เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สิงหดาบเด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ
สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ
ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน
ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน
เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน
ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ
ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด
เพราะสมองอันล้ำค่า
นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง
TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)
การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก)
การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)
ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง
ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)
โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด
คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส
แนะนำตัวละคร นายเอก
Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho
ชื่อ : เสือ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง
ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย
ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้
Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker
พระเอก
ชื่อ : เชิง
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ
ฉายา : พ่อเชิงปากหมา
พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ
Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_
ชื่อ : กล้า
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์
ถึงเวลาของข้าแล้ว...
ชื่อ : มณี
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ
ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน
ชื่อ : พวงทอง
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี
ฉายา : แม่นม
อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า
ชื่อ : สิน
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย
นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ
อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ
ชื่อ : เดื่อ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง
นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
ตำแหน่ง : ความลับ
แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง
ชื่อ : สุข
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)
นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย
ข้ากลัว...
ชื่อ : จันทร์
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)
นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด
ชื่อ : นิ่มนวล
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา
นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย
ชื่อ : แย้ม
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด
ชื่อ : บังอร
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ
ชื่อ : เดช
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย
ชื่อ : จ้อย
อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ
นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย
ตำแหน่ง : ความลับ
ชื่อ : ชาญ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง
นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว
ลำดับพี่น้อง
พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช
คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ
คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี
อันธิกาแสนมืดมน แต่มิไร้แสงนวลสว่างจากดวงเดือน สายลมพัดผ่านแมกไม้ ขับเคลื่อนตามทิศทางของพระพาย ณ เรือนแห่งหนึ่งในจังหวัดอจลวิชญ์ที่อยู่ภาคเหนือของประเทศไททิวารัตน์
*อจลวิชญ์ (อะจะละวิด) = มีความรู้ไม่หวั่นไหว
"พี่เรียมขอรับ พี่เรียมขอรับ" เสียงทุ้มต่ำที่มีความนุ่มนวลอย่างเด็กชายกล้าหาญดังขึ้นหลังจากที่รีบวิ่งมาหาบ่าวผู้หญิงที่กำลังมอบหน้าที่ให้บ่าวคนอื่น ๆ แต่พอเธอได้ยินเสียงเรียกจากพ่อกล้าก็รีบยกมือไล่ให้บ่าวกลับไปทันทีก่อนจักหันไปหาพ่อกล้า
"มีกระไรฤๅเจ้าคะ" บ่าวเรียมผู้รับใช้ประจำเรือนนี้ตอบรับเสียงเรียกของผู้เป็นนาย
"ข้าขอออกไปเที่ยวงานลอยกระทงได้ฤๅไม่ขอรับ"
"อุ๊ย!! ไม่ได้เจ้าค่ะ หากคุณสิงห์รู้เข้า จักเป็นเรื่องใหญ่เอาหนาเจ้าค่ะ"
"ก็อย่าบอกคุณพ่อสิขอรับ"
"ยิ่งไม่ได้เลยเจ้าค่ะ หากเกิดกระไรขึ้นกับคุณกล้าขึ้นมา พวกบ่าวต้องตายแน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ"
"พวกเราห่างไกลจากนคร ไม่มีผู้ใดรู้จักข้าดอก"
"ไม่ได้เจ้าค่ะ คุณท่านสั่งไว้อย่าให้คุณกล้าออกนอกเรือนเป็นอันขาด"
"ก็ข้าอยากลอยกระทงนิขอรับ" กล้าพูดด้วยน้ำเสียงหงอยแล้วก้มศีรษะลง
"หากคุณกล้าอยากลอยกระทง บ่าวจักรีบไปทำกระทงมาให้คุณกล้าลอยริมน้ำข้างเรือนดีฤๅไม่เจ้าคะ"
"แบบนี้ก็ไม่สนุกสิขอรับ"
"เอาเถิดหนาเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวบ่าวจักไปทำกระทงมาให้คุณกล้า คุณกล้าโปรดรอบ่าวอยู่ในห้องหนาเจ้าค่ะ" จบสิ้นประโยคของบ่าวเรียมก็เดินไปส่งพ่อกล้าถึงห้องนอนแล้วตนก็เดินออกไปจัดเตรียมกระทงมาให้คุณกล้า
