เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สิงหดาบเด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ
สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ
ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน
ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน
เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน
ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ
ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด
เพราะสมองอันล้ำค่า
นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง
TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)
การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก)
การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)
ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง
ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)
โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด
คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส
แนะนำตัวละคร นายเอก
Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho
ชื่อ : เสือ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง
ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย
ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้
Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker
พระเอก
ชื่อ : เชิง
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ
ฉายา : พ่อเชิงปากหมา
พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ
Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_
ชื่อ : กล้า
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์
ถึงเวลาของข้าแล้ว...
ชื่อ : มณี
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ
ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน
ชื่อ : พวงทอง
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี
ฉายา : แม่นม
อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า
ชื่อ : สิน
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย
นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ
อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ
ชื่อ : เดื่อ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง
นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
ตำแหน่ง : ความลับ
แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง
ชื่อ : สุข
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)
นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย
ข้ากลัว...
ชื่อ : จันทร์
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)
นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด
ชื่อ : นิ่มนวล
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา
นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย
ชื่อ : แย้ม
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด
ชื่อ : บังอร
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ
ชื่อ : เดช
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย
ชื่อ : จ้อย
อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ
นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย
ตำแหน่ง : ความลับ
ชื่อ : ชาญ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง
นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว
ลำดับพี่น้อง
พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช
คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ
คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี
"แก! แกไม่มีวันชนะท่านราชาของข้าได้ดอก แม้แกจักเอาชนะข้าได้บัดนี้" เศษเนื้อของใบหน้าที่มีแต่ส่วนริมฝีปากปีศาจยักษ์พูดออกไปด้วยน้ำสียงแข็งกระด้าง ยักษ์โกรธแค้นแม้แต่ตัวใกล้จักตายเสียแล้ว
"หากข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ ข้าก็สามารถฆ่านายของเจ้าได้เช่นกัน" กล้าพูดออกมาก่อนจักยกเท้าของตนขยี้เจ้าเศษเนื้อของปีศาจยักษ์ บดขยี้ให้เละจนไร้เสียงตอบกลับมาอีก ชายผู้ลึกลับเดินเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนที่จักถอดผ้าคลุมสีดำออก เปิดเผยใบหน้าที่คุ้นเคยให้กับทุก ๆ คน
"คุณเชิง!" มณีเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคนที่เข้ามาช่วยพวกเราคือคุณเชิงที่หายตัวไปหนึ่งปี
"เจ้าเก่งมากเลยหนาแม่มณี ข้านับถือเจ้าจริง ๆ" เชิงพูดด้วยความชื่นชมคนที่เจ้าตัวคัดเลือกมากับมือก่อนจักหันไปยิ้มกว้างให้กับเสือผู้คนที่ไม่ได้เจอกันนาน
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเชิง" กล้าทักทายเจ้าคนที่กำลังพูดคุยกับสองพี่น้องก่อนจักหันไปตามปลายเสียงที่เรียกชื่อเขาพร้อมยิ้มแย้มให้เจ้าตัว
"แค่ไม่กี่เดือนเอง" เชิงพูดจาหยอกกล้าก่อนจักยกยิ้มอีกครั้ง
"พี่กล้ารู้จักคุณเชิงด้วยฤๅ" เสือถามออกไปตรง ๆ
"อืม" กล้าพยักหน้ายืนยัน
“เจ้านี่เป็นคนลักพาตัวข้าไปนะ” จู่ ๆ กล้าก็นึกอยากแกล้งเลยโพล่งพูดใส่ความเชิงและอมยิ้มอย่างชัดเจนบนใบหน้าของตน
“นิสัยไม่ดีเลยหนาเจ้าค่ะ คุณเชิง” แม่มณีได้ยินเช่นนั้นก็รีบพูดกล่าวคุณเชิงอย่างเชื่อใจสนิท ส่วนเสือนั้นมองเชิงด้วยสายตาขุ่นเคือง จนเชิงสังเกตเห็นสีหน้าของทั้งสองคนแล้วจึงรีบยกมือปฏิเสธ
“ข้าแค่อยากกินข้าวฝีมือกล้าเฉย ๆ หนา พ่อกล้าเจ้าใส่ความข้าเยี่ยงได้เยี่ยงไรกัน น้องเจ้ากำลังเข้าใจข้าผิดแล้วหนา เจ้ามิใช่ฤๅที่นิสัยไม่ดี ข้าชักจักงอนเจ้าแล้วหนา” จบสิ้นประโยคของเชิง พ่อกล้าก็ระเบิดหัวเราะออกมา ตนนั้นกลั้นหัวเราะไม่ไหวทั้ง ๆ ที่พยายามก้มศีรษะไม่สบสายตาเชิงแล้วแต่ก็อดมิไดที่จักหลุดออกไปเช่นนั้น เชิงจึงยกยิ้มแล้วส่ายหน้าช้า ๆ
"แล้วจักเอาไงกับเจ้านั้นดี" เชิงรีบเอ่ยถามถึงเจ้าคนที่กำลังเกรงกลัวจนหดตัวให้เล็กที่สุดนั่งกอดเข่าตัวเองอย่างสั่นกลัว ใบหน้าของชาวบ้านอย่างเมืองผู้นี้กำลังซีดเผือดราวกับไก่ต้มสุก
