เด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,รัก,ตลก,ลึกลับ,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สิงหดาบเด็กชายกล้าหาญต้องจบชีวิตลงเพราะคำนาย แต่จู่ ๆ เขาต้องฟื้นคืนชีพในฐานะคนใหม่ทั้งที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ทุกคนจะยังคงโกหกเขาคนนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน
สิงหดาบ ย่อมาจากสิง (โต) หักดาบ
สิงโตแทนบุคคลสำคัญ หักดาบแทนการสละเลือดเนื้อ
ใครกันนะคือสีหราช... เหตุอันใดสีหราชต้องสิ้นชีพลงเพื่อทุกคน
ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นด้วยเพียงคำทำนายจากสรวงสวรรค์ส่งสารไปยังทุกคน
เขาคนนั้นมีความลับคือ อนาคตที่ลับแล อนาคตที่แม้แต่เครื่องฉายจิรกาลยังตามมิทัน
ต่อจากไปนี้ โปรดระมัดระวังสิ่งรอบข้างให้มากที่สุด เพราะการทรยศ
ล้วนแปรพักตร์กันเมื่อใดก็ได้ อย่าได้ลืมเสียว่าตนเป็นใคร
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด
เพราะสมองอันล้ำค่า
นิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวสืบสวน โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี และพีเรียดที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
เรื่องราวต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนได้ทำการสร้างตัวละคร สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อดำเนินเรื่อง อาจมีเนื้อหาบางอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรม อาหาร อ้างอิงจากความจริง
TW : ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย/การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ คำพูด ความรุนแรงในครอบครัว (พ่อแม่ของตัวเอก)
การทำแท้งโดยไม่ได้ตั้งใจ (เมียรองของพ่อของตัวเอก)
การดูถูกเหยียดหยาม การทำร้าย ใช้ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (ฝั่งตัวร้าย)
ยากระตุ้นความต้องการทางเพศ จำพวกยาเสน่ห์ใช้ภายในเรื่อง
ปีศาจ การตัดแขนและขา กินเนื้อกินเลือดทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่าพันธุ์เดียวกัน (ฝั่งตัวร้าย)
โลกเหนือธรรมชาติ ฆาตกรรม เลือด ลักพาตัว การทำร้ายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน(เป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก ไม่มีการบรรยายฉากนี้แน่นอนเจ้าค่ะ) ค้ามนุษย์ บังคับเสพยาเสพติด ทารุณกรรมเด็ก อาการซึมเศร้า มีอาการประสาทหลอน ฆ่าตัวตาย การตัดหัวประหารชีวิต
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชื่นชอบการเห็นผู้อื่นเจ็บปวด
คำหยาบคาย พูดจาส่อเสียด แบ่งแยกเชื้อชาติและสีผิว การเป็นทาส
แนะนำตัวละคร นายเอก
Cr. Zair or Twitter ของนักวาด : @pinkyxpsycho
ชื่อ : เสือ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนกลางของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนภามณีดา ภาคกลาง
ฉายา : พ่อเสือร้อยเมีย
ข้าต้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้พี่กล้าให้ได้
Cr. Twitter ของนักวาด : @seerdarker
พระเอก
ชื่อ : เชิง
ตำแหน่ง : คุณหลวงหน่วยสืบสวนนภาราม จากภาคเหนือ
ฉายา : พ่อเชิงปากหมา
พี่ชายนายคือกุญแจสำคัญของคดีระดับชาติ
Cr. Twitter ของนักวาด : @Mikumee_
ชื่อ : กล้า
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
สถานะ : สิ้นชีพแล้วเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์
ถึงเวลาของข้าแล้ว...
