"เมื่อความสงบสุขกลายเป็นเพียงภาพลวงตา เมื่อทุกลมหายใจคือการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ท่ามกลางเงามืดของเมืองที่ถูกรัฐบาลปิดบัง ไนท์ต้องเอาชีวิตรอดจากความจริงที่กำลังจะกลืนกินทุกสิ่ง...รวมถึงหัวใจของเขาเอง"
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ไซไฟ,ดราม่า,ดราม่า,ผจญภัย,แฟนตาซี,zombie,Valac,Sakurasou,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
"เมื่อความสงบสุขกลายเป็นเพียงภาพลวงตา เมื่อทุกลมหายใจคือการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ท่ามกลางเงามืดของเมืองที่ถูกรัฐบาลปิดบัง ไนท์ต้องเอาชีวิตรอดจากความจริงที่กำลังจะกลืนกินทุกสิ่ง...รวมถึงหัวใจของเขาเอง"
ผู้แต่ง
VALAC
เรื่องย่อ
ในเมืองเซนต์โลเรนซ์ที่แสงแดดอ่อนโยนเคยละลานตาและบรรยากาศที่เคยสงบสุข วันหนึ่งกลับดูแปลกตาและอึมครึมราวกับมีเงาดำค่อยๆ แผ่ขยายปกคลุมอย่างช้าๆ ราวกับว่าอากาศรอบตัวหนักอึ้งยิ่งขึ้นทุกลมหายใจ อาคารสูงตระหง่านที่เคยเป็นดั่งสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองกลับทอดเงาลงมาปกคลุมถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองหนาทึบ เหมือนทุกสิ่งรอบตัวได้หยุดนิ่งเพื่อรอคอยบางสิ่งบางอย่างที่กำลังมาเยือน
“เป็นลางร้าย…” เสียงกระซิบของชายชราที่ม้านั่งในสวนสาธารณะดังขึ้นเบาๆ ก่อนเขาจะก้มหน้าลงเหมือนรู้ว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น — บางสิ่งที่มากกว่าภัยพิบัติธรรมดา เป็นเหมือนการปลดปล่อย “โรคร้าย” ที่ถูกซ่อนไว้ในร่างของผู้คนเอง
แม้ในสายตาของประชาชนทั่วไป ข่าวจากกระทรวงสาธารณสุขเซนติเนลดูจะเป็นเพียงประกาศเตือนภัยเล็กน้อย แต่สำหรับบางคนมันคือสัญญาณเตือนถึงหายนะที่ถูกบดบังอยู่ในเงามืด พวกเขาบอกว่ามันเป็นเพียง “ไข้หวัดธรรมดา” ที่ไม่ต้องเป็นห่วง แต่เบื้องหลังของการวินิจฉัยนั้นกลับมีการปิดบังคำตอบที่แท้จริง
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดของเช้าวันนั้น ไนท์รู้สึกถึงความผิดปกติในลมหายใจแรกที่สูดเข้าไป มันมีบางอย่างในอากาศ หนักเหมือนฝุ่นที่ไม่สามารถกลืนกินลงคอได้ง่ายๆ เขามองไปรอบๆ และเห็นเพียงเงาของความเงียบงันที่ห่อหุ้มทุกสิ่ง คล้ายกับทุกชีวิตในเมืองนี้ต่างถูกดึงดูดเข้าสู่ม่านหมอกแห่งความมืดที่รอคอยจะกลืนกินพวกเขาทีละเล็กละน้อย
เมื่อเขาขี่จักรยานกลับบ้านผ่านย่านร้างแห่งหนึ่ง เสียงประหลาดดังขึ้นจากท่อระบายอากาศ เสียงแผ่วๆ นั้นชวนให้ไนท์ต้องหยุดชะงัก ก่อนที่เขาจะก้มลงไปฟังใกล้ๆ ด้วยความสงสัย ทันใดนั้น กลิ่นแปลกประหลาดราวกับสารเคมีเข้มข้นก็พุ่งออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว กลิ่นที่กัดกร่อนในลมหายใจจนเขาแทบสำลัก เขาไออย่างหนัก เหมือนกับว่าอากาศในปอดกำลังถูกเผาผลาญจากภายใน
ไนท์กลับถึงบ้านในสภาพที่หายใจติดขัด แต่พยายามบอกตัวเองว่ามันคงไม่ใช่อะไรที่ร้ายแรงนัก "แค่กลิ่นแปลกๆ ที่หลงเข้ามาในอากาศเท่านั้น..." เขาพยายามกล่อมตัวเองด้วยเหตุผลที่ฟังดูง่ายดาย ราวกับมันเป็นเพียงเงาแปลกปลอมในค่ำคืนที่เงียบสงัด
