เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

สิงหดาบ - ตอนที่ ๒๐ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓ โดย ปิ่นไทวา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สิงหดาบ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

สิงหดาบ โดย ปิ่นไทวา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

ผู้แต่ง

ปิ่นไทวา

เรื่องย่อ

สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ

สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ

ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน 

ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน

เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน

ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ

ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด

เพราะสมองอันล้ำค่า

 

นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น                 

เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง 

 

TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)

การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก) 

การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)

ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง 

ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)

โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด 

คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส

 

แนะนำตัวละคร นายเอก

 

Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho

ชื่อ : เสือ

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง 

ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย

ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้

Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker

พระเอก 

ชื่อ : เชิง

ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ

ฉายา : พ่อเชิงปากหมา

พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ

 

 

Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_

ชื่อ : กล้า

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์

ถึงเวลาของข้าแล้ว...

 

ชื่อ : มณี

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ

ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ

ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน

 

ชื่อ : พวงทอง

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย

ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี

ฉายา : แม่นม

อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า

 

ชื่อ : สิน

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย

ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย

นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ 

อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ

 

ชื่อ : เดื่อ 

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง

นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป

ตำแหน่ง : ความลับ

แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง

 

ชื่อ : สุข

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)

นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย

ข้ากลัว...

 

ชื่อ : จันทร์

อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)

นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด

 

ชื่อ : นิ่มนวล

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา

นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย 

 

ชื่อ : แย้ม 

อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด

 

ชื่อ : บังอร

อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ

 

ชื่อ : เดช 

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร

นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย

 

ชื่อ : จ้อย

อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ

นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย

ตำแหน่ง : ความลับ

 

ชื่อ : ชาญ

อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง

นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว

 

ลำดับพี่น้อง 

พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช

 

คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ

คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี

สารบัญ

สิงหดาบ-ตอนที่ ๑ คดีฆาตกรรมหมู่บ้านรัตติกาล,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒ พระยาธารา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๓ พ่อเสือแปรพักตร์,สิงหดาบ-ตอนที่ ๔ (๑/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๔ (๒/๒) ครอบครัวตระกูลสิงหดาบ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๕ เชษฐวิรุฬห์ คุณหลวงชาญ...,สิงหดาบ-ตอนที่ ๖ ป่ามนต์ทัช,สิงหดาบ-ตอนที่ ๗ (๑/๒) เผ่ากินคน,สิงหดาบ-ตอนที่ ๗ (๒/๒) เผ่ากินคน,สิงหดาบ-ตอนที่ ๘ (๑/๒) บู้มบู้มตัวน้อยไม่สบาย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๘ (๒/๒) บู้มบู้มตัวน้อยไม่สบาย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๙ (๑/๒) อดีตตรีทิพย์ทิศ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๙ (๒/๒) อดีตตรีทิพย์ทิศ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๐ (๑/๒) กรกาณฑ์ อดีตตรีทิพย์ทิศปรากฎตัว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๐ (๒/๒) กรกาณฑ์ อดีตตรีทิพย์ทิศปรากฎตัว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๑ (๑/๒) ปีศาจโชนผู้ว่องไวลำดับที่สาม,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๑ (๒/๒) ปีศาจโชนผู้ว่องไวลำดับที่สาม,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๒ (๑/๒) สุสานยาพิษใต้น้ำลึก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๒ (๒/๒) สุสานยาพิษใต้น้ำลึก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๓ (๑/๒) ปีศาจปรุงยาพิษและยารักษาอย่างแก้วตา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๓ (๒/๒) ปีศาจปรุงยาพิษและยารักษาอย่างแก้วตา,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๔ (๑/๒) พ่อกล้าตัวจริงปรากฎตัวแล้ว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๔ (๒/๒) พ่อกล้าตัวจริงปรากฎตัวแล้ว,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๕ (๑/๒) ลูกกล้ากลับบ้านเถิด,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๕ (๒/๒) ลูกกล้ากลับบ้านเถิด,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๖ (๑/๒) ย้อนรอยอดีตของพ่อกล้า,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๖ (๒/๒) ย้อนรอยอดีตของพ่อกล้า,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๗ (๑/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๗ (๒/๒) ความฝันของเด็กชายจ้อย,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๘ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๘ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๙ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๒,สิงหดาบ-ตอนที่ ๑๙ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๒ ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๐ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๐ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๑ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๔,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๑ (๒/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๔ ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๒ (๑/๒) ความลับใด ๆ ก็ไม่อาจเก็บไว้ได้ตลอดกาล ,สิงหดาบ-ตอนที่ ๒๒ (๒/๒) ความลับใด ๆ ก็ไม่อาจเก็บไว้ได้ตลอดกาล ,สิงหดาบ-แจ้งข่าวสารครั้งที่ ๑ ...

