หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หกกกก เจ็ดดดดด ถ้านาฬิการักจะเดินช้าขนาดนี้ มากดมันให้เดินต่อผ่านการค้นหารักบนโลกใบนี้กันเถอะ!
ชาย-ชาย,ตลก,รั้วโรงเรียน,แฟนตาซี,รัก,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
SlowlyLOVE นาฬิการักเดินช้าลงหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หกกกก เจ็ดดดดด ถ้านาฬิการักจะเดินช้าขนาดนี้ มากดมันให้เดินต่อผ่านการค้นหารักบนโลกใบนี้กันเถอะ!
หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หกกกกก เจ็ดดดด
สิ่งที่ทุกคนเห็นและรับชม ณ ขณะนี้ หน้าจอคุณหรือลำโพงไม่ได้เสียงยาน แต่เป็นเสียงนาฬิกาของคุณต่างหาก เดินช้าเกินไป!
ข้าวกล้อง เด็กมัธยมหก ผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพ รัวชัตเตอร์เก็บทุกมุมโลกบีบอัดลงภาพแคบ เก็บช่วงเวลาประทับใจ ความสามารถนี้ทำให้ฝันของเขาใกล้เป็นจริงในอนาคต แต่ทว่า อุปสรรคบางอย่างทำให้เขาต้องพลาดท่า...
'โรคนาฬิการักเดินช้าลง'
เมื่อข้าวกล้องตายด้านในเรื่องความรัก โรคหัวใจกำเริบควบคู่กับนาฬิกาในใจติดขัด วิธีแก้ทางเดียวคือ ความรักจากใครสักคน
ฟังดูเหมือนหาง่ายใช่ไหม? เปล่าเลย... คนไม่เคยมีความรักจะหาใครเยียวยาใจได้
เพราะนาฬิกาหัวใจเดินช้าลง เกือบหยุดเดินอย่างไร้เรี่ยวแรง การตามหาคนมาดามใจ คือการกดนาฬิการักที่ดีที่สุด
การตามหาความรักท่ามกลางความวุ่นวายจากคนรอบข้าง เริ่มขึ้นแล้ว... มันไม่ง่ายเลยเพราะ คนที่ตามหา มีระดับความรักเกินขีดจำกัด แถมเพื่อนของเขา เจ้าชู้แจกจ่ายหัวใจไม่มีวันหมด
ผลจากนาฬิการักนี้ พร้อมยื่นบททดสอบให้ระยะเวลา 3 เดือน สะสมคะแนนให้ครบ 120 พ้นคำสาป และของขวัญชิ้นสุดท้ายคือรักนิรันดร์
ว่าแต่ความรักของข้าวกล้องจะเป็นใครเมื่อถูกจำกัดให้ปัดซ้ายหรือขวาเป็นคำใบ้เท่านั้น!
3
หัวใจผมเป็นอะไร
“ข้าวกล้อง แกได้ยินเราไหม แกยังหายใจอยู่ไหม...”
เสียงก้องหูของหญิงเสียงแหลมดังต่อเนื่องเป็นเสียงนาฬิกาปลุกดึงวิญญาณกลับเข้าร่าง ก่อนหน้านั้นไปทานปิ้งย่างเกาหลี วางแผนไปจับจองไอศกรีมนมฮอกไกโดอยู่เลย ไหงมานอนอยู่บนเตียงราบมองเพดานห้อง สาดแสงสีขาวจ้าจากหลอดไฟ เป็นอะไรไปทำไมมึนงงไปหมด ความจำเลอะเลือนเหมือนละครไทยเหรอ
“แพม...”
ผมยังจำชื่อคนตรงหน้าได้เป็นอย่างดี เธอชื่ออะไร เรียนที่ไหนและเป็นอะไรกับผม น่าแปลกเหมือนกัน วูบหมดสติเพราะเหตุใด ถึงย้ายสังขารมานอนโรงพยาบาลได้
“แกมีเงาอยู่ไหม”
“กูยังไม่ตาย!”
ฟื้นกลับมาโลกความเป็นจริง หายใจพยุงร่างกายหนึ่งชีวิตไปต่อจนกว่าหมดเวลาสังขาร ค่อย ๆ ดัดตัวขึ้นจากเตียงช้า ๆ นั่งมองรอบห้องพบว่านอนรักษาตัวอยู่ในห้องพัก มีผ้าก๊อตแปะหัวใจด้านซ้าย สิ่งนี้เองทำตื่นตระหนก อย่าบอกนะว่าถูกผ่าหัวใจไปขายในเว็บมืดให้ชายชุดดำ
“แกจะบ้าเหรอ ถ้ามึงไม่มีหัวใจ ตายไปแล้ว”
“แล้วกูเป็นอะไร”
แพมไม่บอกผมเสียทีว่าเป็นอะไร ทำไมเข้าโรงพยาบาลนอนพักไม่นาน แต่เหมือนรอเวลาแจ้งข่าวร้าย ทั้งชีวิตไม่เคยเป็นโรคร้าย ใบรับรองแพทย์ไม่มี ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บหนักแล้วไหงตายรังแบบนี้
“เอ่อ... กูก็ไม่รู้ว่ะ หมอกับพยาบาลประชุมกันใหญ่เลย หรือว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาว...”
