เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สิงหดาบเด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ
สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ
ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน
ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน
เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน
ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ
ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด
เพราะสมองอันล้ำค่า
นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง
TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)
การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก)
การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)
ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง
ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)
โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด
คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส
แนะนำตัวละคร นายเอก
Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho
ชื่อ : เสือ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง
ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย
ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้
Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker
พระเอก
ชื่อ : เชิง
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ
ฉายา : พ่อเชิงปากหมา
พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ
Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_
ชื่อ : กล้า
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์
ถึงเวลาของข้าแล้ว...
ชื่อ : มณี
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ
ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน
ชื่อ : พวงทอง
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี
ฉายา : แม่นม
อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า
ชื่อ : สิน
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย
นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ
อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ
ชื่อ : เดื่อ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง
นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
ตำแหน่ง : ความลับ
แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง
ชื่อ : สุข
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)
นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย
ข้ากลัว...
ชื่อ : จันทร์
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)
นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด
ชื่อ : นิ่มนวล
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา
นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย
ชื่อ : แย้ม
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด
ชื่อ : บังอร
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ
ชื่อ : เดช
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย
ชื่อ : จ้อย
อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ
นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย
ตำแหน่ง : ความลับ
ชื่อ : ชาญ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง
นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว
ลำดับพี่น้อง
พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช
คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ
คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี
"ลูกกล้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง ลูกรู้ฤๅไม่ว่าตั้งแต่ลูกหายไปตอนลูกอายุ ๒๒ แม่แทบใจสลาย แม่เป็นห่วงลูกมากเลยหนา อย่าทำเช่นนี้อีกเลยหนา ใจแม่แทบจักขาด" แม่มะลิค่อย ๆ เดินเข้าไปจับมือทั้งสองข้างของลูกชายสุดที่รักพร้อมกับเอ่ยอย่างรวดเร็วราวกับเป็นห่วงลูกชายที่หายตัวไปในครั้งที่ ๒ ไม่นานนี้ตนเพิ่งได้รับรู้เรื่องราวของพ่อกล้าจากปากผู้เป็นผัวของเธอ จึงรู้ว่าลูกกล้าของตนกำลังปกปิดตัวตนที่แท้จริงเพื่อสืบค้นเรื่องทั้งหมด แต่ดันพลาดเรื่องของพ่อจ้อยขึ้นมาเช่นนี้ ตนจึงต้องยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้กับคนในเรือนเสียแล้ว
"ลูกสบายดีขอรับ คุณแม่" พ่อกล้ารับความห่วงใยของแม่มะลิที่มีต่อเขาก่อนจักจับมือโดยใช้มือทั้งสองข้างของตนทับลงบนฝ่ามือแม่มะลิไว้
"อืม" แม่มะลิพยายามกลั้นน้ำตาของตนไว้มิให้พ่อกล้าเห็น จนมันอดกลั้นไม่ไหวจึงเข้าไปโอบกอดพ่อกล้าทันทีเพื่อไม่ให้ลูกชายคนนี้เห็นน้ำตาของผู้เป็นมารดาก่อนจักคลายโอบกอดนั้น
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านหนาลูกกล้า" แม่มะลิพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่น พ่อกล้ารับรู้ถึงความอดทนและความเป็นห่วงของแม่มะลิ จึงยกฝ่ามือหนาของตนลูบหลังแม่มะลิเบา ๆ
"ลูกกลับบ้านมาแล้วขอรับ" พ่อกล้าตอบกลับพร้อมกับโอบกอดคุณแม่เหนียวแน่นอีกครั้ง
"ข้าดีใจหนาขอรับที่พี่กล้ายังมีชีวิตอยู่" พ่อเสือพูดขึ้นพร้อมเอาฝ่ามือข้างขวาที่ถนัดของตนแตะร่างกายของพี่ชายคนโตไว้
แม่มณีเดินเข้ามาใกล้ ๆ พ่อกล้าโอบกอดทั้ง ๆ ที่พ่อกล้านั้นยังคงกอดแม่มะลิอยู่
"ข้าคิดถึงพี่กล้ามากเลยเจ้าค่ะ ได้โปรดอย่าหายจากไปพวกเราอีกหนาเจ้าค่ะ" แม่มณีพูดออกมาอย่างช้า ๆ ด้วยความเป็นห่วงและขอร้องในขณะเดียวกัน เธอโอบกอดเรือนร่างของพ่อกล้าอย่างแน่นราวกับว่าจักไม่มีวันปล่อยให้พี่ชายคนนี้หายไปไหนอีกแล้ว เหล่าพี่น้องที่เหลือเห็นเช่นนั้นก็ค่อย ๆ เดินเข้าหาพ่อกล้าอย่างช้า ๆ ก่อนจักเข้าไปกอดพี่ชายคนโต ยกเว้นแม่แย้มที่รู้สึกยังไม่ชอบใจพ่อกล้าอยู่ก็ได้แต่ยืนอยู่ห่าง ๆ ทุกคนโอบกอดกันอยู่นานจนคลายโอบกอดนั้นออกมา
