วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ตลก,รัก,ฟีลกู๊ด,เพื่อน,มหาวิทยาลัย,มหาลัย,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตสร้าง,ชายรักชาย,วาย,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อินกินหมี่ [มี E-book]วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
ก๊อก! ก๊อก!
ถึงแม้ว่าในวินาทีแรกกันต์จะคิดสงสัยว่าหมี่คือใครแต่ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าห้องพักก็แปลว่าอีกฝ่ายคงเป็นรูมเมทของไอ้อินแหละ ชื่อหมี่เหรอ จะเป็นคนแบบไหนนะ ทว่าไม่ทันได้คิดอะไรต่อ คิ้วเข้มก็เริ่มย่นเข้าหากันเพราะผ่านไปหลายนาทีแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาเปิดประตู
ก๊อก!!! ก๊อก!!! ก๊อก!!!
กันต์ที่เริ่มหงุดหงิดเพราะเขาทั้งหนัก ทั้งเหนื่อยแถมยังมีอาการกรึ่มเมาเล็กน้อยก็ออกแรงทุบประตูหนัก ๆ ไปอีกสามทีเผื่อที่เคาะไปก่อนหน้านี้คนในห้องจะไม่ได้ยิน ในที่สุดก็มีเสียงขานรับมาจากในห้อง
“กำลังไปค้าบบบ...ใครมาเคาะประตูเอาป่านนี้วะ” ขานรับไม่พอยังมีเสียงบ่นอุบอิบเล็ดลอดมาให้ได้ยินอีกต่างหาก
“อ้าว ไอ้ยักษ์” ทันทีที่ประตูเปิดออกก็เห็นผู้ชายร่างเล็กคนหนึ่งชี้นิ้วมาที่ไอ้อินพร้อมชื่อเรียกที่ทำให้กันต์ได้แต่งุนงง
“เปิดประตูกว้างหน่อย มันหนัก” เด็กหนุ่มผิวแทนผู้ซึ่งไม่ชอบการพูดคุยกับคนแปลกหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เลือกพูดจุดประสงค์ของตัวเองให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายที่สุด จะได้ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืด
“เค ๆ” หมี่ตอบรับคำขอของอีกฝ่ายและทำตามทันที พลางมองร่างยักษ์ของอินที่ถูกแบกมาโดยผู้ชายร่างยักษ์อีกคนก็ได้แต่ฉงนใจ นี่มันไปกินเหล้างานเลี้ยงหรือไปให้รุ่นพี่รุมมอมเหล้ากันแน่วะเนี่ย
เด็กหนุ่มผิวแทนได้เข้าห้องอินอีกครั้งในรอบหลายเดือนก็กวาดสายตามองรอบห้องถึงกับตกใจ ไม่ได้ตกใจสภาพห้องฝั่งของเพื่อนสนิทนะ เขาตกใจสภาพห้องของรูมเมทเพื่อนมากกว่า อยากถามเจ้าของเตียงฝั่งนั้นว่าเหมาตุ๊กตามาหมดร้านรึยัง ทว่าวางไอ้อินลงเตียงปุ๊บเสียงอีกฝ่ายก็ดังปั๊บ
“โห โดนมอมมาป่ะเนี่ย สภาพดูไม่ได้เลย...ว่าแต่มึงใช่กันต์ป่ะ”
“หะ” ไอ้หมอนี่มันรู้จักกูด้วยเหรอวะหรือจะเป็นพวกสตอล์กเกอร์
“อ้าว ไม่ใช่เพื่อนสนิทไอ้ยักษ์ที่ชื่อกันต์เหรอ” ได้ยินแบบนี้ก็เข้าใจทันที สงสัยไอ้อินจะเคยพูดถึงเขาให้คนตัวเล็กฟังสินะ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็...