“มึงอย่าแช่งกูแบบนี้ได้ไหม ขนลุก!”
ยิ่งแพมพูดอะไรคาดเดาไม่ได้ หายนะไม่ต่างจากโรคหัวใจ ใครจะทนฟังได้ ยิ่งคิดแล้วหวดระแวงนอนรอวันตายได้เลย มันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้ ผมคงพักผ่อนน้อย ทานอาหารเยอะ กินนอนไม่ย่อยหรือเครียดกับการหาที่เรียนต่อ ผลจึงเป็นแบบนี้ ไม่ได้เป็นโรคหัวใจอ่อนแรง ปวดร้าวเหมือนระยะสุดท้าย
“เดี๋ยวช่วงบ่ายรอพบแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจนะครับ”
“เดี๋ยวครับหมอ ผมเป็นโรคหัวใจขั้นไหนครับ”
อยากถามหมอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าตนเองเป็นโรคหัวใจหรือไม่ สิ่งที่พูดขึ้นคือเรื่องจริงหรือไม่ ฟังแล้วใจคอไม่ดีเลย ทำใจไม่ทัน อาการกำเริบอีกรอบคงไปพบพระอินทร์บนสวรรค์
สีหน้าของหมอวัยกลางคน ดูอ้ำอึ้งจะพูดก็ไม่ ถ้าร้ายแรงขนาดนั้นอย่าแจ้งดีกว่า เกิดฟังแล้ววูบดับไม่ฟื้นตลอดไป น่าเสียดาย อนาคตของเด็กแบบผมควรไปไกลกว่านี้
“ไว้พบแพทย์เฉพาะทางนะครับ”
“หมอ! เดี๋ยวก่อนสิ”
ชักไม่แน่ใจแล้วว่าตนเองเป็นโรคหัวใจขั้นไหน ถ้าหมอไม่แจ้งหรือวินิจฉัยส่งไปพบแผนกโดยตรง แสดงว่าอาการร้ายแรง นาทีนั้นผมร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว ชีวิตยังไม่ถึงวัยรุ่นเต็มตัวสร้างอนาคต โชคชะตาเล่นตลกสั่งให้ตายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมไม่ต้องการแบบนี้
“มึงงง! อย่าพึ่งวูบได้ไหม”
แพมไม่ต้องฉุดผมดีกว่า โรคหัวใจใช่เรื่องเล็กที่ไหน ไม่ว่าเป็นขั้นไหน สุดท้ายถ้าเครียดหรืออาการกำเริบรักษาไม่ทัน ชีวิตหาไม่ทำอย่างไร ตอนนี้ผมคิดไปไกล ระแวงไม่ยอมรับความจริง ไม่อยากซ้อมเขียนจดหมายลาตาย สั่งเสียเหมือนพินัยกรรม ชีวิตควรไปต่อมากกว่านี้ไม่ใช่จบลง หายใจรอวันตายบนเตียงไร้อิสระ
“หายใจเข้าออก ทำสมาธิให้โล่ง อย่าตื่นตระหนก มันไม่มีอะไรน่ากลัว”
“กูจะกลัวเพราะมึงอธิบายให้เห็นภาพนี่แหละ!”
