ถึงจะบังเอิญได้รู้จักแต่กลับรักด้วยความตั้งใจ

สยบรักนักล่า - ตอนที่ 6 สร้างเรื่องสร้างราว โดย อติญา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ไทย,ยุคปัจจุบัน,สยบรักนักล่า ,โรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สยบรักนักล่า

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ไทย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สยบรักนักล่า ,โรแมนติก

รายละเอียด

สยบรักนักล่า โดย อติญา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ถึงจะบังเอิญได้รู้จักแต่กลับรักด้วยความตั้งใจ

ผู้แต่ง

อติญา

เรื่องย่อ

เพราะผิดหวังกับความรักครั้งแรกอย่างแสนสาหัสแพรรัมภาจึงปิดหู ปิดตา และปิดใจตัวเองแถมยังแอบตั้งปณิธานไว้ในใจของตัวเองอีกว่าจะไม่สนใจผู้ชายหน้าไหนอีกชีวิตนี้ขออุทิศให้กับการทำมาหากินแต่เพียงอย่างเดียวแต่ใครมันจะไปรู้ว่าคนที่บังเอิญพบเจอกันโดยบังเอิญแถมเธอยังเข้าใจเขาผิดจะกลายเป็นคนเธอสามารถเปิดใจตัวเองได้อีกครั้งหนึ่ง

 

นิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนิยายชุดสยบรัก ประกอบด้วย

1.       สยบรักนักล่า โดย อติญา

2.       สยบรักนางร้าย โดย ปัทมาลา

สารบัญ

สยบรักนักล่า-ตอนที่ 1 ตัวท็อป,สยบรักนักล่า-ตอนที่ 2 บังเอิญจังเลยนะครับ,สยบรักนักล่า-ตอนที่ 3 เรื่องมันมีอยู่ว่า,สยบรักนักล่า-ตอนที่ 4 โจทก์เก่า,สยบรักนักล่า-ตอนที่ 5 แฟนเก่าคนเปรต,สยบรักนักล่า-ตอนที่ 6 สร้างเรื่องสร้างราว,สยบรักนักล่า-ตอนที่ 7 เรื่องเข้าใจผิด,สยบรักนักล่า-ตอนที่ 8 ในฐานะผู้หวังดี,สยบรักนักล่า-ตอนที่ 9 งานพิเศษ,สยบรักนักล่า-ตอนที่ 10 ทำงานสนุกทุกวัน

เนื้อหา

ตอนที่ 6 สร้างเรื่องสร้างราว

หลังจากบังเอิญได้พบคนรักเก่าอีกครั้งทำให้แพรรัมภารู้สึกว่าตาขวาของเธอจะกระตุกติดกันแบบแปลกๆ ตอนแรกก็ไม่อยากจะเชื่อเรื่องตากระตุกขวาร้ายซ้ายดีแต่พอมันกระตุกได้วันที่สี่เธอก็คิดว่าเชื่อเอาไว้หน่อยมันก็คงไม่เสียหายอะไรโดยสิ่งที่ทำให้เธออยากเชื่อเรื่องงมงายนี้ก็ตรงที่อดีตเพื่อนรักแต่ปัจจุบันเป็นเพื่อนร้ายอย่างชีวาพรถ่อสังขารหอบท้องป่องๆ ของตัวเองมาตั้งใจวีนแพรรัมภาถึงที่ทำงาน

“ถ้าใจคอเธอจะไม่ฟังอะไรอย่างน้อยๆ ก็ค่อยพูดค่อยจากันหน่อยก็ได้นะฉันไม่อยากให้คนผ่านไปผ่านมาเขาเข้าใจผิดว่าฉันรังแกคนท้อง ถ้าสามีไม่กลับบ้านที่เธอต้องทำคือไปตามหาเขาไม่ใช่มาอาละวาดใส่คนอื่น มายืนด่าอยู่แบบนี้ก็ไม่มีใครตามสามีให้เธอได้นะชีวาพรและที่สำคัญมันทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนด้วยเพราะตรงนี้มันเป็นที่ทำงานไม่ได้เป็นสถานที่ส่วนตัว” หลังจากยืนฟังหญิงสาวที่มีท้องกลมๆ ยื่นออกมาเล็กน้อยด่าตัวเองสาดเสียเทเสียอยู่หน้าร้านแพรรัมภาก็ตัดสินใจตะโกนสวนไปเพื่อให้ชีวาพรหยุดคลั่งไม่เช่นนั้นมันจะเดือดร้อนกันไปทั่ว