คืนนั้นเอง เขานอนลงด้วยความรู้สึกหน่วงที่หน้าอก และหลับไปในความฝันที่เต็มไปด้วยภาพเงามืด...เงาของสิ่งที่เขาไม่สามารถจะมองเห็นหรือเข้าใจได้ แต่ราวกับว่ามันกำลังจับจ้องอยู่ตรงมุมมืดในห้อง คล้ายเสียงกระซิบที่ลอยผ่านหน้าต่างเข้ามา และเตือนว่า “นี่เพิ่งเริ่มต้น”
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เมืองทั้งเมืองนี้ต้องเผชิญกับความวุ่นวายอย่างไม่คาดคิด มันไม่ใช่แค่ "โรคภัยธรรมดา" ที่ผู้คนเคยชินอีกต่อไป แต่เป็นบางสิ่งที่มากกว่านั้น — บางสิ่งที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงทุกชีวิตที่มันสัมผัส
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจากฟ้าสว่างจ้าเป็นสีส้มอันอ่อนโยน ราวกับว่าพระอาทิตย์กำลังล่ำลาโลกเพื่อเข้าสู่ช่วงกลางคืน ไนท์เพิ่งออกจากห้องสมุดในตัวเมือง หลังจากใช้เวลาทั้งบ่ายท่ามกลางกองหนังสือและกลิ่นหมึกเก่าๆ เขาหายใจลึก สูดอากาศเย็นสบายของฤดูใบไม้ร่วงเข้าเต็มปอด ปล่อยให้ความเงียบสงบของค่ำวันศุกร์บรรเทาความเหนื่อยล้าจากการเรียน
เขาปั่นจักรยานผ่านย่านร้าง ไม่ไกลจากตัวบ้านเขามากนัก เป็นทางลัดที่เขาใช้ประจำ เมื่อจักรยานเคลื่อนไปตามถนนกรวดเล็กๆ เสียงล้อบดกับพื้นดังก้องในบรรยากาศที่เงียบสงัด พื้นที่ร้างนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชืดของตึกเก่าๆ ที่ถูกทิ้งร้างมานาน ปกคลุมด้วยเถาวัลย์แห้งและเศษซากสิ่งของที่ไม่มีใครสนใจ ทั้งหมดนี้ชวนให้รู้สึกหดหู่และเยือกเย็นเกินกว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเมืองใหญ่ที่คึกคัก
ขณะที่เขาปั่นผ่านท่อระบายอากาศใหญ่ของตึกเก่าตึกหนึ่ง ไนท์ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมา มันเป็นเสียงครวญครางต่ำๆ ลึกลงไปในท่อ ราวกับเสียงคนร้องไห้ เสียงที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานจนแทบทำให้หัวใจเขากระตุก เขาจอดจักรยานไว้ใกล้ๆ และเดินเข้าไปด้วยความสงสัย เสียงนั้นแผ่วลงและเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะดังขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวังที่ยิ่งทวีคูณ
ไนท์ก้มตัวลง เอียงหูฟังใกล้กับปากท่อ ระหว่างนั้นเขาเผลอสูดดมควันบางอย่างที่เล็ดลอดออกมา กลิ่นนั้นชวนให้คลื่นไส้ ราวกับสารเคมีที่ผสมผสานกับสนิมและน้ำเน่า เขารีบดึงตัวขึ้นมา ไออย่างแรงราวกับปอดจะหลุดออกมา เขารู้สึกเวียนศีรษะจนแทบยืนไม่อยู่ แต่พยายามรวบรวมสติ ปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยหัวใจที่เต้นแรงและเต็มไปด้วยคำถามที่ยังไร้คำตอบ
เมื่อถึงบ้าน ไนท์พยายามลืมความรู้สึกแปลกๆ นั้น เขาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ทิ้งตัวลงบนโซฟาและถอนหายใจอย่างโล่งอก เรย์ยิ้มให้เขาและทักขึ้นด้วยความห่วงใย “เป็นอะไรหรือเปล่า เหนื่อยเหรอ?”