ชื่อ : มณี
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่มะลิ
ตำแหน่ง : หมื่นมณี สิงหดาบ หนึ่งในหน่วยสืบสวนลับ
ฉายา : แม่หญิงคนแกร่งแห่งหน่วยสืบสวน
ชื่อ : พวงทอง
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : พี่สาวคนโตของบ้าน แม่อีกคนของน้อง ๆ ทำหน้าที่คอยดูแลเรือนเป็นอย่างดี
ฉายา : แม่นม
อย่าดื้อนัก ข้าไม่ได้ดีใจเหมือนพวกแม่ ๆ ของเจ้า
ชื่อ : สิน
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่สร้อย
ตำแหน่ง : เป็นลูกชายเอาแต่ใจอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ทำตัวเป็นคุณชาย
นิสัย : ลูกแง เอาแต่ใจ เป็นคนหัวอ่อนต่อโลกค่อนข้างมากต่างจากพี่สาวของเขา มักโดนหลอกอยู๋บ่อย ๆ
อย่ามาแตะต้องตัวข้า ข้าเป็นบุตรชายของบ้านสิงหดาบเชียวนะ
ชื่อ : เดื่อ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเดียวของพ่อสิงห์และบ่าวแพง
นิสัย : กล้าหาญและก้าวร้าวมาก ๆ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย อยากรู้อยากเห็น ติดเพื่อนมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง จนกระทั่งได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้นิสัยของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
ตำแหน่ง : ความลับ
แม่ข้าตายไปแล้ว ข้าเหลืออะไรบ้างไหม แม่ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนนึง
ชื่อ : สุข
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดพี่)
นิสัย : หวาดระแวงกับทุกอย่างในชีวิตเพราะตั้งแต่เด็กโดนลักพาตัวมากกว่า 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดจัดเป็นคดีค้ามนุษย์ที่สุขเป็นเหยื่อคนแรกที่มีชีวิตรอดออกมาได้ ทำให้ปมครั้งนี้เขามีนิสัยกลัวการออกสังคม กลัวการเจอคนแปลกหน้า จึงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้าน บางครั้งแม่พวงทองสงสารจึงชวนไปทำกิจกรรมร่วมกันด้วย
ข้ากลัว...
ชื่อ : จันทร์
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่พิมพา (แฝดน้อง)
นิสัย : ร้อนใจ เข้มแข็งทุก ๆ สถานการณ์ อิจฉาพี่น้องต่างแม่มากที่สุด
ชื่อ : นิ่มนวล
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่พิมพา
นิสัย : ใจดีมาก ๆ นิสัยต่างขั้วกับพี่สาวของเธออย่างแม่จันทร์เลย เป็นผู้หญิงที่มีความคิดสวยงาม อ่อนโยนและอ่อนต่อโลกด้วย
ชื่อ : แย้ม
