เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

สิงหดาบ - ตอนที่ ๑๗ (๑/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย โดย ปิ่นไทวา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สิงหดาบ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

สิงหดาบ โดย ปิ่นไทวา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

ผู้แต่ง

ปิ่นไทวา

เรื่องย่อ

สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ

สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ

ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน 

ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน

เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน

ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ

ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด

เพราะสมองอันล้ำค่า

 

นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น                 

เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง 

 

TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)

การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก) 

การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)

ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง 

ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)

โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด 

คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส

 

แนะนำตัวละคร นายเอก

 

Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho

ชื่อ : เสือ

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง 

ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย

ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้

Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker

พระเอก 

ชื่อ : เชิง

ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ

ฉายา : พ่อเชิงปากหมา

พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ

 

 

Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_

ชื่อ : กล้า

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์

ถึงเวลาของข้าแล้ว...

 

ชื่อ : มณี

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ

ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน

 

ชื่อ : พวงทอง

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย

ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี

ฉายา : แม่นม

อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า

 

ชื่อ : สิน

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย

ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย

นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ 

อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ

 

ชื่อ : เดื่อ 

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง

นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป

ตำแหน่ง : ความลับ

แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง

 

ชื่อ : สุข

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)

นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย

ข้ากลัว...

 

ชื่อ : จันทร์

อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)

นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด

 

ชื่อ : นิ่มนวล

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา

นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย 

 

ชื่อ : แย้ม 

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด

 

ชื่อ : บังอร

อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ

 

ชื่อ : เดช 

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย

 

ชื่อ : จ้อย

อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ

นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย

ตำแหน่ง : ความลับ

 

ชื่อ : ชาญ

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง

นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว

 

ลำดับพี่น้อง 

พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช

 

คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ

คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี

สารบัญ

สิงหดาบ-ตอนที่ ๑ คดีฆาตกรรมหมู่บ้านรัตติกาล,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒ พระยาธารา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๓ พ่อเสือแปรพักตร์,สิงหดาบ-ตอนที่ ๔ (๑/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๔ (๒/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๕ เชษฐวิรุฬห์ คุณหลวงชาญ...,สิงหดาบ-ตอนที่ ๖ ป่ามนต์ทัช,สิงหดาบ-ตอนที่ ๗ (๑/๒) เผ่ากินคน,สิงหดาบ-ตอนที่ ๗ (๒/๒) เผ่ากินคน,สิงหดาบ-ตอนที่ ๘ (๑/๒) บู้มบู้มตัวน้อยไม่สบาย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๘ (๒/๒) บู้มบู้มตัวน้อยไม่สบาย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๙ (๑/๒) อดีตตรีทิพย์ทิศ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๙ (๒/๒) อดีตตรีทิพย์ทิศ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๐ (๑/๒) กรกาณฑ์ อดีตตรีทิพย์ทิศปรากฎตัว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๐ (๒/๒) กรกาณฑ์ อดีตตรีทิพย์ทิศปรากฎตัว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๑ (๑/๒) ปีศาจโชนผู้ว่องไวลำดับที่สาม,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๑ (๒/๒) ปีศาจโชนผู้ว่องไวลำดับที่สาม,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๒ (๑/๒) สุสานยาพิษใต้น้ำลึก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๒ (๒/๒) สุสานยาพิษใต้น้ำลึก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๓ (๑/๒) ปีศาจปรุงยาพิษและยารักษาอย่างแก้วตา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๓ (๒/๒) ปีศาจปรุงยาพิษและยารักษาอย่างแก้วตา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๔ (๑/๒) พ่อกล้าตัวจริงปรากฎตัวแล้ว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๔ (๒/๒) พ่อกล้าตัวจริงปรากฎตัวแล้ว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๕ (๑/๒) ลูกกล้ากลับบ้านเถิด,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๕ (๒/๒) ลูกกล้ากลับบ้านเถิด,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๖ (๑/๒) ย้อนรอยอดีตของพ่อกล้า,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๖ (๒/๒) ย้อนรอยอดีตของพ่อกล้า,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๗ (๑/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๗ (๒/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๘ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๘ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๙ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๒,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๙ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๒ ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๐ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๐ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๑ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๔,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๑ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๔ ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๒ (๑/๒) ความลับใด ๆ ก็ไม่อาจเก็บไว้ได้ตลอดกาล ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๒ (๒/๒) ความลับใด ๆ ก็ไม่อาจเก็บไว้ได้ตลอดกาล ,สิงหดาบ-แจ้งข่าวสารครั้งที่ ๑ ...