ตอนเช้าลูกค้ายังไม่ค่อยเข้าร้านแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาเพื่อจับจ่ายซื้อของอย่างน้อยๆ ศูนย์อาหารและซูเปอร์มาร์เก็ตก็ล้วนแล้วต้องเดินผ่านหน้าร้านเครื่องสำอางด้วยกันทั้งนั้นพอใครๆ เดินมาเห็นคนท้องยืนชี้หน้าด่าอะไรไม่รู้อยู่แบบนี้แล้วคนเขาจะคิดยังไง

“ทำมาเป็นพูดดีไปนะผ้าแพรลักกินขโมยกินอยู่เธอนึกว่าคนอื่นเขาจะไม่รู้สันดานตัวเองหรือไงกัน” ฝั่งคนท้องอ่อนๆ ที่หึงหวงสามีจนหน้ามืดตามัวก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้วเมื่อระยะนี้จู่ๆ สามีกลับบ้านไม่ตรงเวลาเธอก็พุ่งเป้ามาหาแพรรัมภาอดีตคนรักของสามีทันที

“อย่าเอานิสัยขอตัวเองมาโยนให้คนอื่นแบบนี้สิไม่อายปากบ้างเหรอที่พูดเรื่องลักกินขโมยกินออกมาคนที่ขโมยของคนอื่นกินจนพุงกางแบบนั้นดูท่าจะไม่ใช่เรานะ กลับไปเถอะที่ตรงนี้ไม่มีคนที่เธอตามหาแน่นอนแต่ถ้าเธอยืนยันที่จะยืนด่าอยู่ตรงนี้ฉันก็คงต้องเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยให้เข้ามาจัดการ” เรื่องที่จะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้นแพรรัมภาไม่ได้พูดเพื่อขู่หรือว่าล้อเล่นเพราะถ้าหากมีลูกค้าที่มีปัญหาทุกร้านสามารถแจ้งพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอมมูนิตี้มอลล์ให้มาจัดการให้ได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือว่าเรื่องใหญ่

“คนหน้าด้านหน้าทนอย่างแกจะพูดอะไรก็ได้แพรรัมภาอย่ามาตีหน้าซื่อทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังตอหลดตอแหลอยู่” เหมือนว่าตอนนี้คนที่ลมเพชรหึงตีเข้าหน้าจะไม่สนใจอะไรแล้วพร้อมจะป้ายความผิดให้คนตรงหน้ารับไว้แต่เพียงผู้เดียว

“ต้องให้สอนไหมว่าต่อไปนี้ต้องคิดให้ดี คิดให้เยอะเธอเองก็ไม่ใช่ว่าตัวคนเดียวแล้วอย่ามาเอาแต่ใจไม่เข้าเรื่องมันไร้สาระแถมยังเสียเวลาทำมาหากินของคนอื่นอีก ถ้าไม่คิดถึงใครก็คิดถึงลูกในท้องให้มันมากหน่อยเถอะขนาดยังไม่เกิดแม่ก็พามาลำบากถึงขนาดนี้แล้ว” เมื่ออีกฝ่ายเหมือนจะอึ้งอยู่กับคำพูดของเธอแพรรัมภาจึงเดินเข้าร้านและส่งสัญญาณให้พนักงานที่เข้ากะเช้าด้วยกันแจ้งพนักงานรักษาความปลอดภัยในทันทีในเรื่องนี้เธอไม่ผิดจึงจะไม่ยอมเสียเวลาไปต่อปากต่อคำด้วยเป็นอันขาด