อันดับครอบครัว : บุตรสาวคนโตของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เอาแต่ใจ ค่อนข้างกัดจิกกับทุกคนในแม่ รวมถึงแม่ของตนเองด้วย เป็นคนรอบรู้เรื่องของชาวบ้านที่สุด
ชื่อ : บังอร
อันดับครอบครัว : บุตรสาวของรองของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : เป็นบุคคลที่โดนเลี้ยงมาโดยการตามใจมาโดยตลอด และยังมีใบหน้าสวยที่สุดในบรรดาพี่น้อง จึงทำให้มีความคิดหลงตัวสูง และคิดว่าตัวเองทำอะไรมักจะถูกต้องเสมอ
ชื่อ : เดช
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนเล็กของพ่อสิงห์และแม่เรไร
นิสัย : สู้สุดใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งแม้จะเคยโดนลักพาตัวไปครั้งเดียว ก็พยายามพาตัวเองออกจากปมให้ได้ นักว่าเป็นบุคคลที่เก่งด้วยตัวเองอีกคน มีนิสัยใจเย็นกว่าพี่น้องของแม่เรไรหมดเลย
ชื่อ : จ้อย
อันดับครอบครัว : กำพร้า เป็นเด็กวัดภาคเหนือ
นิสัย : มีความเห็นอกเห็นใจแต่ก็ยังมีบางมุมที่เป็นคนใจร้าย
ตำแหน่ง : ความลับ
ชื่อ : ชาญ
อันดับครอบครัว : บุตรชายคนโตของพ่อแม่คู่นึงจากภาคกลาง
นิสัย : นิ่งเงียบ แต่การตัดสินใจค่อนข้างฉลาดกันเลยทีเดียว
ลำดับพี่น้อง
พ่อกล้า > พ่อเสือ > พ่อเดื่อ > แม่พวงทอง > แม่มณี > แม่แย้ม > พ่อสุข > แม่จันทร์ > พ่อสิน > แม่บังอร > แม่นิ่มนวล > พ่อเดช
คู่เอก เชิง - เสือ - ชาญ
คู่รอง กล้า - จ้อย , วีรดา - มณี
ณ เรือนของกล้าหาญ เกียรติไชย
เด็กชายเชิงนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวที่ริมน้ำข้างเรือน เท้าทั้งสองข้างของเชิงกำลังเล่นน้ำอย่างเงียบ ๆ เด็กชายจ้อยเดินเข้ามาใกล้เชิงก่อนจักนั่งลงเคียงข้างเชิงแล้วเอาเท้าทั้งสองข้างนั้นเล่นน้ำเหมือนกับเชิง
"ไม่เหมือนคุณเชิงเลยหนา" จ้อยเอ่ยทั้ง ๆ ที่สายตาของตนกำลังก้มมองลงไปยังเท้าทั้งสองข้างของตน
"ไม่เหมือนข้าเยี่ยงไรฤๅ จ้อย" เชิงถามอย่างไม่เข้าใจพร้อมทั้งแกว่งเท้าสลับไปมาอย่างอยู่ไม่สุขราวกับคนคิดมากที่เอาแต่เก็บกระไรไว้ในใจอย่างเดียว
"คุณเชิงออกจักเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน เป็นที่รักของทุกคน แม้กวนตีนมากไปหน่อยก็เถอะ แต่พอคุณเชิงทำตัวอึดอัดเช่นนี้ ไม่เหมือนคุณเชิงเลย" จ้อยเอ่ยปากออกไปด้วยความใจจริง
"ข้า... ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ไยข้าถึงเป็นเช่นนี้" เชิงพูดออกไปด้วยความไม่เข้าใจตนเองเช่นเดียวกัน
"ไยคุณเชิงและคุณชาญถึงได้สนิทกันอย่างกับพี่น้องได้ฤๅขอรับ"