เนื้อหา

ตอนที่ ๒๐ (๑/๒) สายสัมพันธ์พี่น้องของลูกศิษย์เอก ๓

ณ เรือนของพระยาอติวิชญ์

เสียงลากเท้าดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปหาต้นเสียง เรือนร่างที่ปรากฎนั้น ชายสูงวัยอย่างพระยาอติวิชญ์กำลังยกฝ่ามือกุมท้องด้วยความเจ็บปวดไว้เดินคู่มากับเด็กชาญที่เพิ่งสงบสติอารมณ์

“คุณพ่อ” เสียงของเชิงเอ่ยปากเรียกหาผู้เป็นบิดาก่อนจักรีบเดินเข้าไปกอดเรือนร่างของพ่อ

“ไม่เป็นไรกระไรแล้วหนาลูกเชิง ลูกวี ขวัญเอ๋ย ขวัญมา...” ฝ่ามือหนาของผู้เป็นพ่อตบลงบนหลังของลูก ๆ เอ่ยปลอบใจลูก ๆ เพื่อน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ คนที่ยังหลงเหลืออยู่ พระยาอติวิชญ์ปลอบใจลูก ๆ อยู่พักใหญ่

ทุกคนทั้งพระยาอติวิชญ์ เชิง ชาญ วีรดาและบ่าวที่ยังคงรอดชีวิตกำลังยืนมองดูขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาไหม้เรือนไม้ทั้งหลัง เชิงและวีรดาโอบกอดกันเพียงสองคนต่างพากันพยายามกลั้นน้ำตาและเสียงให้ได้มากที่สุด ทั้งสองคนสูญเสียผู้เป็นมารดาไปต่อหน้าต่อตา ทั้ง ๆ ที่พวกตนพยายามช่วยเหลืออย่างสุดกำลังของตนแล้ว แต่สุดท้ายก็กลับช่วยกระไรสักอย่างไม่ได้เลย

"เพราะพวกเราใช่ฤๅเจ้าคะพี่เชิง เพราะพวกเราฤๅเจ้าคะ ถึงช่วยคุณแม่ไว้ไม่ได้" หญิงวีรดาเอ่ยทั้งน้ำตาและสะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจเจือปนด้วยความเจ็บใจที่ตนเองมิสามารถช่วยชีวิตผู้เป็นแม่ไว้ได้ แต่เชิงมิสามารถพูดกระไรได้เพราะตนนั้นเองก็พูดกระไรไม่ออกอีกแล้วหลังจากที่เห็นแม่ของตนถูกไฟเผาไปต่อหน้าต่อตา

"..." ชาญได้ยินคำพูดของแม่วีรดาจึงเดินเข้ามาโอบกอดทั้งสองคนนั้นอย่างเป็นห่วงเป็นใย ไม่เพียงแค่นั้นมือของชาญนั้นเกิดอาการสั่นกลัว ชาญพยายามกอดทั้งสองคนแน่นขึ้นเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนจับได้ว่ามือของตนนั้นกำลังสั่นกลัวอยู่

ตึก ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังออกมาจากด้านหลัง

"..." สายตาของเด็กชายเจ้าของเสียงฝีเท้าเมื่อครู่นี้กวาดสายตามองไปทั่วเรือนพบว่าทั้งเรือนถูกไฟเผาไหม้หมดสิ้นจนไม่มีเหลือกระไรเลย เขาได้แต่ยืนนิ่งไปชั่วครู่

