ดราม่า,ชาย-ชาย,ไทย,เรื่องสั้น,รัก,รักสมัยเด็ก,ชาย-ชาย,รักเก่า,แก้แค้น,หลอกให้รัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ ๒
หลังจากที่เก็บของเสร็จมนก็ยกไปไว้ที่รถ ซึ่งในครั้งนี้มนกะเอาไว้ว่าจะไปพักผ่อนสักหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะกลับมาหางานทำและใช้ชีวิตตามปกติเหมือนตอนที่พ่อแม่ยังอยู่
เพราะหลายปีที่ผ่านมามนใช้ชีวิตอยู่บนความโศกเศร้าที่พ่อแม่จากไปอย่างกะทันหัน จนเสียเวลาไปมากพอสมควร
พอทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง แต่ก่อนจะออกเดินทางมนก็ไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกน้ำน่านกับคิรัน เพื่อที่สองคนนั้นจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
พอสองคนนั้นรับรู้แล้ว มนก็เริ่มออกเดินทางขับรถไปตามถนนอย่างช้า ๆ พร้อมกับเปิดเพลงที่แม่ชอบคลอไปตลอดทาง
มนเปิดเพลงเดิมซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายต่อหลายรอบ จนดวงตากลมโตของมนเริ่มมีหยาดน้ำใสเอ่อล้นขึ้นมาที่ของตา
ความเศร้าของมนเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนภาพของในตอนที่พ่อแม่ยังอยู่หลั่งไหลเข้ามาในหัวของมน ทำให้มนไม่ทันได้ระวังรถที่ออกมา
โครม!!
ด้วยความตกใจไม่ทันตั้งตัวมนได้หักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางจนไปชนเข้าเสาไฟฟ้า มนหมดสติไปเลยในทันทีเนื่องจากไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยทำให้หัวได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง
ชายที่ขับรถพุ่งออกมาจากซอยเห็นว่ารถของมนพุ่งชนเสาไฟฟ้าเขาเองก็ลงจากรถไปดูมนทันที จากนั้นก็รีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล
มนถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลใกล้เคียงเพราะมีเลือดออกที่บริเวณหัวเยอะมากพอสมควร
ส่วนชายคู่กรณีก็ตามมาที่โรงพยาบาลด้วย
ทางด้านของคิรันและน้ำน่านที่รู้เรื่องก็รีบตามมาทันที จนได้เจอเข้ากับชายคู่กรณีที่นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
ชายคู่กรณีที่เห็นคิรันกับน้ำน่านวิ่งหน้าตื่นเข้ามาก็รีบดีดตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปขอโทษทันที
“ผมขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ”
“ไม่เป็นไรครับ ไว้คุณค่อยไปขอโทษกับเจ้าตัวเขาเองแล้วกันนะครับ” คิรันเอ่ยตอบอย่างเรียบนิ่งถึงแม้ว่าภายในจะอยากเข้าไปต่อยหน้าเขาเต็มทีก็เถอะ
ชายคนดังกล่าวเดินกลับไปที่เดิม สายตามองจดจ่อไปยังประตูห้องฉุกเฉินอย่างไม่ละสายตาพร้อมกับท่าทางที่ดูเป็นห่วงคนในห้องเกินกว่าผู้เสียหายกับคู่กรณี
ทำเอาน้ำน่านที่ยืนมองอยู่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงได้เรียกคิรัน
“พี่รัน!”
“ฮืม..ว่าไง?” คิรันเอ่ยตอบทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ
“พี่ว่าผู้ชายคนนั้นเขาดูเป็นห่วงมนผิดปกติมั้ย”
คิรันละสายตาจากหน้าจอมือถือและหันไปมองที่ชายคนนั้นจึงได้เห็นท่าทีร้อนอกร้อนใจของชายคนนั้นเข้าพอดี
คิรันเฝ้ามองชายคนนั้นจนพยาบาลเข็นเตียงของมนที่มีผ้าพันแผลอยู่ที่หัวออกมา
คิรันกับน้ำน่านกำลังจะเดินเข้าไปหามน แต่ทว่ากลับไม่ทันชายคนนั้น เพราะทันทีที่เตียงของมนถูกเข็นออกมาเขาก็รีบดีดตัวลุกขึ้นตรงดิ่งไปหามนทันที
“คุณเป็นญาติกับคุณมนตราหรือเปล่าคะ”
ชายคนนั้นเหมือนจะได้สติกลับมาเลยถอยหลังออกมาให้คิรันกับน้ำน่านไปคุยกับพยาบาล
“ผมเองครับญาติคนเจ็บ”
“ค่ะ...เดินตามมาได้เลยนะคะ เดี๋ยวคุณหมอจะตามไปที่ห้อง”
“ครับ...ไปน่าน”
ทั้งสองเดินตามพยาบาลไปเหลือเพียงแต่ชายคู่กรณีที่ยืนมองอยู่ และเขาก็กำลังจะเดินตามไปเช่นกัน แต่ดันโดนตำรวจเรียกตัวเอาไว้เสียก่อน จากนั้นเขาก็ถูกพาตัวไปยังสถานีตำรวจ
ส่วนทางของคิรันและน้ำน่าน พอมาถึงห้องพักของมน หมอใหญ่ก็เปิดประตูเข้ามาพอดี
หมอได้เข้ามาบอกอาการของมนอย่างละเอียดกับคิรันและน้ำน่าน แต่ทว่าสิ่งที่ทั้งสองคนได้ยินทำเอาเกือบจะทรุดลงไปกองที่พื้นเลยทีเดียว
อาการของมนในตอนนี้ก็ภาวะสูญเสียความทรงจำชั่วคราวเนื่องจากสมองได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แต่ความทรงจำของมนจะค่อย ๆ กลับมาได้เอง หากพาเขาไปอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคย
เวลาล่วงเลยไปจนฟ้ามืดคิรันและน้ำน่านยังคงนั่งเฝ้ามนอยู่ข้างเตียงเช่นเดิมไม่ห่างไปไหน
“น่าสงสารมนนะครับพี่รัน เจอแต่อะไรก็ไม่รู้” น้ำน่านเอ่ยขึ้นทั้งที่สายตายังคงจ้องมองไปยังใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของมน
“อืมพี่ก็ว่างั้นแหละ...พี่ถึงอยากดูแลมนไง”
น้ำน่านที่ได้ยินประโยคสุดท้ายของคิรันก็ได้แต่นิ่งชะงักช้อนตามองหน้าคิรันด้วยแววเศร้าหมอง
คิรันที่สายตามองแต่มนอยู่ในตอนนี้เลยไม่ได้สนใจว่าน้ำน่านรู้สึกเช่นไรกับคำพูดของตนเมื่อสักครู่
“มน!!”