“ใช่”
“แล้วเมื่อกี้จะ หะ เพื่อ? สรุปว่าเป็นเพื่อนสนิทไอ้ยักษ์จริง ๆ สินะ ออร่าความอึมครึมนี่ถอดแบบกันมาชัด ๆ สมกับที่ไอ้ยักษ์เล่าว่าอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนโต” กันต์ฟังหนึ่งในเจ้าของห้องพูดพล่ามและหันมองหน้าเพื่อนที่นอนอยู่บนเตียง มึงอยู่ได้ไงวะไอ้อิน รูมเมทมึงพูดมากฉิบหาย
“กูชื่อหมี่ ยินดีที่ได้รู้จัก” ก่อนจะตกใจเมื่อมือบางยื่นมาตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้างแสนสดใส
‘เราชื่ออัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ’
“เอ้า ใบ้แดกเหรอ กูทักทายมึงอยู่นะ” เมื่อเห็นว่าไอ้ยักษ์เบอร์สองนิ่งเงียบไป หมี่ก็เลยอธิบายเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงเมาเหล้าเหมือนไอ้คนที่นอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ตรงนั้น
“กูชื่อกันต์” คนตัวเล็กเผลอเบ้ปากพร้อมกรอกตามองบนเมื่อได้ยินคำตอบ ทำไมไอ้สองคนนี้ถึงได้นิสัยเหมือนกันขนาดนี้นะ ก่อนจะมองค้อนไปที่คนพูดและคิดในใจ ถ้ามึงจะพูดสั้นขนาดนี้อย่าพูดเลยเหอะ
“โอโห สั้นได้อีก” ไม่นะ นี่เขาเผลอเหน็บแนมอีกฝ่ายไปจนได้
“กูคุยไม่เก่ง”
“โอ๊ยยย ไม่บอกก็รู้ กูเลยชวนคุยนี่ไง” ไม่ว่าเปล่า คนตัวเล็กขยับมือที่ยังคงยื่นค้างไว้ข้างหน้าให้อีกฝ่ายได้รู้ตัว เมื่อเห็นแบบนั้นมือหนาของกันต์ก็เอื้อมไปจับมือเล็กและพยักหน้าเชิงทักทาย
“เออ ก็แค่นี้...แล้วนี่จะกลับห้องเลยมั้ย ช่วยกูเช็ดตัวไอ้ยักษ์ก่อนดิ มันตัวหนักจะกูยกไม่ไหว” หมี่หันมามองร่างกำยำของอินพลางคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกับอีกฝ่ายดี
“ไม่ต้องเช็ด เดี๋ยวมันจัดการเอง”
“หะ!?” หมี่ถลึงตาโตด้วยความรู้สึกงงงวยกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ไอ้ยักษ์เมาขนาดนั้นจะลุกมาเช็ดตัวเองได้ยังไง ก่อนจะเกิดข้อสงสัยว่าไอ้สองคนนี้เป็นเพื่อนกันจริงรึเปล่า
“คืนนี้ถ้ามันละเมอก็ฝากดูด้วยนะ”
“หะ!?” นี่เขาต้องตกใจกับเรื่องอะไรก่อนดี หมี่รู้สึกสับสนไปหมด ไอ้ยักษ์จะนอนละเมอเหรอ แล้วเขาจะดูแลคนนอนละเมอได้ยังไงกัน
“กูไปล่ะ”
“เห้ย!!” อันนี้หนักสุดเลย ไอ้ยักษ์เบอร์สองพูดพล่ามปาวปาวปาวแล้วก็ชิ่งหนีออกจากห้องไปแถมยังมีการล็อกประตูให้ด้วย เป็นคนดีจริง ๆ
“เวรกรรม แล้วกูต้องทำยังไงต่อเนี่ย”
.
.
.
