หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หกกกก เจ็ดดดดด ถ้านาฬิการักจะเดินช้าขนาดนี้ มากดมันให้เดินต่อผ่านการค้นหารักบนโลกใบนี้กันเถอะ!

SlowlyLOVE นาฬิการักเดินช้าลง - EP2.1 ชีวิตติดกล้อง โดย ริบบิ้นสีพาสเทล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตลก,รั้วโรงเรียน,แฟนตาซี,รัก,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

SlowlyLOVE นาฬิการักเดินช้าลง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตลก,รั้วโรงเรียน,แฟนตาซี,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

SlowlyLOVE นาฬิการักเดินช้าลง โดย ริบบิ้นสีพาสเทล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หกกกก เจ็ดดดดด ถ้านาฬิการักจะเดินช้าขนาดนี้ มากดมันให้เดินต่อผ่านการค้นหารักบนโลกใบนี้กันเถอะ!

ผู้แต่ง

ริบบิ้นสีพาสเทล

เรื่องย่อ

หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หกกกกก เจ็ดดดด

 

สิ่งที่ทุกคนเห็นและรับชม ณ ขณะนี้ หน้าจอคุณหรือลำโพงไม่ได้เสียงยาน แต่เป็นเสียงนาฬิกาของคุณต่างหาก เดินช้าเกินไป!

 

ข้าวกล้อง เด็กมัธยมหก ผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพ รัวชัตเตอร์เก็บทุกมุมโลกบีบอัดลงภาพแคบ เก็บช่วงเวลาประทับใจ ความสามารถนี้ทำให้ฝันของเขาใกล้เป็นจริงในอนาคต แต่ทว่า อุปสรรคบางอย่างทำให้เขาต้องพลาดท่า...

 

'โรคนาฬิการักเดินช้าลง'

 

เมื่อข้าวกล้องตายด้านในเรื่องความรัก โรคหัวใจกำเริบควบคู่กับนาฬิกาในใจติดขัด วิธีแก้ทางเดียวคือ ความรักจากใครสักคน

 

ฟังดูเหมือนหาง่ายใช่ไหม? เปล่าเลย... คนไม่เคยมีความรักจะหาใครเยียวยาใจได้

 

เพราะนาฬิกาหัวใจเดินช้าลง เกือบหยุดเดินอย่างไร้เรี่ยวแรง การตามหาคนมาดามใจ คือการกดนาฬิการักที่ดีที่สุด

 

การตามหาความรักท่ามกลางความวุ่นวายจากคนรอบข้าง เริ่มขึ้นแล้ว... มันไม่ง่ายเลยเพราะ คนที่ตามหา มีระดับความรักเกินขีดจำกัด แถมเพื่อนของเขา เจ้าชู้แจกจ่ายหัวใจไม่มีวันหมด

 

ผลจากนาฬิการักนี้ พร้อมยื่นบททดสอบให้ระยะเวลา 3 เดือน สะสมคะแนนให้ครบ 120 พ้นคำสาป และของขวัญชิ้นสุดท้ายคือรักนิรันดร์

 

ว่าแต่ความรักของข้าวกล้องจะเป็นใครเมื่อถูกจำกัดให้ปัดซ้ายหรือขวาเป็นคำใบ้เท่านั้น!

สารบัญ

SlowlyLOVE นาฬิการักเดินช้าลง-EP1 เมื่อนาฬิการัก...เดินช้าลง,SlowlyLOVE นาฬิการักเดินช้าลง-EP2.1 ชีวิตติดกล้อง,SlowlyLOVE นาฬิการักเดินช้าลง-EP2.2 ชีวิตติดกล้อง,SlowlyLOVE นาฬิการักเดินช้าลง-EP3 หัวใจผมเป็นอะไร,SlowlyLOVE นาฬิการักเดินช้าลง-EP4 จุดเริ่มต้นของนาฬิการัก (LOVE Watches)

เนื้อหา

EP2.1 ชีวิตติดกล้อง

2

ชีวิตติดกล้อง

 

            “พี่มาได้ยังไงครับ”

            ความรู้สึกแรกเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าคือใคร ทำตัวไม่ถูกเลย คนตรงหน้ายิ่งกว่าดาราหรือนักแสดงดังจากผลงานชิ้นใหญ่สักเรื่อง ความตกใจของผมเหมือนเจอตัวจริงก่อนใคร คนในวงการนี้ถ้าไม่เข้ากรุงเทพจะหาตัวยาก ถ้าออกงานต่างจังหวัดเจอก็ใช่ว่าจะได้ใกล้ชิด ทุกกันท่าไม่ให้แทรกกลาง แต่นี่ผมได้รับทั้งใจ แม้คนตรงหน้าแค่คนธรรมดาเท่านั้น