ไนท์ส่ายหัว พลางแกล้งยิ้ม “ผมไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
แต่คำตอบนั้นก็ไม่อาจปิดบังอาการไอแห้งๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ เรย์มองเขาด้วยสายตาที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ก่อนจะเสนอว่า “ให้พี่พาไปหาหมอมั้ย?” ไนท์ปฏิเสธ เขาไม่ต้องการให้เรย์รู้ว่าจริงๆ แล้วเขารู้สึกแย่กว่าที่แสดงออก แต่ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความวิตก
หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ ไนท์ก็เข้าห้องนอน เขานั่งลงหน้าจอคอมพิวเตอร์และเริ่มพิมพ์ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ “การสูดดมควันที่มีกลิ่นเหม็นจากท่อระบายอากาศ” เขาอ่านข้อมูลทุกอย่างที่พบ พยายามเปรียบเทียบอาการของตัวเองกับอาการที่แสดงในผลการวิจัยหลายชิ้น บางส่วนกล่าวถึงการสูดดมสารเคมีที่อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ไอแห้ง และเวียนหัวอย่างรุนแรง แม้ว่าเขาจะไม่พบคำอธิบายที่ตรงเป๊ะ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาสูดดมเข้าไปจะเป็นควันที่เจือปนไปด้วยสารพิษที่อันตรายหรือเปล่า
ทว่า ไนท์ก็พยายามข่มตาหลับ พลางปลอบใจตัวเองว่ามันคงไม่มีอะไรเกินไปกว่าการหายใจเอาควันที่เจือปนกับฝุ่นและกลิ่นสนิมในท่ออากาศเข้าไป เขาพยายามลบความคิดนั้นออกไป แต่ลึกๆ ภายในใจกลับเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่มีใครตอบให้เขาได้
เมื่อเขาหลับตาลง ภาพของท่อระบายอากาศและเสียงครวญครางนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัว ราวกับว่ามันเป็นเสียงเรียกที่ไม่อาจหลีกหนี ไนท์พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ท่ามกลางความมืด ความรู้สึกไม่สบายใจคล้ายคลึงกับแรงกดดันที่ค่อยๆ แทรกเข้ามาในทุกห้วงความคิด ราวกับว่าภัยร้ายบางอย่างกำลังไล่ล่าตัวเขา…
ไนท์พลิกตัวอีกครั้ง ลมหายใจเริ่มหนักขึ้น ความรู้สึกแน่นท้อง และจุกอยู่ในลำคอ เสียงครวญครางที่เคยได้ยินจากท่อยังคงดังก้องอยู่ในหัว ราวกับเสียงนั้นยังไม่ยอมจากไปไหน เขาเบิกตาขึ้นมองเพดานที่มืดมิด จ้องไปยังเงาตะคุ่มๆ ที่กระทบจากแสงไฟถนนสาดเข้ามาเป็นเส้นบางๆ ทำให้เห็นเงาลางๆ ของตู้เสื้อผ้าและสิ่งของรอบห้อง ภายในใจเขายิ่งรู้สึกหดหู่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ไนท์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หวังว่าการปล่อยลมหายใจยาวๆ ออกมาจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่กลับยิ่งทำให้รู้สึกว่างเปล่า อาการเวียนหัวรุนแรงกลับมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกจุกแน่นที่เริ่มสะสมในอก เขาเอามือกุมหัวใจไว้แน่นราวกับมันกำลังเต้นแรงเกินไป ขนทั่วร่างกายลุกชัน ความกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้เริ่มก่อตัวขึ้นในใจอย่างช้าๆ
ในความมืดอันเงียบสงัด จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ เขามองไปยังประตูอย่างหวาดหวั่น ทันทีที่เสียงเคาะครั้งที่สองดังขึ้น เขาได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ของเรย์ ไนท์รู้สึกโล่งอกที่เป็นคนรักของเขาเอง เขาลุกขึ้นช้าๆ และเปิดประตูออกมา
“ไนท์ เป็นอะไรหรือเปล่า?” เรย์ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
