วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ตลก,รัก,ฟีลกู๊ด,เพื่อน,มหาวิทยาลัย,มหาลัย,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตสร้าง,ชายรักชาย,วาย,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อินกินหมี่ [มี E-book]วัยรุ่นหนุ่มสองคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน...เริ่มมีใจให้กันและกัน มาลุ้นกันว่าทั้งคู่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
เมื่อถึงวันสอบนักศึกษาทุกชั้นปีต่างก็ขมักเขม่นเพื่อให้ตัวเองผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ ผ่านวันสอบแล้วก็ไม่แคล้วต้องมาลุ้นวันประกาศผลการสอบอีก ท้ายที่สุดแล้วก็ได้รับรู้ว่าทุกคนก็ผ่านเทอมแรกมาได้อย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่าหมี่จะเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ผ่านมาได้อย่างฉิวเฉียดก็ตาม
เนื่องจากมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น คนตัวเล็กเลยชวนทุกคนแวะไปกินน้ำแข็งไสในร้านเปิดใหม่ใกล้มหาลัยฯ เพื่อเป็นการฉลองที่ทุกคนสอบผ่านซึ่งแน่นอนว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกันอย่างเต็มใจแต่เรื่องนี้เป็นสิ่งแปลกสำหรับอินเพราะเขาไม่คิดว่ากันต์เองก็จะยอมไปกินด้วย
หลังจากวันนี้ไปก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาปิดเทอมระหว่างภาคเรียนที่ใครหลายคนรอคอย หมี่เดินทางกลับบ้านเพื่อไปความสะอาดและช่วยพี่แมนดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน ขณะที่อินและกันต์เลือกที่จะไม่กลับบ้านเพราะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการคัดตัว
สาขาของอิน นักศึกษาปีหนึ่งไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้รับการคัดตัวเพราะทางโค้ชอยากให้ทุกคนเตรียมพร้อมร่างกายเพื่อแข่งคัดตัวตอนปีสอง ทว่านักเรียนทุนจะมีสิทธิ์พิเศษให้เข้าคัดตัวตั้งแต่ปีหนึ่งเทอมสองเพื่อเป็นการเลือกนักกีฬาว่ายน้ำตัวจริงและจะได้รับการฝึกก่อนขึ้นปีสอง
และแล้วช่วงเวลาปิดเทอมอันแสนสั้นก็หมดลง เริ่มเข้าสู่ภาคเรียนที่สองอย่างเป็นทางการ อินที่มุ่งมั่นตั้งใจว่าจะต้องผ่านการคัดเลือกและเป็นนักกีฬาตัวจริงให้ได้ตั้งแต่ปีหนึ่งก็จัดตารางซ้อมให้หนักขึ้นเล็กน้อย เด็กหนุ่มเริ่มออกไปวิ่งในเย็นวันเสาร์และซ้อมว่ายน้ำในเช้าวันอาทิตย์
ผ่านมาเกือบครึ่งเทอมแล้วที่ชีวิตของอินมีแค่เรื่องการเรียน ซ้อมวิ่ง ซ้อมว่ายน้ำ วันหยุดเข้าครัวทำอาหารกับหมี่ นาน ๆ ครั้งจะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ ซึ่งเขาก็ใช้ชีวิตตามแผนการนี้มาได้อย่างดี จนกระทั่งวันนี้...