"กล้า... พระอาจารย์... เอ็ง..." เชิงเรียกชื่อของเจ้าของฝีเท้านั้น ทำให้พี่น้องทั้งสองคนที่เหลือหันไปหาเจ้าของเรือนร่างนั้น

"ข้าได้ยินมาจากพระยาชรัณ เขาบอกว่าพระยาอติวิชญ์ฆ่าแม่หญิงกุลิสรา" กล้าเปิดประเด็นทันทีหลังจากที่ตนได้ยินมา

"ฮะ..." เชิงตกตะลึงกับคำพูดของกล้าหาญ เชิงถึงกับส่ายหน้าอยากจักพูดกระไรแต่ก็ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ

"เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ" พระยาอติวิชญ์หันหลังกลับมาหากล้าหาญทันทีหลังได้ยินประโยคนั้นออกมาจากปากของกล้าหาญ

"ไอ้ชรัณ! มันกล่าวหาว่าข้าฆ่ากุลิสรางั้นฤๅ" พระยาอติวิชญ์เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นพร้อมทั้งยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเองอย่างไม่เข้าใจ น้ำตาของพระยาอติวิชญ์ไหลออกมาอย่างช้า ๆ พละกำลังของเขากำลังอ่อนล้าจนบ่าวและลูก ๆ ของพระยาอติวิชญ์สังเกตเห็นจึงเข้ามาไปประคองร่างของนายท่านทันที

"พ่อขอรับ"

"คุณพ่อเจ้าคะ"

"คุณพ่อ"

“นายท่านขอรับ”

เสียงเรียกผู้เป็นบิดาดังหลังจากเห็นคุณพ่อท่านกำลังล้มลง จึงรีบเข้าไปประคองร่างกายของคุณพ่อทันที

"ข้าฆ่าแม่กุลิสรางั้นฤๅ" พระยาอติวิชญ์เริ่มเสียสติอย่างไม่รู้ตัวเพราะตนจำได้แค่ว่าตนหมดสติไปแล้วที่เหลือเกิดอันใดขึ้นก็จำมิได้เลย

"ไม่จริงขอรับ พวกมันจงใจใส่ร้ายคุณพ่อ คุณพ่ออย่าไปเชื่อข่าวนั้นเลยหนาขอรับ" ชาญเป็นคนเดียวที่ยังมีสติหลงเหลืออยู่จึงพยายามพูดให้คุณพ่อท่านได้สติกลับมา

"ข้า... ข้า... ข้าไม่เหลือกระไรแล้ว ข้าไม่เลือกกระไรแล้ว ฮืออ อ้าก ไยข้าต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ด้วย เพราะข้าใช่ฤๅไม่ เพราะข้ามันไม่ดีใช่ฤๅไม่" พระยาอติวิชญ์เอาแต่พูดจาโทษตนเองทั้งเอากำมือทุบอกของตัวเองอย่างรุนแรงไม่มีท่าจักหยุด

"คุณพ่อขอรับ คุณพ่ออย่าทำเช่นนี้เลยขอรับ" เชิงพูดทั้งพยายามห้ามมือของพระอติวิชญ์ไว้

"มิใช่เพราะคุณพ่อดอกเจ้าค่ะ คุณพ่อโปรดอย่าโทษตัวเองเลยหนาเจ้าค่ะ" หญิงวีรดาพูดพร้อมกับจับมือด้วยการซ้อนมือของพี่ชายอย่างเชิงไว้ ส่วนชาญนั้นไม่ได้ปริปากพูดกระไร แต่มือของเขานั้นได้เป็นตัวแทนคำพูดไปแล้วเขาเอามือทั้งสองข้างซ้อนจับมือของทุกคนไว้

"หากไม่รังเกียจ ย้ายมาอยู่กับข้าก็ได้หนาขอรับ ข้ามิได้อยู่กับพระยาคุณาสินแล้ว เราทั้งสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้วหนาขอรับ" กล้าหาญพูดทั้งอธิบายเพิ่มเติมอีกว่าตนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระยาคุณาสินคู่ปรับของพระยาอติวิชญ์แล้ว