คิรันส่งเสียงเรียกชื่อมนเบา ๆ เนื่องจากเห็นว่ามนลืมตาขึ้นมา
คิรันที่เห็นว่ามนฟื้นแล้วก็รีบบอกให้น้ำน่านไปตามหมอทันที
พอหมอเข้ามาทั้งสองคนก็ถอยหลังออกมายืนมองอยู่ห่าง ๆ จนได้ยินบทสนทนาของหมอและมน
“คุณมนตราจำสองคนเมื่อสักครู่หรือเปล่าครับ”
“จำได้ครับ พี่รันกับน้ำน่าน” มนเอ่ยด้วยเสียงอ่อยคล้ายจะหมดแรง
“ความทรงจำล่าสุดในหัวของคุณ...คุณอยู่ที่ไหนทำอะไรอยู่ครับ”
มนพยายามครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตอบ
“บนรถครับ กำลังขับรถไปที่ไหนซะที่ แล้วก็ตื่นมาอยู่ที่นี่เลยครับ”
“โอเคครับ งั้นคุณมนตราพักผ่อนก่อนนะครับ”
จบบทสนทนาหมอก็เดินตรงมาที่ทั้งสองคนพร้อมกับบอกว่า
“เดี๋ยวตามผมไปที่ห้องหน่อยนะครับ”
ทั้งสองคนเดินตามหมอไปที่ห้อง สิ่งที่ได้ยินจากปากของหมอทำเอาทั้งสองใจชื่นขึ้นมาหน่อยเพราะหมอว่ามนโชคดีมากที่ยังจำเหตุการณ์ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุได้ ส่วนเรื่องความทรงจำที่ผ่านมาจะค่อย ๆ กลับมาเองเพียงแค่ต้องใช้เวลาหน่อย
สองคนเดินกลับไปหามนที่ห้อง มนที่เห็นสองคนประตูเข้ามาก็หันไปส่งยิ้มหวานให้ทั้งสองคน
คิรันและน้ำน่านที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นของมนก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากเพราะรอยยิ้มนี้ของมนมันได้หายไปกับพ่อและแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว
คิรันเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ พร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“มนเจ็บมากมั้ย”
มนส่ายหน้าปฏิเสธเบา ๆ พลางหยิบขนมที่วางอยู่ใส่ปาก
“ไม่เจ็บแล้วครับพี่รัน”
“เอ้อมน...หลังจากที่ออกโรงพยาบาลได้แล้ว มนไปอยู่บ้านน้ำน่านก่อนนะ”
“ทำไมล่ะครับพี่รัน แล้วพ่อแม่มนล่ะครับ”
คิรันกับน้ำน่านหันขวับมองหน้ากันทันที เพราะไม่รู้จะตอบคำถามมนอย่างไรดี
“เอ่อ...คือว่าพอดีครอบครัวพี่ไปเที่ยวต่างประเทศน่ะ...พี่เลยชวนพ่อแม่มนไปด้วยไง น่าจะอีกนานเลยกว่าจะกลับ..ช่วงนี้มนไปอยู่กับน้ำน่านก่อนนะครับ...เข้าใจมั้ย”
“ก็ได้ครับ” มนตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสราวกับเด็กน้อย
สามคนนั่งคุยไปเรื่อย ๆ จนดึกมากพอสมควร มนก็ผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ได้โอกาสคิรันกับน้ำน่านเลยออกมาคุยกับข้างนอก
“พี่รัน...ดูเหมือนว่ามนจะจำเรื่องอุบัติเหตุของพ่อกับแม่ตัวเองไม่ได้นะครับ”
“เอางี้นะ พี่ว่าเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ให้มนได้ยินเลย ไว้รอให้ความทรงจำของมนค่อย ๆ กลับมาเองจะดีกว่า”
“โอเคครับ”
หลังจากคุยกันเสร็จคิรันก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการเรื่องงานที่ค้างอยู่ จากนั้นก็ไปเอาเสื้อผ้าให้น้ำน่าน เนื่องจากคิรันให้น้ำน่านคอยดูแลมนอยู่ที่โรงพยาบาล