ความรัก…มักถูกเปรียบเป็นสีขาวหรือสีชมพู แต่สำหรับเธอ รักจากเขา…รุนแรงลึกล้ำราวกับความมืดดำไร้จุดสิ้นสุด …เกลียด…คือคำที่พร่ำย้ำหัวใจตน แต่สิ่งที่รู้สึกตรงกันข้าม….อย่างสิ้นเชิง

พิศวาสสีดำ - ตอนที่ 1 พิศวาสสีดำ โดย Flare Prosper @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,อื่นๆ,ความรัก,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พิศวาสสีดำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ความรัก,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า

รายละเอียด

พิศวาสสีดำ โดย Flare Prosper @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความรัก…มักถูกเปรียบเป็นสีขาวหรือสีชมพู แต่สำหรับเธอ รักจากเขา…รุนแรงลึกล้ำราวกับความมืดดำไร้จุดสิ้นสุด …เกลียด…คือคำที่พร่ำย้ำหัวใจตน แต่สิ่งที่รู้สึกตรงกันข้าม….อย่างสิ้นเชิง

ผู้แต่ง

Flare Prosper

เรื่องย่อ

แจ๊คหนุ่มหล่อนัยต์ตาคมเฉียบขาดเขาคือมือกีต้าร์เนื้อหอมของหญิงสาวมากมายนิสัยใจร้อนเอาแต่ใจกับเธอ เตยสาวสวยผู้ร่าเริง เพียงพบกันครั้งเดียวหัวใจเขารู้สึกรักหมดใจแต่จะทำอย่างไรเมื่อเธอคือคนรักของเพื่อนรัก

สารบัญ

พิศวาสสีดำ-ตอนที่ 1 พิศวาสสีดำ,พิศวาสสีดำ-ตอนที่ 2 พิศวาสสีดำ,พิศวาสสีดำ-ตอนที่ 3 พิศวาสสีดำ,พิศวาสสีดำ-ตอนที่ 4 พิศวาสสีดำ,พิศวาสสีดำ-ตอนที่ 5 พิศวาสสีดำ,พิศวาสสีดำ-ตอนที่ 6 พิศวาสสีดำ,พิศวาสสีดำ-ตอนที่ 7 พิศวาสสีดำ

เนื้อหา

ตอนที่ 1 พิศวาสสีดำ

ภายในห้องกว้างสีขาวสะอาดมีเครื่องเรือนน้อยชิ้น ซึ่งส่วนมาก มีเฉพาะสีขาวและดำแสดงถึงรสนิยมอันเรียบขรึมของผู้เป็นเจ้าของ จาก ประตูไม้สีดำตรงกลางห้องคือเตียงขนาดใหญ่ชนิดสั่งพิเศษ มีหญิงสาว ขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มนุ่ม หล่อนพลิกกายอย่างเริ่มรู้สึกตัวก่อนปรือตาลืม ขึ้นช้า ๆ แล้วเบิกกว้างด้วยความตกใจมองสถานที่ไม่คุ้นเคยรอบตัว พลัน ก็ใจหายวาบเมื่อรู้สึกถึงความโล่งโจ้งของเนื้อตัว รีบยกผ้าห่มขึ้นสูงก้ม มองลอดร่างทั้งร่างเปลือยเปล่า!

น้ำตาอุ่นใสคลอเบ้ากวาดตามองสองข้างเตียงที่มีเสื้อผ้าวางทิ้ง กระจัดกระจายราวกับถูกตวัดไว้ลวก ๆ ที่นี่ที่ไหน? หล่อนพยายามคิด ไม่! คำตอบเริ่มผุดขึ้นเป็นลำดับตามความทรงจำอันรางเลือนที่ เริ่มชัดเจนขึ้นทีละน้อย...

หลังช่วงเวลาของงานประจำ หล่อนต้องตรงไปยังสถานที่ ทำงานพิเศษ...ผับย่านรวมแหล่งบันเทิงกลางกรุงเทพฯ เมื่อคืนก็เช่นกัน และเนื่องจากเป็นวันเสาร์จึงมีแขกเข้าร้านมากเป็นพิเศษ

บรรดานักท่องราตรีซึ่งมาดื่มเหล้าเคล้าเสียงเพลง มักนำเหล้า เบียร์ส่งให้นักร้องแทนรางวัล เมื่อถูกใจในเสียงร้องหรือเพลงนั้น ๆ จน กลายเป็นธรรมเนียม นักร้องนำอย่างหล่อนจำต้องยกขึ้นจิบตามมารยาท