"พยานคนแรกนะ" กล้าพูดแนะนำตัวของชาวบ้านนามว่าเมืองออกไปให้เชิงทราบว่าเขาเป็นใคร เผยรอยยิ้มอย่างลำบากใจเจือปนด้วยความโล่งใจเล็กน้อย
"ก่อนอื่นเราต้องหาที่ที่ปลอดภัยที่สุดก่อน" เชิงหันไปพูดกับกล้าอย่างจริงจัง ทำให้กล้าถึงกับส่ายหน้าทั้งที่ยังยิ้มอยู่
ณ ป่ามนต์ทัช
"ป่านี้มันปลอดภัยกงไหนเนี่ย" เสือบ่นออกไปอย่างไม่เข้าใจพร้อมทั้งยังขมวดคิ้วมุ่น สายตาขุ่นเคืองนั้นยังคงจ้องมองไปที่คุณหลวงเชิง
"ที่อันตรายที่สุดมักจักเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดเชียวหนา" เชิงพูดออกด้วยความหยอกล้อแกล้งผู้เป็นน้องชายของพ่อกล้า ทำให้กล้าผู้รู้นิสัยหยอกเย้านี้ของเชิงดี จึงยกหลังมือของตนกระแทกลงบนแขนของเชิง ทั้ง ๆ ที่ยังคงเดินป่ากันอยู่
"นายก็ไปแกล้งเขา ป่ามนต์ทัชมี ๘ อาณาเขต โชคดีหน่อยที่เราอยู่ในเขตที่ผู้มีวิชาเก่งกาจคุ้มครองไว้" กล้าอธิบายออกไปให้ทั้งสามคนที่มาใหม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงเลือกป่ามนต์ทั้งที่ข่าวลือว่ากันว่าอันตรายและน่ากลัวที่สุด
ทั้งห้าคนเดินเข้าไปยังหลังปราสาทที่ถูกปิดผนึกไว้เป็นประตูลับ แม้อาณาเขตนี้จักถูกปกครองด้วยมนตร์ของผู้มีวิชา เราก็ไม่สามารถยับยั้งศัตรูที่ปลอมตัวเข้ามาแอบฟังพวกเราได้ ศัตรูย่อมทำทุกวิธีทางเพื่อเข้ามาแทรกซึม แม้ทางเหล่าผู้มีวิชาจักได้ร่ายมนตร์ปกป้องไว้ตั้งแต่ด่านหน้าแล้วก็เถอะ
"ประเดี๋ยวข้ามานะ ข้าต้องเข้าไปพบใครสักคนเสียก่อน" กล้ารีบพูดขึ้นเพราะนึกได้ว่าตนต้องไปหาใครสักคนในเพลานี้ เชิงเห็นท่าทางของกล้าแล้วก็อดที่จักยิ้มไม่ได้เพราะเขารู้ว่าคนที่กล้าต้องไปหาคือใคร เชิงจึงยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดอกแล้วใช้ฝ่ามือหนาเป็นสัญลักษณ์อนุญาตให้ไปได้
"ประเดี๋ยวข้าจักนำทางให้เอง ปะ" เชิงเดินแทรกไปข้างหน้าก่อนจักพูดขึ้นและหันหน้าหันตาอย่างจริงจังในการเดินแนะนำสถานที่ให้เหล่าสองพี่น้องและชาวบ้านคนหนึ่งได้รับรู้
เมื่อทั้งสี่เดินชมสถานที่เสร็จก็เลือกนั่งพักผ่อนตรงศาลากลางทุ่งดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมตลอดเวลาอย่างมะลิ ยกเว้นเชิงที่ยังคงยืนอยู่ตรงปากทางของศาลานี้เพราะตนนั้นกำลังรอให้ทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้วตนเฝ้าระแวดระวังจนไร้ซึ่งความอันตรายใด ๆ
"เจ้าแน่ใจนะ ว่าที่นี่ปลอดภัย" เมืองผู้เป็นชาวบ้านคนเดิมเอ่ยถามเชิงอย่างกลัว ๆ เขาเอาแต่มองซ้ายมองขวาอย่างเลิ่กลั่กไม่มีท่าจักหยุด
"แน่นอนสิ" เชิงจึงหันใบหน้ามายืนยันกับคำตอบอย่างหนักแน่นก่อนจักยกยิ้มเป็นมิตรให้กับคนตรงหน้า พร้อมตบบ่าของเจ้าเมืองอย่างเบา ๆ แล้วค่อยนั่งลงข้ามกับเมือง
"เอาล่ะ พยานคนแรกได้โปรดพูดทุกอย่างที่เจ้ารู้มาทั้งหมดมาเสีย แล้วข้าจักปล่อยเจ้าไปตามอัธยาศัย" เชิงพูด