เด็กชายกล้าหาญพยายามหลบหนีออกจากห้องของตนเองด้วยการผูกเชือกขาเตียงที่แข็งแรงไว้แล้วโยนปลายผ้าลงไปทางหน้าต่าง เขาจึงจับผ้านั้นแล้วค่อย ๆ ลงมา
"ข้าขอโทษหนาพี่เรียม" กล้าหาญยืมมองแสงสว่างที่ออกจากห้องตนเองผ่านหน้าต่างก่อนจักรีบวิ่งหายเข้าไปในที่มืด
ณ งานลอยกระทง
เด็กชายกล้าหาญสวมเสื้อม่อฮ่อมสีกรมกลบกลืนไปกับชาวบ้านเดินชมบรรยากาศงานลอยกระทงในยามค่ำคืนนี้ กลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งจับตัวรวมกันเป็นก้อนเดียวกันพากันหัวเราะเสียงดังอย่างสนุกสนานมิทันได้มองข้างหน้า หญิงสาวรูปงามถูกชนกับเด็กชายกล้าหาญ
"โอ๊ย!" หญิงสาวรูปงามร้องออกมาความเจ็บปวดเล็กน้อยพร้อมล้มลงไปนั่งกับพื้นดิน
"ข้าขอโทษขอรับ" กล้าหาญโพล่งปากเอ่ยขอโทษอย่างมีมารยาทก่อนจึงรีบเข้าไปดูอาการของเด็กผู้หญิงคนนั้น แล้วไม่พบบาดแผลใด ๆ
"เจ็บฤๅไม่ขอรับ" กล้าหาญหันไปสบตาของเด็กผู้หญิงคนนั้น ทั้งสองคนต่างสบตากันและกันก่อนกล้าหาญจักถามย้ำอีกครั้ง
"เจ็บฤๅไม่ขอรับ"
"ขะ... ข้าไม่เป็นกระไรเจ้าค่ะ" เด็กสาวคนนั้นตอบคำถามของเด็กชายคนข้างหน้าก่อนจักพยายามลุกขึ้น กล้าหาญเห็นเช่นนั้นจักพยายามประคับประคองให้เด็กสาวคนนั้นลุกขึ้นได้อย่างปลอดภัย
"ข้าชื่อบุษบา พรรณนารา เจ้าละ?" หญิงสาวไม่รอช้าจึงเอ่ยชื่อของตัวเองก่อนจักถามหาชื่อของอีกฝ่าย
"ขะ... ข้าชื่อกล้าหาญขอรับ" กล้าหาญขมวดคิ้วมุ่นลังเลก่อนที่จักยอมบอกชื่อตัวเองออกไปด้วยความไม่ระมัดระวัง
"นี่! เจ้าทำกระไรบุษบานะ" เด็กชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นรีบเข้ามาผลักกล้าหาญออกห่างจากแม่หญิงบุษบา
"ไม่เอาหนาจ้อย เขาเป็นคนช่วยข้าไว้นะ" หญิงสาวบุษบาเอ่ยด้วยเสียงดุตำหนิที่คนอื่นเข้าใจผิดไปเช่นนั้น
"เอ็งเป็นใคร มาจากไหน ไยข้าถึงมิเคยเห็นหน้าเอ็งเลยวะ" เด็กชายรูปร่างสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่มเอ่ยถามเจ้าเด็กชายคนแปลกคนใหม่
"ข้าเพิ่งย้ายมาจากนครปวรปรัชญ์นะขอรับ" กล้าหาญพูดออกไปด้วยความจริงใจ ไม่พูดปดโกหกเพราะความเป็นวัยเดียวกัน คงไม่คิดร้ายกระไรกับเขาดอก
"นคร!! เอ็งมาจากนครฤๅ เป็นเยี่ยงไรบ้าง รุ่งเรืองอย่างที่เขาลือกันไว้ฤๅไม่"
"เอ็งได้เห็นทะเลบ้างฤๅไม่ งามไม่" เด็ก ๆ ในกลุ่มนั้นต่างพากันสนใจในเรื่องราวของกล้าหาญ
"จิ๊ ก็แค่เด็กมาจากนคร" เด็กชายจ้อยมีรูปร่างผอมบางทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจักกวาดสายตาจากเท้าของกล้าหาญขึ้นไปจนถึงใบหน้าของเขา
"ข้าชื่อจิตบุณย์ เรียกข้าว่าบุณย์ก็ได้หนา" เด็กชายคนเดียวที่สวมเสื้อผ้าที่มีราคาแพงที่สุดในกลุ่มเอ่ยแนะนำตัวคนแรก