            “แวะมาเดินเล่นตามประสาคนเหงาน่ะ”

            ‘นิมมาน’ รุ่นพี่ปีสองของคณะนิเทศศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองหลวงนี้ เพราะความชอบเรื่องราวบันเทิง ทั้งเพลงและภาพยนตร์ คณะนี้เป็นเส้นทางนำไปสู่อนาคตตั้งเป้าไว้ แม้จะเก่งวิชาการแต่เรื่องการใช้ชีวิตติดเอฟ เข้าสังคมไม่เป็น ชอบปลีกวิเวกอยู่คนเดียว ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเขียนนิยายผ่านหน้าจอโน้ตบุค หมดหวังออกไปตามหารักแรกจากชายสักคน

            นี่คงเป็นครั้งแรกของการออกมาเดินเที่ยวนอกเวลาหลังจากเก็บตัวไปนาน เขาเรียนจบมัธยมปลายแบบงง ๆ เพราะไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ จะเก็บภาพถ่ายวันสำคัญหรือรอยยิ้มช่วงเวลามีความสุข นับได้น้อยไม่ถึงห้าครั้ง เขาคาดหวังว่าหลังจากนี้จะเปลี่ยนตัวเองไปหาความคึกคักมากขึ้น

            “กล้องเสียขนาดนี้ น้องจะยิ้มตอนไหนเนี่ย”

            ความเป็นห่วงของนิมมานบ่งบอกความเอ็นดูและอยากเติมกำลังใจให้น้องแข็งแรงอีกครั้ง กล้องตัวโปรดเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายขาดไป ถ้าไม่มีมันจะเก็บช่วงเวลาสำคัญผ่านภาพถ่ายตีความเป็นเรื่องราวได้มากแค่ไหน

            กล้องสีดำขนาดใหญ่กว่ามือคล้องคอทอดสายคล้องรองรับกล้องกลางอก สภาพไม่พร้อมใช้งาน เลนส์กล้องแตกละเอียด อาการน่าเป็นห่วงขนาดนี้ยังค้ำคอไว้ดูต่างหน้า เรียกว่าเท่หรือตายในหน้าที่

            “ผม... เหมือนตายทั้งเป็น”

            แหงล่ะ กล้องถ่ายรูปของข้าวกล้องเปรียบเหมือนทั้งชีวิตของเขา แปลกดีถ้าคนหนึ่งรักษาของหวงสมดุลกับความต้องการทางใจ เวลาเสียไปทำใจไม่ได้เหมือนเสียคนรักในชีวิตนั่นเอง นอกจากเก็บภาพแล้ว เอาไว้หาเลี้ยงชีพเปลี่ยนงานเป็นเงิน เสาหลักของความมั่นคงสั่นคลอนขนาดนี้ จะมีเหตุผลใดหายใจร่วมโลกต่อไปได้

            นิมมานเห็นแล้วอดสงสารและปล่อยผ่านไปไม่ได้ ต่อให้เขาไม่มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ ไม่มีพื้นฐานเบื้องต้น สอนหรือช่วยซ่อมแซมเองไม่ได้ ทำไปพังเป็นสภาพขายทิ้งไม่ทันข้ามวัน

            “เอางี้ไหม พี่ส่งซ่อมให้ได้นะ”

            นิมมานรู้สึกผิดทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้องเขาแม้แต่น้อย แค่จังหวะชีวิตเหวี่ยงหายนะเข้ามาสมพงษ์กัน ถ้าไม่เกิดขึ้น ถือกระเป๋าระมัดระวัง ชำเลืองทุกทิศทาง อย่าไว้ใจใครมาก คงไม่เกิดอุบัติเหตุส่งผลต่อไปเป็นทอด ๆ เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ช่วยได้เท่าที่ช่วย

            “ผมไม่อยากรบกวนพี่ เกรงใจครับ”

            “แต่พี่ทำให้น้องได้แผลโดยบังเอิญนะ”

            “อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ ของใช้แล้ววันนี้ดี วันหน้าพังเป็นธรรมดา ขอแค่ชีวิตผมปลอดภัยก็พอ” ฟังแล้วดูเป็นคนดีขึ้นมาใช่ไหม ข้าวกล้องชอบทำเท่ แสร้งไม่เป็นไร ทั้งที่ในใจงอแงเป็นเด็กอนุบาล สาเหตุเพราะกล้องแตกจนใช้งานไม่ได้

            “พี่อยากให้น้องสบายใจ...”