"เจ้าไม่คิดถึงข้าบ้างฤๅ แม่แย้ม" พ่อกล้าเห็นว่ามีแค่แม่แย้มเพียงคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ห่าง ๆ เลยเอ่ยถาม
"พูดจากระไรน่าเกลียด ใครจักไปคิดถึงพี่กล้า ฮะ! อีกอย่างจักให้ฉันมากอดกระไรกันเช่นนี้ไม่เอาด้วยดอก สกปรก" แม่แย้มปฏิเสธทันทีหลังได้ยินพ่อกล้าพูดเช่นนั้น
"พูดจาเสียมารยาทมากเกินไปแล้วหนาแม่แย้ม จนป่านนี้ยังไม่มีผู้ใดอบรมสั่งสอนเจ้าอีกฤๅ" พ่อกล้ารู้สึกว่าคำพูดของแม่แย้มไม่ถูกหูตนจึงเอ่ยตักเตือนโดยสายตานั้นตำหนิผู้เป็นแม่อย่างแม่เรไรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อสิงห์ทันที
"พูดจาแรงเกินไปแล้วหนาเจ้าค่ะคุณกล้า" แม่เรไรรู้ตัวดีว่าพ่อกล้าพูดถึงตนเอง
"หากแม่เรไรว่าข้าพูดจาแรงเกินไป ข้าต้องอภัยด้วย แต่ที่ข้าตักเตือนแม่แย้มเช่นนี้ ข้าเตือนด้วยความหวังดีหนา" พ่อกล้าเอ่ยขอโทษพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วกล่าวเหตุผลที่ตำหนิแม่แย้มออกไป
"ไป ไม่ต้องยุ่งกับคนแถวนี้ ประสาท" แม่เรไรผลักดันตัวลูกสาวอย่างแม่แย้มให้เดินออกจากเรือนและหันมาส่งสายตาตำหนิทุกคนในเรือนก่อนจักเดินหนีออกไปจากตรงนั้นทันที
"นี่แม่เรไร มันจักมากเกินไปแล้วนะ" แม่มะลิเอ่ยตำหนิแม่เรไรทันทีหลังได้ยินเช่นนั้น แต่ไม่ทันจบประโยค แม่เรไรและแม่แย้มก็เดินออกจากเรือนไปเสียแล้ว
“เอาล่ะ ฟังข้าให้ดี ตั้งแต่บัดนี้พวกเจ้าต้องสงบปากสงบคำไว้ให้ดี เพราะลูกกล้าของข้าเป็นถึงพระยา กำลังมีคดีที่จำเป็นต้องแฝงตัวเข้าไปตรวจสอบบรรดาขุนนาง หากผู้ใดเอ่ยปากถึงลูกข้า ข้าจักลงหวายพวกเจ้าจนเจียนตาย แต่หากพวกเจ้าปิดปากเงียบไว้ ข้ายินดีที่จักให้ทิวาทุก ๆ คน ในทุกปี พวกเจ้าจักได้ ๑๐๐,๐๐๐ ทิวา ใครที่มีลูกหลานในเรือนนี้ก็จักได้รับเพิ่มคนละ ๑๐๐,๐๐๐ ทิวา แต่มีข้อแม้ว่าหากข้าจับได้ว่าใครนำเรื่องเสียหายใด ๆ มาสู่เรือนสิงหดาบนี้ ข้าจักเรียกคืน ๑๐ เท่าและดำเนินโทษตามกฎหมายอย่างเที่ยงตรง ภูมิ!! ไปเอาทิวามาแจกจ่ายให้ทุกคน” จบสิ้นคำพูดของพ่อสิงห์ ทั้งบ่าวคนสนิทอย่างภูมิและพ่อสิงห์ต่างช่วยกันแจกจ่ายทิวาให้กับบ่าวไพร่ทุกคนรวมไปถึงแม่หญิงทุกคนในเรือน
"กินข้าวมาฤๅยังลูก" แม่มะลิเอ่ยถามพ่อกล้า แต่ฝ่ามือของเธอก็ยังอยู่สุข ยังคงอยากที่จักแตะต้องเนื้อตัวของพ่อกล้าต่อ
"ยังเลยขอรับ" พ่อกล้าตอบรับทันที
"อยู่ทานข้าวกับพวกเราหนาลูกนะ" แม่มะลิเอ่ยพร้อมเผยรอยยิ้มกว้างให้ลูกชายของเธอก่อนจักเข้าไปโอบกอดเรือนร่างของลูกชายอีกครั้ง
"ขอรับ" พ่อกล้าตอบรับคำขอร้องของแม่มะลิแล้วคลายกอดออก
"ข้าขอคุยกับพ่อกล้าเพียงลำพังได้ฤๅไม่ แม่มะลิ" พ่อสิงห์เอ่ยถามผู้เป็นแม่คนอย่างแม่มะลิอย่างอ่อนโยน
"เจ้าค่ะ"
"เชิงฝากจัดการที่เหลือด้วยนะ ประเดี๋ยวข้าจักตามเจ้าไปทีหลัง" พ่อกล้าพูดจบก็ส่งสัญญาณด้วยการพยักหน้า