"ข้าชื่อพิสิษฐ์ หรือจักเรียกข้าว่าสิษฐ์ก็ได้หนา" เด็กชายรูปร่างสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่มเอ่ย
"ข้าชื่อศตคุณ เรียกสั้น ๆ ว่าคุณ" เด็กชายศตคุณเผยเรือนร่างท่อนบน สวมโจงกระเบนสีกรมเอ่ยขึ้นคนที่สาม
เด็ก ๆ ทุกคนต่างพากันแนะนำชื่อของตนเองยกเว้นคนหนึ่งที่เอาแต่มองกล้าหาญไม่วางสายตา กล้าหาญสังเกตเห็นว่ายังมีคนหนึ่งไม่ได้พูดถึงชื่อของตนเองจึงเอ่ยถาม
"เจ้าละ"
"จ้อย" เจ้าเด็กชายรูปร่างผอมบางคนนี้พูดจาไม่มีหางเสียง
"ไยเจ้าถึงพูดจาเช่นนั้นเล่าจ้อย เจ้าเพิ่งรู้จักเขาเป็นครั้งแรกหนา พูดอีกทีสิจ๊ะ" เด็กหญิงบุษบาได้ยินเช่นนั้นรู้สึกไม่ถูกหูถูกใจนักจึงเอ่ยปากเตือนให้จ้อยแนะนำตนเองใหม่อีกครั้ง
"เอาหน่า ขอโทษที่เสียมารยาทหนาขอรับ พ่อจ้อยเป็นเพียงเด็กกำพร้า มิได้เรียนมิได้รู้หนังสือเลย เลยไม่ค่อยรู้ว่าควรจักทำเยี่ยงไร" เด็กชายจิตบุณย์กล่าวขอโทษอีกฝ่ายทันทีพร้อมกับอธิบายว่าไยเด็กชายจ้อยถึงพูดจาไม่มีหางเสียงเช่นนั้น
"ขอโทษด้วยหนา จ้อยเป็นคนเช่นนี้แหละ อย่าไปถือสามันดอก ปะ ไปลอยกระทงกันเถิด เนอะบุณย์" สิษฐ์พูดออกไปด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจักเปลี่ยนเรื่องแล้วหันไปพูดกับจิตบุณย์ เด็กชายจิตบุณย์ยิ้มด้วยความรู้ตัวเพราะกระทงเหล่านั้นตนต้องเป็นผู้จ่ายทิวาทั้งหมด ทุกคนไม่รอช้าจึงรีบวิ่งตรงไปยังซุ้มกระทง ต่างพากันเลือกกระทงตามความชอบของตนเอง เมื่อทุกคนได้รับกระทงที่คัดสรรมากับมือและดวงตาของตน จิตบุณย์จึงจ่ายทิวาให้เพื่อน ๆ ทุกคน
* เงินทิวา (กร) = สกุลเงินของประเทศไททิวารัตน์ ๑ ทิวามีค่าเท่ากับ ๑ บาทไทย
“ไปลอยกระทงกับพวกเราฤๅไม่เจ้าคะ” สิ้นคำของหญิงบุษบา เธอจึงเผยรอยยิ้มกว้างออกมาให้กับพ่อกล้า จู่ ๆ ภาพในนัยน์เนตรของกล้าหาญ มองเห็นออร่าแสงสว่างประกายวาวสีชมพูออกมาจากตัวเธอ เขายืนละล้าละลังก่อนจักพยักหน้าตอบ
“อืม”
ภายในงานมีสระน้ำขนาดเล็กสำหรับลอยกระทงโดยเฉพาะ เพราะจังหวัดอจลวิชญ์เป็นจังหวัดที่ไม่มีแม่น้ำขนาดใหญ่และสายน้ำจากทะเลเลย
"อย่าลืมอธิษฐานหนาเจ้าค่ะ" เด็กหญิงบุษบาเอ่ยเตือนทุกคนก่อนจักลอยกระทงลงไปในสระน้ำแห่งนี้ ทุกคนจึงตอบรับด้วยการพยักหน้าแล้วพากันนั่งลงแล้วยกกระทงของตนเองขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับอธิษฐานตามที่ตนเองอยากจักอธิษฐาน แล้วปล่อยลงสรพน้ำนั้น
หลังจากที่ทุกคนลอยกระทงเสร็จจึงพากันตรงไปยังโรงละคร แต่ยังไม่ทันถึงโรงละครข้างหน้าก็มีกลุ่มผู้ชายเดินเข้าใกล้ ๆ
"อ้าว แม่บุษบา วันนี้เจ้ายักมาลอยกระทงกับข้าฤๅ" ชายหนุ่มอายุ ๒๐ ปี สวมเสื้อไหมสีขาวแล้วนุ่งโจงกระเบนสีกรมเอ่ยกับเด็กหญิงสาวรูปงามคนเดียวในกลุ่มนั้น