"สองปีก่อน ข้าย้ายมาจากทิศใต้ เขาไม่รู้ว่าหมู่บ้านนี้จักมีเรื่องประหลาดเพียงนี้ วันที่สองของการเข้ามาอยู่ใหม่ ข้าว่ามันแปลก มันแปลกไปหมดที่ทุกคนทำตัวสนิทสนมกันมากเกินไป ตอนแรกข้าก็แค่คิดว่าพวกเขาคงมีกันแค่นี้เลยสนิทสนมกันเข้าไว้ แต่ที่ไหนได้พวกเขาแลกเลือดเนื้อของมนุษย์กันและกัน พวกมันถึงได้ยิ้มแย้มด้วยความดีใจกันทั้งนั้น ตอนแรกข้าก็ไม่รู้ความกระไร เขาเอาข้าวเกรียบปากหม้อและน้ำกระเจี๊ยบมาให้ข้ากินทุกวัน ข้าก็สงสัย ไยชาวบ้านถึงใจดีกับข้าแทบทุกคนและแทบทุกวัน ข้าสงสัยว่าเขาต้องแอบหวังผลประโยชน์ใด ๆ จากข้าเป็นแน่ แต่เท่าที่ข้าลองคิดดู ข้าไม่มีทรัพย์สมบัติมากมาย ข้าไม่มียศไม่มีตำแหน่ง ไยเขายังคิดที่จักให้อาหารข้ากินล่ะ จนข้าได้รู้ความลับเข้าในกลางดึกคืนหนึ่ง ข้าสงสัยว่าชาวบ้านเขาทำกระไรกัน บางบ้านก็มีกลิ่นเหม็น บางกลิ่นก็มีเสียงดังจนหนวกหู บางบ้านก็เงียบเกินไป ข้าเลยลองเข้าไปส่องบ้านหนึ่ง ข้าเห็นคนที่เอาข้าวเกรียบปากหม้อและน้ำกระเจี๊ยบมาให้กำลังฆ่ามนุษย์ มนุษย์เหล่านั้นแทบขยับตัวไม่ได้และยังส่งเสียงออกมาไม่ได้อีกต่างหาก พวกมันค่อย ๆ กรีดเอาเลือดมนุษย์อย่างช้า ๆ เทลงไปในหม้อขนาดใหญ่แล้วตามด้วยกระเจี๊ยบ ถึงว่าไยถึงมีรสชาติเค็ม ๆ หนืด ๆ ไม่เพียงแค่นี้ เนื้อมนุษย์พวกมันสับเป็นชิ้น ๆ ผสมกับเนื้อวัวที่ถูกฆ่าไปไม่นานแล้วเอาไปตุ๋นให้มีรสชาติหวานมาทำเป็นไส้ของข้าวเกรียบปากหม้อให้ชาวบ้านกิน" เมืองพยายามอธิบายให้ทุกคนได้เห็นภาพตามที่ตนพยายามอธิบายเรื่องราวทั้งหมด โดยที่เขาทั้งกลืนน้ำลายอย่างลำบากใจและสั่นกลัวไปหมด
"เดี๋ยวนะ ถึงว่าคนในหมู่บ้านนั้นถึงใจดีกับข้าแทบทุกคน แต่ความจริงตั้งใจหลอกให้พวกเรากินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเองฤๅเนี่ย อุก อ้วกกก" มณีที่ตั้งใจฟังเป็นอย่างดีก็คิดภาพคล้อยตามเป็นฉาก ๆ แต่นึกได้ว่าตนเองก็กินเข้าไปเสียเยอะเธอเกิดอาการคลื่นไส้แล้วก็ค่อย ๆ อาเจียนออกมาทันที
"เพื่ออันใดกัน" เสือถามด้วยความคลื่นไส้พร้อมจักอาเจียนแต่ก็อดไม่ได้ที่จักสงสัย
"พวกมันอยากให้พวกเรารับรู้ว่ารสชาติของเนื้อมนุษย์เป็นเยี่ยงไร พวกมันถึงได้ขนส่งเนื้อมนุษย์ออกไปยังทวีปต่าง ๆ แม้แต่ในประเทศนี้เองก็คงส่งไปไม่น้อยเช่นกัน" เมืองตอบคำถามของคุณหลวงเสืออย่างที่ตนเองเข้าใจ และก็แสดงอาการอยากอ้วกตามด้วยคน
"ดีนัก ข้ากินแต่ข้าวไม่กินกับ" เชิงเหมือนจักโล่งอกโล่งใจแต่ก็ไม่เพราะต้องมีสักช่วงที่เขาเผลอกินเข้าไปโดยที่ไม่รู้ตัว เชิงเลยลูบหน้าท้องเบา ๆ กลืนน้ำลายก็ไม่ได้ คายออกก็มิได้ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานยิ่งนัก
"ไยเจ้าถึงมีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้เล่า" เชิงอดไม่ได้ที่จักถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง
"ก็เพราะมันมีปีศาจอีกตนกำลังจับอีกตนกิน ข้าเลยต้องอาศัยจังหวะนั้นหนีสิ" เขาพูดด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะสถานการณ์ตอนนั้น เขาสามารถตายได้เลย
"เจ้าเก่งมากแล้วเมือง" เชิงเข้าไปปลอบใจด้วยการยกมือของตนแตะลงไปยังไหล่ของเมืองเบา ๆ ทั้งที่ใบหน้าของเชิงเต็มไปด้วยความเอือมระอาเพราะเรื่องราวที่เมืองเล่าให้ฟังเมื่อครู่นี้
"เวลานี้ข้าว่าอย่าหากระไรให้ข้ากินเถอะ" เสือพูดดักขึ้นก่อนเผื่อจักมีผู้ใดจักชวนรับประทานอาหารในเพลานี้ ทุกคนจึงพยักหน้าเห็นด้วยกับเสือ
