วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ตลก,รัก,ฟีลกู๊ด,เพื่อน,มหาวิทยาลัย,มหาลัย,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตสร้าง,ชายรักชาย,วาย,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อินกินหมี่ [มี E-book]วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
สิ่งที่ทำให้อินขมวดคิ้วแน่นคือชั้นล่างที่ตอนนี้มืดสลัวไปหมดเพราะหลอดไฟถูกปิดไว้ทั้งบ้าน อินเลยเดินไปเปิดสวิตช์ให้บ้านสว่างขึ้น ก่อนจะตะโกนเรียกเพื่อนสนิทที่น่าจะนอนอยู่ชั้นบนให้ลงมากินข้าว
“ไอ้กันต์ตื่นอยู่มั้ย! ลงมากินก๋วยเตี๋ยวก่อน” และเพราะแปลนบ้านที่ใกล้เคียงกับบ้านของตัวเอง อีกทั้งอินก็เดินเข้าออกบ้านนี้ตั้งแต่เด็กจึงทำให้รู้จักทุกซอกทุกมุมของบ้านนี้เป็นอย่างดี สองขายาวตรงดิ่งเข้าไปในครัวและหยิบหม้อที่แขวนอยู่ในตู้มาอุ่นก๋วยเตี๋ยว
“กำลังไป!” ผ่านไปไม่นานเสียงเพื่อนสนิทก็ตะโกนดังมาจากชั้นสองพร้อมเสียงดังตึงตังเหมือนกับอีกฝ่ายกำลังรีบวิ่งลงมา ทว่าอินไม่สนใจสักนิด เขายังคงอุ่นก๋วยเตี๋ยวต่อไปจนรู้สึกว่าอาหารร้อนได้ที่แล้วก็เทใส่ชามใบโตและยกไปวางบนโต๊ะกินข้าว
“หมี่พิเศษอีกรึเปล่า” กันต์ถามทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ
“อืม”
“คงมีแต่หวยอ่ะที่กูซื้อไม่ถูก” เด็กหนุ่มผิวแทนบ่นพลางยกมือขยี้หัวด้วยความหงุดหงิด ทั้งสองนั่งลงและแกะเครื่องปรุงใส่ในก๋วยเตี๋ยว
“กิน ๆ เข้าไปเถอะ” อินยื่นช้อนและตะเกียบให้อีกฝ่าย ก่อนจะคีบก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากไป
“ทำไมวันนี้กินที่นี่” เพราะก๋วยเตี๋ยวที่วางอยู่บนโต๊ะมีสองถ้วยและอินก็ลงมือกินไปก่อนแล้วทำให้กันต์อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมอีกฝ่ายไม่กลับไปกินที่บ้านตัวเอง
“ไม่มีใครอยู่” กินคนเดียวก็คงเหงาสินะ เข้าใจได้ เมื่อได้คำตอบแล้ว ทั้งสองคนต่างคีบเส้นหมี่เข้าปากและซดน้ำซุปอย่างเอร็ดอร่อย กันต์เงยหน้าถามเรื่องกิจกรรมรับน้องที่จัดขึ้นในวันนี้เป็นระยะ
“แล้ววันนี้เป็นไงบ้าง กิจกรรมเยอะมั้ย” อินหยุดมือพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด วันนี้มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นกับเขาจนเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองได้ทำกิจกรรมอะไรลงไปบ้าง
“ก็มีเต้น ตีลังกา ส่งลูกบอลกระดาษ” อินตอบแบบส่ง ๆ โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของคนฟังเลยสักนิด
“มึงเต้นเหรอไอ้อิน” เพราะกันต์ถึงกับต้องถลึงตาเมื่อได้ยินคำตอบ เด็กหนุ่มผิวแทนไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอย่างอินจะยอมเต้นตามกิจกรรม
“อืม”
“หึ กูล่ะอยากเห็นมึงเต้นจริง ๆ” นี่เขาอยากเห็นอินเต้นจริง ๆ นะ พูดจบทั้งสองก็กินก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าอีกครั้ง ผ่านไปไม่นานอินก็พูดบางอย่าง
“...วันนี้กูได้เจอคนแปลก ๆ ด้วย...” ประโยคนั้นทำให้กันต์ถึงกับต้องเงยหน้ามองด้วยความสงสัย
“แปลกยังไง”
“...ก็เป็นคนตัวเล็กที่สดใสร่าเริง เสียงดังและเห็นแก่กิน...”