นอกจากจะเหนื่อยเปล่าแล้วมันก็ไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยอย่างที่รู้ๆ กันว่าชีวาพรไม่มีทางมองเธอในแง่ดีขึ้นมาถ้าผู้หญิงคนนี้เชื่ออะไรแล้วก็จะมั่นใจในความคิดนั้นของตนเองถ้าไม่อยากเหนื่อยเปล่าก็แค่ไม่เอาตัวกระโดดลงไปในเกมด้วยก็เท่านั้น

เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนคุมสถานการณ์อยู่ห่างๆ ได้รับคำขอจากร้านค้าให้มาดูแลความเรียบร้อยก็ขยับเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในเวลาไม่ถึงนาทีจากที่ชีวาพรยืนแหกปากด่าแพรรัมภาเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เป็นผู้หญิงเข้าไปพูดคุยก็ยอมเงียบและกลับไปโดยไม่มีเรื่องที่ต้องลงไม้ลงมือให้ต้องอับอายกันไปมากกว่านี้

“คนนั้นมันน้ำหวานเพื่อนสนิทเราไม่ใช่เหรอผ้าแพรพี่เคยเห็นว่าเมื่อก่อนมาซื้อของร้านเราอยู่บ่อยๆ นี่นา”

เมื่อเหตุการณ์กลับเข้าสู่ความสงบพี่สาวที่เข้าเวรเช้าด้วยกันก็เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงเนื่องจากตัวเธอก็ทำงานร่วมกับผ้าแพรมานานมากแล้วคนสอนงานให้เด็กคนนี้ก็เป็นเธอทั้งหมดจนเรียกได้ว่าทั้งสองคนเป็นคู่หูในที่ทำงานตัวจริงเสียงจริงเลยก็ว่าได้

“เคยเป็นมากกว่าพี่สาวจำแฟนแพรได้ไหม รักษ์เขาแอบคบกับน้ำหวานแล้วที่ป่องๆ ในท้องนั้นก็ผลผลิตของทั้งคู่” เรื่องที่ตัวเองเลิกกับคนรักนั้นแพรรัมภาไม่ได้ปริปากบอกให้ใครรู้เธอทั้งเก็บอาการและสงบปากสงบคำเอาไว้เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นห่วงโดยเฉพาะพี่สาวที่เป็นห่วงเธอไม่ต่างจากแม่อีกหนึ่งคน

“เฮ่อ คนเรามันก็ทำกันได้ลงคอคบหากันมาตั้งนานแบบนี้สินะที่เขาเรียกว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ แต่ไม่ต้องไปเสียดายอะไรหรอกอย่างผ้าแพรของพี่ต้องได้เจอคนดีๆ อีกแน่นอน แต่เรามันก็เหลือเกินจริงๆ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่ปรึกษาหรือมาเล่าให้พี่ฟังบ้างถึงจะช่วยอะไรไม่ได้อย่างน้อยๆ มันยังได้ระบายบ้างไม่ใช่เอาแต่เก็บไว้คนเดียวแบบนี้เดี๋ยวก็อกแตกตายกันพอดี” วาสนาพูดปลอบแกมตำหนิเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องที่เก็บเรื่องไม่สบายใจเอาไว้ที่ตัวเองคนเดียวเรื่องใหญ่ขนาดนี้แท้ๆ แต่ไม่มีหลุดปากพูดออกมาเลยสักคำ

“แพรก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเลยพี่สาวตอนนั้นมันทั้งงงทั้งโกรธมึนหัวไปหมดเหมือนมีคนเอาไม้มาตีเข้าแสกหน้าก็ยังงงตัวเองอยู่เหมือนกันที่ผ่านมาได้แต่กว่าจะจบเรื่องก็วุ่นวายอยู่หลายเดือนเหมือนกันพี่รู้ใช่ไหมว่าแพรกับรักษ์เก็บเงินด้วยกันเตรียมเอาไว้แต่งงาน

