เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สิงหดาบเด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ
สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ
ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน
ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน
เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน
ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ
ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด
เพราะสมองอันล้ำค่า
นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง
TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)
การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก)
การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)
ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง
ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)
โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด
คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส
แนะนำตัวละคร นายเอก
Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho
ชื่อ : เสือ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง
ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย
ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้
Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker
พระเอก
ชื่อ : เชิง
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ
ฉายา : พ่อเชิงปากหมา
พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ
Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_
ชื่อ : กล้า
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์
ถึงเวลาของข้าแล้ว...
ชื่อ : มณี
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ
ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน
ชื่อ : พวงทอง
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี
ฉายา : แม่นม
อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า
ชื่อ : สิน
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย
นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ
อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ
ชื่อ : เดื่อ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง
นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
ตำแหน่ง : ความลับ
แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง
ชื่อ : สุข
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)
นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย
ข้ากลัว...
ชื่อ : จันทร์
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)
นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด
ชื่อ : นิ่มนวล
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา
นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย
ชื่อ : แย้ม
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด
ชื่อ : บังอร
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ
ชื่อ : เดช
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย
ชื่อ : จ้อย
อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ
นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย
ตำแหน่ง : ความลับ
ชื่อ : ชาญ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง
นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว
ลำดับพี่น้อง
พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช
คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ
คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี
หลังเลิกเรียนกับพระอาจารย์เสร็จ กล้าหาญยกมือไหว้พระอาจารย์ลาก่อนที่จักรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้น
"เดี๋ยวนี้กล้าหาญดูรีบร้อนจังเลยหนา" เชิงพูดติดเล่นก่อนจักหันไปหาพี่น้องอย่างชาญและวีรดา
"ขอโทษลtกัน ข้ามิใช่คนช่างรู้ช่างเห็นเรื่องชาวบ้านเช่นพี่เชิง ลาละ" เด็กหญิงวีรดาพูดเป็นกันเองกับเชิงจบก็เดินออกจากตรงนั้นเช่นกัน
"สหายของข้า ข้ารู้ว่าเจ้ามิมีอันใดต้องทำ" เชิงเดาทางของชาญก่อนจักส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ชาญ
"..." ชาญมิได้ตอบกระไรกลับ ได้แต่นิ่งเงียบก่อนจักถูกเชิงคนเจ้าเล่ห์ควงแขนแล้วลากตัวของเขาออกไป
ณ ตลาดบ้านใหญ่
เด็กชายกล้าหาญรีบวิ่งอย่างรีบร้อนไปยังโต๊ะไม้เป็นจุดนัดพบของทั้งสามคน
"เอ็งไปไหนมา ไยถึงมาช้าจัง" จ้อยที่นั่งรอสหายอย่างกล้าหาญมาสักพักเอ่ยถาม
"โทษที" กล้าหาญไม่ตอบคำถามของสหายได้แต่เอ่ยคำขอโทษ
"พวกเจ้าทำกระไรอยู่ฤๅ" กล้าหาญเห็นขนมหวานวางอยู่บนโต๊ะจึงเอ่ยถามอย่างมีมารยาทเสียก่อน
"ทองหยอดฤๅไม่เจ้าคะ อร่อยมากเลยหนาเจ้าค่ะ คุณกล้าลองชิดูเจ้าค่ะ" หลังจากที่ได้ยินกล้าหาญพูดถึงขนมหวาน เด็กหญิงบุษบารีบยกทองหยอดที่ห่อด้วยใบตองมาให้กล้าหาญพร้อมกับพูดโอ้อวดถึงรสชาติของทองหยอด กล้าหาญไม่รอช้าจึงยื่นมือหยิบทองหยอดเข้าปาก
"ที่แท้ก็รีบมาหาแม่หญิงนี้เอง" เด็กชายเชิงจับตามองกล้าหาญมาสักพักจึงเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นกล้าหาญกำลังคุยสนุกสนานกับแม่หญิง
"ไปกันเถอะ เยี่ยงไรเสียก็ไม่น่ามีกระไรหนา" ชาญพูดเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากรู้เรื่องราวของคนที่ไม่ถูกกันอย่างกล้าหาญเท่าไหร่
"โถ่พี่ชาย! พี่ชายไม่ใจเลยหนา คิดจักเอาชนะกล้าได้ ต้องสืบหาจุดอ่อนสิ" เชิงพูดติดเล่นพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
"ยุติธรรมมากกระมัง ไปได้แล้ว เฮ้ย!!" ชาญรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลยพูดจาประชดประชันออกไป ไม่ทันไร เด็กชายเชิงก็เริ่มออกตัวพุ่งเข้าไปยังกล้าหาญ แต่ชาญแข็งทื่อจนทำกระไรไม่ถูกจึงยังคงแอบอยู่เหมือนเดิม
"คุยกระไรกันอยู่ฤๅ ขอคุยด้วยคนได้ฤๅไม่" เด็กชายเชิงรีบเข้าไปขัดจังหวะในกลุ่มของกล้าหาญ ทำให้หญิงบุษบาและจ้อยชะงักก่อนจักหันหน้าไปสบสายตากัน