“...” อินพูดจบ ทั้งคู่ก็เงียบไปพักใหญ่ราวกับว่ากำลังจมดิ่งลงไปในห้วงความคิดของตัวเอง จนกระทั่งอินเผลอหลุดพูดความในใจออกมา
“เหมือนไอ้อันเลย”
“งั้นเหรอ...ก็แค่เพื่อนร่วมรุ่นมั้ยล่ะ อย่าไปสนใจเลย” ถึงแม้ว่าสิ่งที่อินพูดนั้นจะตรงกับความคิดของกันต์แต่บุคคลนี้ก็ไม่น่ามีความสำคัญอะไรกับพวกเขาในอนาคต กันต์ไม่อยากให้อินต้องเจอกับเรื่องราวที่เจ็บปวดอีกเลยทำได้แค่เบี่ยงเบนประเด็น ซึ่งอินก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
“อืม”
“กูอิ่มละ” กันต์ลุกขึ้นจากโต๊ะทั้งที่ก๋วยเตี๋ยวยังไม่หมดชาม อินรู้ดีว่าอีกฝ่ายยังไม่อิ่มแต่คงเป็นเพราะเรื่องที่คุยกันเมื่อครู่นี้เลยไม่อยากกินต่อมากกว่า ตัวเขาเองก็ไม่อยากเซ้าซี้ให้มากความด้วย...เลยปล่อยไปตามน้ำ
“เดี๋ยวกูล้างให้เอง มึงไปนอนเหอะ” เด็กหนุ่มพูดพลางลุกขึ้นเก็บชามทั้งสองใบและแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะไปไว้ที่ล้าง
“ทำแบบนี้บ่อย ๆ ระวังคนอื่นจะคิดว่ากูเป็นเมียมึงนะ” กันต์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวอินเพื่อนรัก ทว่าความจริงแล้วเด็กหนุ่มผิวแทนทำแบบนี้เพราะอยากลดความอึดอัดบางอย่างที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้บรรยากาศในตอนนี้ตึงเครียดจนเกินไป
“ไร้สาระ อย่าลืมกินยาด้วยนะมึงอ่ะ” อินเองก็รู้สึกได้ว่าเรื่องที่เขาพูดขึ้นมาก่อนหน้านี้ทำให้บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป
ต้องขอบคุณไอ้กันต์เลยที่ทำให้ทุกอย่างกลับมาปกติ พวกเขาเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว ทำไมอินจะไม่รู้ว่าการกระทำของอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไร ก่อนจะต้องหลุดยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมา
“ครับพ่อ!”
หลังจากล้างชามและเก็บโต๊ะกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว อินก็ตรงไปปิดไฟชั้นล่างและล็อกประตูบ้านกันต์ไว้ตามเดิม ก่อนจะเดินกลับบ้านตัวเองเพื่อไปพักผ่อน เมื่อพาตัวเองมาถึงห้องนอน ร่างสูงก็ถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่และโยนลงเครื่องซักผ้าทันที มือหนาหยิบผ้าขนหนูและตรงดิ่งไปอาบน้ำ
สายน้ำเย็นที่ไหลผ่านศีรษะและชโลมไปทั่วร่างกายแกร่งทำให้จิตใจที่เต็มไปด้วยความฟุ้งซ่านของอินเริ่มสงบลง หลังจากนี้เขาต้องเตรียมตัวสำหรับการเป็นนักศึกษาและเดินตามเป้าหมายที่วางไว้ ฉะนั้นห้ามวอกแวกหรือไขว้เขวไปกับอะไรทั้งนั้น คิดได้แบบนี้ก็รีบอาบน้ำให้เสร็จและเข้านอน
.