พอเลิกกันแพรก็ต้องทวงเงินของแพรคืนสิแต่กว่าจะได้มาเล่นเอาปากเปียกปากแฉะต้องเข้าไปคุยกับพ่อแม่เขาให้ช่วยจัดการก็ยังดีที่ครอบครัวเขาเข้าใจแล้วก็ช่วยกันกดดันให้เขาคืนเงินมาเงินทั้งชีวิตของแพรเลยนะพี่สาวถ้าเขาไม่คืนก็ใจร้ายใจหมามากเกินไปแล้ว” แม้มันจะเป็นเงินเพียงห้าแสนบาทตามที่พรชีวาและบริรักษ์ใช้พูดใส่หน้าเธอเวลาที่ไปทวงเงินคำว่าแค่ของคนอื่นแต่มันกลับเป็นคำว่าตั้งสำหรับเธอเงินตั้งห้าแสนบาทชีวิตนี้ไม่รู้ว่าจะหาได้จากที่ไหนอีกแล้ว

“โอ๊ย ได้ยินแล้วพี่ก็โมโหแทนเราจริงๆ เลยผ้าแพร ขวัญเอ๊ยขวัญมานะเอาไว้ว่างๆ พี่จะพาไปวัดเราไปทำบุญตักบาตรแล้วก็ไปรดน้ำมนต์ล้างซวยสักหน่อยต่อจากนี้ไปจะได้มีแต่สิ่งมงคลเข้ามาในชีวิต ลูกค้ามาละเดี๋ยวพี่ไปดูแลเองวันนี้เราอยู่เคาน์เตอร์ไปก่อนก็แล้วกันยังไม่ต้องออกไปคุยกับใคร” วาสนาที่เข้าใจเรื่องของการมีชีวิตคู่อย่างถ่องแท้เพราะก่อนที่เธอจะได้สามีที่ดีคนนี้มาชีวิตของหญิงสาวก็ต้องผ่านการหย่าร้างมาถึงสองครั้งสองคราซ้ำร้ายยังเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้วตั้งหนึ่งครั้งจากคนที่เคยพูดว่ารักเธอนักรักเธอหนาแต่เมื่อสันดานเดิมออกก็ทุบตีเธอเหมือนไม่ใช่คน

วันนั้นทั้งวันสายตาของผู้คนในคอมมูนิตี้มอลล์ก็มองมาที่แพรรัมภาด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่สำหรับตัวหญิงสาวเองที่มั่นใจว่าเธอไม่ผิดเพราะได้ไปข้องเกี่ยวกับสามีใครอย่างที่ถูกกล่าวหาจึงไม่ได้ให้ความสนใจสายตาที่อยากรู้อยากเห็นพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ผ้าแพรกลับไปก่อนเลยเดี๋ยวพี่อยู่รับกะดึกเองวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้วเราน่ะไหนจะต้องกลับไปขายข้าวอีกกลับไปเร็วหน่อยจะได้มีเวลาพัก” วันนี้วาสนาอนุญาตให้แพรรัมภากลับบ้านก่อนเวลางานเนื่องจากที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้าและเพราะน้องเจอเรื่องน่าปวดหัวมาตั้งแต่เช้าแล้วด้วยเธอจึงไม่อยากให้น้องต้องมาฝืนร่างกายปั้นหน้ายิ้มต้อนรับลูกค้าอีก

“กำลังจะไปแล้วค่ะแต่พอดีเจอคนหน้าคุ้นๆ น่ะเลยหยุดดูหน่อย” คนหน้าคุ้นๆ ที่ว่าก็คือชายหนุ่มที่ไว้ผมยาวเป็นเอกลักษณ์ซึ่งต่อให้แพรรัมภาเห็นแค่ด้านหลังของเขาเธอก็มั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางจำคนผิด

“อ้อ จะไม่คุ้นได้ยังไงล่ะก็นั่นมันคุณภพเจ้าของที่นี่พี่ได้ยินข่าวมานะว่าแถวนี้มีบาร์โฮสต์ใช่ไหมนะอันนั้นก็เป็นของคุณเขาเหมือนกัน คนอะไรก็ไม่รู้หล่อตั้งแต่โคนผมจรดปลายเท้า” วาสนาที่เดินตามออกมาดูถึงหน้าร้านยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่น้องสาวบอกว่าคุ้นตานั้นเป็นใครคนทั้งคอมมูนิตี้มอลล์น้อยคนที่จะไม่มีใครที่ไม่รู้จักคุณสิรภพเจ้าของที่นี่แถมยังเป็นเจ้าของสถานบันเทิงอีกหลายแห่ง