“แค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยน่ะ” ไนท์พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ แต่ความอ่อนเพลียและเสียงที่สั่นเครือที่เขาเองก็รู้สึกได้กลับฟ้องทุกอย่าง
“นายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ พรุ่งนี้เราไปหาหมอกันเถอะ” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ราวกับอยากจะปลอบโยนเขา แต่ไนท์ก็รู้สึกว่าการปฏิเสธเป็นทางออกที่เขาเลือกเสมอ
“ไม่เป็นไรหรอก แค่พักผ่อนสักหน่อยก็คงหายเอง” เขายิ้มอ่อนๆ แม้ว่าความจริงแล้วภายในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่มั่นคง
เรย์มองหน้าเขาอยู่สักพัก เหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา สุดท้ายจึงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะบอกให้เขารีบนอนพัก ไนท์ตอบรับก่อนจะปิดประตูห้อง เขานั่งลงบนเตียง มองไปยังหน้าต่างบ้านเล็ก ลมเย็นๆ พัดเข้ามาทำให้เขารู้สึกหวิวในใจ ความรู้สึกที่คล้ายกับว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
เขานั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์ สุดท้ายก็เปิดมันขึ้นมาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ “อาการหลังสูดดมควัน” อีกครั้ง แสงจากหน้าจอฉายให้เห็นใบหน้าซีดเซียวของเขา รอยใต้ตาเริ่มคล้ำขึ้นเรื่อยๆ ขณะเลื่อนนิ้วผ่านบทความหลายร้อยบท ที่บ้างก็เตือนว่าอาการอาจรุนแรงกว่าที่คิด บ้างก็กล่าวว่าอาจไม่มีผลอะไรเลย แต่ไม่ว่าบทความไหน ก็ไม่อาจบรรเทาความกังวลในใจได้เลย
ไนท์พยายามกล่อมตัวเองให้นอนหลับอีกครั้ง แต่ภาพของท่อระบายอากาศและกลิ่นแปลกๆ ยังคงตามมาหลอกหลอนอยู่ทุกครั้งที่หลับตา เขาเห็นภาพลางๆ ของตัวเองก้มหน้าลงไปใกล้ท่อ เสียงครวญครางและกลิ่นสนิมยังคงชัดเจน เสียงเหล่านั้นทวีความดังจนกลายเป็นเสียงสะท้อนราวกับมีใครกำลังร้องขอความช่วยเหลือ จนหัวใจของเขาเต้นแรงไปด้วยความหวาดกลัว
รุ่งเช้าเมื่อไนท์ตื่นขึ้นมา เขารู้สึกเหมือนร่างกายถูกดึงเข้าสู่ความอ่อนล้าอย่างแปลกประหลาด เขาลุกขึ้นจากเตียงด้วยความยากลำบาก แขนขาหนักอึ้งเหมือนมีน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมกดทับ เขามองตัวเองในกระจก พบใบหน้าที่ซีดเผือด ริมฝีปากแห้งแตก และดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยคล้ำราวกับไม่ได้นอนมาหลายวัน
เสียงไอดังขึ้นกะทันหัน พร้อมกับเลือดสีคล้ำไหลออกมาจากจมูกอย่างช้าๆ ไนท์รีบกุมจมูกไว้ เขาแน่นิ่งไปสักครู่ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าอย่างรวดเร็ว พลางเงยหน้าขึ้นมองกระจก ภาพสะท้อนที่ปรากฏนั้นคือใบหน้าของเขาเอง แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและว่างเปล่าที่เขาเองยังไม่เคยเห็นมาก่อน
ความกลัวเริ่มแทรกซึมเข้ามาในจิตใจ ร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย มือที่กุมจมูกยังคงเปรอะไปด้วยเลือด เขายืนนิ่งไปสักครู่ก่อนจะตัดสินใจว่าจะไม่บอกใครเกี่ยวกับอาการนี้ เขาจะต้องหาทางรับมือกับมันเอง ให้ได้
“แค่เหนื่อยล้าเท่านั้น” เขาพึมพำเบาๆ เพื่อกล่อมตัวเอง แต่ภายในใจกลับเริ่มสั่นไหวด้วยความกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้