"ข้าชื่อเชิง เป็นสหายของกล้าเอง" เชิงเห็นว่าทุกคนกำลังงุนงง ว่าตนเป็นใครเลยรีบแนะนำตนทันทีพร้อมทั้งยังออกปากว่าเป็นสหายกับกล้าหาญโดยที่กล้าหาญขมวดคิ้วทันทีหลังได้ยินเช่นนั้น
"ข้าชื่อบุษบาเจ้าค่ะ" หญิงบุษบาเป็นคนมีมารยาท ตราบใดที่มีคนเข้ามาแนะนำตัวให้รู้จัก เธอมักจักแนะนำตัวกลับเสมอ ในขณะเดียวกันจ้อยกลับมองว่าเด็กชายคนนี้ดูเป็นคนก้าวร้าวจึงทำหน้าไม่พอใจพร้อมยังจ้องเขม็งใส่เด็กชายเชิง
"บุษบาฤๅ ชื่อไพเราะดีนัก ถึงว่าไยสหายของข้าถึงรีบร้อนเพียงนี้"
"มีกระไรก็ว่ามา" กล้าหาญเริ่มไม่สบอารมณ์จึงเอ่ยถาม
"ข้าแค่แวะมาเดินเล่นที่ตลาดบ้านใหญ่แล้วบังเอิญเจอพวกเจ้าก็เลยอยากเข้ามาคุยด้วยเฉย ๆ มิได้ฤๅ" เชิงยังคงพูดจาก๊วนกวนกับกล้าหาญ เพราะคำพูดคำจาของเชิง มันทำให้กล้าหาญพยายามนิ่งให้มากที่สุดก่อนจักถอนหายใจออกมาอย่างเสียงดังราวกับเบื่อหน่ายคนข้าง ๆ
"ว่าแต่ว่าคุณผูู้หญิงบุษบาชอบคนเช่นใดฤๅขอรับ" เชิงรุกด้วยการเผยฝ่ามือรองมือของหญิงบุษบาทำให้หญิงบุษบาสะดุ้งตกใจแต่ยังคงคามือของเธอไว้เช่นนั้นเพราะไม่รู้ตัวว่าควรทำเช่นใดในสถานการณ์นี้
"มิใช่คนเช่นเจ้าแน่นอน" จ้อยที่นั่งฟังมาสักพักก็พูดประชดประชันขึ้นมาทันที จงใจที่จักหักหน้าเชิงเลยปัดมือของเชิงออกจากมือหญิงบุษบา
"แหมมม หวงจังเลยหนาขอรับ"
"เฮ้ย! มึงช่างกล้านะ อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของกู!!!" จู่ ๆ ตรัยก็โผล่เข้ามาหาเรื่องเชิง เขายืนจังก้าอยู่ข้างหลังของเชิง ทำให้หญิงบุษบาเกรงกลัวตรัยรีบหลบข้างหลังจ้อยทันที
"ผู้หญิงของพี่ฤๅ พี่แน่ใจฤๅ" เด็กชายเชิงเปิดศึกกับตรัยชายหนุ่มร่างสูงทันที
"หยุดนะเชิง ตรัยมิใช่คนที่เอ็งควรจักมีเรื่องด้วย รีบกลับเรือนไปเสีย" กล้าหาญรีบเตือนสติเชิงทันทีเพราะตนรู้ดีว่าเชิงเป็นคนชอบพูดจากวนอาจทำให้ตรัยคิดร้ายกับเชิงก็ได้ แต่เชิงไม่สนใจคำเตือนจึงได้เดินเข้าไปหาตรัยแล้วแกล้งล้มลงไปนั่งกับพื้น
"โอ๊ยยยยย ทุกคนขอรับ โปรดจำใบหน้าของชายคนนี้ไว้ให้ดี เขารังแกเด็กเล็ก ๆ อย่างกระผมขอรับ" เชิงแกล้งร้องเจ็บปวดจึงตะโกนเสียงดังจนทุกคนในตลาดบ้านใหญ่หันมาสนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"เฮ้ย รังแกเด็กฤๅวะ"
"ไยทำตัวเช่นนี้กันนะ"
"เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่า กลับรังแกเด็ก น่าไม่อาย"
เสียงนินทาของชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันนินทานายตรัย เพราะนายตรัยเป็นลูกชายคนใหญ่คนโตในจังหวัดอจลวิชญ์ ทำให้นายตรัยรู้สึกขายหน้าจึงตะโกนออกไปด้วยอารมณ์โมโหที่ถูกเหยียดหยาม
“ฝากไว้ก่อนนะมึง”
“ย่อมได้คุณพี่” เชิงยกยิ้มจนดวงตายิ้มด้วยความอยากแกล้งตรัย เขาจึงเลิกคิ้วข้างขวาที่ถนัดเพราะความสนอกสนใจอยากแกล้งคนตรงหน้า
"ไปเว้ย"
"เอ็งทำบ้ากระไรวะ" กล้าหาญไม่เข้าใจการกระทำของเชิงเลยเอ่ยออกไปด้วยความโมโหเล็กน้อย