ใครจะคาด ฤทธิ์แอลกอฮอล์แม้จิบทีละนิด เมื่อมาก ๆ เข้าก็เล่นเอาคน ไม่เคยแตะเหล้าเบียร์ เพราะคุ้นเคยแค่ไวน์ผลไม้ถึงกับมึนจนแทบมิอาจ ทรงกาย

“น้ำเย็นสักแก้วไหม” ใครคนหนึ่งยื่นน้ำเย็นสะอาดในแก้วทรง สูงมาเบื้องหน้า

“ขอบใจจ้ะ” บอกพลางยกแก้วขึ้นดื่มน้ำเย็นชื่นจนหมดในครั้งเดียว “แย่หน่อยนะ โดนแขกมอมเหล้า” น้ำเสียงตรีภพแสดงความเห็นใจ หลังจากรับแก้วคืนแล้ววางลงบนโต๊ะด้านหลัง

หญิงสาวหัวเราะน้อย ๆ “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกน่า”

เขาเหยียดยิ้ม ถามอย่างอาทร “จะกลับหรือยัง ไอ้บอสมารับ หรือเปล่า”

พอถูกถามถึงแฟนหนุ่ม ดวงหน้าสวยซึ่งล้อมรอบด้วยผมยาว หยักทันสมัยสีน้ำตาลอมแดงพลันบึงตึง บอสติดงานมารับหล่อนไม่ได้อีก ตามเคย

“ขานั้นเหรอ ปั่นงานส่งลูกค้าน่ะ หึ ไม่เห็นง้อเลย เดี๋ยวเตยกลับ เองก็ได้” เตยทำเสียงขึ้นจมูก

แจ๊คพยักหน้าหัวเราะในลำคอ ก่อนเอ่ยชวน “ไปด้วยกันสิ ผม ไปส่งเองไหน ๆ ก็ทางเดียวกัน”

เตยนิ่งคิดครู่ใหญ่

ชายหนุ่มผู้อาสาถามขึ้นเบา ๆ “กลัวผมหรือไง” หญิงสาวย่นจมูก เขา...เพื่อนสนิทของคนรัก และเพื่อนร่วมงาน

ยามค่ำคืนในที่แห่งนี้ ไม่มีเหตุให้หล่อนกลัวสักนิด

“บ้าสิ เตยจะกลัวแจ๊คทำไมล่ะ เอาสิ ดีเหมือนกันยิ่งมึน ๆ อยู่” หล่อนยกมือขึ้นกุมขมับ พร้อมเอนตัวพิงเคาน์เตอร์สูงอย่างเริ่มทรงกายไม่ อยู่

แจ๊คคว้าข้อศอกด้วยมือข้างเดียวช่วยประคองไว้อย่างสุภาพ

เตยเอ่ยขอบคุณเบา ๆ เดินเคียงเขาไปขึ้นรถซึ่งจอดอยู่ด้านหน้า ลมเย็นยามดึกสงัดช่วยผ่อนคลายความอึดอัด หญิงสาวหยิบ โทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเพื่อโทร.หาคนรัก คิ้วเรียวขมวดมุ่นแสดง อารมณ์หงุดหงิด...แบตหมด

หญิงสาวถอนใจเบื่อหน่าย ระหว่างทางหล่อนเหลือบมอง ใบหน้าด้านข้างของคนขับ สันจมูกโด่งโดดเด่น ริมฝีปากหยักมักเม้มสนิท เป็นเส้นตรงเสมอราวขบคิดตลอดเวลา คิ้วหนาดำเข้มเช่นเดียวกับผมตัดสั้น ทุกองค์ประกอบดูลงตัว แต่ไม่มีสิ่งไหนดึงดูดเท่าดวงตา คมลึกล้ำอันฉายแววเฉียบขาดแกมดุในขณะเดียวกันกลับน่าหลงใหล เตยมองเรื่อยถึงแผงอกกว้างเห็นชัด เพราะกระดุมถูกปลดออกถึงสามเม็ด แจ๊คเป็นหนุ่มผิวขาว รูปร่างสูง ตรงตามสเปกสาวๆส่วนมาก