“เขาเป็นเจ้าของที่นี่หรือพี่สาว โฮสต์คลับก็ด้วยเหรอ” เมื่อได้ยินพี่สาวพูดออกมาเช่นนั้นแพรรัมภามีอาการหน้าแดงไปถึงใบหูเมื่อเธอย้อนคิดไปถึงวีรกรรมที่ตัวเองได้เคยทำเอาไว้

ทั้งเรียกเจ้าของมาบริการเพราะคิดว่าเป็นโฮสต์แถมยังเมาให้เขาต้องมาส่งถึงอพาร์ตเมนต์แล้วไหนจะปล่อยให้เขาส่งคนมารับมาส่งเวลาที่จะไปเที่ยวนี่เธอเผลอใช้ชีวิตแบบอภิสิทธิ์ชนขนาดนั้นไปได้อย่างไรกันคิดไปแล้วก็ขนลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เลยจริงๆ

“รู้สึกกิจการที่คุณเขามีจะมากกว่านั้นแต่ที่เขาตั้งใจทำที่สุดก็เหมือนจะเป็นทั้งสองที่นี่แหละนอกจากนั้นน่าจะเป็นพวกโครงการคอนโดนะเท่าที่พี่เคยได้ยินมา เอาล่ะอย่ามามัวแต่คุยรีบกลับบ้านได้แล้วเราน่ะเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน” วาสนายืนโบกมือส่งที่หน้าร้านซึ่งคนที่โดนไล่กลับบ้านก็ไม่ได้อิดออดอะไรเพราะยังมีภารกิจอีกหลายอย่างให้ต้องกลับไปทำในช่วงเย็นวันนี้

วันนี้แพรรัมภาไม่ได้แวะห้างค้าส่งเช่นทุกวันเพราะว่ายังมีวัตถุดิบอยู่เต็มตู้เย็นแต่เธอเลือกที่จะแวะตลาดเล็กๆ ระหว่างทางกลับอพาร์ตเมนต์เพื่อหาซื้อของสดเล็กๆ น้อยๆ มาเพิ่มเติมอย่าคิดว่าแค่ตลาดนัดขนาดเล็กแล้วจะไม่มีของดีในบางครั้งเธอก็พบวัตถุดิบล้ำค่าจากที่นี่อยู่เหมือนกัน

หลังจากเดินจนทั่วตลาดเป็นเวลายี่สิบนาทีแพรรัมภากลับไปเตรียมของขายจากวัตถุดิบสดใหม่ที่เพิ่งได้มาเพิ่มไม่ว่าจะเป็นเห็ดฟางดอกตูมๆ ที่ตั้งใจเอามาใส่ในข้าวผัดต้มยำและปลาเนื้ออ่อนตัวกำลังกินส่วนหนึ่งที่ตัวเล็กหน่อยก็จะเอามาเคล้าเกลือเก็บไว้ทำปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมกรอบขายคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดและอีกส่วนหนึ่งก็จะนำมาทำฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อนเป็นเมนูพิเศษประจำวันที่แม้จะได้มาน้อยแต่รับรองว่าอร่อยเกินราคา

แต่ก่อนจะได้ทำขายก็ต้องทำชิมเองก่อนเป็นอันดับแรกมื้อเย็นวันนี้หญิงสาวจึงเติมพลังให้ร่างกายที่อ่อนล้าจากเรื่องปวดประสาทด้วยฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อนที่หอมเครื่องแกงและมีรสชาติหวานกลมกล่อมจากกะทิกินคู่กับไข่เป็ดเต็มทำเองนำมาทอดเป็นไข่ดาวไข่เค็มกรอบๆ ก็เข้ากันดีไม่ใช่น้อย