ไนท์พยายามปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติ เขายืนมองตัวเองในกระจกอยู่สักพัก ความกลัวที่ก่อตัวขึ้นในใจยังไม่คลายลงแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขาซีดเซียวราวกับคนที่กำลังใกล้หมดแรง อาการคลื่นไส้ยังคงวนเวียนอย่างไม่หยุดหย่อน เขาได้แต่คิดว่านี่คงเป็นเพียงอาการอ่อนเพลียจากการทำงานหนักและพักผ่อนไม่เพียงพอ
แต่ความสงสัยบางอย่างกลับคอยกวนใจอยู่ลึกๆ ภาพของเขาที่ยื่นหน้าเข้าไปฟังเสียงในท่อระบายอากาศ ยังคงกลับมาในความทรงจำอย่างชัดเจน เสียงครางแปลกประหลาดที่ฟังแล้วขนลุก กลิ่นสนิมที่คละคลุ้ง ความเงียบงันที่ราวกับเป็นการเตือนถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ไนท์เดินกลับไปที่ห้องนอนอย่างช้าๆ ทุกก้าวที่ก้าวเดินรู้สึกหนักหน่วง ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกดทับอยู่บนบ่าของเขา เขาพยายามเก็บความกังวลเหล่านั้นไว้ในใจและไม่แสดงออกมาทางสีหน้า เมื่อกลับถึงห้องนอน เขาทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง ปิดตาลงเพื่อพยายามข่มตาหลับ แต่เสียงไอกลับดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง
ไนท์สูดหายใจลึก พลางบอกกับตัวเองว่าเพียงแค่พักผ่อนอีกหน่อย เดี๋ยวอาการเหล่านี้คงจะดีขึ้น เขาหลับตาลงและพยายามปล่อยใจให้ว่าง แต่นาฬิกาบนข้างฝาผนังกลับเดินไปอย่างเชื่องช้า ความเงียบในห้องนอนที่มืดสนิทราวกับเวลาได้หยุดหมุน
ทันใดนั้น เสียงโทรทัศน์ที่เปิดอยู่ในห้องนั่งเล่นก็เริ่มดังขึ้นเป็นข่าวเร่งด่วน เสียงนักข่าวหญิงรายงานอย่างเคร่งเครียดจนไนท์ต้องลืมตาขึ้น
“ขณะนี้ มีรายงานว่าประชาชนจำนวนมากทั่วเขตเซนติเนลและบริเวณใกล้เคียง กำลังเผชิญกับอาการป่วยที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ รายงานเบื้องต้นระบุว่าอาการเหล่านี้มีความรุนแรงและเกิดขึ้นกับคนหลายร้อยคนในเวลาไล่เลี่ยกัน…”
ไนท์ขยับตัวนั่งหลังตรง หูจับจ้องฟังเสียงจากหน้าจอโทรทัศน์ที่อยู่ไม่ไกล
“อาการที่พบได้บ่อยได้แก่ อาการคลื่นไส้ อาเจียน เลือดกำเดาไหล และไอเป็นลิ่มเลือด” เสียงนักข่าวรายงานต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ความกังวลฉายชัดในน้ำเสียงนั้น ไนท์ฟังแล้วขนลุก หัวใจเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะเมื่อรู้สึกได้ว่าอาการเหล่านั้นคล้ายกับอาการที่เขากำลังเผชิญ
“ขณะนี้โรงพยาบาลหลายแห่งเต็มไปด้วยผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายคลึงกัน แต่ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าอาการเหล่านี้เกิดจากอะไร ทางกระทรวงสาธารณสุขเซนติเนลกำลังเร่งหาคำตอบและได้แนะนำให้ประชาชนที่มีอาการคล้ายคลึงกันรีบเข้ารับการตรวจโดยด่วน”
ไนท์นิ่งงันอยู่ชั่วขณะ ในใจเกิดความรู้สึกสับสนและหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเริ่มคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน การยื่นหน้าเข้าไปฟังเสียงในท่อระบายอากาศ กลิ่นสนิมที่คละคลุ้งคละเคล้าอยู่ในอากาศ ราวกับบางสิ่งในท่อนั้นได้ปลดปล่อยบางอย่างออกมา แล้วตอนนี้สิ่งนั้นก็ได้กลายเป็นฝันร้ายที่คืบคลานเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ
เขาสูดหายใจลึก พยายามควบคุมความหวาดกลัวในใจ เขาพึมพำเบาๆ กับตัวเอง “มันต้องไม่มีอะไร…แค่บังเอิญแค่นั้น”
แต่ในใจกลับเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไปแล้ว…