เนื้อหา

ตอนที่ ๑๗ (๑/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย

หลังเลิกเรียนเสร็จแล้ว ณ วัดพิชเญศ

"ขอขอบพระคุณพระอาจารย์มากเลยหนาขอรับ" เด็กชายกล้าหาญยกฝ่ามือทั้งสองข้างประสานกันแล้วก้มศีรษะลงเล็กน้อย ผู้เป็นพระอาจารย์เห็นเช่นนั้นจึงรีบรับไหว้จากพ่อกล้าทันที กล้าหาญไม่รอช้าจึงรีบวิ่งมุ่งตรงไปยังตลาดบ้านใหญ่ เด็กชายกล้าหาญเดินชมตลาดบ้านใหญ่เพียงลำพังจนพบเห็นเด็กชายคุ้นเคยคนหนึ่งกำลังยืนนิ่งอยู่หน้าอาคาร อาคารนั้นเป็นภัตตาคาร เด็กชายคนนั้นเดินเข้าไปใกล้ ๆ มองจากกระจกเข้าไปยังด้านใน

เหล่าพ่อครัวกำลังเสิร์ฟอาหารจานหลักให้กับลูกค้าภายในร้านนนั้น เด็กชายจ้อยเห็นเช่นนั้นก็เบิกดวงตาตะลึงกับการเพิ่งพบเห็นเป็นครั้งแรก

"นี่! เจ้าเด็กบ้า เอ็งทำกระไร ออกไปจากตรงนั้นเดี๋ยวนี้เลย" ชายหนุ่มผู้เฝ้าประตูภัตตาคารแห่งนี้ใช้น้ำเสียงหนักแน่นดุเพื่อไล่เด็กคนนั้น แต่เด็กชายจ้อยมิได้เรียนรู้หนังสือมาจึงมิไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้เขาควรทำอย่างไร ทำได้แต่จ้องมองเขา

"มาจ้องมองเยี่ยงนี้ เอ็งอยากมีปัญหานักฤๅไง ฮะ!!" ชายหนุ่มเฝ้าประตูภัตตาคารคนนั้นเริ่มหาเรื่องกับเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างจ้อยเข้าเสียแล้ว

"ขอโทษขอรับ" กล้าหาญรีบวิ่งเข้าไปใช้ฝ่ามือดันศีรษะของจ้อยก้มลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยคำขอโทษแก่เขาทันที

"เออ รีบไสหัวไปเลยนะ มันเกะกะหน้าร้าน" ชายหนุ่มคนนั้นขึ้นเสียงไล่เด็กทั้งสองคนนั้นออกไป

กล้าหาญไม่รอช้าจึงจับมือจ้อยแล้วพาเดินออกจากภัตตาคารนั้นแล้วตรงเข้าไปในตลาดน้ำที่อยู่ติดกับตลาดบ้านใหญ่

"ปล่อยมือข้าได้แล้ว" เด็กชายจ้อยรู้สึกอึดอัดที่มือ จึงสะบัดมืออกจากกันทันที

"อ่อ ขอโทษนะ" กล้าหาญเริ่มรู้ตัวว่าการที่ไปจับมือของจ้อยโดยไม่ได้ขออนุญาตเป็นสิ่งที่ไม่ควร จึงเอ่ยคำขอโทษออกมา

"ขอโทษ เรื่องกระไรฤๅ?" จ้อยเอ่ย

"ที่ข้าเผลอจับมือเจ้าไง’ " กล้าหาญตอบคำตอบกลับ แต่จ้อยไม่ได้พูดกระไรออกไปได้แต่นิ่งงงกับสิ่งที่กล้าหาญกระทำกับตนนั้น

ขอโทษงั้นฤๅ แปลกจัง... กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ต้องขอโทษกันด้วยฤๅ