หมี่นั่งลงบนเตียงข้าง ๆ อินและใช้หลังมือแตะหน้าผากอีกฝ่าย เอ๊ะ! ไอ้ยักษ์มันไม่ได้ป่วยซะหน่อย นี่กูทำอะไรอยู่เนี่ย มันแค่เมา ต้องปลุกให้ไปอาบน้ำจะได้สร่างเมา คิดได้แบบนั้นก็ออกแรงดึงแขนแกร่งของอีกฝ่ายเพื่อจะพยุงตัวให้ลุกขึ้น ก่อนจะได้กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนหนักมากกว่าเดิม
“โอโห นี่มึงแดกหรืออาบ ตัวมึงเหม็นเหล้าไปยันรูขุมขนเลยเนี่ย” นอกจากจะพยุงไอ้ยักษ์ไม่ไหวแล้วก็ยังเหม็นเหล้ามากอีกด้วย คนตัวเล็กไม่รู้จะต้องทำยังไงเลยปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปนอนท่าเดิม
“ตัวหนักฉิบหาย ใครจะไปแบกไหววะ” หมี่ยืนเท้าสะเอวอยู่ข้าง ๆ พลางคิดว่าในเมื่อพาอีกฝ่ายไปอาบน้ำไม่ได้ก็คงต้องเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้อีกฝ่ายแทน คิดเสร็จก็หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่เห็นอินใช้เช็ดผมเป็นประจำไปชุบน้ำและออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูที่จุ่มอยู่ในน้ำครึ่งกะละมัง
ก่อนที่สายตาจะหันเห็นคนที่นอนอยู่เริ่มขยับตัวไปมาราวกับกำลังร้อนรุ่ม คงเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ทำให้ร่างกายขาวของอีกฝ่ายเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง มือเล็กออกแรงบิดผ้าให้เปียกพอหมาดและลงมือถกเสื้ออีกฝ่ายขึ้นเพื่อเช็ดตัว ทว่าการขยับตัวของอินทำให้เช็ดลำบากมาก
“ไอ้ยักษ์อยู่นิ่ง ๆ” นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่คนตัวเล็กได้ว่าดุอีกฝ่าย
“อือ~” เสียงครางฮือในลำคอเป็นสัญญานที่ดีว่าคนเมาเริ่มได้สติกลับมาแล้วแต่เสียงนั้นกลับทำให้คนที่มีสติอย่างหมี่เริ่มเตลิด
“อะ...ไอ้ยักษ์! มึงถอดเสื้อดิ แบบนี้กูเช็ดไม่ถนัด” หมี่เขย่าแขนเรียกอีกฝ่ายพลางดึงสติตัวเองให้กลับมาจดจ่ออยู่กับการลูบตัว เอ้ย! เช็ดตัว
“ยักษ์ยกตัวขึ้นหน่อย” อินยกท่อนบนขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้คนตัวเล็กดึงเสื้อออกไปได้ ตอนนี้แผงอกแน่นและหน้าท้องแกร่งเผยให้เห็นอีกแล้ว
“โอโห หุ่นอะไรจะขนาดนี้ มึงถูกปั้นมาป่ะเนี่ย” หมี่ไล่สายตามองสำรวจกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของอีกฝ่าย พลันดวงตาสีน้ำตาลคาราเมลก็วาววับราวกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่
“ซิกแพคแข็งโป๊กเลยว่ะ อย่างเท่” คนตัวเล็กนึกพิเรนทร์ละเลงมือลูบไล้ไปบนหน้าท้องแกร่งของอินและเผลอหลุดอุทานเสียงดัง ลูบไปลูบมาก็รู้สึกเหมือนเลือดกำเดาจะไหลเลยต้องสะบัดหัวเพื่อเรียกสติกลับมา