"ขอรับ" พ่อเชิงพยักหน้าตอบกลับคำของพ่อกล้าแล้วเดินจากตรงนั้นไป
ณ ศาลริมน้ำข้างเรือนสิงหดาบ
"แม่ของลูกเป็นห่วงลูกมากเลยนะ" พ่อสิงห์เปิดประโยคโดยอ้างถึงแม่มะลิ
"ขอรับ ลูกรู้ขอรับ" พ่อกล้ารับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเขา
"ตบแต่งเสียเถิดลูกกล้า แม่มะลิจักได้หายห่วง" พ่อสิงห์เอ่ยถึงการตบแต่งเข้าเรือนหอให้พ่อกล้าอย่างตรงไปตรงมา
"คงมิได้ดอกขอรับ" พ่อกล้าส่ายหน้าปฏิเสธการตบแต่งที่พ่อท่านกำลังพูดถึงทันที
"เพราะพ่อจ้อยฤๅ" พ่อสิงห์เอ่ยชื่อคนรักของลูกชายของตนก่อนจักก้มใบหน้าสูดลมหายใจเข้าและออกหนึ่งครั้ง
"กระผมว่าคุณพ่อน่ารู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับลูกชายคนนี้เป็นอย่างดีหนาขอรับ" พ่อกล้ายืนยันว่าที่ไม่ตบแต่งและเชื่อว่าพ่อน่าจักรู้เหตุผลนั้นดีเสมอ
"เพราะลูกสาบานด้วยชีวิตไปแล้วงั้นฤๅ" พ่อสิงห์ถามทั้ง ๆ ที่รู้ดีเพราะหลวงพ่อคนที่ไว้ใจมากที่สุดเป็นคนทำพิธีพร้อมกับให้คำสาบานไว้แล้ว
"กระผมว่าคุณพ่อน่าจักเดาออกว่าไยกระผมถึงได้หายตัวไปโดยที่ไม่บอกคุณพ่อ หากพ่อรับมิได้ที่ความรักของกระผมที่มีให้พ่อจ้อย กระผมพร้อมเสมอ พร้อมที่เดินออกจากตระกูลสิงหดาบไป มิให้ผู้ใดมารับรู้ว่าไอ้ลูกคนนี้มันเป็นลูกที่อกตัญญูต่อพ่อแม่ แต่ที่กระผมยังคงปกป้องทุกคนอยู่ เป็นเพราะตระกูลเราเกี่ยวข้องกับมันตั้งแต่แรกอยู่แล้วไงล่ะขอรับ ไว้จบงานนี้กระผมจักรับผิดชอบทุกอย่างเอง" พ่อกล้าพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาของกล้ามั่นคงจนพ่อสิงห์ต้องหลบสายตาไปชั่วครู่หนึ่งแล้วกลับหันมาสบสายตากับลูกชาย
"พ่อขอโทษ พ่อขอโทษหนาลูก" พ่อสิงห์รู้สึกผิดที่ตนเองทำลายความรู้สึกของลูกมามากเพียงนี้จึงค่อย ๆ ย่อขาเพื่อคุกเข่าลง
"คุณพ่อมิได้ผิดกระไรเลยขอรับ โปรดอย่าได้ทำเช่นนี้เลยขอรับ" พ่อกล้าสังเกตเห็นว่าพ่อสิงห์กำลังจักคุกเข่าจึงโพล่งรีบเข้าไปช่วยดันตัวพ่อสิงห์ขึ้นมาทันที
"พ่อขอโทษ พ่อขอโทษที่ไม่เข้าใจความรักของลูก" พ่อสิงห์จับแขนเสื้อของพ่อกล้าอย่างหนักแน่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากข้างใน
"มันเรื่องเป็นของคนสองคนของกระผมและพ่อจ้อยขอรับ คนนอกจักไม่เข้าใจก็มิเป็นกระไรดอกขอรับ" พ่อกล้าใช้มือทั้งสองข้างรองแขนคุณพ่อท่านไว้และดันพ่อสิงห์ให้ทรงตัวไว้
"แต่พ่อเป็นพ่อหนาพ่อกล้า" พ่อสิงห์เอ่ยทั้งน้ำตาและเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจออกมา
"พ่อรู้แล้วว่าร้านอาหารและร้านอัญมณีนั้น ลูกและพ่อจ้อยเป็นคนส่งของพวกนั้นมาให้พ่อและแม่มะลิ และยังหาลูกค้าจากตะวันออกและใต้มาให้พ่ออีก ขอบใจเจ้ามากนัก ขอบคุณนะที่เกิดมาเป็นลูกพ่อ ได้โปรดอย่าหายไปจากพ่อและแม่มะลิอีกเลย พ่อยอมแล้ว แต่งพ่อจ้อยเข้าเรือนแล้วกลับมาอยู่ที่บ้านของเราหนา พ่อขอร้อง" พ่อสิงห์พูดออกมาด้วยความรู้สึกโล่งอกโล่งใจขึ้นหลังจากที่ได้พูดมันออกไป เพราะหลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากพ่อจ้อยมาอย่างเงียบ ๆ พ่อสิงห์จึงรู้ในทันทีว่าลูกชายทั้งสองคนมิได้เป็นลูกชายที่แย่อย่างที่เขาคิดเลย พวกเขาทั้งสองคนแค่รักกัน และช่วยเกื้อกูลกันมาอย่างดี หากไม่มีพ่อจ้อย ป่านนี้ก็คงจักไม่มีลูกกล้ายืนอยู่ตรงนี้เช่นกัน