"ไยเจ้าถึงใจดีกับพวกข้าล่ะ พ่อกล้า..." พระยาอติวิชญ์เอ่ยด้วยความไม่เข้าใจการกระทำของเด็กชายอย่างกล้าหาญเอาเสียเลย

"เพราะคุณเชิงเคยช่วยชีวิตกระผมไว้ไงขอรับ เพลานี้ถึงคราที่กระผมต้องตอบแทนกลับบ้าง" กล้าหาญพูดออกมาด้วยความจริงใจและยังเดินเข้าใกล้พวกเขามากขึ้น

"หึ เพราะลูกเชิงถูกสอนมาโดยแม่กุลิสราไงละ เขาถึงได้ใจดีและอ่อนโยนเหมือนแม่นาง" พระยาอติวิชญ์พูดทั้งที่กลั้นน้ำตาไม่ได้ เขาคิดถึงแม่หญิงกุลิสราเหลือเกิน พระยาอติวิชญ์หันไปมองลูกเชิงสลับกับแม่หญิงกุลิสรา ทั้งคนสองช่างเหมือนกันจริง ๆ เขายิ้มทั้งน้ำตา

"ขอบใจเจ้ามากหนา แต่ข้ามิได้อยากรบกวนเจ้าดอก" พระยาอติวิชญ์พยายามปฏิเสธแต่...

"พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันหนาขอรับ พระอาจารย์สอนข้าว่าข้ากับเชิง ชาญและวีรดาต่างเป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกัน มีอันใดเราก็ต้องช่วยเหลือกัน" กล้ารีบูดขึ้นมาทันที ทำให้พระยาอติวิชญ์เบิกดวงโตแล้วหันไปสบสายตากับพระอาจารย์ของเด็ก ๆ ที่วิ่งมากับกล้าหาญ พระอาจารย์เป็นผู้มีพระคุณต่อกล้าหาญในครานี้อย่างมาก เพราะหากไม่มีพระอาจารย์ กล้าหาญคงไม่สามารถเดินมาถึงเรือนของพระยาอติวิชญ์อย่างแน่นอน

"พระอาจารย์ยังคงใจดีและสั่งสอนพวกเจ้ามาดีจริง ๆ" พระยาอติวิชญ์เอ่ยทั้งเผยรอยยิ้ม มันทำให้เขาคิดถึงตอนที่เขายังเด็ก ๆ เขาพยายามนึกถึงใบหน้าของพระอาจารย์ที่เคยให้ความรู้แก่ตนก่อนภาพนั้นจักหายไป พระยาอติวิชญ์พยายามลุกขึ้นด้วยตัวเอง แต่ทั้งบ่าวและพี่น้องทั้งสามคนนั้นช่วยกันประคับประคองเล็กน้อยก่อนพระยาอติวิชญ์จักเดินเข้าหาเด็กชายกล้าหาญและตนคุกเข่าลงเพื่อให้พูดคุยกันในระดับสายตาเดียวกันกับพ่อกล้า

"เห้อ... ข้าขอขอบคุณเจ้าอีกครั้งนะ พ่อกล้า..."

"มิเป็นไรขอรับ" กล้าหาญเอ่ยพร้อมเผยรอยยิ้มจริงใจให้กับพระอติวิชญ์

 

ณ เรือนของกล้าหาญ เกียรติไชย

กล้าหาญเดินนำทางให้ทุก ๆ คนเดินตามมายังจนถึงเรือนของเขาอย่างปลอดภัย ทุกคนค่อย ๆ ก้าวเท้าขึ้นกระไดช้า ๆ ด้วยความระมัดระวัง

"พี่เรียมจ๊ะ ช่วยจัดที่นอนให้พวกเขาด้วยหนาขอรับ" กล้าหาญพูดขึ้นพร้อมกับเผยฝ่ามือไปยังกลุ่มคนของพระยาอติวิชญ์แล้วหันไปสบตากับบ่าวเรียมอีกครั้ง

"ได้เจ้าค่ะ เชิญทางนี้เลยหนาเจ้าค่ะ" บ่าวเรียมรับคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างกล้าหาญก่อนจักพาพวกบ่าวของพระยาอติวิชญ์ไปยังกะรท่อมเล็ก ๆ