คนตัวเล็กเช็ดลำตัวท่อนบนและช่วงแขนทั้งสองข้างของอินแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าเขาต้องเช็ดหน้าก่อนรึเปล่า เลยใช้ผ้าขนหนูผืนเดิมลูบใบหน้าคนเมาอย่างเบามือพลางลอบมองความหล่อของคนตรงหน้า
อธิบายได้คำเดียวว่าหล่อมาก คิ้วดกแต่ไม่หนาจนเกินไป ขนตายาวเป็นแพสวย จมูกก็โด่ง ริมฝีปากสีชมพูอ่อนสมกับที่ดูแลสุขภาพมาอย่างดี ผิวหน้าไม่มีร่องรอยของสิวเลยแม้แต่น้อย ขาวนวลเนียนกริ๊บเหมือนผิวเด็ก รอยเดียวที่หมี่เห็นคงจะมีแต่รอยย่นตรงหัวคิ้วนี่แหละ
“เบ้าหน้ามึงหล่อเกิ๊น เสียดายชอบทำหน้าบูดเป็นตูดหมา” เช็ดไปบ่นไปพลางลูบไล้ผ้าเปียกลงมาตามลำคอ
“...” เสียงอีกฝ่ายพึมพำอะไรบางอย่างแต่เสียงเบามาก หมี่เลยต้องก้มหน้าเข้าไปฟังใกล้ ๆ
“มึงว่าอะไรนะ”
“...อัน...” อ๋อออ ละเมอเรียกน้องชาย
“ขอโทษนะกูไม่ใช่อันน้องชายมึงจ้ะ กูคือหมี่ นักศึกษาหนุ่มสุดหล่อแสนเฟี้ยวกระเจี๊ยวใหญ่ที่ใคร ๆ ก็คลั่งไคล้” พูดพลางลุกไปรื้อตู้เสื้อผ้าของไอ้ยักษ์เพราะถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายนอนถอดเสื้อแบบนี้มีหวังหนาวแย่ ในตู้มีแต่พวกเสื้อผ้ากีฬา เสื้อยืดธรรมดาและชุดนักศึกษา
“จืดชืดมากเลยว่ะ” มือเล็กหยิบเสื้อยืดสีครีมตัวหนึ่งออกมาจากตู้และกางดูลายสกรีน
“กูขอโทษที่ดูแลมึงไม่ดี”
“หะ?” คิ้วสวยเลิกขึ้น ไอ้ยักษ์พูดอะไรวะ วันนี้ทั้งมึงทั้งเพื่อนทำกูหะไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย นี่มันยังละเมออยู่รึเปล่าหรือมันขอโทษอะไรกู
“อัน กูขอโทษ” โอเคยังละเมออยู่ ก่อนจะเริ่มสงสัยว่าไอ้ยักษ์เคยไปทำอะไรไว้ ถึงต้องรู้สึกผิดกับน้องชายมากขนาดนี้ หมี่รู้แค่ว่าอันจมน้ำตายเท่านั้นไม่รู้รายละเอียดอื่น
“ไม่เป็นไร คนเรามันก็มีช่วงเวลาที่ผิดพลาดกันได้” น้ำเสียงสดใสพูดตอบคนละเมอ
“ขอโทษ” ยิ่งได้ยินยิ่งรู้สึกใจสั่น เสียงของไอ้ยักษ์ทั้งเศร้า ทั้งหดหู่ ฟังแล้วก็น่าสงสารขึ้นมาจับใจ
“เอาน่า อย่าคิดมาก กูไม่รู้หรอกนะว่ามีเรื่องอะไรกันแต่ถ้ามึงไม่มีความสุข น้องมึงก็คงไม่มีความสุขหรอก” มือเล็กจับมือหนาของอินและลูบไปมาเชิงปลอบประโลม หมี่ไม่เคยต้องปลอบใจใครซะด้วยคงช่วยได้แค่นี้
“เดี๋ยวกูมานะ กูไปซักผ้าตากแป๊บ” หมี่ได้กลิ่นผ้าเช็ดตัวเหม็นเหล้าก็ลุกไปซักในห้องน้ำและแขวนตากไว้ตรงระเบียงหลังห้อง โดยไม่ลืมเทน้ำในกะละมังที่ใช้เช็ดตัวทิ้งไปด้วย ก่อนจะคว่ำไว้ที่มุมหลังห้อง ซึ่งระหว่างนั้นเด็กหนุ่มที่ยังมึนฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่ก็พร่ำเพ้อละเมออีกครั้ง