"กระผม...กระผม...กระผมขอบคุณหนาขอรับที่พ่อยอมรับพ่อจ้อย" หลังจากที่พ่อกล้าได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจที่พ่อท่านยอมรับพ่อจ้อยและความรักของแล้ว ความพยายามของพวกเขาที่พยายามมา ๑๐ ปี ถูกยอมรับมันแล้ว
"แต่ว่า... เรื่องงานกระผมมิอาจรับปากได้หนาขอรับ" แม้จักถูกยอมรับแล้วแต่ยังคงมีเรื่องที่น่าผิดหวังอยู่ดี พ่อกล้าเป็นถึงผู้บัญชาการหน่วยลับของไททิวารัตน์ เป็นไปไม่ได้ที่จักถอนตัวออกมาอย่างง่ายดาย
"ขอร้องล่ะพ่อกล้า หากเจ้าเป็นกระไรไป พ่อไม่รู้จักอยู่เยี่ยงไร ทุก ๆ ครั้งที่ข้าได้ยินว่าเจ้าหายตัวไป ข้าก็แทบใจสลายแล้ว ขอร้องละพ่อกล้า" พ่อสิงห์ขอร้องพ่อกล้าอย่างสุดใจ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล... พ่อกล้ายืนนิ่งราววกับหินไปชั่วครู่ ทำให้ทั้งสองคนสบสายตากันอยู่นาน จนผู้เป็นบิดาอย่างพ่อสิงห์พยายามคิดทบทวนในสิ่งที่ลูกชายคนนี้กำลังทำ แม้จักมิได้เข้าใจทีเดียวหมด แต่เชื่อว่าลูกคงต้องการให้เชื่อใจพวกเขาเข้าไว้
"งั้น... ดูแลตัวเองดี ๆ นะพ่อกล้า" พ่อสิงห์ส่งคำอวยพรให้กับลูกชายตนเองก่อนจักเดินเข้าไปโอบกอดอย่างเหนียวแน่น เขาพยายามเข้าใจในการกระทำของลูกชาย แต่ก็อดมิได้ที่จักนึกถึงวันที่ลูกหายไปจากสายตาของเขา ดวงตาของพ่อสิงห์ค่อย ๆ เริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ จนน้ำตาของพ่อสิงห์ค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นกลุ่มเอ่อล้นจนคลอเบ้า พ่อสิงห์รู้ตัวจึงรีบเช็คน้ำตาของตนเองเสียก่อนแล้วคลายโอบกอดนั้นออก รีบปั้นสีหน้ารอยยิ้มแย้มให้กับลูกกล้า
"ปะ ป่านนี้แม่มะลิกับน้อง ๆ น่าจักรอพวกเราไปทานข้าวกัน" พ่อสิงห์นึกได้ในทันทีที่แม่มะลิเอ่ยปากชวนลูกกล้าทานข้าวที่เรือนไว้ พ่อสิงห์พูดจบประโยคจึงเดินนำทางให้ลูกชายคนนี้ก่อนราวกับส่งลูกชายไปให้ถึงฝั่ง
ณ เรือนสิงหดาบ
บ่าวยกสำรับของคาวของหวานมาวางบนโต๊ะจัดเรียงอย่างสวยงาม จากนั้นบ่าวยกน้ำล้างมือมาให้ทุก ๆ คนในเรือนล้างมือก่อนทานข้าว มือซ้ายและมือขวาอุ้มน้ำนั้นเทลงหลังมือและหน้ามือแล้วถูอย่างเบา ๆ
"แกงเหงาหงอดจ้ะลูกกล้า" แม่มะลิใช้ช้อนตักเนื้อปลาสังกะวาดในแกงเหงาหงอดลงบนจานข้าวให้ลูกชายของเธอ
"ขอบคุณขอรับคุณแม่" พ่อกล้ารับเนื้อปลาสังกะวาดจากแม่มะลิจึงเอ่ยคำขอบคุณอย่างอ่อนน้อม
"กินเยอะ ๆ หนาลูกกล้า เมื่อใดที่ลูกอิ่ม พ่อกับแม่ก็อิ่มสุขอิ่มใจไปกับลูกหนา" แม่มะลิยกมือขวาที่ถนัดลงบนหลังของพ่อกล้าลูกชายสุดที่รักของเธอ สายตามองลูกกล้าด้วยความเอ็นดู ทั้ง ๆ ที่เธอยังต้องอดกลั้นน้ำตาอีกครั้ง เธอมองเข้าไปในนัยน์เนตรของลูกชาย จึงเกิดคำถามมามาย เช่นลูกชายของเธอโตมาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกันนะ ภาพลูกกล้าในวัย ๑๕ ปียังอยู่ในหัวเขาราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง พ่อสิงห์เห็นใบหน้าของแม่มะลิที่แดงก่ำกำลังอดกลั้นน้ำตาไว้อยู่จึงตักเนื้อปลาสังกะวาดลงในจานของแม่มะลิ