            นิมมานอาสาเป็นพ่อพระช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งอย่างเต็มใจ ผมรับไม่ได้ถ้าของหวงของใครพังไม่เป็นท่า ช่วยหารค่าซ่อมกันก็ได้ อย่างน้อยการเจอกันโดยบังเอิญทำให้เห็นว่า การออกจากพื้นที่จำกัดมาใช้ชีวิตนอกบ้านดูไม่เลว และคนแรกที่เจอกัน ไม่คาดหวังว่าเป็นข้าวกล้อง

            ถ้าไม่คาดหวังมาก แล้วคำตอบของฟากฟ้าประทานมาอย่างตรงใจ ยังเรียกว่าความบังเอิญได้ไหม

            “ขอบคุณนะครับพี่”

            ข้าวกล้องรู้สึกอบอุ่นใจ ไม่คาดคิดว่ารุ่นพี่ศิษย์เก่าห่างกันสองปี มีความเมตตาและเอาใจใส่มนุษย์ด้วยกันขนาดนี้ เคยเห็นพี่เขาในโรงเรียน จำชื่อได้ขึ้นใจ วีรกรรมเป็นตำนานเช่นกัน ให้บรรยายเป็นเรียงความ กระดาษเอศูนย์บรรจุจำนวนเกินแสนคำเอาไม่อยู่

            “สายแล้ว!”

            ผมดึงสติกลับมาหลังหลุดลอยไปไกลถึงดวงจันทร์ ไม่งั้นก็ลอยทะเลออกไปถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ยังรู้ตัวว่าต้องทำอะไรหลังจากนี้ คุยสัพเพเหระกับรุ่นพี่นิมมานนานลืมเวลา เลยเวลานัดกับแพมไปยี่สิบนาที ไม่รวมเวลาเดินทาง คูณเข้าไป ยกกำลังมหาศาล คำด่าทิ่มแทงใจไม่ต่ำกว่าระดับสูงสุดของหน้า Word

            “ยังไงรบกวนออกค่าซ่อมให้ผมก่อนนะครับ ไม่มีเวลาแล้ว”

            “ไม่เป็นไรหรอก หารกันเนอะ”

            ตอนนี้ไม่มีเวลามาตกลงว่าควรหารหรือจ่ายค่าซ่อมราคาเต็ม ขอให้ตนเองย้ายถิ่นฐานจากม้านั่งหน้าร้านสะดวกซื้อไปสวนสาธารณะใจกลางเมือง ป่านนี้ถือลูกโป่งสวรรค์ ยืนละลายเป็นน้ำกลางความร้อนระอุดั่งนรกในประเทศเขตร้อนนามสยาม แปรรูปเป็นน้ำเสียไหลตามท่อระบายน้ำเมื่อหมดความสวยงาม

            “กล้องพัง! แกถือยังไงให้เละขนาดนี้”

            ข้าวกล้องลงรถประจำทางเมื่อจอดเทียบป้ายริมถนนตามจุดตั้งของชาวเมือง วิ่งเต็มแรงทุกประเภทกีฬา ถ้าวิ่งผลัดได้อยากส่งวิญญาณเก้าชีวิตดั่งแมวสี่ขาเป็นตัวแทนเข้าเส้นชัยโดยมีแพมยืนอยู่จุดนั้น มาถึงไม่ทันหายใจระบายความเหนื่อยหอบ คำถามแรกจากปากเธอ แทนที่จะเป็นห่วงว่าระหว่างทางเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงช้ากว่ากำหนด กลายเป็นว่าเธอห่วงกล้องใช้เก็บภาพความสุขในการเที่ยวเล่นตลอดวันไม่ได้

            “คือกู...”

            “วิ่งเหมือนหมูแบบนี้ จะถึงอเมริกาตามคนอื่นทันไหม”

            “มึงใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหม หวงกูก่อนเหอะ”

            ผมอธิบายทุกเหตุการณ์ระหว่างทางให้แพมฟัง เหตุผลช้าเพราะเกิดอุบัติเหตุบางอย่างทำกล้องคู่ใจพังไม่เป็นท่า ถึงพระเอกหลักห้อยคอถึงวันมรณะชั่วคราว แต่พระรองอย่างกล้องโทรศัพท์สำรองไว้ใช้งานแทนกันได้

            ขอแค่อย่างเดียว

            เป็นห่วงชีวิตผมทำได้ไหม!