"ข้ามิได้ยักมาลอยกระทงกับเจ้า!" เด็กหญิงบุษบาเอ่ยด้วยความรังเกียจนัก
"มึงมาจากไหน ก็ไสหัวไปซะ" จู่ ๆ เด็กชายจ้อยปากแจ๋วไล่ผู้ชายตรงหน้าก่อนจักหากระไรใกล้ตัวมาปาใส่เขา
"โอ๊ย! ไอ้เด็กเวร มึงกล้ามากนัก ได้! อยากลองดีกับกูนัก เฮ้ยพวกมึงรุมแม่งเลย" ชายหนุ่มอายุ ๒๐ ปี พูดข่มขู่อีกฝ่าย
"สิษฐ์พาบุษบากับบุณย์หนีไปเร็ว คุณแล้วก็...เอ็งด้วย ไปกับสิษฐ์เถิด" เด็กชายจ้อยเอาตัวเองมาขวางไม่ให้พวกมันเข้าใกล้บุษบาพร้อมส่งสัญญาณให้สหายรักอย่างสิษฐ์พาบุษบา คุณ บุณย์และกล้าหาญรีบกลับบ้านทันที
"ระวังตัวด้วยนะจ้อย" เด็กหญิงบุษบาเอ่ยด้วยความเป็นห่วงทิ้งท้ายก่อนจักรีบหนีไปกับสิษฐ์ บุณย์ และคุณ
“ข้าทิ้งเจ้าไว้คนเดียวมิได้” กล้าหาญรีบเผยตัวตนยืนจังก้าข้าง ๆ จ้อยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“จักบ้าฤๅไงวะ มานี่ หนีไปกับข้าเร็ว” จ้อยอุทานทันทีหลังที่กล้าหาญไม่ได้ไปตามแผนที่ตนคิดไว้จักรีบจูงมือของเด็กชายกล้าหาญวิ่งหนีกันไป
"เฮ้ยยย! จักหนีไปไหนวะ" ชายหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้าใกล้มาเรื่อย ๆ เด็กชายจ้อยแอบในพุ่มไม้เพื่อกลับไปเปิดศึกด้วยการเตะน้องน้อยของเขาคนนั้นก่อนจักรีบพาเด็กชายกล้าหาญหลบหนี
"อ้ากกกกก เจ็บ เจ้าเด็กบ้า กล้าดียังไงมาทำกับข้าเช่นนี้ ฝากไว้ก่อนนะมึง โถ่เว้ย" ชายหนุ่มคนนั้นแสดงอาการเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน ใช้มือทั้งข้างประกบไว้
"อ้าว! ไม่ตามไปละมึง" ชายหนุ่มคนนั้นแปลกใจที่ลูกน้องของตนเองเอาแต่นิ่งเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยเอ่ยปากโวยวาย
"ให้ตามไปฤๅขอรับ" สมุนของเขาเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความลังเล
"โอ๊ยยย! ไยพวกมึงถึงโง่กระไรเช่นนี้วะ โว๊ะ!! ไม่ต้องแล้ว ช่วยกูนี้ ช่วยกูลุกขึ้นแล้วกลับเรือนก่อน เร็ว" ชายหนุ่มคนนั้นโมโหออกไปด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง
ณ เรือนแห่งหนึ่งในจังหวัดอจลวิชญ์
"บ่าวทำกระทงเสร็จแล้วเจ้าค่ะ คุณกล้า คุณกล้าเจ้าคะ... คุณกล้าเจ้าคะ " บ่าวเรียมส่งเสียงดังจากหน้าประตูห้องส่วนตัวของกล้าหาญ บ่าวเรียมเห็นว่าคุณกล้าหาญเงียบไปจึงเปิดประตูออกพร้อมเรียกชื่อเจ้าของห้องไปด้วย
"คุณกล้าเจ้าคะ คุณกล้าเจ้าคะ" บ่าวเรียมเดินเข้าไปในห้องพบว่ามีผ้าผูกกับขาเตียงแล้วปลายผ้านั้นลงไปที่หน้าต่าง เธอเบิกตากว้างโตตกใจอย่างยิ่งที่รู้ว่าพ่อกล้าหายตัวไปแล้ว
"กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด คุณกล้าหายไปแล้ว คุณกล้า ไอ้มั่น ไอ้ฉิบหาย คุณกล้าของมึงหายตัวไปแล้ว" เสียงร้องของบ่าวเรียมดังไปทั่วเรือนจนบ่าวผู้ชายคนสนิทจึงวิ่งเข้ามาเห็นสถานการณ์พอดีจึงพากันตามคุณกล้ากันทั่วเรือน