มันเรื่องอะไร แพมต้องอธิบายขยายไทยเป็นไทยอีกที รู้อยู่แล้วว่าโรคหัวใจร้ายแรง ไม่ต้องต่อเติมจินตนาการให้ผมวิตกกังวลกว่านี้ได้ไหม
หายใจทำสมาธิอยู่พักหนึ่ง รวบรวมความกล้าเข้าห้องตรวจเฉพาะทางตรงหน้า ก่อนเปิดประตูใจเต้นแรงยิ่งกว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งสติพร้อม ผลักประตูเข้าไปหลังเคาะให้สัญญาณกับเจ้าของห้อง
“สวัสดีครับ”
ผมทักทายคนตรงหน้า หันหลังโดยพนักเก้าอี้ล้อหมุน ปิดบังตัวตนไม่ปกติ เดินเข้าห้องมาสิ่งแรกควรเจอนอกจากโต๊ะทำงานประดับแผ่นกระจกใสสลักชื่อและตำแหน่งงานของผู้รักษา เนินแฟ้มเอกสารซ้อนเป็นคอนโดชาบู ไม่ก็วางโน้ตบุคเปิดไว้แสดงการทำงานจริงจัง
เปล่าเลย... คนตรงหน้าจำลองตนเองเหมือนรายการประกวดร้องเพลงชื่อดัง เธอหันหลังให้ผม เรียกให้ตอบรับถึงหมุนเก้าอี้หันมาราวกับเนื้อเสียงอันไพเราะถูกใจพร้อมอ้าแขนรับเข้าทีมไปฝึกเข้ารอบต่อไป
“คุณนนธวัสใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ”
“เชิญนั่งก่อนค่ะ”
คนตรงหน้าแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ แพทย์หญิง เกณิกา เวณิสว่างโรชน์ ผู้รักษาโรคหัวใจเฉพาะทาง ปกติโรคหัวใจมีหลายระดับ หนักเบาต่างกันแต่กรณีผมทำไมถูกส่งมารักษาที่ห้องตรวจลับภายในอาคาร เดินเข้ามาเส้นทางซับซ้อนยิ่งกว่าเขาวงกต ท่าทางของเธอลึกลับไม่แพ้กัน
ภายนอกของเธอดูสวย หน้าโหด ปากแดงราวกับนางร้ายในละคร มีแพทย์ที่ไหนแต่งหน้าทาปาก ผิวขาวสวย ผอมเป็นนางแบบ บุคลิกไม่น่าเชื่อถือจะรักษามนุษย์ร่วมโลกต่อชีวิตได้หรือไม่ มั่นใจแค่ไหนฝากความหวังกับคนแบบนี้ นั่งไปครุ่นคิดในใจ จะตายหรือไม่
“ผมเป็นอะไรครับหมอ” คำถามของผมถือเป็นการวัดใจคนตรงหน้า ตอบไม่ดีไม่น่าฟัง ขออนุญาตเปิดหน้าหมอได้ไหม ผู้หญิงก็เถอะ ไม่เคยมีประวัติการรักษาโรคร้ายแรง ไหงปวดหัวใจเหมือนคนเข้าระยะสุดท้าย
“คุณเป็นโรคหัวใจ...”
“ไม่จริง ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาด”
“คุณฟังดิฉันก่อนสิคะ หัวเข่าไปเป็นส่วนหนึ่งบนหน้าอกซ้ายหรือไง ถ้างั้นสมองของคุณย้ายจากบนไปอยู่หัวล่าง ถึงคิดอะไรไม่เหมือนปัญญาชน”
“หมอออ!”
นึกแล้วเชียว หน้าสวยปากดุเหมือนกัน ด่าไม่มีคำหยาบคายทำไมเจ็บเข้าเนื้อ ขอจริงจังเลยได้ไหม รักษาฟรีหรือไม่ ร้ายแรงแค่ไหน ไม่อยากจบชีวิตตอนนี้
“ดิฉันขอตรวจร่างกายและระดับหัวใจคุณก่อนค่ะ”
แพทย์หญิงทำการตรวจร่างกายผู้ป่วยทางใจคนนี้เป็นการวินิจฉัย อยากทราบว่าสาเหตุมาจากอะไร ดูจากภายนอก น้ำหนักก่ำกึ่งระหว่างสมส่วนกับอ้วนเกินมาตรฐาน มีเวลาไปลดน้ำหนักให้ดีที่สุด อาจเพราะความเครียดส่วนหนึ่ง พักผ่อนน้อย ทำเพลียไม่ดูแลตัวเองให้ดี
ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม ข้าวกล้องกังวลไม่เป็นอันทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย สมองวนเวียนกับคำว่าโรคหัวใจตั้งแต่รู้สึกตัวอีกครั้ง รอเวลาตรวจเสร็จกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง รอบนี้เขาปรับตัวให้เข้ากับห้องพื้นที่จำกัด รายล้อมไปด้วยบอร์ดความรู้กายภาพ หุ่นมนุษย์โครงกระดูก ยันโมเดลรูปหัวใจ เห็นแล้วปลงเหมือนเข้าวัดไม่มีผิด
“ผม...”
“คุณเป็นโรคนาฬิการักเดินช้าลงค่ะ”
โรคนี้บรรจุในวิชาการแพทย์เล่มไหน ทำไมผมไม่เคยได้ยินมาก่อน คนตรงหน้าคือผู้ถือใบประกอบวิชาชีพจริงหรือไม่ ช่วยอธิบายก่อนจะมองว่าเป็นแพทย์เถื่อน ตรวจไม่กี่ที วินิจฉัยอะไรไม่เกี่ยวโยง
“มีด้วยเหรอครับ”
“ไม่แปลกใจก่อนเข้ามาพบดิฉันหรือคะ คือหมอคนก่อนหน้าไม่สามารถอธิบายได้เต็มปากเพราะคุณเป็นคนแรกที่เป็นโรคใหม่ ไม่เคยมีนักวิจัยคิดค้นค่ะ”
ปรบมือ!