            แพมเป็นเพื่อนสนิทห้องเดียวกันมาตั้งแต่มัธยมสี่ ปัจจุบันอยู่หกทับห้าด้วยกัน อยู่กันมานานเห็นธาตุแท้ในจิตวิญญาณเธอมากมายเล่าไม่หมดภายในวันเดียวกัน ภายนอกมีดีแค่สวยแบบสาวเนิร์ด พูดง่าย ๆ คือเด็กเรียนแบบผู้หญิง น่ารักสดใสสมวัย เสียอย่างคืองอนไม่ฟังเหตุผล และที่จำขึ้นใจคือ ผมไม่ได้ทำการบ้านคณิตศาสตร์ เธอใจดีแบ่งคำตอบให้ลอกทุ่นแรงการใช้สมอง สุดท้ายค้นพบว่าคำตอบผิดหมด ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น เมื่อครูประจำวิชาเรียกให้แสดงวิธีทำ งานงอกตอบไม่ได้ โดนทำโทษให้เขียนบนกระดาน แบ่งปันให้เพื่อนทั้งหมดตรวจคำตอบ กว่าจะได้เขียนลงแบบฝึกหัดตนเอง ไม่เหลือเวลามากพอ

            ด้วยความเป็นเพื่อนนี้เอง เธอมองผมเป็นคนมีความสามารถ เวลาอยากเที่ยว ไปกับกลุ่มเพื่อนหรือสังสรรค์โอกาสพิเศษ มีผมคนเดียวเป็นช่างภาพมือฉมังเรียนรู้ทุกบททดสอบ กว่าจะคล่องตัวใช้เวลานานหลายเดือน ความเก่งไม่ได้มีราคาถูกกว่าไอศกรีมท็อปเทน ค่าวิชาและอุปกรณ์มากกว่าเงินเดือนเด็กฝึกงาน เรื่องอะไรแพมต้องขอใช้งานฟรีไม่คิดค่าแรง

            ความเป็นเพื่อนแบบไหนเหรอ ช่วยอธิบายพอสังเขป (10 คะแนน) พร้อมเว้นบรรทัดให้เขียนตอบยี่สิบบรรทัด เชื่อว่าไม่พอ เป็นอันจบ

            “โทรศัพท์แกนอกจากโทรเข้าโทรออก ทำอะไรได้บ้างเหรอ”

            “กูเข้าใจแล้ว ไม่ต้องย้ำได้ไหม”

            เรื่องมาสาย เธอบ่นหูชาจบไปหนึ่งเรื่อง พ่วงเรื่องสองเป็นรถพุ่มพวงแขวนสินค้าประเภทอาหารสดมาเป็นของประดับทำไม ช่วงเดินทางมา ใจร้อนรนต้องการถึงที่หมายประหยัดเวลาที่สุด มีเวลารับสายหรือตอบข้อความใครหรือไม่ ถึงแล้วเห็นหัวจรดเท้า ทอดเงาบนพื้นโลกหาตรีโกณมิติหรือความคล้ายได้สบาย

            แชะ!

            ผมประเมินมุมกล้องและจัดองค์ประกอบเล่นแสงเงาและตำแหน่งของนางแบบในเฟรมให้สมดุล เวลากดถ่ายเบามือทันทีหรือนับเวลา เก็บภาพเหล่านี้ไม่ต้องปรับแต่งผ่านโปรแกรมแต่งรูปใด ๆ แม้แต่น้อย

            ปัญหาคือท่าทางร้อยแปดพันเก้าของแพม องศาไม่ได้ แสงเงาไม่ดี หันข้างพุงยื่น มองตรงสีเสื้อกลืนย้อนแสง ฟังแล้วอยากให้นางแบบกิติมาศักดิ์มาทำเองให้พอใจ ไม่ต้องลงทุนช่างภาพมารองรับปัญหามหาศาลยากถอนกลับ

            “มึงจะโพสต์ท่าหรือรำไทเก๊ก”

            “กูเต้นบัลเล่ย์”

            “ดูทรงแล้วบรรลัยมากกว่า นี่สวยแล้วเหรอ”

            “ในรูปอาจไม่สวยนะ”

            “ใช่! ตัวจริงก็ไม่สวยเหมือนกัน”

            เพี๊ยะ!