“มึง” เสียงเล็กของหมี่เรียกเด็กหนุ่มเบา ๆ ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังช่วยกันทำต้มจืดหมูสับ เมนูประจำวันหยุดสัปดาห์นี้
“ว่า” อินภูมิใจตัวเองมากขึ้นในทุกครั้งที่เข้าครัวเพราะเขาสามารถปอกเปลือกแครอทและหั่นเป็นรูปดอกไม้ได้โดยไม่โดนมีดบาดนิ้วอีกแล้ว
“มึงไม่ต้องทำอาหารกับกูในวันหยุดแล้วก็ได้นะเว้ย” มือหนาของอินหยุดชะงักและหันมองคนตัวเล็ก เขารู้สึกใจหวิวโหวงเหวงพลางคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เขาทำอะไรผิดไปรึเปล่า
“ทำไม” เด็กหนุ่มกดเสียงต่ำทำเอาหมี่ไม่กล้าพูดต่อเลย
“คือกูเห็นมึงตั้งใจซ้อมหนักมาก...แต่ก็ยังแบ่งเวลามาให้กูอีก...” เสียงตอบอิดออดราวกับไม่สบายใจที่จะพูดความในใจออกมา ยิ่งทำให้อินรู้สึกร้อนรุ่มเหมือนมีไฟสุมอก
“แล้วมันมีปัญหาตรงไหน”
“กูเกรงใจอ่ะ อยากให้มึงใช้เวลาของตัวเองให้เต็มที่” หมี่หยุดมือที่กำลังหั่นผักกาดขาวและหันมองรูมเมทร่างยักษ์
“กูโอเคดี อย่าคิดมาก” อินเผลอถอนหายใจเมื่อได้รับรู้ความรู้สึกของคนตัวเล็ก เขานึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนจะจบลงแล้วซะอีก แต่ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ อินก็กลับไปหั่นแครอทได้อย่างสบายอารมณ์
“ไม่เอาอ่ะ กูไม่สบายใจเลย มึงเอาเวลาพวกนี้ไปซ้อมดีกว่ามั้ย” ทว่าคนตัวเล็กยังคงงอแงและเสนอให้เด็กหนุ่มเล็งเห็นความสำคัญของความฝันมากกว่านี้
“กูก็ต้องพักร่างกายบ้าง จะให้ซ้อมตลอดเวลาเลยรึไง” อินตอบเสียงอ่อน เขารู้ดีว่าไม่สามารถใช้ไม้แข็งกับหมี่ได้เลยพูดเบี่ยงเบนประเด็นแทน
“แน่ใจนะ” คนตัวเล็กกลับมามีน้ำเสียงร่าเริงอีกครั้ง มือเล็กก็หั่นผักกาดขาวล้างน้ำทิ้งไว้และเดินไปตักหมูสับใส่ลงหม้อ
“วันก่อนใครกันนะที่บอกกูว่าไม่อยากอยู่คนเดียวจนกูต้องหาเวลามาเข้าครัวทำกับข้าวทุกสุดสัปดาห์แบบนี้” อินนึกย้อนไปถึงวันแรก ๆ ที่พวกเขาได้เจอกัน กว่าที่ทั้งคู่จะเป็นรูมเมทที่ดีต่ออีกฝ่ายได้ขนาดนี้ก็มีเรื่องราววุ่นวายเยอะแยะมากมาย
“กูพูดเองแหละ...แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วไง” หมี่ก็ตอบกลับมาอย่างมั่นอกมั่นใจ คนตัวเล็กยอมรับว่าเขาเป็นคนเสนอเรื่องนั้น
“เปลี่ยนไปยังไง”
“มึงมีเรื่องที่สำคัญกว่าการเข้าครัวต้องไปทำนะอิน” เด็กหนุ่มตาโตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจเต้นระส่ำเลือดสูบฉีดจนแดงลามไปถึงใบหู
“...”
“มึงอย่าเงียบดิ กูพูดอยู่นะ” เมื่อเห็นว่าไอ้ยักษ์ไม่ตอบอะไรกลับมา หมี่ก็พูดแกมน้อยใจพลางมองค้อนอีกฝ่าย
“...” ก่อนจะเห็นว่าเด็กหนุ่มทำหน้าตาตกใจขนาดไหน
“เนี่ย!กูจริงจังทีไรมึงก็ทำหน้าแบบนี้ตลอด” เขาแค่อยากให้ไอ้ยักษ์ทำเต็มที่ นี่เขาดูไม่จริงจังขนาดนั้นเลยรึไง คิดแล้วน้อยใจ น้ำตาคลอแล้วนะ!