"ขอรับ?! จ้อยยยยย เอ็งพูดสุภาพกับข้างั้นฤๅ ฮ่า ๆ" เชิงถึงกับหูผึ่งจึงหยอกล้อจ้อยทันทีหลังได้ยินจ้อยพูดคำว่าขอรับ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาจ้อยแทบไม่เคยพูดจาไพเราะกับผู้ใดเลยนอกจากกล้าหาญ... มันก็น่าน้อยใจอยู่นัก
"ได้โปรดอย่าหยอกล้อข้าสิ ไม่งั้นข้าจักไม่พูดดีด้วยแล้วหนา" จ้อยพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจที่คนข้าง ๆ เอาแต่แซวตน เผลอทำปากแบะ ๆ ใส่เชิง
"ฮ่า ๆ" เสียงหัวเราะของเชิงก็ดังออกไป
"คุณเชิงรังเกียจคุณชาญฤๅไม่" จ้อยพูดออกอย่างตรงไปตรงมาทันทีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเพราะตนไม่อยากอ้อมค้อมในการถามครานี้
"ชาญจักเป็นเช่นใด เขาก็ยังเป็นพี่น้องของข้าเหมือนเดิมนั้นแหละ แต่ว่า... ไม่รู้สิ ข้าคงน้อยใจกระมังที่ชาญไม่เคยได้เอ่ยปากเล่ากระไรให้ข้าฟังเลย... ว่าแต่เจ้าละ จ้อย จ้อยเองน้อยใจกล้าหาญฤๅไม่" เชิงพูดอย่างเปิดเผยความรู้สึกข้างในแต่มันมีเพียงความรู้สึกเดียวที่อยู่ลึก ๆ เหมือนจักรู้แต่ก็ไม่ยอมรับมัน เพราะความน้อยใจฤๅไม่ก็ไม่รู้ เชิงลังเลกับความรู้สึกนี้ก่อนจักเอ่ยถามจ้อย
"จ้อยน้อยใจพี่กล้าอยู่แล้ว แต่ว่าพอข้าลองคิดว่าถ้าข้าเป็นคุณชาญ ข้าคงหมุดแผ่นดินหนีไปแล้วแหละ คงไม่มีความหน้าด้านมากพอที่จักอยู่บนโลกใบนี้ดอก แต่ว่า... ความรู้สึกเดียวที่ข้ารู้สึก มันคือครอบครัว ตั้งแต่พวกเรารู้จักกันมา ต่างช่วยเหลือกันดั่งพี่น้องในสายเลือดเดียวกัน โกรธกันเท่าใดก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากกัน ข้าชอบหนาความสัมพันธ์แบบนี้ มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้ามิได้ขาดความรักไปเลย พี่กล้าและพวกเจ้าเป็นดั่งครอบครัวเดียวที่ข้ามีในตอนนี้" จ้อยพูดทั้งเผยรอยยิ้มนั้นออกมาไม่รู้ตัว
"เพราะเจ้ารักกล้างั้นฤๅ" เชิงอมยิ้มก่อนจักแกล้งแซวจ้อยอีกครั้ง
"ความรักมันหลากหลายนักคุณเชิง ข้ารู้แค่ว่าตอนนี้ความรักของข้าที่ได้จากพี่กล้า ชาญ เชิง วีมันเต็มอิ่มไปข้างในใจของข้ามากเลยหนา ถึงแม้ว่าข้าจักรู้สึกกับพี่กล้ามากกว่า"
"รักงั้นฤๅ ช่วยบอกข้าได้ฤๅไม่ ว่ามันเป็นเช่นใด" เชิงถาม
"เวลาอยู่กับใครแล้วสบายใจ ข้าก็อยากอยู่กับคนนั้นให้มากที่สุด คนที่ข้าสามารถไว้ใจได้ คนที่ข้าอยากจักบอกความลับ คนที่ยอมรับนิสัยแย่ ๆ ของข้าได้เช่นนี้ มันมิได้เรียกกันว่าความรักฤๅ" จ้อยถามส่งท้ายก่อนจักเผยรอยยิ้มอีกครั้งให้กับเชิงที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ ปล่อยให้เชิงนั่งคิดทบทวนตัวเองอยู่อีกสักพัก
