วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ตลก,รัก,ฟีลกู๊ด,เพื่อน,มหาวิทยาลัย,มหาลัย,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตสร้าง,ชายรักชาย,วาย,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อินกินหมี่ [มี E-book]วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
เสร็จจากกิจกรรมรับน้อง ทุกคนก็แยกย้ายกันเดินทางกลับหอพัก บางคนกลับบ้านเช่าใกล้ ๆ มหาลัยฯ บางคนเดินทางกลับบ้าน ซึ่งอินก็เป็นหนึ่งในนั้น ร่างสูงของเด็กหนุ่มยืนรอโบกรถโดยสารเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน ก่อนจะนึกได้ว่าวันนี้แม่ไม่อยู่และนั่นแปลว่าที่บ้านไม่มีอะไรกิน เขาจึงเดินออกมาจากจุดรอรถและเดินหาร้านค้าที่อยู่ละแวกนั้นแทน
ครืดดด ครืดดด
“ดีขึ้นยัง” ทันทีที่รับสายอินก็ถามไถ่อาการอีกฝ่ายแต่เสียงของกันต์ที่ตอบกลับมานั้นเบาหวิวจนเด็กหนุ่มเกือบไม่ได้ยิน สงสัยอีกฝ่ายน่าจะยังปวดหัวอยู่
“กูหิว”
“จะกินไร เดี๋ยวกูซื้อไปให้” อินถามพลางหันมองรอบข้าง เขาเองก็ไม่เคยใช้ชีวิตแถวนี้ เลยไม่แน่ใจว่ามีร้านอาหารตามสั่งหรือร้านสะดวกซื้อตรงไหนบ้าง คิดว่าวันนี้เขาคงได้รู้เพราะต้องซื้อข้าวไปให้คนในสายนี่แหละ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะสำรวจรอบรั้วมหาลัยฯ
“อะไรก็ได้” คิ้วเข้มของอินย่นขมวดเข้าหากันเพราะเมนูอะไรก็ได้นับเป็นปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่ง ทันใดนั้นเองสายตาคมของเขาก็หันไปเห็นร้านค้าที่น่าสนใจ
“โอเค” อินตัดบทและกดวางสายทันที เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้ออะไรกลับไป มือหนาเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงไว้ตามเดิมและรีบสาวเท้าพุ่งตรงไปยังร้านเป้าหมายด้วยความรวดเร็ว
มองจากสภาพหน้าร้านที่มีลูกค้าแออัดคับแน่นขนาดนี้ก็รู้ได้ทันทีว่า หากเป็นช่วงเวลาปกติเด็กหนุ่มจะไม่เดินเข้าไปซื้ออะไรกินอย่างแน่นอน ทว่าสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาคือเมนูอาหารที่เด่นหราอยู่ในป้ายชื่อ
‘ก๋วยเตี๋ยวเจ๊ฟ้า’
อินเลี้ยวเข้าไปในร้านทันทีเพียงเพราะที่นี่ขายก๋วยเตี๋ยว แต่ไม่ทันจะได้สั่งเมนูโปรดก็ดันเห็นคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังยืนเลิ่กลั่กหันไปซ้ายทีขวาทีพร้อมยกมือขึ้นปาดเหงื่ออยู่ในร้าน เด็กหนุ่มพยายามละสายตาจากอีกฝ่ายและเดินเลี่ยงไปทางอื่นเพื่อจะหลีกหนีคนตัวเล็ก
“อ๊ะ! ไอ้ยักษ์!” ทว่าเสียงเล็กแหลมแสนคุ้นเคยที่ตะโกนเรียกเขานั้นทำเอาเขาแทบยกมือขึ้นกุมขมับ ทำไมโชคชะตาไม่เข้าข้างเขาในเรื่องนี้บ้าง
“กูโชคดีจริง ๆ ที่มาเจอมึงในร้านนี้เนี่ย” ท่าทางดีใจของคนตัวเล็กทำให้อินใจอ่อนยวบลงทันทีและไม่สามารถเมินอีกฝ่ายต่อไปได้
“มีอะไรรึเปล่า” มือหนายกขึ้นเสยผมด้านหน้าขณะถาม พลางมองคนตัวเล็กด้วยสายตาเรียบนิ่ง ในใจก็คิดว่า เอาวะ วันนี้ก็เจอกันทั้งวันแล้ว คุยด้วยอีกหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก
“คือกูมากินก๋วยเตี๋ยวแต่ลืมเอากระเป๋าตังมาอ่ะ แหะ ๆ กูขอยืมตังมึงก่อนได้ป่ะ” คนตัวเล็กกระซิบเสียงเบาพลางหัวเราะแก้เขิน เมื่อได้ยินปัญหาของอีกฝ่ายคิ้วเข้มก็เลิกขึ้นอัตโนมัติ นี่มันปล่อยให้ตัวเองเจอปัญหาอะไรแบบนี้ได้ไงเนี่ย ไร้สาระจริง ๆ
“กูจนอ่ะ ไม่มีให้ยืม” อินปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเพราะสัญชาตญาณของเขาบอกว่าอย่าเอาตัวเองเข้าไปรู้จักสนิทสนมกับคนแบบนี้เลย อีกฝ่ายเป็นบุคคลที่สดใสร่าเริงขนาดนั้น...ไม่เหมาะให้เขารู้จักหรอก
“โห มึงโกหกได้หน้าตายมาก มึงช่วยกูหน่อยเหอะ นะ!” คนตัวเล็กโผเข้าเกาะต้นแขนแกร่งของอินและออกแรงเขย่าไปมา ก่อนจะส่งสายตาปริบปริบเรียกร้องความเห็นใจ
“สรุปว่าไงคะคุณน้องทั้งสอง เจ๊ต้องไปลวกก๋วยเตี๋ยวต่อแล้วค่ะ” เสียงเจ๊เจ้าของร้านดังขึ้นเรียกสติเด็กหนุ่มทั้งสองคน อินจึงรีบตอบออกไปตามความคิดแรกที่แว๊บเข้ามาในสมอง
“หมี่พิเศษครับ” เสียงเรียบนิ่งของอินพูดออกไปตามปกติ
“หะ?” เสียงตกใจแรกเป็นของคนตัวเล็กที่ยืนเบิกตากว้างอยู่ข้าง ๆ เพราะงงงวยในสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด
“หะ?” เสียงตกใจที่สองเป็นของเจ๊เจ้าของร้านที่กำลังยืนเท้าสะเอวรอคำอธิบายจากเขาอยู่
แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า คนที่ตกใจมากที่สุดในสถานการณ์นี้คือเจ้าตัว เด็กหนุ่มคิดทบทวนว่าเมื่อครู่เขาเผลอพูดอะไรผิดไปรึเปล่า เขาก็แค่สั่งก๋วยเตี๋ยวไปตามปกติเหมือนทุกทีนี่ แล้วทำไมคนตัวเล็กกับเจ้าของร้านถึงได้ทำหน้างงขนาดนั้น
“เอ่อ...ผมสั่งหมี่พิเศษสองถุงครับ ส่วนของคนนี้คิดเงินรวมเลยครับ เดี๋ยวผมจ่ายให้เอง”
“จ้ะ หมี่พิเศษสอง! กลับบ้าน!” สิ้นสุดคำอธิบายจากอิน เจ๊ก็ตะโกนบอกลูกน้องในร้าน ขณะที่คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาราวกับโล่งอกและหันมายิ้มกว้างให้เขา
“ขอบใจมากเว้ย มึงนี่ใจดีขัดกับเบ้าหน้ามากเลยว่ะ” นี่ถือเป็นคำชมใช่มั้ย ยิ่งคุยกับอีกฝ่าย อินก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยสมอง
เด็กหนุ่มเดินไปนั่งเก้าอี้ที่วางอยู่หน้าร้านเพื่อรอรับก๋วยเตี๋ยวที่สั่งไป ในใจนึกอยากให้คนตัวเล็กแยกย้ายกลับไปเลยเพราะเขาบอกแล้วว่าจะจ่ายเงินให้ ฉะนั้นอีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ร้านอีกต่อไป แต่ดูเหมือนหมี่จะไม่ได้คิดแบบนั้น หมี่นั่งลงและเริ่มชวนคุยตามประสาคนอัธยาศัยดี
“สั่งก๋วยเตี๋ยวไปตั้งสองถุง มึงกินเยอะเหมือนกันนะเนี่ย” มือเล็กของหมี่ค้ำบนพื้นที่ว่างของเก้าอี้ตรงระหว่างขาที่อ้าออกและแกว่งขาไปมาราวกับเด็กวัยห้าขวบกำลังนั่งรอผู้ปกครอง
“อีกถุงนึงกูซื้อไปฝากเพื่อนน่ะ” อินตอบตามปกติแต่จู่ ๆ คนตัวเล็กก็ชะโงกหน้าและเอียงตัวมาทางเขา ทำเอาเด็กหนุ่มเอนตัวจนชิดพนักพิงเพื่อหลบอีกฝ่าย