พ่อจ้อยผู้ไม่ชินเคยกับคำว่าขอโทษ เพราะตนถูกสอนให้สู้คน สู้ในศักดิ์ศรีของตัวเอง ถูกสอนให้ทำตามสิ่งที่ถูกต้อง จึงได้หลงความถูกต้องมากเกินไปจนลืมเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขามิเคยแม้แต่จักใส่ใจแลดูแม้แต่น้อย เช่นเรื่องนี้ การแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นสิ่งที่เขามองข้ามมาโดยตลอด

เด็กชายกล้าหาญเดินไปนั่งลงกับพื้นตรงริมน้ำที่มีเรือของแม่ค้าสัญจรไปมาก่อนจักตะโกนเรียกอีกคน

“มานั่งตรงนี้สิพ่อจ้อย” สิ้นคำพูดของกล้าหาญ จ้อยลังเลก่อนจักเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ

"จริงสิ เจ้าสนใจกระไรในนั้นฤๅ เอ่อ... ที่นั่นเขาเรียกกันว่าภัตตาคารนะ" กล้าหาญถามตามที่สงสัยเมื่อครู่นี้แล้วเอียงศีรษะลงเล็กน้อย แต่คิดว่าจ้อยต้องไม่รู้จักเป็นแน่จึงสอนให้จ้อยเรียกอย่างถูกต้องเสียก่อน

"ภัตตาคาร?"

"ใช่ ภัตตาคาร"

"เจ้าสนใจกระไรฤๅ" กล้าหาญพยักหน้าก่อนจักเอ่ยปากถามอีกครั้ง

"ข้าวพวกนั้นไม่เห็นเหมือนที่ชาวบ้านตักบาตรให้หลวงพ่อเลย" จ้อยนึกได้ก็พูดออกไปตามความจริง เปรียบเทียบระหว่างข้าวที่ชาวบ้านตักบาตรให้หลวงพ่อกับข้าวในภัตตาคารมันช่างแตกต่างกันนัก มันช่างวิลิศมาหรายิ่งกว่าสิ่งใด

"เจ้าอยากกินงั้นฤๅ"

"..." จ้อยมิได้ตอบกระไรได้แต่พยักหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ กล้าหาญเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่คลี่รอยยิ้มแย้มออกมา

"ก๋วยเตี๋ยวไม่จ๊ะ" จู่ ๆ แม่ค้าคนหนึ่งพายเรือเข้าเทียบท่าเอ่ยถามเด็กชายทั้งสองคน

"ไม่ดีกว่าจ้ะ ฉันไม่มีทิวาเลยจ้ะ" กล้าหาญพูดออกอย่างจริงใจหลังจากที่ได้ยกฝ่ามือตบ ๆ กระเป๋าหาทิวา

"ป้าทำให้กิน ไม่เอาทิวาดอกจ้ะ รอประเดี๋ยวหนา" ระหว่างที่รอจ้อยชะเง้อคอมอง หันซ้ายมองขวาชมบรรยากาศต่าง ๆ ในตลาดน้ำแห่งนี้

"หนู ๆ ชื่อกระไรกันบ้างฤๅจ๊ะ" แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเอ่ยถามชื่อของทั้งสองคน

"กระผมชื่อกล้าหาญขอรับ"

"จ้อย... จ้อยขอรับ"

"ดูเป็นเด็กพูดจาฉาดฉานฉายแววฉลาดจังเลยหนา" แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเอ่ยชมท้ังที่มือทั้งสองข้างของเธอกำลังทำหน้าที่อย่างดีที่สุด

"พ่อแม่ไปไหนฤๅ ไยพวกหนูถึงอยู่ที่นี่กันเพียงสองคน" เพียงคำถามประโยคของแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวก็ทำเอาทั้งสองคนชะงักเจือปนความอึดอัดใจลึก ๆ จึงเงียบกันไปสักพักจนกล้าหาญเป็นคนแรกที่พูดขึ้นตามด้วยจ้อย

"พ่อแม่ผมจากไปแล้วขอรับ"

"เหมือนกันเลย พ่อแม่ข้าก็จากไปแล้ว" จ้อยได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเองคนเดียวแล้วที่เหงา คนที่อยู่ข้าง ๆ ตนนั้นก็เหงาเหมือนกับเขาด้วย