"เกิดอันใดขึ้นฤๅ" กล้าผู้เข้ามาทีหลังเห็นท่าทางของสามคนท่าจักไม่ไหวเลยถามขึ้น ทั้งสามคนมองหน้ากล้าก่อนจักถามเพื่อยืนยันความแน่ใจอีกครั้ง
"อยากรู้จริง ๆ ฤๅ" จบประโยคกล้าก็รีบพยักหน้ายืนยัน ทั้งสามคนต่างพากันมองหน้ากันเองก่อนที่เชิงจักเป็นคนเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กล้ารับรู้
อ้วกกก อ้วกกก อ้วกกกก เสียงอาเจียนเศษอาหารของกล้าดังขึ้น เขาอ้วกจนหน้าแดงฉ่ำพร้อมเหงื่อเล็กน้อย
"ขนาดเจ้าทำอาหารกินเองกับมือยังขนาดนี้" เชิงพูดออกมาด้วยความเข้าใจความรู้สึกของกล้า
"ข้าแค่นึกภาพตอนที่ข้าซื้อเนื้อจากตลาดมาหั่นเนี่ยสิ" กล้าพยายามพูดให้เชิงเห็นภาพที่เขาจินตนาการ
"แล้วฆ่าหั่นศพอย่างเปิดเผยเช่นนี้มันไม่น่าสงสัยไปหน่อยฤๅ" เสือเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจเท่าที่ตนลองพยายามจินตนาการตามเรื่องราวของชาวบ้านเมืองเมื่อครู่นี้
"ใช่ไหม ตอนแรกข้าก็สงสัยอย่างเจ้าสงสัยเนี่ยแหละ แต่ก็ได้รู้ความจริงเข้า ก็รู้ว่าพวกชาวบ้านเป็นเผ่ากินคนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนพวกเจ้าปีศาจเป็นเจ้านายเผ่ากินคนอีกที" ชาวบ้านเมืองพูดออกไปอย่างเกรงกลัว สั่นไหวไปทั้งเรือนร่างรีบเข้าฝ่ามือของตนถูตัวไปมา
"สรุปเป็นหมู่บ้านที่มีแต่เผ่ากินคนมาโดยตลอด แล้วพระยาธาราล่ะ" เสือพูดออกไปด้วยความพยายามเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ ก่อนเอ่ยถามถึงพระยาธาราบุคคลที่ครอบครองอาณาเขตนั้น
"พระยาธาราซ่อนตัวเองได้เก่งมาก จนตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถจับได้เลยว่าเป็นปีศาจประเภทใด" เชิงพูดออกมาทันทีหลังจากที่เสือสงสัยจนเกิดคำถามนี้ขึ้นมา
"จักเสียมารยาทฤๅไม่เจ้าคะ หากข้าสงสัยว่าไยปืนของพี่กล้าอีกอันไม่สามารถฆ่าเจ้าปีศาจยักษ์ได้" มณีถามออกไปตรง ๆ เมื่อตนเองนึกได้ว่าตอนนั้นได้ยินเสียงปืนของพี่กล้าครั้งแรกแล้วมันดันยิงไม่เข้า
"เพราะคาถาของอาจารย์พรานเริ่มไม่ได้ผลกับปีศาจระดับเจ้ายักษ์แล้วไง หากว่าเป็นปีศาจชนชั้นน้อย คาถาของอาจารย์พรานยังพอได้ผลอยู่บ้างหนา" กล้าอธิบายออกไปให้น้องสาวของตนเข้าใจเกี่ยวกับปืนที่ถูกร่ายด้วยอาถามของอาจารย์พรานมาเป็นอย่างดี
"และแล้วไยปืนของข้าและพี่กล้า ระเบิดของแม่มณี และดาบของคุณเชิงถึงสามารถฆ่าเจ้าปีศาจได้ล่ะ" เสือถาม
"เพราะผู้ครอบครองตรีทิพย์ทิศเป็นคนร่ายมนตร์ป้องกันให้เรา แต่เราเองก็ยังไม่เคยเห็นเขาเลยสักคน" เชิงพูดดักก่อนที่จักมีใครถามถึงผู้ครอบครองตรีทิพย์ทิศ
"ตรีทิพย์ทิศคืออันใดฤๅ" เสือถามขึ้นแต่ไม่มีผู้ใดตอบ
“ตามข้ามา” กล้าจึงผลักดันตัวน้องชายให้เดินเข้าไปในปราสาทแห่งหนึ่ง ถูกสร้างด้วยปูนขาวเหลืองเป็นสัญลักษณ์สีที่เทพเจ้าโปรดปรานหนักหนา เจ้าภูติตัวน้อยในปราสาทแห่งนี้เห็นแขกคนสำคัญจึงรีบยกอาหารว่างและน้ำชามาให้แขกคนสำคัญทันที เหล่าภูติที่เหลือต่างพากันช่วยให้ทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกแกะสลักมาอย่างดงามแล้วเลื่อนเก้าอี้เข้าชิดโต๊ะด้วยพลังเวทของตน โต๊ะนี้เป็นโต๊ะยาวปูด้วยผ้าสะอาดเอี่ยมอ่องสีขาวมุก โดยที่ตำแหน่งการนั่ง สองพี่น้องตระกูลสิงหดาบนั่งลงเคียงข้างกันและเชิงกับเมืองนั่งเคียงข้างกันตามลำดับ ส่วนกล้านั้นเดินแยกออกไปข้างสถานที่แห่งหนึ่งในปราสาทเพื่อถือเจ้ากล่องสมบัติล้ำค่าออกมาให้ทุกคนเห็น กล้าหาญเดินไปตรงหัวโต๊ะตรงกลาง