หล่อนเผลอยิ้มขบขัน ผู้ชายหน้าตาหล่อบาดใจคนนี้น่ะหรือ ที่ใคร ๆ

ขนานนาม “เสือผู้หญิง” หนึ่งเดือนที่ร่วมงานกันก็ยังไม่เคยเห็นเขามาทำ รุ่มร่าม หรืออาจเป็นเพราะเขาเห็นแก่ที่หล่อนเป็นคนรักของเพื่อนก็เป็นได้ “ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนนะเตย” เขาหันมาบอกเสียงสั่นอย่างคน ปวดเบามาก ๆ ขณะเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมันใกล้ ๆ หล่อนหัวเราะคิก “จ้ะ ตามสบาย”

ฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับความอ่อนเพลียทำให้หล่อนเผลอหลับ มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อแว่วยินเสียงปิดประตูรถ รินรดีเปิดเปลือกตาเชื่องช้า อากาศรอบตัวเย็นจัด หนาวจนต้องกอดอก หัวคิ้วกดลึกขุ่นข้องกับภาวะ ของตัวเอง ภายนอกหนาว ภายในเดือดพล่านเหมือนมีบางอย่างวิ่งวน หาทางออก

“เป็นอะไรหรือเปล่าเตย” แจ๊คถามพลางแตะแขนเบา ๆ

สัมผัสเมื่อครู่เสมือนเปลวเพลิงนาบแขน หญิงสาวสะดุ้งเฮือก

ตัวหนีเบียดติดประตูรถ เป็นไข้...หล่อนลงความเห็นให้ตัวเอง แต่ ตอบชายหนุ่มในทางตรงข้าม

“เปล่า ถึงบ้านเตยแล้วเหรอ” ประโยคท้ายถามก่อนเงยมอง ผ่านกระจกหน้ารถ แล้วคิ้วขมวดเข้าหากัน

“เอ๊ะ นี่มันไม่ใช่บ้านเตยนี่” สะบัดหน้ามองชายหนุ่มอย่างคาดคั้น

“บ้านผมเอง” เขาตอบเสียงเรียบ พลางเอนตัวเข้ามาใกล้จน หน้าแทบชิดกัน เอื้อมมือปลดเข็มขัดนิรภัยด้านของหล่อน

แจ๊คไม่ได้ถอนตัวกลับอย่างน่าจะเป็น กายแข็งแกร่งสนิทแนบ วงแขนคล้ายโอบกอด เตยอุทานด้วยความตกใจ พยายามดันแผ่นอก กว้างร้อนระอุออกห่าง

"จะทำอะไรน่ะ"

“ลงมาคุยกันก่อนสิ” เขากระซิบอยู่ข้างหู วูบหนึ่ง...ประกาย ตาลุกวาบปรารถนา

รินรตีดิ้นขลุกขลัก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะรู้ถึงสัญญาณอันตราย ซึ่งร้องเตือน ต้องไปจากที่นี่....เดี๋ยวนี้!

“เตยจะกลับบ้าน!"

“ถ้าผมปล่อยคุณไปก็โง่เต็มทีล่ะ”

ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างตกตะลึงในคำตอบเรียบจริงจัง ใบหน้า คมคายห่างแค่คืบ ฉกวูบลงมาประกบปากร้อนปิดริมฝีปากหล่อนแน่น

“อี้!” เตยกรีดร้องไม่พ้นลำคอ ดวงตาเบิกโพลง มองใบหน้าชายหนุ่มซึ่งใกล้จนมองรายละเอียดไม่ชัดเจน ด้วยความเคลือบแคลงปวดร้าว เขาทำอย่างนี้ทำไม!

ภายในรถอันมีพื้นที่จำกัดปิดหนทางหลีกหนี ปลายลิ้นร้อนจัด ยังซอกซอนในโพรงปาก มือน้อยผลักไสแผงอกนั้น

“อย่า!” เสียงอ่อนแรงร้องห้าม แต่ร่างกายตอบรับทุกสัมผัสจาก ปลายลิ้น และมือรุ่มร้อนตามกลไกธรรมชาติ

แรงปรารถนาของชายหนุ่มโหมกระหน่ำ ร่างเล็กใต้อกกว้างสั่นสะท้าน เหงื่อผุดพรายทั่วร่าง ในกายร้อนเร่า...ผิดปกติ มันทอนแรง ขัดขืนลงทุกที หล่อนไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน คนอย่างเตยใจแข็งและ ครองตัวมาได้ตลอด แม้ที่ผ่านมาคนรักเคยพยายามรุกเร้า หล่อนยัง ปฏิเสธได้

แต่คราวนี้....