"เก่งจังเลยนะจ๊ะ ขอบคุณหนาที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกหนูสองคนคงจักไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว พวกหนูต่างเข้าใจความรู้สึกกันและกันเช่นนี้ คงจักเป็นสหายที่ดีต่อกันเป็นแน่ ข้าเชื่อเช่นนั้นหนา" สิ้นประโยคของแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวก็เผยรอยยิ้มออกมา

"นั่นสิขอรับ อยากขอบคุณตัวเองมากเลยขอรับที่ยังมีชีวิตอยู่" กล้าหาญพูดขึ้นทั้ง ๆ ที่ใบหน้าของเขากำลังเงยมองนภา สูบลมหายใจเข้าไปอย่างใจเย็น

"หืม เจ้าหนูคนนี้เนี่ยนะ กล้าหาญสมชื่อจริง ๆ เอ้า ป้ามีรางวัลให้พวกหนูทั้งสองคนด้วย ป้าเพิ่มหมูกับลูกชิ้นให้เลยหนา" แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเอ่ยชมก่อนจักรีบตักหมูกับลูกชิ้นเข้าไปเพิ่ม

"ขอบพระคุณขอรับ" กล้าหาญยกมือไหว้ขอบคุณ แต่เห็นจ้อยนิ่งเลยประคองจับมือของจ้อยให้พนมมือกันแล้วก้มศีรษะลง

"ขอบคุณค้าบบบบ" กล้าหาญพูดแทนจ้อยด้วยน้ำเสียงก๊วนกวนก่อนจักรีบรับถ้วยก๋วยเตี๋ยวจากมือของแม่ค้า แล้วยกซดน้ำเสียก่อน

"โหหหห อร่อยมากเลยหนาขอรับ" กล้าหาญเอ่ยชมก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยถ้วยนี้อย่างเสียงดังให้แม่ค้าได้ยินแล้วชื่นใจ

"ขอบคุณหนา กินให้อร่อย ๆ เลยหนา ไม่พอเดี๋ยวป้าจักให้อีก" แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเอ็นดูทั้งสองคนราวกับลูกชายของตน เธอนั้นเอาแต่เฝ้ามองทั้งสองคนกินก๋วยเตี๋ยวถ้วยนั้นของเธอ

เมื่อกินกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนโบกมือลาแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวคนนั้นก่อนจักเดินกลับวัดโดยที่กล้าหาญเดินไปส่งจ้อยที่วัดเกลียวพัตราก่อนแล้วตนจึงรีบกลับเรือนของตนเองทันที

ณ เรือนกล้าหาญ เกียรติไชย

"นายมั่น!" หลังจากกลับมาถึงเรือนกล้าหาญจึงเอ่ยเรียกชื่อบ่าวชายคนสนิททันที

"ขอรับคุณกล้า" บ่าวชายคนสนิทรีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

"ส่งข่าวถึงพระยาคุณาสินให้ข้าหน่อย"

"ได้ขอรับ"

 

ณ เรือนพระยาคุณาสิน

"เกียรติไชยต้องการตำราอาหารงั้นฤๅ" พระยาคุณาสินถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

"ขอรับคุณท่าน" บ่าวชายคนสนิทของกล้าหาญยืนยันคำตอบเดิม

"รอข้าประเดี๋ยว ข้าจักลองไปหาดูเผื่อจักมีอยู่บ้าง" พระยาคุณาสินเดินเข้าไปในห้องเพื่อตามหาตำราอาหารให้เกียรติไชย

ไม่นานพระยาคุณาสินก็ออกมาพร้อมกับตำราอาหารเล่มหนึ่งจึงส่งให้กับบ่าวคนสนิทของกล้าหาญอย่างนายมั่น

นายมั่นรับตำราอาหารจากมือท่านพระยาคุณาสินก่อนจักขอไหว้ลาแล้วจากไป

 

ณ เรือนกล้าหาญ เกียรติไชย

"ในที่สุด" กล้าหาญยกตำราอาหารเล่มนั้นของพระยาคุณาสินขึ้นมาพร้อมกับใช้นิ้วมือของตัวเองลูบอย่างเบา ๆ

"จักว่าไปแล้ว ข้าจักอ้างเช่นใดดี" กล้าหาญนึกได้ว่าตำราอาหารพวกนี้คนธรรมดาไม่อาจเอื้อมมือถึง

"หากข้าบอกเอามาจากพระอาจารย์ จ้อยต้องตามสืบเรื่องของข้าเป็นแน่เลย"

"หรือว่าขโมยมาดีหนา"

"หรือข้าควรจักขอตำราอาหารสักเล่มจากหลวงพ่อปองคุณแล้วเก็บไว้แต่เอาเล่มนี้ให้จ้อยดี?"