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ อินตัดสินใจตื่นตั้งแต่เช้าและออกไปวิ่งระยะสั้นตามตารางฝึกที่วางไว้เพราะอยากให้ร่างกายกลับมาคุ้นชินกับการออกกำลังกายอีกครั้ง วิ่งไปได้สักพักจนรู้สึกเหนื่อยแล้วก็ก้มมองเวลา ใกล้จะถึงเวลาไปมหาลัยฯ แล้ว รู้แบบนั้นก็วิ่งกลับบ้านทันที
อาบน้ำชำระล้างคราบเหงื่อจนร่างกายรู้สึกสดชื่น ก่อนจะแต่งกายด้วยชุดลำลองสีสุภาพ เตรียมกระเป๋าคาดอกใบเล็กสำหรับใส่มือถือและกระเป๋าตัง ก่อนจะเดินปิดไฟทั้งหมดในบ้านและล็อกประตูให้เรียบร้อย จังหวะที่อินกำลังปิดประตูรั้ว หางตาก็เหลือบไปเห็นเพื่อนสนิทที่เดินออกมาจากบ้านข้าง ๆ พอดี
“มึงหายดียังเนี่ย” อินถามเพราะเป็นห่วง กลัวว่าการที่อีกฝ่ายจะไปอยู่หอวันนี้อาจกลายเป็นตัวแพร่เชื้อโรคและทำให้คนอื่นไข้ตาม แต่ดูเหมือนกันต์จะไม่ได้คิดไกลไปถึงขั้นนั้น
“เออ กูแค่ปวดหัว ไม่เป็นไรหรอก” เด็กหนุ่มทั้งสองเดินไปหน้าซอยและยืนรอเพื่อโบกรถไปมหาลัยฯ ก่อนหน้านี้เคยคุยกันว่าจะใช้รถของกันต์เฉพาะช่วงเวลาที่จำเป็นเท่านั้น ทุกวันนี้มีแค่เรื่องการใช้รถของกันต์เท่านั้นที่อินยังไม่อาจทำความเข้าใจอีกฝ่ายได้...บางทีไอ้กันต์มันก็ติสท์เกินไป
รอเพียงไม่นานก็มีรถโดยสารมาจอด ทั้งสองก้าวขึ้นรถด้วยความเร็วเพราะกลัวจะไม่มีที่นั่ง วันนี้รถบนท้องถนนแน่นไม่ต่างจากเมื่อวานเลย อาจเพราะพรุ่งนี้เป็นวันแรกของการเปิดเรียน ซ้ำร้ายการจราจรบริเวณมหาลัยฯ ก็ยิ่งติดขัดเข้าไปใหญ่ทำให้การเดินทางครั้งนี้กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมงเต็ม แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
เดินเข้ารั้วมหาลัยฯ มาได้ไม่นานก็เพิ่งคิดได้ว่าหอพักอยู่ลึกเข้าไปด้านหลังมหาลัยฯ นี่หว่า กว่าจะเดินไปถึงคงได้ขาลากแน่ เพราะวันก่อนที่ทั้งสองย้ายของเข้าหอนั้นไม่ทันได้สังเกตเลยว่าทางมหาลัยฯ มีรถสวัสดิการสำหรับนักศึกษาเพื่อให้เดินทางไปยังตึกต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น
โชคดีที่วันนี้เด็กหนุ่มได้เห็นรถสวัสดิการที่ว่านั่นแล้ว ทั้งคู่รีบก้าวขึ้นไปนั่งบนรถทันทีพลางคิดว่าการมีสิ่งนี้ช่วยทุ่นแรงเดินไปได้เยอะเลยทีเดียว รถสวัสดิการมีลักษณะคล้ายรถโดยสารทั่วไปแต่ด้านข้างจะเปิดโล่งเพื่อให้นักศึกษาได้นั่งรับลมชมวิว
ตลอดเส้นทางก็จะได้เห็นว่ามหาวิทยาลัย XX มีตึกของแต่ละคณะแยกกันโดยสิ้นเชิง ตัวตึกจะโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองรวมถึงหอพักก็ด้วย หอพักสำหรับนักศึกษาใหม่จะอยู่ด้านหน้าซึ่งใกล้กับประตูรั้วด้านข้างของมหาลัยฯ สะดวกต่อการเข้าออก
ทว่าหอพักสำหรับนักเรียนทุนนั้นอยู่ลึกเข้ามาข้างในอีกหน่อยและอยู่ใกล้กับประตูรั้วด้านหลัง ท่าเดินมาจากด้านหน้าคงใช้เวลาสองวันเศษ แต่นั่งรถเพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงหน้าหอพักเป็นที่เรียบร้อย
.
.
.
โมอยากไปเรียนมหาลัยฯ นี้ด้วยแต่โมไม่ใช่นักเรียนทุน รี้ดช่วยจ่ายค่าเทอมให้โมได้มั้ยคะ//กุมมืออ้อนวอน