"ข้าอุตส่าห์ช่วยเจ้าหนา ไม่คิดจักขอบคุณข้าสักคำเลยฤๅ งั้นไม่เป็นไรดอก" เชิงรู้สึกน้อยใจเล็กน้อยที่ตนอุตส่าห์ช่วยสหายรักของตนเองไว้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เข้าใจการกระทำของเขาเลย ได้แต่ส่งรอยยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนเอาฝ่ามือแตะไหล่ซ้ายตบบ่าเบา ๆ แล้วเดินออกไปจากตรงนั้น ชาญผู้แอบดูสถานการณ์ทั้งหมดก็พยายามแอบย่องมิให้กล้าหาญเห็นแล้วเดินตามเชิงไป
"ทำบ้ากระไรของเอ็งนะเชิง" ชาญเดินตามเชิงก็เอ่ยถามทันที
"พี่ชาย เรื่องแค่นี้มันง่ายเกินที่ข้าจักต้องอธิบายให้เข้าใจเลยหนา เอาเถอะ ข้ากำลังช่วยสหายของข้าเกี้ยวแม่หญิงคนนั้นอยู่ไงล่ะ ข้าเดาออกเลยว่าชายผู้นั้นต้องเป็นศัตรูหัวใจของกล้าหาญแน่นอน ข้าเลยทำให้พวกมันขายหน้าไปเสีย"
"แปลก"
"ไม่ ไม่ ข้ามิได้แปลก แต่พวกเจ้าต่างหากที่เข้าถึงความฉลาดของข้ามิได้" และเด็กชายเชิงยังคงหลงตัวเองจนทำให้ชาญเองก็รู้สึกเอือมระอาเลยถอนหายใจส่ายหน้าเบา ๆ ยกมือกุมขมับ
ณ ตลาดบ้านใหญ่
"นี่! สหายเจ้าฤๅ" จ้อยเอ่ยถามเจ้าคนที่มัวแต่ยืนเหม่ออยู่
"ใช่ แต่เป็นคนปากไม่ดีเท่าไหร่ อย่าไปถือสามันเลย" กล้าหาญพูดอย่างเปิดเผยพร้อมกับยกฝ่ามือทำภาษามือแทนปากบริเวณปากของเขาแล้วก็ค่อย ๆ ส่ายฝ่ามือออกไป
"สหายคุณกล้าจักไม่เป็นไรฤๅเจ้าคะ" หญิงบุษบาเริ่มกังวลว่าจักเกิดอันใดขึ้นกับสหายของกล้าหาญ
"..." แม้แต่กล้าหาญยังเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงบุษบา ทำได้แต่เงียบและหวังว่าจักไม่มีอันใดเกิดขึ้นกับนายเชิง
ณ เรือนของพระยาคุณาสิน
"ขอบพระคุณมากเลยหนาเจ้าค่ะที่มาส่งบุษบา" หญิงบุษบาเอ่ยคำขอบคุณด้วยความจริงใจให้กับทั้งสองคนก่อนจักเดินขึ้นเรือนแต่หยุดอยู่ตรงขั้นกระได
"แล้วมารับข้าเช่นเคยหนาจ้อย มาส่งข้าเช่นเคยด้วยหนาเจ้าค่ะคุณกล้า" หญิงบุษบาพูดจบก็ส่งรอยยิ้มกว้างให้ทั้งสองคน สองคนจึงโบกมือให้เธอก่อนที่จักเห็นว่าเธอเดินเข้าไปในเรือนแล้ว
"คิดจักเกี้ยวแม่บุษบาแต่ไม่ทำกระไรเลยเนี่ย ชาติไหนเอ็งจักได้รักเขาเล่า" จ้อยพูดออกไปด้วยความจริงพร้อมกับเป็นห่วงใยอีกฝ่ายที่เอาแต่เงียบมาทั้งวัน
"แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว" กล้าหาญพอใจที่ตนทำได้แค่ดูแลบุษบาห่าง ๆ และมาส่งเธอถึงเรือนอย่างปลอดภัย
"เพียงพอกระไรกัน แม่นางจักรู้ได้เยี่ยงไรกันว่าที่เจ้าทำเช่นนี้เป็นเพราะเจ้าเป็นคนมีมารยาทหรือมีใจให้แม่หญิงกันแน่ มาเดี๋ยวข้าช่วย แม่หญิงชอบกินลูกชุบ วันพรุ่งข้าจักชวนแม่บุษบามาทำลูกชุบด้วยกัน เอ็งว่างฤๅไม่"
"ว่างสิ"
"'งั้นข้าจักรอเอ็งที่วัด" จากนั้นจ้อยหันหลังให้กับเรือนพระยาคุณาสินก่อนจักเดินออกจากตรงนั้น กล้าหาญรีบหันหน้าแล้วพูดทันที
"ขอบใจนะจ้อย"
"อือ มันแน่อยู่แล้วสหาย" จ้อยรับคำขอบคุณจากปากของกล้าหาญก็เผยรอยยิ้มกว้างให้กล้าหาญเห็น กล้าหาญรู้สึกภาพนี้มันช่างน่าจดจำเหลือเกิน เขาจึงหุบยิ้มไม่ได้ ได้แต่พยายามเดินตามหลังจ้อยอย่างใกล้ชิด
วันพรุ่ง ณ วัดเกลียวพัตรา
"ข้ามาแล้ว เจ้าถือกระไรมาฤๅ" กล้าหาญวิ่งเข้าในวัดแล้วเห็นจ้อยพอดีจึงรีบวิ่งเข้าหาจ้อย แล้วเห็นว่าจ้อยกำลังใช้มือของตนทั้งสองข้างอุ้มดินและรากต้นบานไม่รู้โรยไว้
