วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ตลก,รัก,ฟีลกู๊ด,เพื่อน,มหาวิทยาลัย,มหาลัย,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตสร้าง,ชายรักชาย,วาย,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อินกินหมี่ [มี E-book]วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
“อะ...อื้ออ~...เฮ้ย! เริ่มมืดแล้วนี่! กี่โมงแล้ว!” เสียงบิดขี้เกียจดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายตามเอกลักษณ์ของเจ้าตัว
“สองทุ่มสิบสามนาที” อินที่กำลังวิดพื้นอยู่ข้างเตียงตอบกลับทันทีเพราะตอนนี้เขาจับเวลาในออกกำลังกายอยู่
“...สะ...สองทุ่ม!!!” ตะโกนอีกแล้ว ตอนเด็กกินโทรโข่งเข้าไปรึไงนะถึงได้ตะเบ็งเสียงเก่งขนาดนี้ อยากถามจริง ๆ ว่าไม่รู้สึกเจ็บคอบ้างเลยเหรอ
“มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย มันรบกวนข้างห้อง” หมี่ลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงมาหาเด็กหนุ่ม
“ก็คุยกันแล้วนี่! ว่าจะไปซื้อเห-” อินรีบพุ่งตรงไปปิดปากคนตัวเล็กในเสี้ยววินาทีก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดคำว่าเหล้าออกมาเพราะกลัวว่าข้างห้องอาจได้ยินเสียงของพวกเขา ด้วยแรงที่อินพุ่งหาหมี่บวกกับน้ำหนักตัวของอินทำให้คนตัวเล็กไม่อาจต้านทานไว้อยู่จนทั้งคู่เซล้มไปบนเตียง
“ชู่ว! อย่าพูดคำนั้นออกมานะ” โชคดีที่อินพลิกตัวทันเลยใช้ร่างกายของตัวเองรองรับแรงกระแทกแทนหมี่ มือขวาก็เผลอคว้าเอวอีกฝ้ายไว้แน่น
“อื้ออ อื้ออ” หมี่เบิกตากว้างเพราะตกใจและเริ่มดิ้นไปมาภายใต้ท่อนแขนที่โอบรัดรอบเอวบางของตัวเอง
“ไปซื้อตอนนี้ก็ยังทันน่า จะโวยวายทำไม” อาจเป็นเพราะตอนนี้ร่างกายของเด็กหนุ่มทั้งสองคนแนบชิดกันมากกว่าปกติทำให้หมี่ได้ยินเสียงทุ้มเข้มของอินดังใกล้หูมาก...มากจนคนตัวเล็กต้องยอมรับว่านอกจากจะหน้าตาหล่อแล้ว เสียงไอ้ยักษ์ก็ยังหล่อมากอีกด้วย
“อื้ออ! อื้อออ!” ทว่าสิ่งที่แย่ที่สุดในตอนนี้คือหมี่กำลังจะหมดอากาศหายใจ มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างจิกดึงมือหนาที่ปิดหน้าตัวเองออกอย่างสุดแรง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใช้กำปั้นทุบแขนของอีกฝ่าย อินที่รับรู้แล้วว่าคนตัวเล็กอยากให้ปล่อยมือก็ยื่นข้อเสนอเพื่อขอสงบศึก
“จะปล่อยมือแล้วนะ อย่าเสียงดังล่ะ”
“เฮือก! แฮ่กก แฮ่กก” หมี่สูดลมหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้เป็นอิสระและดีดตัวขึ้นมานั่งเพื่อให้ตัวเองกลับมาหายใจอย่างปกติ อินที่เห็นอีกฝ่ายนั่งหอบจนหน้าแดงก็อดรู้สึกผิดไม่ได้และตั้งใจว่าครั้งถัดไปเขาจะเบามือกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ (?)