"แล้วที่ข้า... ที่ข้าทำตัวเช่นนั้นใส่ชาญไป เขาจักรู้สึกแย่มากเลยฤๅไม่ จ้อย" เชิงลังเลก่อนจักถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นจากเดิม
"มิมีผู้ใดรู้ดีกว่าเจ้าตัวดอกหนา หากอยากรู้ก็ไปถามเจ้าตัวเอาเองดีกว่า" จ้อยพูดจบก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากนั้นทันที ปล่อยให้เชิงนั่งทำใจให้กล้าหาญขึ้นก่อนที่จักเลือกเดินเข้าไปหาชาญด้วยตัวเอง
"ได้เรื่องว่าเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ จ้อย" หญิงวีรดาที่หลบอยู่หลังพุ่มหญ้า เธอยอมลงทุนด้วยการหมอบต่ำนอนราบไปกับพื้นดินจนเสื้อผ้าเลอะเทอะไปหมดแล้วเอ่ยถามจ้อยที่เพิ่งเดินเข้ามาหาตน
"ข้าก็หวังว่าแผนนี้จักสำเร็จหนา" จ้อยพูดทั้งที่สายตาของตนกำลังเฝ้ามองสถานการณ์ของเชิงอยู่
"พวกเจ้าสองคนมีแผนอันฤๅ มิเห็นบอกให้ข้ารู้ด้วยเลย" เด็กชายกล้าหาญเดินเข้ามาจากข้างหลัง ส่งเสียงเบา ๆ ทำให้ทั้งสองคนนั้นสะดุ้งตกใจก่อนจักยกฝ่ามือตีไปที่ลำตัวของกล้าหาญพร้อมสายตาจิกกัดเล็กน้อย
"พวกข้ากำลังช่วยให้พี่เชิงกับพี่ชาญกลับมาคืนดีกันหนาเจ้าค่ะ แต่ดูท่าจักปึกแท้" หญิงวีรดาเอ่ยแซวพี่เชิง
"ฮะ ฮะ ฮัดชิ้ว"
"อุ๊ย สมพรปากของแท้" หญิงวีรดาได้ยินเสียงฮัดชิ้วของเชิงก่อนจักยกมือปิดปากหัวเราะออกมาเบา ๆ
"ให้พวกเราช่วยด้วยคนฤๅไม่เจ้าคะ" ภูติสมุนไพรอย่างมิรินส่งเสียงออกมาก่อนจักปรากฎตัวทันที
"พวกเจ้าจักทำอันใดฤๅ" กล้าหาญถามเพราะตนมิอาจรู้เลยว่าภูติทั้งสามตนจักกระทำอันใด ภูติทั้งสามคนได้แต่เผยรอยยิ้มอย่างมีนัย
เด็กชายชาญกำลังนั่งเหม่อลอยคิดกระไรไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนกำลังเอาผ้าสีดำมาคลุมหัวแล้วลักพาตัวเขาออกไปจากเรือน
"กริ๊ดดดดดดดดดดดดดด คุณชาญโดนลักพาตัวเจ้าค่ะ ใครก็ได้ พวกเอ็งรีบตามไปช่วยคุณชาญเร็ว" ภูติสมุนไพรอย่างมิรินปลอมตัวเป็นบ่าวเรียมกรีดร้องออกมาก่อนจักตะโกนให้บ่าวทุกคนตามไปช่วยคุณชาญ พยายามสร้างสถานการณ์ให้เนียนที่สุด
"ชาญ!" เด็กชายเชิงได้ยินเสียงที่บ่าวเรียมตะโกนก็รีบลุกขึ้นไม่ทันไรก็ถูกใครบางคนเอาผ้าสีดำมาคลุมหัวแล้วลักพาตัวไปอีกคน
"จ้างร้อยเล่นล้านกันเสียจริง" กล้าหาญบ่นพึมพำ
ณ น้ำตกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในป่าดิบชื้น