"แม่ลำดวน นายมั่น พวกเอ็งช่วยจัดหาเตียงให้ท่านพระอติวิชญ์ และลูกชายลูกสาวของท่านด้วยละ หากขาดสิ่งใดให้บอกข้า" กล้าหาญหันหน้าไปหาบ่าวลำดวนและนายมั่นก่อนจักพูดมอบหมายให้ทั้งสองคนช่วยกัน

"เจ้าค่ะ/ขอรับ"

"ประเดี๋ยวข้าจักออกไปข้างนอกก่อนหนาขรับ หากมีอันใด เรียกบ่าวของข้าได้เลยหนาขอรับ" ครานี้กล้าหาญหันไปพูดกับพระยาอติวิชญ์และเหล่าลูก ๆ ของเขา

"ขอบใจเจ้ามากหนา" พระอติวิชญ์พูดด้วยความซึ้งใจและขอบพระคุณกล้าหาญมาก ๆ กล้าหาญเผยรอยยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าตอบก่อนจักก้มศีรษะลงเล็กน้อยและเดินผ่านผู้ใหญ่อย่างพระยาอติวิชญ์ไป เด็กชายจ้อยที่ตามมาเงียบ ๆ จึงเลือกที่จักเดินตามกล้าหาญไปด้วย

 

ณ เรือนของพระคุณาสิน

เด็กผู้ชายวัย ๑๕ ปีและเด็กชายวัย ๑๓ ปี กำลังเดินเข้ามายังเรือนของพระยาคุณาสิน บ่าวในเรือนเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินเข้าไปหาพระยาคุณาสินที่กำลังเครียดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

"คุณท่านขอรับ คุณกล้ามาหาขอรับ" บ่าวคนนั้นบอกความจริงที่เห็นไปให้พระยาคุณาสินได้ยิน พระยาคุณาสินที่ก้มหน้าก้มตากุมขมับจึงหันไปหาต้นเสียงที่ดังเมื่อครู่นี้

"จ้อย ข้าฝากเจ้าขึ้นไปถามพระยาคุณาสินได้ฤๅไม่" กล้าหาญลังเลที่จักขึ้นไป ได้แต่ยืนรออยู่ข้างล่างก่อนจักส่งให้เป็นหน้าที่ของจ้อยสหายรักของเขา พระยาคุณาสินเข้ามาได้ยินประโยคของกล้าหาญทันพอดี

"มีอันใดจักคุยกับข้า ก็ขึ้นมาด้วยตัวเจ้าเถิด มิมีผู้ใดรู้ดอกว่าเจ้ายักพูดกระไรกับข้า ขึ้นมาสิ เจ้าด้วยจ้อย" น้ำเสียงนุ่มนวลของพระยาคุณาสินได้เอ่ยปากเชิญชวนให้ทั้งสองคนขึ้นมาบนเรือนของเขา ทุกคนเดินตามพระยาคุณาสิน

ท่านพระยาคุณาสินค่อย ๆ นั่งลงบนเก้าอี้ไม้แล้วตั้งไม้เท้าขึ้นตรงไว้แล้ววางมือลงบนหัวเท้าไม้ของตนเอง กล้าหาญเข้ามานั่งเก้าอี้ไม้ทันทีหลังจากที่ให้เกียรติเจ้าของบ้านนั่งก่อน ส่วนจ้อยนั้นเลือกที่จักนั่งพื้นข้างล่างเพราะจ้อยรู้ฐานะของตนเองดี

"คุณสินพอจะ-" จู่ ๆ กล้าหาญก็เอ่ยชื่อเล่นของพระยาคุณาสินแต่ยังไม่ทันจบประโยค

"เรียกข้าว่าพ่อเถิด" พระยาคุณาสินได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าก่อนจักพูดขึ้น พร้อมกับกวาดสายตาไปหาจ้อยแล้วกวาดสายตากลับมาหากล้าหาญ กล้าหาญได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองจ้อยก่อนจักพยักหน้าเข้าใจสถานการณ์ จ้อยยังมิรู้ว่าพระยาคุณาสินและกล้าหาญมิใช่พ่อลูกที่ทั้งคู่ปิดบังความลับไว้ รู้เพียงแค่ว่ากล้าหาญถูกรับเลี้ยง การที่กล้าหาญเรียกเพียงแค่ว่าคุณสิน มันอาจจักดูเป็นคนอื่นมาเกินไป