กายแนบกายซ้ำยังถูกกระทำ จิตสำนึก ของหญิงสาวแตกออกเป็นสองเสี่ยง ด้านหนึ่งตัวตนอันแท้จริงปฏิเสธ ชิงชัง อีกด้านอันแปลกปลอมเรียกร้องโหยหา และมัน...กำลังชนะ

แรงต่อต้านคลายลง แจ๊คเหยียดยิ้ม ถอนกายออกกวาดมอง เตยที่ยังหอบหายใจถี่ใบหน้าชุ่มเหงื่อแดงจัด

“ผมปล่อยคุณก็ได้” เขาว่าอย่างยั่วเย้า เตยกัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ ใบหน้าแดงก่ำอย่างโกรธจัด อยากจะเอาคืนให้สาแก่ใจสำหรับการกระทำเมื่อครู่ ลมหายใจสูดลึก เข้าปอด ยัง...ต้องไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน หล่อนเตือนตัวเองพลางหยิบ กระเป๋าบนตักขึ้นสะพาย ยื่นมืออันเปียกขึ้นเปิดประตูรถออกช้า ๆ ร่าง แบบบางหยัดยืนตรง ฉับพลันร่างทั้งร่างสะท้านเยือกหนาวสลับร้อน สัญชาตญาณบางอย่างเรียกร้อง มือน้อยกำเข้าหากันอย่างสะกดกลั้น ประคองร่างอ่อนแรงเดินมาถึงประตูรั้ว แล้วต้องชะงักเพราะมันถูกล็อก ไว้แน่นหนา

“เลว!” คำๆนี้กึกก้องอยู่ภายใน เพียงสะบัดหน้ากลับไปมอง ด้านหลังเจ้าของบ้านก็มายืนชิด เขายิ้ม แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่น่าขยะแขยง พอ ๆ กับดวงตาวาววับราวกับเสือจ้องจับเหยื่อคู่นั้น

“คุณนี่ใจแข็งใช้ได้ ขนาดนี้แล้วยังฝืนจะไปจากผม” คนพูดเขยิบ ใกล้เข้ามายืนคร่อมร่างเล็กที่ขยับถอยจนหลังชิดประตูเหล็กสูงเหนือศีรษะ “เอาเป็นว่าถ้าวันนี้คุณฝืนความต้องการในใจตัวเองได้ ผมจะปล่อยคุณไป” จบค่า ชายหนุ่มตวัดแขนรอบเอวคอดรั้งร่างบอบบางแนบอก

เตยเบี่ยงหน้าหลบการรุกราน แต่ไม่สามารถพ้นจากแรงมือ และจูบดั่งไฟร้อน แม้อยากหนีแต่ภาวะร้อนรนในกายกลับรุนแรงกว่า และมากขึ้น เมื่อเรือนกายถูกกอดรัดอยู่เช่นนี้ น้ำตารินอาบแก้ม อย่างเจ็บแค้นเมื่อร่างกายกลับโอนอ่อน ใบหน้าเนียนแดงก่ำ ปรือตามอง อย่างเลื่อนลอยเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก

“คุณทำอะไร” ถามด้วยเสียงแหบพร่า “หืม” เขาเลิกคิ้ว

“เตยถามว่าคุณทำอะไร ทำไมเตยถึงเป็นอย่างนี้” คำถามปน หอบเหนื่อยล้ากับการต่อสู้กับใจตัวเอง ทุกครั้งที่เขาสัมผัสต้องกาย ราวกับมีกระแสไฟฟ้าอ่อนช็อตจนสะดุ้ง เรียกร้องความต้องการให้ไหลบ่าเกินยับยั้ง

“ผมแค่อยากมีคุณอยู่ใกล้ ๆ ก็เท่านั้น” จบคำ เขาช้อนร่างอ่อนแรงไว้ในอ้อมแขนเดินตรงเข้าบ้าน ก่อนบรรจงวางลงบนเตียงนุ่มในห้องส่วนตัว

สมองเตยขาวโพลน ความเป็นตัวของตัวเองหมดสิ้น เมื่อถูกแจ๊คปลดเปลื้องผ้าทุกชิ้น ก่อนจรดปลายจมูกบนผิวแก้ม แดงจัดด้วยความอ่อนโยนทะนุถนอม และครอบครองเรียวปากนุ่มอย่าง ดูดดื่ม มือใหญ่ไล้ผ่านทุกสัดส่วน

หญิงสาวกัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ ศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจของ ลูกผู้หญิงขาดวิ่นเหมือนถูกมือมารฉีกทิ้งยามเขาล่วงล้ำเป็นเจ้าของจิตสำนึกน้อยนิดสั่งให้ผวากระถดกายหนีสัมผัสแรกในชีวิต แต่ไม่อาจพ้นสายน้ำ เชี่ยวกรากซัดสาดรุนแรงจากชายหนุ่ม เนื้อตัวแปดเปื้อนมิเท่าหัวใจเจ็บร้าว

เวลาเชื่องช้าราวชั่วกัปกัลป์ เปลือกตาบอบบางปิดสนิทแน่น ซ่อนแววตา

ซึ่งอาจฉายรอยอ่อนไหวให้อีกฝ่ายได้ใจหวั่นไหวในสัมผัส

“คุณสวยเหลือเกินเตย” เสียงพร่ำเพ้อดังคลออยู่ข้างหู แจ๊คยังคงรุกรานด้วยพละกำลังมหาศาล จนหญิงสาวรู้สึกราว ร่างกายจะถูกหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง จุด แสงขาวโพลนในสมองกว้างขึ้นตามลำดับอารมณ์หวาม ลมหายใจอุ่น ของอีกฝ่ายเป่ารด พร้อมเสียงกระซิบยามจับจุดได้ว่าหล่อนกำลังฝืนต่อต้าน

“อย่าทรมานตัวเอง”

พร้อมคำสุดท้ายจบลง มือเล็กเรียวขยุ้มผ้าปูที่นอน เตยปลดปล่อยเสียงแหบพร่าอย่างยอมพ่ายแพ้ต่อสัมผัสลึกล้ำสุดท้าย ร่างเปลือย เปล่าโชกชุ่มอ่อนระทวย ขณะความต้องการของแจ๊คยิ่งถาโถมไม่ต่างจากพายุ

เนิ่นนานกว่ามรสุมพิศวาสจะสงบ ขอบตาหญิงสาวร้อนผ่าวน้ำตา สิ้นกำลังหลบเลี่ยงตอนแจ๊คบรรจงแตะริมฝีปากกับเรียวปากสั่น ระริกของตนเอง

“คุณเป็นของผมเตย...คุณเป็นของผม”

เสียงปิดประตูดังจากที่ใดที่หนึ่งภายในบริเวณใกล้เคียงทำลาย ภวังค์ เตยสะดุ้งสุดตัวตวัดผ้าห่มคลุมกายให้มิดชิด แจ๊คในสภาพพันกายท่อนล่างด้วยผ้าขนหนูก้าวออกจากห้องน้ำ มือซึ่งยกผ้าจะเช็ดหน้า ของเขาชะงักมองแววตาตื่นตระหนกของหล่อนด้วยประกายตาค้มเข้ม สาวเท้าเข้ามาใกล้พลางทรุดตัวลงนั่งเคียงข้าง

“ตื่นแล้วหรือ” เขายื่นมือเกลี่ยผมหล่อนเบา ๆ หญิงสาวสะบัดหน้าหนี ความเสียใจพลุ่งพล่าน น้ำตารื้น “ไอ้....." ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าให้สาแก่ใจ เตยจ้องหน้าแจ๊คด้วยแววตาชิงชังผ่านม่านน้ำตา

รอยบางอย่างแว็บผ่านดวงตาคม สีหน้าชายหนุ่มเครียดขรึมขึ้นทันที

“จะด่าอะไรก็เชิญ แต่อย่างเดียวที่อยากให้รู้ อย่าคิดหนีจากผม ไม่งั้นไอ้บอสรู้เรื่องของเราแน่”

“ไม่มีเรื่องของเรา ชั้นกับนายถือว่าไม่เคยรู้จัก” เสียงเครือตวาดลั่น

แจ๊คจุ๊ปากส่ายหน้ายิ้ม ๆ “อย่าพูดเหมือนสาวกร้านโลกอย่างนั้นสิเตย ในเมื่อผมเพิ่ง “ตรวจ” พบว่าผมเป็นคนแรกของคุณ”

“ไอ้ชั่ว!” เสียงไม่ดังกว่ากระซิบ หล่อนซบหน้าลงกับเข่า สะอื้นจนตัวโยน

แจ๊คไม่โต้ตอบ

ใบหน้านองน้ำตาเงยขึ้นมองชายหนุ่มข้างกายด้วยสายตาเคืองแค้น

“ถ้าบอสรู้ เขาต้องมาฆ่านายแน่”

