่อมาทั้งแม่พิมพา แม่สร้อย แม่เรไร ต่างไม่พอใจที่พ่อสิงห์ให้ความสำคัญไม่เท่ากัน พ่อสิงห์เอ็นดูพ่อกล้าเป็นอย่างมากที่สุด ทำให้แม่ทั้งสามเกิดความอิจฉาริษยากันเอง พยายามวางแผนแย่งคุณสิงห์ให้ได้จน แม่เรไรมีลูกสาวอีกคนนามว่า แม่บังอร แม่สร้อยมีลูกสาวนามว่า นิ่มนวล แม่เรไรไม่พอใจยิ่งนักทีมีเธอมีแต่ลูกสาว เธอจึงพยายามหาทางมีลูกชายให้คุณสิงห์ให้ได้ และแล้วบุตรชายคนสุดท้ายของสิงหดาบคือ พ่อเดช