"คุณพ่อขอรับ คุณพ่อได้ทราบข่าวฤๅไม่ขอรับ ที่พระยาชรัณกล่าวหาว่าคุณพ่อไปวางเพลิงเรือนเขา" กล้าหาญพูดเอ่ยด้วยความร้อนใจเพราะตนนั้นไม่เชื่อว่าพระยาคุณาสินจักทำเรื่องเช่นนั้นได้

"ข้าได้ยินแล้ว ตอนนี้ชาวบ้านต่างพากันร้องเรียกให้ข้าออกไปพูด"

"แต่คุณพ่อมิได้ทำใช่ฤๅไม่ขอรับ" กล้าหาญเอ่ยถามด้วยความลังเล

"ไยเจ้าไม่เชื่อที่พระยาชรัณพูด?" พระยาคุณาสินเอ่ยถามอย่างใจเย็นก่อนจักเทน้ำชาลงในแก้วชาใบเล็ก

"เพราะพวกมันเป็นคนพูดปดขอรับ" กล้าหาญพูดด้วยความเดาในมุมมองของตนจนจบประโยค พระยาคุณาสินจึงส่งแก้วใบเล็กที่เทน้ำชาไว้ให้กับกล้าหาญลูกชายของตน

"ขอบพระคุณขอรับ" กล้าหาญรับแก้วใบเล็กนั้นก่อนจักยกเข้าไปในปากของตนแล้ววางแก้วใบเล็กนั้นลงอย่างเบา ๆ

"เรื่องนี้ข้ามิได้โดนใส่ร้ายข้าเพียงผู้เดียวดอก พระยาอติวิชญ์เองคงจักใจสลายมากเลยสินะ เขาไม่มีวันฆ่าแม่กุลิสราได้ลงคอดอก แม่กุลิสราคือรักแรกและรักเดียวของเขาที่คอยมาแสนนาน" พระยาคุณาสินเอ่ยทั้ง ๆ ที่ไม่ยอมสบตากับกล้าหาญได้แต่มองออกไปข้างนอก

"คุณพ่อรู้ได้เยี่ยงไรขอรับ"

"ข้ากับอติวิชญ์เคยเป็นสหายกันมาก่อน เราต่างมีพระอาจารย์คนเดียวกัน แต่แล้วชรัณก็อิจฉาข้าที่ได้ดีและคอยอยู่เคียงข้างอติวิชญ์มาตลอด ชรัณเลยพยายามใส่ร้ายข้าครั้งแล้วครั้งเล่า จนมันประสบความสำเร็จที่ทำให้ข้าและอติวิชญ์แตกคอกัน" พระยาคุณาสินพูดจบก็ถอนหายใจก่อนจักพูดต่อ

"แล้วก็เรื่องแม่บุษบา ข้าขอโทษหนากล้าหาญ ขะ...ข้าแค่..." ครานี้พระยาคุณาสินยอมหันหน้ามาสบตากับกล้าหาญก่อนจักปากสั่นกลั้นอารมณ์ข้างในของตนเองไว้

"คุณพ่อตัดสินใจเช่นใด ข้าเข้าใจว่าการตัดสินใจของคุณพ่อคงจักผ่านการคิดมากมาย ข้าไม่โกรธอันใดคุณพ่อแล้วขอรับ อย่าได้กังวลไปเลยขอรับเจ้าคุณพ่อ" กล้าหาญเอ่ยทั้งที่ค่อย ๆ คลี่รอยยิ้มของตนเองออกมา พระยาคุณาสินเห็นเช่นนั้นก็อดกลั้นน้ำตานั้นไม่อยู่ น้ำตาของเขานั้นจึงค่อย ๆ ไหลออกมาก่อนที่จักรู้สึกตัวจึงยกมือขึ้นมาเช็คน้ำตาของตนออกไปต่อหน้าลูกชายอย่างกล้าหาญ

