วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ตลก,รัก,ฟีลกู๊ด,เพื่อน,มหาวิทยาลัย,มหาลัย,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตสร้าง,ชายรักชาย,วาย,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อินกินหมี่ [มี E-book]วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
“แล้วสรุปเรื่องเราคุยกันวันก่อน มึงว่าไง” จู่ ๆ อินก็พูดเปิดประเด็นขึ้นมา หมี่ที่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ก็ถึงกับงง
“หะ?”
“หะ อะไร” เด็กหนุ่มมองอีกฝ่าย นี่อย่าบอกนะว่าหมี่ลืมเรื่องวันนั้นไปแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนเราจะขี้ลืมได้ง่ายขนาดนี้
“คุยเรื่องอะไรวะ” นั่นไง สีหน้าเหรอหรานั่นเป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกว่าคนตัวเล็กลืมเรื่องนั้นไปแล้วจริง ๆ
“เรื่องที่มึงบอกว่าเราต้องหากิจกรรมทำร่วมกันบ้าง ทำขนมกินกัน ไม่ก็ไปเดินเล่น ไปเที่ยวห้างดูหนังอะไรสักอย่าง” ลำบากอินต้องมานั่งรื้อฟื้นความทรงจำให้ใหม่อีก
“อ๋อออ เรื่องนั้นเอง~”
“ไม่ต้องมาอ๋อเลย เรื่องนั้นมึงเป็นคนเปิดหัวข้อมาเองนะ สรุปว่าไง” เด็กหนุ่มเฝ้ารอคำตอบจากคนต้นคิด
“ก็นั่นแหละ แบบว่าเราอยู่ห้องเดียวกันแต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาหรือช่วงก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย กูรู้สึกเหมือนกูอยู่ตัวคนเดียวอ่ะ กูไม่ชอบความรู้สึกนั้น” อินรู้สึกเจ็บในอกเล็กน้อยเพราะเขาก็เคยรู้สึกแบบนี้ตอนอยู่ที่บ้าน บ้านที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะมากมายแต่มันกลับว่างเปล่า
“กูทำครัวไม่เป็น” ระหว่างที่กำลังกินอยู่นั้น เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มก็พูดขึ้นลอย ๆ ทำให้คิ้วสวยของหมี่ขมวดมุ่นอย่างหาดูได้ยาก
“จู่ ๆ พูดอะไรของมึงเนี่ยไอ้ยักษ์”
“วันหยุดมึงสอนกูทำอาหารดิ” อินเสนอ
ความจริงแล้วเขาคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่คนตัวเล็กถามมาเมื่อวันก่อนแล้ว ทว่ายังไม่ได้มีโอกาสคุยกันอย่างจริงจังเลยไม่ได้บอกสักที
“หะ เอาจริงเหรอ” สิ่งที่เด็กหนุ่มเสนอมาสร้างความประหลาดใจให้ผู้ฟังเป็นอย่างมาก
“ก็มึงเรียนคหกรรมนี่ เครื่องครัวมึงก็มีเยอะแยะ” อินเสริมเหตุผลที่ฟังแล้วก็พอเป็นไปได้เพื่อโน้มน้าวให้คนตัวเล็กเห็นด้วยคล้อยตาม
“กูนึกว่ามึงจะชวนไปดูหนัง ไม่ก็ไปเที่ยวห้างหรือชวนทำกิจกรรมง่าย ๆ กัน นี่อะไรจะให้กูสอนทำอาหาร ความคิดสุดยอดไปเลยว่ะ” แต่ดูท่าคนตัวเล็กก็ยังไม่เข้าใจและไม่อยากสอนเขาทำอาหารอยู่ดี งั้นต้องใช้ไม้นี้
“เทอมหน้ากูมีคัดเลือกตัวแทนนักกีฬา กูต้องควบคุมโภชนาการ”