"แล้ววัตถุดิบล่ะ แพงขนาดนั้น จ้อยต้องสงสัยแน่ ๆ"

"รับจ้างจับปลาดีไม่"

"หรือ"

"เห้ออออ ไยข้าต้องโกหกด้วยนะ"

"น้ำลำไยกับน้ำกระเจี๊ยบก็คงไม่เลวนัก"

"น้ำตาลปั้นดีฤๅไม่หนา"

“แต่สายไหมก็ทำง่ายอยู่หนา”

"ขนมล่ะกัน ง่ายสุดแล้ว" และแล้วเด็กชายกล้าหาญก็นั่งคิดกระไรไปเรื่อยทั้งคืนก็ได้คำตอบสุดท้ายภายในคืนนั้นทันที

ไม่กี่วันต่อมา ฟ้าสางวันใหม่ ณ วัดเกลียวพัตรา

"ไอ้จ้อย!! ตื่นได้แล้ว ไอ้จ้อย" ลุงครามตะโกนเสียงดังลั่นไปทั่ววัด แต่จ้อยยังคงนอนหลับไม่สนกระไรอยู่ต่อไป

"ระวังกินข้าวเช้าไม่ทันเด้อพ่อจ้อย" เด็กชายกล้าหาญส่งเสียงออกมาจากข้างหน้าทำให้จ้อยสะดุ้งตื่นเพียงเพราะประโยคของกล้าหาญ กล้าหาญเห็นเช่นนั้นจึงเผยยิ้มเล็กยิ้มน้อยทันที

ทุกคนในวัดต่างพากันนั่งกันอย่างเรียบร้อย รอพิธีกรรมเสร็จก็รอหลวงพ่อและคณะสงฆ์ฉัตรข้าวเสร็จ ทั้งสองคนพ่อจ้อยและพ่อกล้าแย่งที่นั่งกัน

"เอ้า ๆ ที่มีตั้งเยอะมาแย่งนั่งกระไรกงนี้" ลุงครามบ่น

“ที่โปรดข้า เอ็งไปนั่งกงนั้นสิ” จ้อยพูด

“กระไรกัน กงนี้ก็ที่โปรดของข้าเช่นกัน” กล้าพูด

“เกี่ยงกันเช่นนี้ เดี๋ยวก็มิได้กินข้าวเช้ากันพอดี นั่งเบียด ๆ กันไปเลย เอ้า!”

"ข้าจองไข่พะโล้!!" จ้อยเอาทีท่าหวงไข่พะโล้ด้วยแย่งช้อนกลางแล้วคว้าไข่พะโล้ ภูมิใจออกหน้าออกตา

"ได้ไงกัน" กล้าหาญขัดใจจ้อย

"โอ๊ย อย่าแย่งกัน มีอย่างอื่นให้กินเยอะแยะ มันก็กินได้เหมือนกันทั้งนั้นแหละหนา" ลุงครามพยายามห้ามเจ้าเด็กสองคนที่กำลังแย่งไข่พะโล้กัน

"นี่! หมึกต้มหวาน ลองกินดู" ลุงครามไม่รอช้าจึงรีบตักหมึกหวานใส่ถ้วยของจ้อยและกล้าหาญให้เท่ากันทั้งคู่ ทั้งสองคนพากันกินข้าวเช้าอย่างเต็มอิ่ม

ณ สระน้ำขาดใหญ่หลังวัดเกลียวพัตรา

"เอ็งมาทำไม" จู่ ๆ จ้อยก็นึกได้ว่ากล้าหาญมาทำกระไรในวัดตั้งแต่หัววัน

"นี่~~~ ตำราอาหาร" กล้าหาญยกตำราอาหารออกมาจากกระเป๋าผ้าที่บ่าวเรียมเตรียมไว้ให้

"โหหหห ตำราอาหารงั้นฤๅ เอ็งไปได้มาจากไหน" จ้อยทำตาเบิกบานด้วยตื่นเต้นกับตำราอาหารเล่มนี้ ช่างเป็นตำราอาหารที่หรูหราเหลือเกินจนเขานึกสงสัยว่ากล้าหาญได้มาจากใดกันนะ

"ข้าขอมาจากหลวงพ่อ วัดใกล้ ๆ นี้เอง"

วัดใกล้ ๆ วัดเกลียวพัตรา มีแค่ วัดโพธิ์ วัดคุณานนท์ เท่านั้น...