"ต้นบานไม่รู้โรย หลวงพ่อบอกว่าบานไม่รู้โรยเป็นตัวแทนความมั่นคงในความรัก ยิ่งปลูกยิ่งทำให้ความรักนั้นไม่มีวันโรยรา" ความใสซื่อของจ้อยได้พูดอย่างไปเปิดเผย แม้จีกไม่รู้หนังสือแต่หากออกมาจากปากหลวงพ่อล้วนมีแต่ความจริงทั้งสิ้น
"ขอบคุณนะจ้อย" คำนี้เป็นคำที่จ้อยได้ยินแล้วรู้สึกดีมาก ๆ มันดีต่อใจ เขาอยากทำให้กล้าหาญพูดคำนี้อีกครั้งจึงพยายามช่วยกล้าหาญสุดชีวิต จ้อยไม่รู้ตัวว่าตัวเองเผลอยิ้มออกมา พอรู้ตัวก็นึกได้ว่าบุษบาน่าจักรอพวกเขาอยู่
"ไปกันเถอะ"
“อือ”
ณ เรือนของพระยาคุณาสิน
"มิชอบแม่หญิงคนนั้นคงไม่หาเรื่องมาถึงที่นี่ดอก" เด็กชายเชิงผู้อยากรู้อยากเห็นทุก ๆ เรื่องเอ่ยทั้งที่ตัวเองกำลังหลบอยู่ในพุ่มไม้ห่าง ๆ
"ไม่ชอบกระไรเช่นนี้เลย" ชาญพูดออกไปด้วยความเบื่อหน่ายเพราะตนนั้นมิได้อยากตามมา
"เอาหน่าชาญ เอาใจช่วยพ่อกล้าหน่อย จักเกี้ยวหญิงทั้งทีด้วย"
"มาแล้ว ๆ" จ้อยสังเกตเห็นบุษบากำลังเดินลงมาหาพวกตน จึงรีบส่งต้นบานไม่รู้โรยให้กับมือของกล้าหาญ
"บุษบา!" จ้อยเรียกชื่อของหญิงสาวข้างหน้าด้วยน้ำเสียงใสที่ได้พบเธออีกครั้ง เขาเผลอยกฝ่ามือโบกให้หญิงบุษบาโดยไม่รู้ตัว
"เอากระไรมาฤๅ" หญิงบุษบาเห็นต้นไม้ในมือของกล้าหาญก่อนจักเอ่ยถาม จ้อยใช้ใบหน้าของตนเอียงคางเข้าหาเธอราวกับบอกพ่อกล้าว่าให้ส่งต้นบานไม่รู้โรยในมือให้บุษบา
"อ่อ ข้าเอาต้นบานไม่รู้โรยมาให้เจ้านะ" กล้าหาญพูดทั้งที่ต้นไม้นั้นยังคงอยู่บนมือของตน ตนไม่กล้าส่งให้หญิงบุษบาเพราะกลัวมือของเธอจักเลอะ
"ดีจังเลยหนาเจ้าค่ะ ข้าเคยได้ยินว่ายิ่งเราปลูกต้นบานไม่รู้โรย ความรักของเราก็จักไม่มีวันโรยรา" หญิงบุษบาพูดทั้ง ๆ ที่สายตาของเธอกำลังจ้องมองเข้าไปข้างในสายตาของกล้าหาญ ทั้งสองคนสบตากันสักพักก็หันใบหน้าหนีกัน จ้อยที่สังเกตเห็นว่าทั้งสองคนกำลังเขินอายกับการสบตาเมื่อครู่นี้ จ้อยยกยิ้มอย่างอิ่มสุขอิ่มใจที่ตนสามารถช่วยให้ทั้งสองคนเชื่อมกันเป็นหนึ่งเดียวได้
"แล้ว...ลงปลูกกงไหนดีเล่า" จ้อยเป็นคนพูดดึงสติทั้งคู่กลับมา
"กงนั้นเจ้าค่ะ" หญิงบุษบาชี้ไปยังตรงที่ยังว่างพอที่จักลงปลูกต้นบานไม่รู้โรยนี้ กล้าหาญใช้ฝ่ามือของตนขุดดินขึ้นมาเพื่อให้รากสามารถลงปลูกได้โดยมีจ้อยเป็นคนช่วยกลบ จากนั้นจ้อยสร้างสถานการณ์ด้วยการพยายามปัดดินบนใบหน้าให้กล้าหาญ แต่ความจริงตั้งใจทำให้เลอะมากกว่าเดิมเพื่อให้บุษบาเป็นคนเช็คออก เมื่อกล้าหาญเงยหน้าขึ้น หญิงบุษบาเห็นดินที่เลอะบนใบหน้าของกล้าหาญก็รีบหยิบผ้าเช็คหน้าออกมาเช็คดินนั้นออกให้กล้าทันที ทั้งสองสบตากันอีกครั้ง หัวใจของพวกเขาทั้งสองคนต่างเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน
"จริงสิบุษบา วันนี้ข้าตั้งใจมาชวนเจ้าทำลูกชุบของโปรดของเจ้าด้วยหนา" จ้อยสังเกตว่าทั้งคู่เอาแต่สบตากันไม่ยอมพูดคุยกันเลยดึงสติทั้งคู่ก่อนจักเอ่ยถึงของหวานของโปรดของแม่หญิงบุษบา
"จริงฤๅจ้อย ไปทำกัน" หญิงบุษบาได้ยินเช่นนั้นก็รีบควงแขนสหายรักอย่างจ้อยมุ่งตรงเข้าไปในครัวโดยมีป้าเจี๊ยบคนดีคนเดิมค่อยดูแลอย่างใกล้ชิด