ในบ่อน้ำนั้นมีเรือลำเล็กลอยไปตามกระแสน้ำ บนเรือลำเล็กมีเด็กชายทั้งสองคนถูกผ้าคลุมหัวไว้อยู่พร้อมกับถูกมัดแขนขาไว้กำลังนอนสลบอยู่บนเรือ ภูติทั้งสามคนเห็นว่าทั้งสองคนนั้นนอนหลับสนิทเกินไปจึงควบคุมด้วยเวทมนตร์อุ้มน้ำลอยมาเทลงบนตัวของทั้งสองคน
"อือออ" เชิงร้องออกเสียงโดยที่ตนนั้นไม่รู้ว่าคนข้าง ๆ คือใคร
"พวกเอ็งเป็นใคร ต้องการอันใดถึงลักพาตัวข้ามา บอกข้ามาสิ!" เชิงพยายามแหกปากร้องแต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ
"หยุดแหกปากร้องได้แล้วเชิง โอ๊ย" ชาญเอ่ยด้วยความหนวกหูเสียงของแหลมของเชิงก่อนจักพยายามขยับตัวแต่เพิ่งจักรู้สึกว่าหน้าท้องข้างซ้ายของชาญถูกกระไรแทงจนชาญรู้สึกเจ็บปวด
"เป็นกระไรฤๅไม่ ชาญ" เชิงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยทันทีหลังได้ยินเสียงโอ๊ยของชาญ
"ข้ามิเป็นไร เจ้าละ" ชาญตอบและถามกลับในทันที
"ข้าไม่เป็นไรดอก แต่ว่าพวกเราอยู่ที่ใดนะ ไยข้าถึงได้ยินเสียงน้ำเลย" เชิงพูดออกไปตามที่ได้ยินเสียงจากหูของตนเอง
"อ้ากกกก อือ อ้ากกกก" ชาญเริ่มค่อย ๆ เจ็บปวดทรมานมากขึ้นเรื่อย ๆ ชาญกำลังจักกลายร่างเป็นอสูร ผิวของเขาเริ่มค่อย ๆ หยาบแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ร่องรอยของเกล็ดบนตัวชาญก็ปรากฎทีละเกล็ดจนเต็มตัว
"ชาญ!! ชาญ!! เจ้าอย่าเป็นกระไรไปนะ" เชิงตะโกนออกไปด้วยความเป็นห่วงและพยายามหันตัวไปหาต้นเสียงนั้น
"ข้ากำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ อ้ากกกกกกกกกกก" ชาญพูดทั้งที่ยังคงเจ็บปวดอยู่ก่อนจักรู้สึกเจ็บปวดสุดขีดแล้วกรีดร้องออกไปอย่างเสียงดัง
"จริงสิชาญ ข้าจำได้ว่าเจ้ามีเล็บที่แหลมคม ตัดเชือกให้ข้าได้ฤๅไม่" จู่ ๆ เชิงก็นึกภาพตอนที่ชาญปรากฎตัวเป็นร่างอสูรได้ก็นึกได้ในทันทีว่าชาญมีเล็บที่แหลมคมพอสมควรก่อนที่เชิงจักรีบหันหลังให้ชาญ
"ตัดเชือกข้าเลยชาญ" เชิงเอ่ยอย่างมั่นใจในตัวชาญ
"ขะ...ข้า ข้ามองไม่เห็น ข้ากลัวทำเจ้าเจ็บ" ชาญพูดทั้งที่ยังลังเลในความมั่นใจของเชิงและกลัวที่จักทำเชิงเจ็บ
"เจ้ายื่นปลายเล็บของเจ้ามาก่อน ประเดี๋ยวข้าจักค่อย ๆ สอดเชือกไปหาปลายเล็บของเจ้าเอง" ชาญได้ยินที่เชิงพูดเช่นนั้นก็ค่อย ๆ ส่งปลายเล็บเข้าใกล้เชิงอย่างระมัดระวัง ส่วนเชิงพยายามขยับเชือกที่ถูกมัดไว้ข้างหน้าเข้าใกล้เชิง แต่ไม่ทันใดก็เผลอไปโดนเล็บอย่างไม่ระมัดระวังตัว
"โอ๊ยยยย!" เสียงร้องของเชิงดังขึ้น
"เชิง!!"