“กูกะว่าจะปิดแค่ปากแต่มือกูใหญ่เลยดันปิดจมูกไปด้วย โทษที” อินก้มหัวเล็กน้อยพลางยกมือเกาท้ายทอยขณะพูดขอโทษอีกฝ่าย
“ไม่ใช่แค่ปากกับจมูก...แต่มือมึงปิดทั้งหน้ากูเลย!” หมี่หันกลับไปมองอินหมายจะด่าทอต่ออีกสักหน่อยให้สาแก่ใจแต่กลับต้องหยุดชะงักทันทีเพราะตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
ก่อนหน้านี้อินออกกำลังกายโดยไม่ใส่เสื้อทำให้ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน ตามเนื้อตัวก็มีเหงื่อหลงเหลืออยู่ กล้ามเนื้อแขนและช่วงอกที่สมกับเป็นนักกีฬานั้นเผยให้คนตัวเล็กได้เห็นอย่างเต็มตา ไหนจะมัดกล้ามเนื้อตรงช่วงท้องที่เป็นลอนราวกับก้อนขนมปังนั่นอีก หมี่ที่นั่งอยู่ตรงหว่างขาของอินพอดิบพอดีก็เป็นอะไรที่ล่อแหลมเกินจะรับไหว
“ขอโทษ” อีกครั้งแล้วที่อินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มพร้อมโน้มตัวลงมาหาคนตัวเล็กเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน จนจมูกของทั้งสองคนเกือบจะชนกันอยู่แล้ว ซึ่งอินไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเขาในครั้งนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจของคนตรงหน้าเริ่มใจสั่น
ตึกตัก~ ตึกตัก~
เสียงอะไรน่ะ
อินที่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นก็อดนึกสงสัยไม่ได้ ทว่าเขาไม่ทันจะได้เงียบฟังหรือมองหาต้นตอของเสียงก็พบว่าคนตัวเล็กเริ่มหน้าแดงอีกครั้งและขยับตัวยุกยิกไปมา จนอินเผลอเอื้อมมือออกไปเพื่อจะแตะตัวอีกฝ่าย
“คะ...คือ รีบไปซื้อเห- เอ่ออ รีบไปร้านค้ากันดีกว่า!” เสียงเล็กแหลมของหมี่ที่เอ่ยชวนไปซื้อของทำให้ทั้งคู่หลุดออกจากสถานการณ์อันตรายครั้งนี้ไปได้และเรียกสติของอินให้กลับมาด้วย
เด็กหนุ่มรีบลงจากเตียงของคนตัวเล็กทันทีพลางคิดทบทวนว่าเมื่อกี้เขาตั้งใจจะทำอะไรกับอีกฝ่ายกันแน่ วินาทีนั้นเขามองว่าใบหน้าขาวอมชมพูของอีกฝ่ายกลายเป็นสีแดงระเรื่อดูน่ารักดีเลยเผลอยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว บ้าแล้ว นี่เขาเป็นอะไรไป!
ทางด้านหมี่ที่รู้ตัวว่าเผลอหวั่นไหวให้กับการกระทำของอินก็สับสนและลนลานไปหมดจนต้องรีบยกเรื่องซื้อเหล้าขึ้นมาอ้าง ในใจก็ได้แต่หวังว่าไม่ให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวของเขาเมื่อกี้นี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ทำไมไอ้ยักษ์ถึงทำให้เขาใจเต้นแรงได้ขนาดนี้!
.
.
.