ไม่ทราบว่าคนตรงหน้าปรบมือเล่นใหญ่เฉลิมฉลอง จำลองจุดพลุกระดาษหรือรอให้เจ้าของวันเกิดเป่าเทียนอธิษฐานให้คำขอเป็นจริง ร่วมยินดีกับมนุษย์คนแรกได้รับโรคใหม่พร้อมแพร่เชื้อ พูดแบบนี้มาจากหมอได้อย่างไร ฟังไม่ผิดใช่ไหม
“เอาจริง ๆ หมอไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”
โรคนาฬิการักเดินช้าลง ถือเป็นโรคใหม่ไม่เคยคิดค้นหรือพบจากสายพันธุ์ใดของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ เกริ่นได้ว่า นาฬิกาบนโลกสามารถบอกโมงยามแต่ละช่วงเวลาได้ ประกอบเข็มสั้นยาวและวินาที สามส่วนนี้ยังไม่พอ ถ้าไม่มีตัวไขลานให้เดินต่อ จะบอกเวลาได้อย่างไร
นอกจากนาฬิกาใช้บอกเวลา ยังสามารถวัดได้ว่าเวลานานแค่ไหนจะเดินช่วงไกลที่สุด ครบหนึ่งวันได้กี่ครั้ง ความรักเช่นกัน ต่อให้นานแค่ไหนการใช้ชีวิตดำเนินต่อไปไม่มีวันหยุดเหมือนนาฬิกา ต่างกันแค่เวลาหมดแรง ใส่ถ่านหรือหมุนลานไขสามารถไปต่อ ผิดกับมนุษย์หากหมดแรงขั้นสุด ไม่มีโอกาสไปต่อ ตายคือคำตอบสุดท้าย
“ความรักก็เหมือนนาฬิกาค่ะ ถึงวันนี้ยังไม่มีความรัก ตัวเราก็ต้องไปต่อแม้ไร้สิ่งเยียวยาใจ...”
ผมฟังสิ่งที่แพทย์หญิงพูดมา ไม่ค่อยเข้าใจ ขนาดแปลไทยเป็นไทยอีกทียังไม่ทราบว่าโรคนี้อะไรเป็นสาเหตุ
“พูดง่าย ๆ ให้เข้าใจก็คือ ถ้าคุณไม่อยากเป็นโรคหัวใจ รีบตามหาความรักจากใครสักคนบนโลกจะดีที่สุดค่ะ”
“เดี๋ยวนะ หมอเป็นหมอหรือกามเทพ”
ที่พูดไปก่อนหน้าไม่เข้าใจสักคำ เมื่อหมอพูดเหมือนเป็นกามเทพ เข้าใจทันที สรุปความได้ว่าถ้าตนเองไม่สามารถหาใครมาเติมเต็มให้ช่วงเวลาของทุกวันมีความสุขในเชิงรักแท้ หัวใจกำเริบวนกลับเป็นมนุษย์ชาติหน้าไม่ได้ถ้ารักษาไม่ทันการ
“หมอจริงปะเนี่ย ใต้โต๊ะมีของบูชามูเตลูไหม”
ถ้าใต้โต๊ะทำงานของแพทย์หญิงเกณิกามีของบูชา และองค์เทพหลากหลายความเชื่อ ผมไม่สามารถเรียกว่าหมอรักษาคนแต่เป็นหมอดูล้างบางด้วยไสยศาสตร์ รักษาฟรีก็จริง แต่หมอไม่ควรมายัดเยียดให้เหมือนผมเป็นคนงมงายเขลาปัญญา
“ไม่มีค่ะ มีแต่ตะปูเสกเข้าหัวใจคุณ”
แพทย์หญิงยังไม่จบคำแนะนำ หลังจากแจ้งโรคแล้ว หน้าที่ต่อไปของเธอ ก้มลงไปหยิบของในลิ้นชักข้างโต๊ะ กล่องสีแดงใบหนึ่งปิดผนึกเป็นของใหม่ แกะออกมาพ้นความมืดรอบกล่อง เผยนาฬิกาข้อมือสีแดงสะท้อนแสงหน้าจอเคลือบกระจกใส ตัวนาฬิกาสีแดง ยกเว้นหน้าจอดิจิทัล ปุ่มกดหลากหลายซ้ายขวา ดูแล้วสวยงาม หลงใหล
ว่าแต่หมอเอามาให้ผมฟรีเพื่อเหตุใด นี่ไม่ใช่รายการขายสินค้าคั่นละครจบหนึ่งช่วงสักหน่อย
“นี่คือ LOVE Watches ที่ดีที่สุดต่อการรักษาโรคหัวใจของคุณค่ะ”
“วอท เดอะ ฟัค!”