"อย่าขยับ ตอนนี้ข้าหาเล็บของเจ้าเจอแล้ว อยู่นิ่ง ๆ ไปนะ" เชิงพูดเสร็จจึงค่อย ๆ ดันเชือกเข้าไปในปลายเล็บของชาญอย่างระมัดระวังและระแวงในเวลาเดียวกัน ค่อย ๆ เอาเชือกนั้นถูกับเล็บของชาญอย่างช้า ๆ จนขาดหมดจึงรีบเอามือยกผ้าคลุมหัวของตนเองออก แล้วรีบเอาผ้าคลุมหัวของชาญออก ก่อนจักสังเกตเห็นรอยบาดแผลบนตนของชาญ
"เจ้าบาดเจ็บนิ" เชิงพูดขึ้นพร้อมทั้งรีบหยิบผ้าเช็คหน้าของตนมาประกบกับรอยแผลนั้นหน้าท้องของชาญ
"เป็นอสูรแล้วโดนลักพาตัวได้ไงเนี่ย" เชิงโวยวายอย่างไม่เข้าใจ
"..." ชาญที่กำลังอึ้งกับความคิดของคนตรงหน้า ได้แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"อสูรเช่นเจ้าอ่อนแอเช่นนี้เชียวฤๅ ชาญ!!" เชิงยังคงโวยวายเช่นเดิมไปอีกครั้ง
"ข้ายังเด็กไง เชิง" ชาญพูดจบก็ได้แต่หัวเราะมันออกมาอย่างเสียงดังลั่น ทั้งสองคนต่างพากันหัวเราะกันอย่างชอบใจ จู่ ๆ เชือกที่มัดมือของชาญไว้ก็ค่อย ๆ สลายหายไป
"อ้ากกกกกกกกกกกกกกก" เชิงตกใจสุดขีดที่เห็นเชือกของชาญหายไปจักรีบกระโดดเข้าไปกอดชาญทันที
ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ข้างหน้าของทั้งสองคนนั้นคือหน้าผาที่สูงใหญ่ที่สุดในป่าดิบชื้นแห่งนี้ ทั้งสองคนกระพริบตาถี่ใส่กันเอง
"กริ๊ดดดดดดดดด ชาญ!!! ทำกระไรสักอย่างสิ ชาญ!!! ชาญ!!! ชาญ!!!" เชิงโวยวายด้วยความเกรงกลัวสุดขีด เอาแต่ตะโกนเรียกชื่อชาญทั้ง ๆ ที่ตนนั้นกำลังกอดตัวชาญไว้อยู่
"ชาญกางปีกเร็ว ชาญ!!!! ชาญญญญญญญญญญญญญญญ"
"ชาญ!! จักตกแล้ววว บินเร็วววว ชาญญญญญ!"
"ข้าบินไม่ได้โว้ยยยยยยยยยยย" ชาญตะโกนความในใจออกไปทันที
ทั้งชาญทั้งเชิงได้แต่นั่งกลัว ๆ อยู่บนเรือนนั้นพร้อมกับตกหน้าผาไปด้วยกันทั้งคู่
ร่างกายของเด็กชายทั้งสองคนล่องลอยเหนือน้ำไปติดบนก้อนหินที่มีธารน้ำตื้น ๆ เสียงฝีเท้าเร่งรีบเข้ามาหาทั้งสองคน
"ชาญ เชิง พวกเจ้าเป็นกระไรกันฤๅไม่" เด็กชายกล้าหาญรีบเข้ามาสะกิดตัวของทั้งสองคนทันที ทั้งกล้าหาญและจ้อยพยายามตีใบหน้าของพวกสองคนอย่างเบา ๆ แต่ทั้งสองคนยังคงหายใจอยู่
"ขอโทษหนาเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจักเอาน้ำออกจากร่างของพวกเขาให้หนาเจ้าค่ะ" ภูติทั้งสามตนเอ่ยคำขอโทษก่อนที่จักช่วยกันแยกน้ำด้วยเวทมนตร์ของตนนออกจากร่างกายทั้งสองคนทันที
"แอ่ก แฮ่ก แฮ่ก" เสียงสำลักน้ำของเชิงและชาญดังออกมาทำให้ทุกคนโล่งใจขึ้นมา
"เล่นแรงมาก จำไว้หนากล้าหาญ!" เชิงพูดด้วยน้ำเสียงแรงแค้นเพราะตนได้ยินที่เจ้าภูติกับกล้าหาญพูดคุยกันก็จับใจตามสติที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่หมดแรงเสียก่อนจึงทรุดตัวล้มลงไปเช่นเดิม กล้าหาญเข้าประคับประคองร่างกายของเชิงไว้จึงพยายามจัดร่างกายของเชิงให้ขึ้นหลังของเขา ส่วนชาญมีทั้งจ้อยและวีรดาช่วยกันแบกร่างกายของชาญกลับเรือน