เสียงฝนกระหน่ำลงมา เด็กชายทั้งสองต่างจับมือซึ่งกันและกันฝ่าฝนนี้ไปด้วยกัน วิ่งเข้าไปในวัดเกลียวพัตราแห่งหนึ่งในจังหวัดอจลวิชญ์
"เฮ้อออ ดวงดีเป็นบ้าเลย ดีนักที่ฝนตกพวกมันคงตามมาไม่ทันแล้วแหละ" จ้อยพยายามประเมินสถานการณ์ก่อนจักค่อย ๆ บีบน้ำฝนออกจากเสื้อตนเอง
"ไอ้จ้อย! เอ็งหนีเที่ยวอีกแล้วฤๅ" จู่ ๆ เสียงก็ดังออกมาจากที่มืด เขาจึงค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมกับตะเกียงที่ส่องแสงสว่างปรากฎให้เด็กชายทั้งสองคนเห็นเรือนร่างของเขา ภาพที่ปรากฏนั้นเป็นคุณลุงคนหนึ่งมีนามว่าคราม เปลือยกายท่อนบนแต่สวมผ้าขาวม้าปกปิดท่อนล่างไว้ เรือนร่างของเขายังกำยำยังหนุ่มอยู่นัก
"โถ่ลุง อยู่แต่ในวัดมันน่าเบื่อนิ ข้าก็แค่อยากออกไปดูชีวิตกลางคืนของคนในเมืองนี้เท่านั้นเอง" เด็กชายจ้อยโกหกออกไปอย่างหน้าด้านก่อนจักทำท่าทีไม่รู้สึกผิด แต่การเบือนหน้าของจ้อยกลับชัดเจนจนลุงครามรู้ทันความโกหกของจ้อย
"เอ็งก็ช่างสาระแนไปทุกเรื่องเลยนะ เรื่องตัวเองยังไม่รอด ยังอุตส่าห์หาเวลาไปสาระแนชีวิตคนอื่นอีก" ลุงครามบ่นออกไปแต่จ้อยรู้สึกรำคาญเสียงเลยเอานิ้วชี้อุดหูทั้งสองข้างไว้ปล่อยให้ลุงบ่นตามประสาลุงไปเรื่อย ๆ จนกว่าจักเมื่อยปากไปเอง
"เอ่อ..." เด็กชายกล้าหาญผู้อยู่ในเหตุการณ์และไม่เข้าใจสถานการณ์นักเพราะตนเพิ่งได้รู้จักกับจ้อยได้ไม่ถึงวัน
"เอ็งเป็นใคร ลูกเต้าเหล่าใครกัน" ลุงครามได้ยินเสียงของเด็กชายกล้าหาญก็เลยหันมาสบตาแล้วเอ่ยถาม
"ข้าชื่อกล้าหาญขอรับ"
"ข้าชื่อคราม เป็นลุงแก่ ๆ ดูแลวัดนี้เองแหละ ไอ้จ้อย ไอ้จ้อยโว้ยยย เอามือลงสิว่ะ พาเพื่อนเอ็งไปอาบน้ำเช็ดหัวให้แห้งซะนะ เดี๋ยวไม่สบายเอา" ลุงครามเอ่ยชื่อของตัวเองและหน้าที่สำคัญก่อนจักมอบหมายให้จ้อยพากล้าหาญไปอาบน้ำนอน
"ค้าบบบบ" เด็กชายจ้อยพูดตอบรับด้วยน้ำเสียงกวน ๆ
"กวนตีนนัก กูขอสัก ๓ ถีบ" ลุงครามได้ยินเช่นนั้นก็เดาออกว่าเจ้าเด็กนี่มันตั้งใจกวนตีนตนจึงออกตัวยกเท้าไล่ถีบจ้อยทันที
"แบร่" เมื่อจ้อยวิ่งหนีทันทีจนสามารถหลบทุก ๆ ถีบของลุงครามก็หยอกล้อลุงครามด้วยการแลบลิ้นออกมา
ณ บ่อน้ำขนาดใหญ่หลังวัด
"ผู้ชายที่พูดจาไม่ดีกับแม่หญิงบุษบาเป็นใครกันฤๅ" กล้าหาญเอ่ยถามถึงชายหนุ่มคนนั้นเพราะความอยากรู้ทันที
"มันชื่อตรัย เป็นคนที่ข้าไม่ไว้วางใจ และเจ้าอีกคนด้วย อยู่ห่างบุษบาไว้ละ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน" เด็กชายจ้อยเอ่ยถึงชื่อชายหนุ่มคนนั้นก่อนจักเตือนกระไรบางอย่างแก่เขา
"ไยเจ้าถึงไม่เชื่อใจข้า" กล้าหาญถามอีกครั้ง