การเอ่ยชื่อคนรักของหญิงสาวไม่ต่างจากราดน้ำมันบนกองไฟ ดวงตาคมลุกโชน บีบแขนทั้งสองซึ่งคลุมด้วยผ้าห่มของหล่อนสุดกำลัง

“ใช่ ฆ่าผมพร้อมกับทิ้งคุณไง ถ้ารักมันมากนักก็อย่าให้มันรู้ ไม่ งั้นคุณจะเสียใจ”

“นายเป็นผู้ชายทุเรศที่สุด เท่าที่ชั้นเคยพบมา แจ๊ค”

ชายหนุ่มหน้าเครียดขึ้นกว่าเดิม กดร่างหญิงสาวนอนลงด้วย กำลังและโทสะ

“แล้วใครว่าผมเป็นคนดีล่ะ”


สำนึกด้านหนึ่งในจิตใจบีบคั้นถึงความผิดบาปแต่ยังพ่ายแพ้ต่ออีกด้าน


คนอย่างแจ๊ค...อยากได้อะไร...ต้องได้!

ลูกชายคนเดียวในครอบครัวอันมีฐานะจัดว่าดีมาก เอ่ยคำเดียว ทุกอย่างจะอยู่ในกำมือ

“คุณวิทย์ช่วยจัดการให้ที ลูกชายผมต้องการนาฬิการุ่นนี้สีนี้ อย่าให้ผิดล่ะ” นาฬิกาบนข้อมือคือหลักฐานอย่างดี มันเป็นของขวัญจากบิดา ก่อนเขาเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ นาฬิกายี่ห้อดังรุ่นพิเศษ...มีเพียง หนึ่งร้อยเรือนทั่วโลก

ความรักเอาใจใส่รวมถึงการตามใจมาตลอดหลอมรวมเป็นตัวตน เขาเคยชินกับสามคำ ได้ สมหวัง และชนะ แต่...

เตย...สาวสวยนัยน์ตาคม หล่อนมีฐานะคือคนรักของ “เพื่อนรัก” เตย...หญิงสาวร่าเริง ใจดี ซ้ำยังทรงเสน่ห์

ผิดที่เขาหรือโชคชะตากันแน่ เพราะเพียงเห็นแว็บแรก หัวใจเขา ก็มีหล่อนเข้ามา

“แฟนของเพื่อน” คำสามคำเสมือนกำแพงสูงชัน เขาเคยยืนมอง กำแพงนั้นอย่างยึดฮัดขัดใจ ด้วยไม่อยากถอยห่างเท่า ๆ กับไม่อาจก้าว ข้าม...ถึงอย่างไรก็เพื่อนกัน

“กูว่าปีหน้าจะขอเตยแต่งงานมึงต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กูนะไอ้แจ๊ค” คำพูดของบอส ในความทรงจำยังเหมือนเข็มทิ่มแทงทุกครั้งยามนึกถึง และ เข็มนั้นมันที่มลูกโป่งความอดกลั้นยับยั้งระเบิดในคราวเดียว

จะปีหน้าปีนี้ เขากลับร้อนรนราวกับเวลานั้นจวนเจียนใกล้เข้ามา เต็มที

รองั้นหรือ ให้สานสัมพันธ์เผื่อเพื่อนร่วมงานอย่างเขาจะเขยิบชั้น เป็นคนรักและแทนที่บอส

เมื่อไหร่กัน...เขาไม่รอ...รอไม่ได้

เขา “ต้อง” มีเธอ

เมื่อได้กอดเธอไว้ในอ้อมอก เขาเพิ่งรู้ ชีวิตตนที่ดูเพียบพร้อมยัง มีช่องว่างมุมหนึ่งรอคอย...เตยได้เติมมันแล้วจนเต็ม ลมหายใจหนักหน่วงพ่นออกจากริมฝีปาก แววตาโกรธแค้น ชิงชังของเตยชัดเจนในสมอง

แจ๊ค...สามโลก เขาเคยยึดไว้ได้แต่คราวนี้กับผู้หญิงคนเดียวแค่เริ่มต้นยังยากเย็น

ความรักจากใจเขาที่หล่อนมองเห็นเป็นสีมืดดำ

คำพูดได้ยินเฉพาะตนฝากถึงหญิงสาว

“เตย คุณเป็นของผม มันไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้รู้ไว้เถอะ”