“อาฮะ แล้วไงอ่ะ”
“กูเลยคิดว่าคนที่มีความรู้และเก่งด้านนี้อย่างมึง น่าจะช่วยกูได้”
“อ๋อออ งั้นก็โอเค เดี๋ยวกูช่วยมึงเอง แน่นอนว่าที่กูรับปากนี่ไม่ใช่เพราะว่ามึงยกยอปอปั้นกูนะ กูแค่อยากช่วย” ไอ้หมี่เอ๊ย อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ อินได้แต่พยายามกลั้นเสียงหัวเราะไว้ในลำคอ
“สรุปว่าทุกวันหยุดเราจะทำตารางอาหารสำหรับหนึ่งสัปดาห์กัน”
“อืม”
“ถ้าติดเรียนล่ะ”
“ก็ไปเรียน”
“เริ่มวันนี้เลยมั้ยเพราะตอนนี้กูตื่นเต้นมากกกกก” ท่าทางระริกระรี้แตกต่างจากเมื่อกี้เป็นอย่างมากทำเอาอินรู้สึกมันเขี้ยวคนตัวเล็กขึ้นมาทันที
“เป็นเด็กรึไง รีบกินให้เสร็จเดี๋ยวตอนเย็นกูพาไปวิ่ง” อินพูดปรามหมี่เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำให้ก๋วยเตี๋ยวในชามหกลงพื้น...แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่คนตัวเล็กสนใจ
“หะ!? วิ่งอะไร”
“กิจกรรมที่ทำร่วมกันไง กูจะพามึงออกกำลังกาย” อินอธิบายสั้น ๆ ช่างกระชับและได้ใจความ
“ไอ้ยักษ์พูดจริงพูดเล่นเนี่ย” หมี่เริ่มรู้สึกไม่อยากกินก๋วยเตี๋ยวแล้ว
“หรือวันนี้เราจะไปเที่ยวห้างกันก่อน มึงยังไม่มีรองเท้าวิ่งนี่ใช่มั้ย” อินพูดพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หมี่เห็นอีกฝ่ายทำสีหน้าอื่น
“อะ...ไอ้ยักษ์...คือกู” คนตัวเล็กเริ่มเหงื่อแตก เขาไม่อยากไปวิ่ง!!!
อินอาสาล้างจาน เก็บโต๊ะ กวาดห้อง ล้างห้องน้ำรวมถึงเอาถุงขยะไปทิ้งเพื่อให้หมี่มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ เด็กหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าแค่ไปวิ่ง มันต้องเตรียมพร้อมทางด้านจิตใจขนาดนี้เลยเหรอ แต่ก็นั่นแหละ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายคือหมี่ หมี่ที่แปลว่าอิสระ...แต่ถูกเขาบังคับให้ไปวิ่งด้วยกัน (?)
ขณะนี้เวลาบ่ายโมงสามสิบสามแล้ว เด็กหนุ่มคิดว่าถึงเวลาแล้วและชวนหมี่เดินทางไปห้างทันที อย่างน้อยก็ได้มีเวลาเลือกซื้อรองเท้านานหน่อย เขาอยากให้คนตัวเล็กได้ใช้ของดีที่เหมาะสม ว่าแล้วมือหนาก็หยิบโทรศัพท์โทรหาเพื่อนสนิท ถือสายรอไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ
“กูกับหมี่จะไปห้าง มึงไปมั้ย”
“ไปทำไร” เสียงงัวเงียดังมาจากปลายสาย
“พาหมี่ไปซื้อรองเท้าวิ่ง”
“ไม่ไป กูปวดหัว” ได้ยินแบบนี้อินก็เริ่มเป็นห่วงเพื่อนสนิทอีกครั้ง
“ช่วงนี้มึงปวดหัวบ่อยนะ ไปหาหมอมั้ย”
“ไม่ไป เดี๋ยวกูว่าจะนอนหน่อย มึงไปกันเหอะ” ได้ยินไม่ทันจบคำสายก็ถูกตัดไป อินเผลอถอนหายใจเพราะเขาไม่รู้จะทำยังไงกับเพื่อนคนนี้ดี ก่อนจะหันมาเจอรูมเมทที่กำลังยืนหน้าซีดอยู่ข้างตัว...เพื่อนแต่คนละคนดี ๆ ทั้งนั้น
.
.
.