“กูแค่ตกใจ” ไม่ต้องเลย!มาปริปากพูดเอาตอนนี้เขาก็ไม่อยากพูดด้วยหรอก ถึงหมี่จะคิดอย่างนั้นแต่ความอยากรู้อยากเห็นมันล้นอกจนกลั้นไว้ไม่อยู่
“ตกใจอะไร”
“หมี่” การถูกเรียกเพียงแค่ชื่อสั้น ๆ ทำเอาคนตัวเล็กเผลอหงุดหงิด
“เรียกทำไม ตอบกูมาก่อนว่าตกใจอะไร”
“เมื่อกี้มึงเรียกกูว่าอิน” สิ้นสุดประโยคนี้ ทุกอย่างก็เงียบสงบราวกับเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ตากลมของหมี่เบิกกว้างพลางคิดถึงเรื่องเมื่อครู่
ตึกตัก~ ตึกตัก~
“อย่ามาเล่นใหญ่ กูแค่เรียกชื่อ มึงจะตกใจอะไรขนาดนั้น” หมี่รู้ตัวแล้วว่าเขาให้ความสนใจกับอีกฝ่ายมากกว่าเพื่อนทั่วไป...คงเป็นเพราะเราอยู่ห้องเดียวกันมั้ง
“เป็นครั้งแรกเลยที่มึงเรียกกูแบบปกติ” ยิ่งอินตอกย้ำเรื่องนี้หมี่ก็ยิ่งรู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูก คิด ๆ ดูแล้วไอ้ยักษ์ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกดีใจกับเรื่องอะไรเลยแต่จะมาดีใจกับเรื่องแค่นี้อ่ะนะ
“ตกใจเพราะเรื่องแค่นั้น บ้าบอมาก” คนตัวเล็กส่ายหัวและยิ้มบางอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปดูหมูสับที่อยู่ในหม้อ
“ไอ้ยักษ์แครอทเสร็จยัง หมูสุกแล้ว” เมื่อเห็นว่าหมูสับสุกได้ที่แล้วก็ขอแครอทจากคนที่หั่นอยู่
“...” เอาอีกแล้ว ปากอมอะไรไว้ทำไมไม่ตอบ นี่ต้องให้เขาโวยวายใส่ทุกทีเลยสินะ
“ไอ้ยักษ์! หูหนวกเหรอ ไหนแครอท!”
“กูไม่ได้ชื่อยักษ์” เสียงเรียบนิ่งตอบกลับมาพร้อมแววตาดุดันราวกับผู้ล่าที่กำลังหยอกล้อเหยื่อ
“อ๊ะ! อะ...ไอ้อิน! แครอท!” หมี่อยากจะเอากำปั้นทุบอีกฝ่ายสักทีสองทีที่มาเล่นอะไรเวลานี้ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหมูสุกแล้วต้องรีบใส่แครอท เขาไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอกนะ!
“กูหั่นสวยขึ้นเยอะเลย ครั้งนี้ไม่โดนมีดบาดด้วย” ยังจะมีหน้ามาพูด
“มึงทำตัวเหมือนเด็กขึ้นทุกทีแล้วนะไอ้ยักษ์” ปากขยับพูด มือก็หยิบแครอทใส่ลงหม้อ ก่อนจะหันไปคว้าตะกร้าผักกาดขาวที่เตรียมไว้
“...” โอ๊ยยยย!เป็นเพราะเขาเรียกว่าไอ้ยักษ์ใช่มั้ย อีกฝ่ายถึงได้เงียบเชียบไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบมาแบบนี้
“นี่คือจะเล่นสงครามประสาทกับกูใช่มั้ย” ใส่ผักลงหม้อครบแล้วก็ต้องตั้งไฟไว้อีกสักพัก จังหวะนั้นเองที่หมี่หันควับหมายจะบ่นใส่อีกฝ่ายแต่ไม่ทันการ
“...ไอ้...ยักษ์...จะ...จะทำอะไร...” ร่างสูงใหญ่ของอินอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ครึ่งคืบ ซึ่งนั่นแปลว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ด้านหลังเขานานแล้วแถมอยู่ใกล้เขามากอีกด้วย
“เปล่า” เสียงทุ้มต่ำกระซิบตอบพลางดันตัวเองให้เข้าใกล้คนตัวเล็กมากขึ้นเรื่อย ๆ
“งั้นก็ถอยไปสิ เล่นหน้าเตาไฟมันอันตรายนะ” ร่างกายของทั้งสองใกล้กันมากจนหมี่เลือกที่จะเบือนหน้าหนี
“กูไม่ได้เล่นอะไรนี่” คนตัวเล็กเพิ่งรู้ว่าไอ้ยักษ์ขี้แกล้งก็วันนี้แหละ หมี่ที่เห็นว่าอาหารในหม้อเดือดได้ที่แล้วก็มีแต่จะต้องยอมทำสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
“ไอ้อินถอยไป ต้มจืดเดือดแล้ว” ได้ยินคนตัวเล็กเรียกชื่อก็อารมณ์ดี
“ก็แค่นี้ กูไปจัดโต๊ะพลางนะ” หึ่ย! เทวดาได้ยินมั้ย ไอ้หมี่หงุดหงิด!