"อยากพบแม่บุษบาบ้างฤๅไม่ละ" พระยาคุณาสินเอ่ยถาม

"อยากสิขอรับ"

 

ณ เรือนของหนึ่งอนันต์และบุษบา

ทั้งพระยาคุณาสิน กล้าหาญ จ้อย และบ่าวชายอีก ๓ คนเดินตามกันเป็นลำดับ เด็กชายกล้าหาญกวาดสายตาของตนเองมองไปรอบ ๆ ว่าบ้านเรือนแบบใดที่หญิงบุษบาอยู่ บ่าวที่คอยรับใช้หนึ่งอนันต์และบุษบาเห็นก็ยกมือไหว้อย่างมีมารยาทก่อนจักเดินนำไปจนเข้าไปถึงในสวน ทั้งสองคนผัวเมียกำลังทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสานปลาตะเพียน จนหนึ่งอนันต์เห็นพระยาคุณาสินเป็นคนแรกจึงรีบวางปลาตะเพียนนั้นแล้วยกมือขึ้นไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่อย่างมีมารยาท

"ข้าไหว้ขอรับคุณพ่อ" พระยาคุณาสินรับไหว้จากหนึ่งอนันต์ทันที หญิงบุษบาเองก็รีบยกมือไหว้ผู้เป็นบิดาตามหลัง แต่มิได้พูดอันใดเพราะยังคงโกรธพ่อท่านอยู่เล็กน้อย

"ส่วนนี้กล้าหาญ เป็นพี่ชายของบุษบา อายุมากกว่าพวกเธอ ๑ ปีนะ" พระยาคุณาสินเอ่ยแนะนำตัวกล้าหาญ พี่ชายของหญิงบุษบาพร้อมทั้งเอาฝ่ามือแตะลงบนไหล่ของกล้าหาญ

"ข้าไหว้ขอรับพี่ชาย ข้าชื่อหนึ่งอนันต์ หรือเรียกข้าว่าหนึ่งก็ได้หนา" หนึ่งอนันต์ยกมือไหว้ผู้เป็นพี่ชายของเมียตน กล้าหาญรับไหว้ทันที

"สบายดีฤๅไม่ แม่บุษบา" ผู้เป็นบิดาอย่างพระยาคุณษสินเอ่ยถามความทุกข์สุขของลูกสาว

"สบายดีเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปเอาน้ำไว้หนาเจ้าค่ะ" หญิงบุษบาเห็นว่าพ่อเดินมาเหนื่อย ๆ กะว่าจักเดินไปเอาน้ำมาให้แล้วปล่อยให้คุณพ่อคุยกับหนึ่งอนันต์ผู้เป็นผัวของตน

"ไม่เป็นไรแม่บุษบา เดี๋ยวข้าไปเอาให้ เจ้ายกของหนักไม่ได้หนา" หนึ่งอนันต์พูดจบก็ส่งรอยยิ้มให้หญิงบุษบาก่อนจักขอตัวไปเอาน้ำชามาให้ทุกคน

"ไยเจ้าถึงยกของหนักมิได้ฤๅ?" พระยาคุณาสินสงสัยจากประโยคเมื่อครู่นี้ของหนึ่งอนันต์

"เปล่าดอกเจ้าค่ะ คุณหนึ่งอนันต์ไม่ค่อยชอบให้ลูกถือของหนัก ๆ เพราะกลัวจักเกิดอันใดขึ้นเจ้าค่ะ" หญิงบุษบาพูดออกไปตามความจริงและยังเผยรอยยิ้มกว้าง เพราะหนึ่งอนันต์ดูแลเธอดีนัก

"คุณพ่อมาหาลูก มีกระไรฤๅเจ้าคะ" หญิงบุษบาถามผู้เป็นพ่อ

"เปล่าดอก ข้าแค่อยากพาพ่อกล้ามาเยี่ยมลูกนะ" พระยาคุณาสินเอ่ยออกด้วยความลำบากใจเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าตนนั้นเป็นคนแยกพวกเขาทั้งสองคนออกจากกัน