“มึงลองคู่นี้ดิ” ทันทีที่อินและหมี่มาถึงห้าง เด็กหนุ่มก็ลากคนตัวเล็กไปร้านขายรองเท้ายี่ห้อประจำที่เขาใช้และหยิบรองเท้าคู่หนึ่งมาให้ลอง
“ไอ้ยักษ์ไม่เอา รองเท้าอะไรแพงจะตายห่า กูไม่มีตัง” หมี่ส่ายหน้าปฏิเสธรัว ๆ เมื่อเห็นตัวเลขที่ระบุไว้บนป้ายราคาแต่อินไม่สนใจเลยสักนิด
“นั่งเก้าอี้ตรงนั้นแล้วลองใส่ดู” เด็กหนุ่มมองไปที่เก้าอี้สีครีมตัวเล็กของทางร้านแล้วพูดกึ่งบังคับหมี่ มือเล็กรับรองเท้าพร้อมทำหน้ายู่แต่ก็ไปนั่งใส่รองเท้าแต่โดยดี
“ลองเดินดิ เขย่งขา กระโดดเบา ๆ” อินแนะนำและคอยดูว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยายังไงกับรองเท้าคู่นี้
“เป็นไง คล่องตัวดีมั้ย” สายตาคมเห็นว่าหมี่ทำตามที่บอกไปจนครบทุกขั้นตอนแล้ว ก็เอ่ยถามทันที
“ก็ดี พื้นนุ่มนิ่มดี เดินคล่องอยู่” คนตัวเล็กตอบจากใจจริง หมี่เพิ่งรู้วันนี้เองว่ารองเท้าที่มีราคาแพงย่อมแลกมาด้วยคุณภาพสินค้าที่ดีกว่า
“เอาคู่นี้ครับ”
“เห้ย!?” หมี่ร้องตกใจจนเสียงหลง นี่ไอ้ยักษ์กำลังจะทำอะไรกันแน่แต่ไม่ทันได้ปริปากถามก็โดนอีกฝ่ายชิงพูดซะก่อน
“ถอดรองเท้าออกมา พี่เค้ารออยู่” หมี่หันมองหน้าพี่พนักงานที่ยืนฉีกยิ้มอยู่ข้างชั้นวางก็ทำหน้าไม่ถูก เลยต้องก้มหน้าถอดรองเท้าคืนเขาไป
“อะไรของมึงเนี่ย” คนตัวเล็กกระซิบถามร่างสูงทันทีที่พี่พนักงานเดินลับตาไปแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือแบงก์ห้าร้อยหนึ่งใบ
“มึงไปซื้อไอติมตรงนั้นพลาง เดี๋ยวกูตามไป” พูดเสร็จไอ้ยักษ์ก็เดินตามพี่พนักงานไป หมี่ยู่ปากไม่พอใจอีกครั้งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย คนตัวเล็กเดินหน้าบูดไปสั่งไอศกรีมรสโปรดกับพนักงาน ก่อนจะเอามานั่งกินที่โต๊ะ
ไม่นานนักอินก็กลับมาพร้อมรองเท้าคู่ที่ให้หมี่ลองใส่ นั่นหมายความว่าท้ายที่สุดแล้ววันนี้เด็กหนุ่มสามารถซื้อรองเท้าวิ่งให้คนตัวเล็กได้สำเร็จและทั้งคู่ก็จะได้วิ่งด้วยกัน แต่ตอนนี้ก็ขอเดินเที่ยวห้างตากแอร์ให้เย็นฉ่ำและซื้อขนมแสนอร่อยติดมือไปสักหน่อย ก่อนเดินทางกลับมหาลัยฯ
ถึงห้องปุ๊บเด็กหนุ่มก็ชวนคนตัวเล็กเปลี่ยนชุดทันทีและลองทำตามกิจวัตรประจำวันของเขาดู เริ่มจากฉีกแข้งขายืดเส้นยืดสาย เดินช้า ๆ เพื่อทำการอบอุ่นร่างกาย ก่อนจะเริ่มวิ่งเหยาะ ๆ เพราะดูท่าหมี่จะไม่ค่อยออกกำลังกาย หากหักโหมไปอาจเป็นอันตรายได้
และเส้นทางที่อินพาหมี่มาวิ่งในวันนี้คือเส้นทางที่เด็กหนุ่มชอบที่สุด ทั้งคู่วิ่งผ่านร้านค้า ก่อนจะเลี้ยวเข้าสวนสาธารณะอันร่มรื่น วิ่งต่อสักพักก็เห็นสระน้ำขนาดกลางที่มีดอกบัวบานอยู่เป็นหย่อม ๆ เป็นจุดพักผ่อนชั้นดี สายลทเย็นโชยมากระทบใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่นมาก บรรยากาศแบบนี้หมี่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน...การวิ่งออกกำลังกายก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย
ส่วนวันหยุดสัปดาห์ทั้งคู่ก็จัดเตรียมตารางอาหารตามโภชนาการและหมี่ก็อาสาทำเผื่อกันต์ด้วย ซึ่งกันต์ก็เออออห่อหมกตามน้ำทำให้ทั้งสามเริ่มสนิทกันมากขึ้น ถึงแม้ว่าการเรียนจะหนักขึ้นในทุกวัน การซ้อมว่ายน้ำจะถาโถมเข้ามาแต่อินและหมี่ก็ยังคงมีเวลาให้กันและกันตามที่ตกลงไว้
.
.
.