"นี่ไงเล่า ตรีทิพย์ทิศ" กล้าวางกล่องสมบัติตรีทิพย์ทิศลงบนโต๊ะพร้อมกับค่อย ๆ เปิดกล่องออกมาอย่างช้า ๆ
"สมกับเป็นตรีทิพย์ทิศ มองไม่เห็นเลย" เชิงบ่นออกไปหลังจากที่คาดหวังว่าจักได้เห็นสมบัติอันล้ำค่านี้ แต่เขากลับมองไม่เห็นกระไรตรงหน้าเขาเลย
"เหมือนกัน" ชาวบ้านอย่างเมืองเห็นด้วยกับเชิง
"เจ้าไม่เห็นฤๅ มันอยู่ตรงหน้าเองนะ รูปร่างแปลกประหลาดไม่เคยพบไม่เจอมาก่อนเลย แต่..." เสือผู้มองเห็นตรีทิพย์ทิศพยายามอธิบายลักษณะรูปร่างของตรีทิพย์ทิศแต่ก็ยากเกินที่จักอธิบายให้เห็นภาพ เพราะมันแปลกประหลาดเกินกว่าจักบรรยายและก็ผุดคิดได้ว่าสิ่งนี้เหมือนกับภาพวาดที่พระยาทิวากรกำลังตามหา
"นั่นสิเจ้าค่ะ ข้าเองก็เห็นเช่นเดียวกับพี่เสือ" มณีเห็นด้วยกับเสือ
"ฤๅเพราะเจ้าเป็นบุคคลพิเศษถึงสามารถมองเห็นตรีทิพย์ทิศทั้ง ๆ ที่พวกข้ามองไม่เห็นกัน" เชิงถามด้วยความสงสัยในตัวคนตระกูลสิงหดาบยิ่งนัก เขาหรี่ตามองสลับกันไปมา
"ข้าไม่รู้จักอธิบายเยี่ยงไรให้เจ้าเข้าใจ เพราะแม้แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้เลยว่าโลกใบนี้มีปีศาจซ่อนอยู่จริง ๆ" เสือพูดออกไปด้วยความน้อยใจเล็กน้อยที่ตนเองกลับไม่รู้กระไรเลย รวมไปถึงความรู้สึกเกรงกลัวในตอนนั้นที่ได้ต่อสู้กับปีศาจยักษ์ มันรู้สึกทำตัวไม่ถูกเสียเลยและแม่มณีเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับพี่ชายของตน ในขณะที่กล้ากำลังสังเกตใบหน้าที่แสดงออกมาของสองพี่น้องจึงเดินเข้าไปปลอบใจด้วยการยกมือทั้งสองข้างโอบกอดพี่น้องตระกูลสิงหดาบจากข้างหลังอย่างอบอุ่น ราวกับว่าไม่เป็นไรดอกนะ ข้าเข้าใจพวกเจ้า เชิงเห็นการกระทำของกล้าหาญแล้วจึงหันไปสบสายตากับกล้าหาญ กล้าหาญจึงส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อให้เชิงหยุดตั้งคำถามกระไรออกมา พวกเขาคงหนักใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เชิงจึงพยักหน้าเข้าใจให้กล้าหาญช้า ๆ เชิงเลยหันไปสังเกตเจ้าเมืองที่กำลังนั่งสั่นกลัวอยู่ยกนิ้วมือเข้าปากกัดเล็บจนฉีกขาด เชิงจึงค่อย ๆ จับนิ้วมือออกจากปากแล้วแตะลงบนบ่าให้เมืองทำตัวสบาย ๆ แล้วหันกลับไปมองเสืออย่างห่าง ๆ
“งามฤๅไม่เจ้าคะ” จู่ ๆ เจ้าภูติตัวน้อยตนหนึ่งเข้ามากระซิบข้าง ๆ หูเชิงจนเชิงสะดุ้งเล็กน้อยแล้วยกยิ้มให้เธอก่อนจักพูดต่อว่า
“งามฤๅไม่ข้าก็มิรู้ แต่ดอกไม้ใดจักงดงามเท่าเจ้าฤๅ” เชิงเจ้าคนเล่ห์เอ่ยวาจาปากหวานใส่เจ้าภูติตัวน้อยทำให้เธอนั้นเขินอายจนรีบไปหลบหลังคุณกล้า ทำให้หลวงเชิงกลั้วหัวเราะเบา ๆ และยกยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู
“เจ้าคนเจ้าเล่ห์” กล้าหาญมิได้เปล่งเสียงออกมาแต่เลือกที่จักขยับปากอย่างชัดเจนให้คนตรงข้ามอ่านปากออก เชิงอดกลั้นไม่ไหวจึงเบือนหน้าหนี