"เพราะเจ้ามาจากนคร พวกคนนครมันจิตชั่วช้าเหมือน ๆ กับไอ้ตรัย ข้ามิไว้ใจพวกเจ้าดอกนะ" จ้อยพูดไปโกรธแค้นไปด้วย เขาสะบัดแขนสะบัดตัวใต้น้ำจนกล้าหาญเห็นชัดเจนก็รับรู้ว่าคนข้าง ๆ เขาดูไม่ชอบใจกับตรัยนัก
"เยี่ยงไรฤๅ พวกมันทำกระไรพวกเจ้างั้นฤๅ"
"แม่ของบุษบาเป็นหญิงงามที่งามเกินกว่าใคร ๆ อยู่กินกับพ่อของเธอมานาน แต่เธอนั้นเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้ชายทุกคนที่นี่ โดยเฉพาะคนจากนครอย่างไอ้ตรัยก็หมายปองไว้ ทั้ง ๆ ที่รู้กันดีว่าเธอมีคนรักแล้ว วันหนึ่งพวกมันใส่ร้ายพ่อของเธอจนถูกประหารชีวิต เธอต้องอยู่กับมารดาเพียงสองคน ไร้ความปลอดภัย ไร้คนดูแล ไร้ญาติพี่น้อง ไร้ความเห็นใจเพราะการถูกใส่ร้ายนั้นทำให้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้พวกเธอ และหลังจากนั้นไม่นานก็... พวกมัน... แม่งเอ๊ย... แม่งข่มขืนแม่ของเธอจน... จนแม่ของเธอฆ่าตัวตายไป" จ้อยพูดทั้งโกรธแค้นและสงสารบุษบาในคราเดียวกัน
"ไม่นึกเลยว่าพวกเธอจักเจอเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้ แต่ว่า... คนจากนครมิได้เป็นคนเยี่ยงนั้นทุกคนดอกนะ แต่คนอย่างตรัยก็สมควรที่จักโดนเกลียดเช่นนั้นอยู่แล้ว" กล้าหาญก้มหน้าลงสูดอากาศเข้าไปก่อนจักถอยหายใจออกมาแล้วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่จริงใจ
ทั้งสองคนอาบน้ำเสร็จจึงพากันเดินเข้าไปนอนข้างใน ทิ้งเวลาไปนานมีเพียงเด็กชายกล้าหาญที่นอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมาเห็นว่าฝนหยุดตกจึงนึกได้ว่าตนหนีออกจากเรือนมาจึงค่อย ๆ ย่องกลับเรือนไม่ให้จ้อยรู้ตัวก่อน
อุษาโยคแสงตะวันกำลังขึ้น เสียงไก่ขันดังเป็นระยะ ๆ ลุงครามเดินเข้ามาเห็นว่าจ้อยนอนอยู่เพียงคนเดียวจึงนึกอยากแกล้งจ้อยเลยดึงผ้าห่มของจ้อยออก
“ไอ้จ้อยเอ๊ยยยยย ตื่นได้ละมึง มึงนอนดิ้นจนถีบกล้าหาญหายไปเลยฤๅ ไอ้จ้อย กูบอกให้มึงตื่นไง” ลุงครามบ่นเจือปลุกจ้อยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเสียงดัง
“ไอ้จ้อย!!” ฝ่าเท้าของลุงครามถีบเรือนร่างของจ้อยด้วยน้ำแรงที่มีลากตัวของจ้อยไปได้ไกล
“โอ๊ยลุงคราม ข้าเจ็บนะ”
“เจ็บสิจักได้จำ แล้วกล้าสหายมึงไปไหนแล้วแหละ”
“จักไปรู้เหรอ คงจักกลับบ้านไปแล้วกระมัง”
“บักห่านี้นี่ เด็กผิวพรรณสะอาดสะเอี่ยมเยี่ยงนั้นคงเป็นคนมีเงินมีทอง และยังใสซื่อกว่าเอ็งเป็นไหน ๆ กล้าดีไงปล่อยให้เขากลับบ้านคนเดียว มิรู้ฤๅว่ามันอันตรายเพียงใด”
“เอ้า ๆ ยังมิอาบน้ำอาบท่ากันอีกฤๅ ข้ารอพวกเอ็งนานแล้วหนา” จู่ ๆ หลวงตาเดินเข้ามาห้ามปรามทั้งสองคนหลังได้ยินเสียงทะเลาะกันเสียงดัง
“ขอโทษขอรับหลวงตา”
“เร็วเข้า ข้าต้องเดินทางไปบิณฑบาตแล้วหนา”