กว่าที่เด็กหนุ่มทั้งสองจะเดินจากห้องพักไปถึงร้านค้าก็เสียเวลาไปหลายนาที แถมยังมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกด้วย เรื่องแรกคือแม่ค้าขอดูบัตรประชาชนของหมี่เพราะไม่เชื่อว่าเขาอายุถึงเกณฑ์ที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อแอลกอฮอล์แล้ว นั่นทำให้หมี่หัวเสียเล็กน้อยเพราะเกือบไม่ได้ซื้อเหล้าเบียร์แต่ก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่แม่ค้ามองว่าเขาหน้าเด็ก
อินกลัวว่าจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ก็เดินมาเจรจาจนสำเร็จและนี่คือเรื่องไม่คาดฝันที่สอง แม่ค้ารีบหยิบเบียร์ทั้งหมดใส่ถุงพร้อมแถมกับแกล้มให้ ก่อนจะพูดตบท้ายว่า ‘ไอ้หนู เอ็งโดนพี่ชายบังคับให้มาซื้อก็ไม่บอก ส่วนเอ็งโตเป็นพี่คนแล้วทีหลังก็มาซื้อเองสิ’ ทำเอาทั้งคู่หน้าเหวอไปตาม ๆ กัน
การเดินมาซื้อเบียร์ไม่ยากเท่าการเอาเบียร์กลับห้อง อินรู้สึกขนลุกและเสียวสันหลังกับการทำผิดครั้งแรกในชีวิตจนเผลอสะดุดขาตัวเองไปบ้าง เดินชนขอบประตูทางเข้ามหาลัยฯ ไปบ้างแต่ก็ยังเก๊กขรึมไว้ได้อยู่ ต่างจากคนตัวเล็กที่เดินตัวปลิวและตอนนี้กำลังกลั้นขำจนไหล่สั่น
ถึงห้องแล้ว หมี่ไม่ลังเลที่จะล็อกประตูและรีบเดินไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กลางห้อง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างพร้อมโยกตัวไปมาอย่างกับเด็กที่มีความสุข อินทำได้แค่นั่งตามและเปิดกระป๋องเบียร์ยื่นให้อีกฝ่าย
กินหมดไปเพียงแค่กระป๋องเดียวเท่านั้น คนตัวเล็กก็เริ่มแปรสภาพจากคนกลายเป็นงู นอนเลื้อยไปเลื้อยมา พูดจาไม่ได้สติ อินถึงกับกุมขมับและส่ายหัวให้ความดันทุรังของอีกฝ่าย
“มึงเคยกินแอลกอฮอล์มั้ยเนี่ย” อินที่เห็นสภาพของหมี่ก็ถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเพราะตอนนี้คนตัวเล็กกินเบียร์หมดไปสองกระป๋องแล้วจากทั้งหมดสี่กระป๋อง
“กูเพิ่ง...อึก...เคยกินเบียร์...เอิ้ก...ครั้งแรกก...” น้ำเสียงปนสะอึกของคนตัวเล็กที่ตอบกลับมายิ่งทำให้เด็กหนุ่มปวดหัวเข้าไปใหญ่
“เวรละ” ก่อนจะเผลอสบถออกมาเมื่อเห็นมือเล็กเอื้อมมาหยิบเบียร์ของเขาไปและยกขึ้นดื่มอย่างเอาเป็นเอาตาย
“มึงอ่ะ...อึก...กระดกเข้...อึก...เข้าไปเซ้!” ทว่าคนตัวเล็กดูเหมือนจะไม่กังวลเลยว่าตอนนี้ตัวเองตกอยู่ในสภาพไหนแถมยังมีการเชิญชวนให้อินดื่มต่ออีกต่างหาก
“อย่าเสียงดังสิ...มึงเมาแล้วนะ” อินห้ามปรามคนตัวเล็กเสียงเบา ก่อนจะเตือนอกฝ่ายให้กลับมามีสติ
“ไม่มาวว ยังด้ายอยู่วว” คนเมาย่อมบอกว่าตัวเองไม่เมา อินเพิ่งได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ก็วันนี้แหละ
“พอเถอะ นี่กระป๋องที่สามแล้วนะ” พูดจบอินก็คว้าเบียร์ที่อยู่ในมืออีกฝ่ายออก เด็กหนุ่มไม่อยากให้สถานการณ์เกินความควบคุมไปมากกว่านี้
“มึง...อึก...มะ...มีน้องใช่ม้ายยย...อึก!” จู่ ๆ คนตัวเล็กก็พูดโพล่งขึ้นมา ประโยคนั้นทำให้อินหยุดชะงักไป นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มแสนดุดันเริ่มวูบไหวและหม่นหมองลง
“เงียบทำมายยย~” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปหมี่ก็เริ่มเลื้อยไปหา ก่อนจะคืบคลานขึ้นไปบนตักแกร่ง แต่ด้วยความมึนเมาจึงทำได้เพียงไถหัวตัวเองไปต้นขาของอีกฝ่ายเท่านั้น
อินเผลอสะดุ้งเล็กน้อยที่คนตัวเล็กเลื้อยมานอนหนุนตักเขาทำเอาไม่กล้าขยับตัวเลย เด็กหนุ่มทำได้แค่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นแข็งทื่ออยู่ตรงนี้ จังหวะที่อินกำลังจะก้มลงไปบอกให้อีกฝ่ายลุกขึ้น คนตัวเล็กก็เงยหน้ามามองเขาพอดีพร้อมส่งสายตาหยาดเยิ้มแถมยังยิ้มกว้างพลางหัวเราะชอบใจ
ในเมื่ออีกฝ่ายชอบทำตัวแบบนี้เป็นใครมาเห็นก็คงปฏิเสธไม่ลงหรอก เด็กหนุ่มเก็บความคิดนี้ที่ผุดขึ้นมาในสมองไว้ในใจ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นคำถามหรือการนอนหนุนตัก เขาก็คงคัดค้านอะไรอีกฝ่ายไม่ได้...