“หืม? เพื่อนหรือแฟนครับผมมม ซื้อของกินไปให้ขนาดนี้ไม่น่าจะใช่เพื่อนธรรมดาแล้วม้างงง” ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของหมี่จะฟังดูติดเล่นติดตลกแต่ดวงตากลมโตแสนแป๋วแหว๋วที่มองตรงมาทางเขาพร้อมแสดงท่าทีสงสัยนั้นทำให้อินเผลออธิบายออกไป
“อืม เราเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ตอนนี้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวกูไปแล้ว” เด็กหนุ่มตอบไปตามตรงพลางคิดในใจว่าไอ้กันต์ก็ไม่ใช่เพื่อนธรรมดาจริง ๆ แหละ ก่อนจะเดินไปรับก๋วยเตี๋ยวที่สั่งไว้และจ่ายเงิน
“อะไรวะ อยู่ดี ๆ ก็ดึงดราม่า” คนตัวเล็กเกาหัวแกรก ๆ และบ่นอุบอิบเสียงเบา ก่อนจะเห็นอินมุ่งหน้าไปยังป้ายรถเมล์และด้วยความอยากรู้จึงอดไม่ได้ที่จะเดินตามพร้อมถามสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“นี่ ไม่กลับหอเหรอหรือเช่าห้องอยู่นอกมอ หรือบ้านมึงอยู่แถวนี้!”
“กูอยู่หอในแต่วันนี้เพื่อนป่วย เลยจะเอาก๋วยเตี๋ยวไปให้มันที่บ้าน” ตอนนี้อินเริ่มตั้งข้อสงสัยกับตัวเองว่าทำไมเขาถึงต้องตอบคำถามของอีกฝ่ายด้วยนะ การกระทำพวกนี้ไม่ใช่เรื่องปกติที่เขาจะทำกับคนแปลกหน้าเลย
“อ่าา งั้นรอกูแป๊บนึงได้มั้ย เดี๋ยวกูขึ้นหอไปเอาเงินมาให้” และแล้วคนตัวเล็กก็นึกขึ้นได้ว่าต้องคืนเงินค่าก๋วยเตี๋ยวให้เด็กหนุ่ม ก่อนที่จะแยกย้ายกันแต่อินกลับรู้สึกว่าเรื่องเงินแค่นั้นมันไม่จำเป็น
“ค่อยคืนก็ได้”
“โห พูดอย่างกับว่าจะได้เจอกันง่าย ๆ” เออก็จริง อินคิดตามคำพูดของอีกฝ่ายและเลือกที่จะตัดปัญหาด้วยสิ่งนี้
“กูเลี้ยง” ได้ยินแบบนี้ คนตัวเล็กถึงกับตกใจและเผลออุทานออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“หึ้ย! จะดีเหรอ” ถึงจะถามแบบนั้นแต่หมี่กำลังฉีกยิ้มกว้างอยู่
“อืม กูไปก่อนนะ เพื่อนรออยู่” อินพยักหน้าตอบอีกฝ่าย ก่อนจะบอกลาและรีบก้างขึ้นรถโดยสารไป
“ขอบใจมากนะเว้ย!” รถไม่ทันจะได้ออกจากจุดจอดก็มีเสียงตะโกนของคนตัวเล็กดังไล่หลังมาให้ได้ยิน เด็กหนุ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยพลางมองถุงก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ในมือ...ชีวิตมหาลัยฯ เป็นแบบนี้เองสินะ
อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันรับน้องทำให้รถบนท้องถนนค่อนข้างแน่นและส่งผลให้การจราจรติดขัด อินนั่งอยู่บนรถโดยสารเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่หมาย ตอนนี้ก๋วยเตี๋ยวที่เขาซื้อมาหายร้อนเป็นที่เรียบร้อย
อินเปิดประตูรั้วบ้านของกันต์และเดินเข้าไป ก่อนจะยกกระถางต้นไม้ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่หน้าบ้านเพื่อหยิบกุญแจสำรองที่แอบไว้ด้านล่างและไขเปิดประตู...บ้านเงียบมากแถมยังมืดมากอีกด้วย
.
.
.
โม : เจอหมี่ที่ไหน...เจอปัญหาที่นั่น
หมี่ : แต่ขอโทษนะฮะ พอดีผมมีไอ้ยักษ์คอยเคลียร์ปัญหาให้