วัดพิชเญศที่กล้าหาญเรียนกับพระอาจารย์อยู่ห่างไกลจากวัดเกลียดพัตราไปมากนักและไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

"งั้นฤๅ!"

"ข้ายกให้เอ็ง แต่มีข้อแม้"

"ข้อแม้กะไรฤๅ"

"เอ็งต้องเรียนหนังสือตามที่ข้าสอน ข้าถึงจักยอมยกตำรานี้ให้แก่เอ็งใช้ตลอดชีวิต" กล้าหาญยื่นข้อเสนอให้กับจ้อย

"เอาสิ เยี่ยงไรข้าก็ได้ผลประโยชน์ทั้งนั้น"

"ข้อแม้ที่สอง เอ็งต้องช่วยข้าเรื่องแม่บุษบา" จบสิ้นประโยคของกล้าหาญ จ้อยลังเลอยู่พัก ๆ

"ก็ได้ ข้ายอมช่วยเจ้า"

กล้าหาญรีบเปิดตำราเรียนที่หลอกจ้อยว่าขอมาจากพระอาจารย์เพื่อใช้สอนให้กับจ้อยทันที หลังเรียนได้ไม่นาน

"โอ๊ยยยย ไยมันถึงจำยากเยี่ยงนี้นัก" จ้อยบ่น

"ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา ถ้าเจ้าอยากได้ตำรา เจ้าต้องอ่านให้ออกเสียก่อน เจ้าถึงจักสามารถอ่านตำรานี้ได้"

"แล้ว... ลองทำสัก ๑ อย่างได้ฤๅไม่"

"เราไม่มีกระไรเลยนะ เช่นผักชี หอม" จบสิ้นประโยคของกล้าหาญ จ้อยก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที

 

ณ เรือนพระยาคุณาสิน

"นี่! เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม" กล้าหาญพยายามหยุดห้ามจ้อยไว้ เพราะการบุกรุกในพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

"เอาหน่า ที่นี่เป็นเรือนของท่านพระยาคุณาสิน" จ้อยยอมบอกออกไป

"แต่เรามาแบบนี้จักไม่รบกวนพวกท่านเอาฤๅ"

"ไม่ดอก ตามข้ามา" จ้อยเดินนำกล้าหาญไปหลังครัวเรือนของท่านพระยาคุณาสิน

"ไหว้จ้ะ ป้าเจี๊ยบ ข้าไหว้จ้ะแม่ภา" จ้อยเอ่ยทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ที่สนิทสนม

"อ้าวจ้อย เอ็งมาได้เยี่ยงไรนิ แล้วเอ็งมาทำกระไรที่นี่ฤๅ" ป้าเจี๊ยบเอ่ยถาม

"ข้ามาหาแม่บุษบานะ อยู่ฤๅไม่" จ้อยอ้างถึงแม่บุษบา

"อยู่สิ ประเดี๋ยวข้าจักไปตามให้หนา นั่งรอก่อน" ป้าเจี๊ยบพูดจบก็รีบขึ้นไปหาหญิงบุษบา ทั้งสองคนก็ได้นั่งรออยู่อย่างเงียบ ๆ ข้างล่าง เมื่อหญิงบุษบาเดินลงมาจากบนเรือนจึงเห็นทั้งสองคนกำลังนั่งรอตนอยู่

"อ้าวจ้อย! กล้า!" หญิงบุษบาเอ่ยเรียกชื่อเจ้าของทั้งสองคนก่อนจักรีบเข้ามากอดคอทั้งสองคนด้วยความคิดถึง

"อุ๊ย คุณบุษบาเจ้าคะ อย่าทำเช่นนี้เลยหนาเจ้าค่ะ มันไม่งาม" ป้าเจี๊ยบเห็นท่าทีของหญิงบุษบาแล้วก็รู้สึกกลัวมีผู้ใดเข้ามาเห็นเลยเอ่ยตักเตือน

"ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าลืมตัว" หญิงบุษบารีบคลายกอดนั้นออกแล้วสะบัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยมิให้เห็นรอยยับที่เกิดจากการถูกกอดเมื่อครู่นี้

"พวกเจ้ามาหาข้า มีอันใดฤๅ" หญิงบุษบาเอ่ยปากถามทั้งสองคน

"นี่!!" จ้อยรีบเอาตำราอาหารนั้นออกจากมากระเป๋าผ้าของกล้าหาญที่ตนนั้นเป็นคนสะพายมาด้วยตัวเองปรากฎให้หญิงบุษบาเห็น

"เจ้าไปได้มาจากที่ใดฤๅจ้อย" หญิงดีใจจนออกหน้าออกตามากเกินไปทำให้ผู้เป็นพ่ออย่างพระยาคุณาสินเข้ามาเห็น

"ผู้ใดฤๅแม่บุษบา" พระยาคุณาสินแกล้งถามอย่างไม่รู้จักมาก่อนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขายืนด้วยท่ายืนจังก้า หลังตรงแล้วเอาฝ่ามือทั้งสองข้างไคว้หลังไว้

"คนนี้จ้อย ส่วนคนนี้กล้าหาญเจ้าค่ะ เป็นสหายของบุษบาเองเจ้าค่ะ"

"แล้วพวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไรว่าบุษบาอยู่ที่นี่" พระยาคุณาสินเอ่ยถามอย่างมีมารยาทรู้ทั้งรู้ว่าคนในย่านนี้คงต้องบอกให้พวกสองคนรู้

"หากพวกเราถามชาวบ้านแถวนี้ว่าบ้านท่านพระยาคุณาสินอยู่ที่ใด ทุกคนในย่านนี้ก็แทบจักรู้จักทุกคนเลยขอรับ" พ่อจ้อยพูดอย่างสุภาพผิดหูผิดตาพระยาคุณาสินนัก เพราะตนเองก็เคยรู้มาว่าเด็กวัดอย่างพ่อจ้อยมักพูดจาไม่มีหางเสียง ไร้คนอบรมสั่งสอนทั้งเรื่องมารยาทและหนังสือ

"ฮ่า ๆ ก็จริงอย่างที่เจ้าว่าหนา ว่าแต่ตำรานั้นได้มาจากที่ใดกันฤๅ" พระยาคุณาสินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจักเห็นตำราในมือของจ้อยนั้นจึงเอ่ยถาม

"หลวงพ่อให้มาขอรับ" กล้ารีบตอบคำถามของพระยาคุณาสินทันที เพื่อมิให้ความแตก พระยาคุณาสินได้ยินเช่นนั้นก็สบตาของกล้าหาญก่อนแล้วเอ่ยปากขึ้น

"งั้นฤๅ" เขาเผยรอยยิ้มด้วยความรู้ดี เพราะทั้งสองคนได้ตกลงกันไว้แล้วว่าพวกเราต่างมิเคยรู้จักกันมาก่อน

"คุณพ่อเจ้าคะ ตำรานี้เป็นตำราอาหาร หากหญิงบุษบาอยากจักใช้ของในครัว คุณพ่ออนุญาตฤๅไม่เจ้าคะ" หญิงบุษบาพยายามขอร้องคุณพ่อท่านพร้อมส่งสายตาอ้อนวอน เธอกระพริบตาถี่ ๆ จนพระยาคุณาสินอดที่จักกลั้นหัวเราะด้วยความความเอ็นดูมิได้

"ได้สิ แต่ป้าเจี๊ยบต้องดูแลพวกเราอย่างใกล้ชิดเท่านั้นหนา ข้าถึงจักสบายใจ" พระยาคุณาสินอนุญาตพร้อมกับเผยฝ่ามือไปทางป้าเจี๊ยบ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้งสามคนต้องอยู่ภายใต้การดูแลของป้าเจี๊ยบอย่างใกล้ชิด

"ได้เลยเจ้าค่ะ" หญิงบุษบาพูดออกไปด้วยความดีใจยกมือไหว้ขอบคุณเสียก่อนจึงรีบพาทั้งสองคนเข้าไปในครัวทันที