"งั้นฤๅเจ้าคะ ส่วนเจ้าละจ้อย" หญิงบุษบาไม่ลืมสหายคนสนิทอย่างจ้อยจึงเอ่ยถามทันที

"ข้ามาหาเจ้าเพราะอยากเจอนะ สบายดีฤๅไม่ แม่หญิงบุษบา" จ้อยเอ่ยถาม

"สบายดีจ้ะ" หญิงบุษบาตอบ

"มาแล้วขอรับ" หนึ่งอนันต์ยกน้ำชามาให้ทุกคน เขานั้นทำหน้าที่ได้ดีด้วยการเทน้ำชาลงในถ้วยใบเล็กก่อนจักส่งให้พระยาคุณาสินและกล้าหาญตามลำดับ

"เอาให้พ่อจ้อยด้วยเจ้าค่ะ เขาเป็นสหายของข้าเองเจ้าค่ะ" หญิงบุษบาเห็นว่าหนึ่งอนันต์ส่งถ้วยน้ำชานั้นให้แค่สองคนเลยทักทวง

"อะ...เอ่อ มิเป็นไรดอก ข้าไม่หิว" จ้อยรีบปฏิเสธทันที

"ได้ไงกัน เจ้าเป็นสหายข้าเชียวหนาจ้อย รับไปเถิด" หญิงบุษบาเอ่ย

"งั้นเทลงในถ้วยของข้าเลยขอรับ" กล้าหาญส่งถ้วยเล็กนั้นให้หนึ่งอนันต์ แต่ก่อนส่งถ้วยนั้นได้ใช้เสื้อผ้าของตนเช็คถ้วยน้ำชาที่ถูกใช้งานไปแล้วให้สะอาดเสียก่อน หนึ่งอนันต์จึงเทน้ำลงในถ้วยเล็กใบนั้นที่กล้าหาญส่งมา เมื่อหนึ่งอนันต์เทน้ำชาในถ้วยชาเสร็จ หนึ่งอนันต์จึงส่งถ้วยชาใบนั้นให้กับมือของจ้อย จ้อยลังเลก่อนจักหันไปสบสายตากับหญิงบุษบา

"ดื่มสิ" กล้าหาญเห็นว่าจ้อยไม่ยอมรับน้ำชานั้นจากมือหนึ่งอนันต์เสียทีเลยทักทวงขึ้น จนจ้อยรู้สึกตัวก็รีบรับถ้วยน้ำชายกดื่มทันที

"ค่อยสบายใจขึ้นหน่อยหนาเจ้าค่ะ" หญิงบุษบาเอ่ยทั้งหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูผู้เป็นสหายอย่างจ้อย

"จริงสิ เจ้ายังเวียนหัวอยู่ฤๅไม่" หนึ่งอนันต์นึกได้ว่าก่อนหน้านี้หญิงบุษบาเวียนหัวอยู่ ก่อนที่พระยาคุณาสินและกล้าหาญจักมา

"ตอนนี้ข้าไม่เวียนหัวแล้วเจ้าค่ะ แต่ปวดหลังหนาเจ้าค่ะ" หญิงบุษบาใช้น้ำเสียงพูดกับหนึ่งอนันต์อย่างสบายใจเจือด้วยน้ำเสียงออดอ้อนผู้เป็นผัวตน

ทั้งพระยาคุณาสิน กล้าหาญ และจ้อย ทั้งสามคนได้เห็นว่าหนึ่งอนันต์ดูแลหญิงบุษบาได้ดีกว่าที่พวกเขาคิด ดีเกินกว่าที่จักกังวลว่าแม่บุษบาจักตกในอันตรายฤๅไม่ กล้าหาญเห็นเช่นนั้นจึงเผยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุข กล้าหาญรับรู้ถึงความห่วงใยของหนึ่งอนันต์ที่มีต่อหญิงบุษบา และพยายามเข้าใจเป็นอย่างดีว่าไยพระยาคุณาสินถึงอยากให้แม่บุษบาตบแต่งกับคน ๆ นี้