“อืม กูมีน้องชาย”
“ว่าแล้ว! อึก...มึงอ่ะ...อึก!...ชอบทำตัวเหมือนพี่ชาย” คนตัวเล็กพูดเสียงดัง ก่อนจะชี้นิ้วใส่อินและจิ้มไปที่ต้นแขนแกร่งของเขาราวกับเด็กน้อยที่ดีใจเมื่อคาดเดาอะไรบางอย่างถูกต้อง
“เดี๋ยวกูพาไปล้างหน้าดีกว่าจะได้สร่างเมา” อินที่เริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่มีสติและอาจจะเผลอพูดอะไรที่ตัวเองไม่อยากพูดออกมาจึงเสนอวิธีช่วยให้อีกฝ่ายสร่างเมาเพื่อควบคุมสติไว้
“กูก็...อึก...มีพี่ชาย” แต่คงไม่ทันแล้วเพราะต่อให้พาไปคนตัวเล็กล้างหน้า อีกฝ่ายก็คงพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดออกมาอยู่ดี
“...” อินเลือกที่จะไม่ตอบอะไรเพราะเขาจะถือว่าตัวเองไม่ได้ยินและไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรจากอีกฝ่ายทั้งนั้น แขนแกร่งของเขาพยุงร่างกายของคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นและตรงไปห้องน้ำ
“พี่อ่ะ...ชอบทำหน้าเครียด! อึก...เหมือนแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว!...เหมือนมึง...เลย...” คนตัวเล็กที่อยู่ภายในวงแขนยังคงระบายเรื่องราวในใจออกมา ขณะเดียวกันก็เดินเซจนเกือบจะล้ม
“ยืนดี ๆ ใกล้ถึงห้องน้ำแล้ว” อินอดไม่ได้ที่จะเอ็ดใส่คนตัวเล็กและกระชับวงแขนที่โอบรอบเอวบางให้แน่นขึ้น พลางคิดว่าถ้าทำลูกเค้าล้มลงหัวแตกตอนนี้ตัวเองอาจจะลำบากในภายภาคหน้า
“มีอะไรในใจ...อึก...ก็ไม่เคยพูด...ใครมันจะไปเข้าใจวะ!”
“...” อินไม่รู้แล้วว่าประโยคที่คนตัวเล็กพูดออกมานั้นหมายถึงพี่ชายหรือหมายถึงเขากันแน่ ก่อนจะได้ยินเสียงพูดพึมพำจากอีกฝ่าย
“กูจะ...อุบ!...”
“อะไรนะ” อินได้ยินไม่ชัดเลยย่อตัวลงและยื่นหน้าเข้าไปฟังใกล้ ๆ
อุก อ้วกกกกก!!!!
.
.
.
โมอยากมีพี่อินเป็นของตัวเอง เทวดาได้โปรดส่งคนแบบนี้มาในชีวิตหนูทีค่ะ//ภาวนา
รี้ดคนไหนขอพี่อินเหมือนกัน รบกวนรับบัตรคิวด้วยนะคะ