            พูดอะไรแทงใจดำด้วยความสนุกปากทีไร ได้แผลกลางหลังเต็มแรงทุกรอบ มือหนักเพราะมือตบวอลเล่ย์บอลประจำโรงเรียน พูดอะไรไม่เข้าหูหน่อย มือประทับกลางหลังทิ้งรอยแดงทำผมร้องเสียงหลงทุกรอบ ขนาดผมเป็นผู้ชายยังไม่เกรงใจความอ้วนท้วมเป็นไขมันสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย

            “มือหนักแบบนี้ไม่แปลกใจ ทำไมโสดไม่มีใครเอา”

            “พูดเหมือนมึงมีแฟนแล้ว มึงไม่ต่างอะไรจากกูไหม”

            พูดถึงความรักแล้ว คนหุ่นหมีหน้าตาไม่ดีแบบผม ใครจะหมายปองเป็นเจ้าของหัวใจพร้อมใช้ชีวิตไปถึงเวลาสุดท้าย มีความสามารถในตัวใช้กล้องหากินเป็นอาชีพ แต่เรื่องความรักบกพร่อง ถ้าคนเราไม่อคติยึดความหล่อเป็นอันดับหนึ่ง คนหน้าหมูอ้วนแบบผมคงหาความรักก่อนใครได้

            “อ้วนแบบกูใครจะเอา”

            “สมัยนี้เขาไม่มองหน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ถ้าจะมีคนชอบ เขามองที่ใจและสันดานในตัว ถ้าศีลเสมอกัน คบกันรอด”

            “เดี๋ยวนะ อันนี้มึงให้กำลังใจหรือหลอกด่ากูวะ”

            ถ้าเป็นประโยคข้างต้นยังพอเข้าใจ แต่ประโยคหลังชักไม่แน่ใจแล้วว่าด่าทางอ้อมหรือตรงแบบไม่มีคำหยาบ

            “ถือว่าชมแล้วกัน อยากให้เพื่อนมีแฟนสักที”

            ผมจะรับคำแนะนำพลังบวกจากแพมเป็นแรงขับเคลื่อนตามหาความรักจากใครสักคน เผื่อว่าชีวิตแสนน่าเบื่อมองกล้องถ่ายรูปเป็นเพื่อนคลายเหงา อนาคตแต่งงานกับมันเป็นคู่ครองอยู่กินเป็นฉันผัวเมีย

            “ลืมไป มึงไม่มีใครเอา”

            ความหัวร้อนบนหัวสูงสุดของผมเดือดเบาบางเหมือนน้ำร้อนใกล้ถึงจุดเดือดได้ที่ กะจะปล่อยผ่านแล้ว สุดท้ายเธอเลี้ยวกลับมาด่าตรงกระหน่ำกระสุนปืนใส่หัวใจอันบอบบางแตกสลายกว่าเดิม

            ไม่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว ผมพาแพมไปถ่ายรูปตามมุมสวนสาธารณะ ที่นี่มีบรรยากาศงดงามเน้นสีเขียวเป็นหัวใจหลักของธรรมชาติ สายลมพริ้วไหวความเร็วระดับกลาง กระทบเสื้อผ้าโต้ลมไปตามแรง เธอเงยหน้าพร้อมยกมือขวาตั้งฉากกรีดกราย หันข้างแสดงสีหน้าแสดงความสุขกาย รอยยิ้มเส้นตรง เป็นกลาง พอใจแต่ยังไม่มากพอ เห็นแล้วอยากแกล้งให้เธอตื่นตระหนกจะได้รูปหลุดเก็บไว้แทน

            ขยับไปอีกด้านหนึ่ง ตู้โทรศัพท์สีแดงตะวันตกตามแบบชาวเมืองอังกฤษ เป็นของตกแต่งประดับไว้ใช้งานพร้อมทำเป็นจุดถ่ายรูป ผมเห็นเธอยกหูโทรศัพท์ ทำเหมือนต่อสายหาคนรักในอนาคต ขณะผมหมุนกล้องถ่ายรูปเอียงขึ้นฟ้าให้ภาพหลากหลายแนว แอบคิดในใจ ต่อสายหาคนในใจจะมีคนรับไหม ฟันธงเลย ผู้รับสายไม่ใช่เจ้าชายในอนาคต แต่เป็นเบอร์เก้าเจ็ดตัว ขอพรหนึ่งข้อแลกกับความตาย เส้นเรื่องคือภาพยนตร์ดังสองทศวรรษก่อน

            “ไอ้เวร!”

            ระหว่างถ่ายรูปหมุนกล้องตีลังกาทำเหมือนผู้กำกับภาพยนตร์ภารตะเห่อกล้องเหมือนจับครั้งแรก หมุนไปมา ตีลังกาแปดตลบ ซูมเข้าออก ถ้าบอลลีวูดต้องการตัวไปกำกับอินเดียการละคร ลูกเล่นกล้องแบบผมพร้อมรับค่าตัวมหาศาล ฝูงนกบินลงมาจิกหาอาหารนกประทังชีวิต ส่วนหนึ่งบินเข้าตู้โทรศัพท์ ใช้โอกาสนั้นเข้าไปปิดประตู พร้อมสั่งนางแบบใช้นกเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก

            กรี๊ดดด!