“ทานเสียเถอะ เดี๋ยวข้าวจักเย็นเอาหนา”
เมื่อทุกคนในเรือนทานข้าวเสร็จเรียบร้อย ก่อนจักแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง พ่อกล้าได้มอบหมายสร้างศาลพร้อมกับส่งตุ๊กตาคุ้มครองให้กับบ่าว
"กุมารทองฤๅเจ้าคะ" น้ำใจบ่าวคนสนิทของแม่มะลิเอ่ยถามถึงตุ๊กตาที่พ่อกล้ายื่นให้บ่าวชาย
"น้ำใจ มันใช่สิ่งที่ควรพูดกันที่ไหน" แม่มะลิรีบห้ามปรามทันที
"อุ๊ย ขอโทษหนาเจ้าค่ะ" น้ำใจบ่าวคนสนิทของแม่มะลิรีบเอ่ยคำขอโทษทันทีหลังโดนตักเตือนโดยแม่มะลิ
//กุมารทองนั้น หน้าตาเหมือนข้าเลยว่าไหม//
"เหมือนคุณกาณฑ์สุด ๆ ไปเลยเจ้าค่ะ" แม่มณีสะดุ้งตกใจเสียงที่โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงอย่างกาณฑ์ ก่อนจักเอ่ยปากชมและหัวเราะเบา ๆ
ณ ศาลาหน้าเรือนสิงดาบ
กล้าหาญบุตรชายคนโตของตระกูลสิงหดาบก้าวเท้าลงจากกระไดได้ ไม่นานก็มีเสียงของแม่มณีตะโกนเรียกอย่างเสียงดังจากข้างหลัง
"พี่กล้าเจ้าคะ รอข้าด้วยเจ้าค่ะ"
"มีกระไรฤๅ" พ่อกล้าเอ่ยถามอย่างมีมารยาทก่อนจักส่งสัญญาณมือให้หลบเข้าไปในที่ร่ม เพราะกลัวแม่มณีหน้ามืดหากได้รับแสงแดดมากเกินไป
"พี่กล้าเจ้าคะ แล้วคนที่ปลอมตัวมาเป็นพี่กล้าคนก่อน เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ" แม่มณีเอ่ยถามพี่ชายของตนเองอย่างเป็นห่วงเป็นใยทันที
"พ่อจ้อยฤๅ ไม่เป็นกระไรแล้ว สบายใจได้เลยหนาแม่มณี ตอนนี้เขาอยู่ภายใต้การดูแลของหมอแล้ว อีกไม่นานก็คงจักกลับสมบูรณ์ตามเคยนะ" พ่อกล้าพูดออกมาอย่างโล่งอกพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่สดใสให้กับผู้เป็นน้องสาวของตน
"หมายความว่าวันที่พี่เขาหายไป เกิดกระไรขึ้นใช่ฤๅไม่เจ้าคะ"
"ก็นิดนึงหนา อย่าได้ห่วงไปเลย"
"ไยพี่กล้าถึงให้พี่จ้อยปลอมตัวมาเป็นพี่กล้าฤๅเจ้าคะ"
"น้องได้ยินมาว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นแผนของพี่กล้า วันนั้นเกิดกระไรขึ้นฤๅเจ้าคะ ได้โปรดบอกให้น้องทราบบ้างเถิดเจ้าค่ะ" แม่มณีรีบถามพี่กล้ารวดเดียวอย่างรีบร้อน ไม่รอคำตอบจากปากพี่กล้าก่อนเสียเลย
"หากว่าเจ้าอยากรู้เรื่องถึงเพียงนี้นัก ข้าคงต้องพาเจ้าไปด้วยละ แล้วก็คุณชายที่หลบอยู่ข้างหลังต้นไม้จักไปด้วยฤๅไม่ขอรับ" พ่อกล้าเผยรอยยิ้มด้วยความเอ็นดูความเป็นห่วงเป็นใยของเธอพร้อมกับเอ่ยถามเจ้าคนที่แอบอยู่ข้างหลังต้นไม้ใหญ่ด้วย
"ข้าว่าข้าเนียนแล้วนะ" พ่อเสือเดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่แล้วเดินเข้าหาพี่กล้าอย่างช้า ๆ พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาพี่คนโตอย่างพ่อกล้าหาญอดมิได้ที่จักหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูน้องชายของตน