"มนไม่มีทาง...รักคนที่ฆ่าพ่อแม่มนได้หรอกนะครับ

ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book) - ตอนที่ ๗ ลวงรักเล่ห์แค้น โดย สรัลทม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ชาย-ชาย,ไทย,เรื่องสั้น,รัก,รักสมัยเด็ก,ชาย-ชาย,รักเก่า,แก้แค้น,หลอกให้รัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ชาย-ชาย,ไทย,เรื่องสั้น,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักสมัยเด็ก,ชาย-ชาย,รักเก่า,แก้แค้น,หลอกให้รัก,ดราม่า

รายละเอียด

ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book) โดย สรัลทม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"มนไม่มีทาง...รักคนที่ฆ่าพ่อแม่มนได้หรอกนะครับ

ผู้แต่ง

สรัลทม

เรื่องย่อ

เรื่องราวของชายหนุ่มที่ชื่อว่า “มนตรา” เขาทำงานหนักมาโดยตลอดจนลืมสละเวลาให้ครอบครัวที่รออยู่ที่บ้าน

มนตราที่ได้สติกลับมาและรู้ว่าตัวเองทำงานมากเกินไปจนลืมดูแลครอบครัวที่เฝ้ารอคอยให้มนตรากลับบ้านอยู่ตลอดทุกวัน
ในวันเกิดของผู้เป็นแม่ เขาตัดสินใจหยุดงานเพื่อพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนครั้งใหญ่
ทว่าเขากลับไม่รู้เลยว่าการไปเที่ยวพักผ่อนในครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของพ่อและแม่เขา
แต่แล้วคนที่ทำให้มนตราต้องสูญเสียความสุขไม่ตลอดกาล กลับยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้อย่างไม่ละอายใจ
มนตราจึงคิดทำอะไรบางอย่างเพื่อให้คนคนนั้นได้รับรู้ถึงความรู้สึกของการสูญเสียคนรักไป...ว่ามันเป็นอย่างไร
ทว่าเขาคนคนนั้นกลับเป็นคนที่มนตราเองก็คาดไม่ถึง....

สารบัญ

ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-อารัมภบท ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๑ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๒ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๓ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๔ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๕ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๖ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๗ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๘ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๙ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๑๐ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๑๑ ลวงรักเล่ห์แค้น

เนื้อหา

ตอนที่ ๗ ลวงรักเล่ห์แค้น

ตอนที่ ๗
“อ่าวภาคอยู่นี่นี่เอง อันตามหาคุณทั่วเลยนะคะ”
ทั้งสองรีบถอนตัวกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเองอย่างเลิ่กลั่ก ก่อนจะที่ภาคจะหันไปตอบหญิงสาว
“อันยา!” ภาคเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวคนดังกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความคิดถึง
อันยา ศรันยา กิตติธารา อดีตแฟนสาวของภาคที่เกือบจะได้แต่งงานกันแต่กลับเกิดเหตุการณ์อะไรบางขึ้นเสียก่อนเลยทำให้ทั้งสองต้องเลิกรากันไป
อันยาเป็นแฟนคนแรกและเป็นแฟนคนเดียวที่ภาครักมากที่สุด ภาคถึงขั้นวาดฝันอนาคตไว้กับอันยามากมาย แต่สุดท้ายก็ต้องมาเลิกกันเสียก่อน
สิ้นเสียงเรียกนั้นภาคก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และสวมกอดหญิงสาวด้วยความคิดถึงทันที
ภาคปล่อยกอดออกจากอันยาและได้ถามไถ่ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“อันมาถึงตอนไหนเนี่ย ไม่เห็นโทรบอกภาคก่อนเลย ภาคจะได้ไปรับที่สนามบิน
“อันเพิ่งมาถึง...แล้วนี่ใครเหรอ” อันยาพูดพลางชี้นิ้วไปที่มน
“อ๋อ...ผู้ช่วยน่ะครับ แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยัง”
“ยังเลย ว่าจะมาช่วยภาคเนี่ยแหละ”
“อ่าวเหรอ...งั้นไปทานข้าวกัน ภาคมีร้านที่อยากพาอันไปทานมาก ภาคเคยไปมาสวยด้วยนะ” ภาคพูดคุยกับอันยาอย่างตื่นเต้นอาจจะเพราะไม่ได้เจอกันมานาน ทว่าเขากลับลืมคนที่เขานัดออกมาเองเสียสนิท
มนได้แต่นั่งมองทั้งสองยืนคุยกันด้วยท่าทางที่สนิทกันราวคนรัก ในตอนนั้นเองมนกลับรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งหัวใจ
มนได้แต่ถามใจตัวเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกเช่นนั้นกับคนที่เทียบได้ว่าเป็นฆาตกรฆ่าพ่อแม่ตัวเอง
มนนั่งนิ่งครุ่นคิดกับความรู้สึกของตัวเองอยู่พักใหญ่จนได้ยินเสียงภาคหันมาพูดกับตนว่า
“คุณกลับบริษัทก่อนเลยนะ..ผมว่าจะพาอันยาไปหาไรทานก่อนน่ะ อือแล้วอีกอย่างผมน่าจะไม่ได้กลับเข้าไปแล้ว พวกเอกสารอะไรก็เอาวางไว้ที่โต๊ะได้เลยนะ เดี๋ยวตอนเช้าผมมาเซ็นให้” พูดจบภาคก็จับมืออันยาเดินออกไป โดยที่ไม่รอฟังเลยว่ามนจะพูดอะไรหรือไม่
แต่ถึงอย่างนั้นท้ายที่สุดแล้วมนก็ไม่ได้รักหรือชอบอะไรในตัวภาคเลย อาการเมื่อสักครู่ที่เกิดขึ้นภายในใจของมนทุกอย่างล้วนมาจากความใกล้ชิดก็เท่านั้น
มนนั่งทานข้าวต่อจนใกล้ถึงเวลาทำงาน ก็เรียกพนักงานมาจ่ายเงินและเดินกลับบริษัทคนเดียว เนื่องจากว่าตอนที่ออกมามนขอติดรถเพื่อนร่วมงานมา และแถวร้านอาหารที่ภาคนัดมนไปเป็นที่ที่ไม่ค่อยมีรถผ่าน
พอเดินมากลับมาถึงบริษัทมนก็ทำงานตามปกติ จนถึงเวลาเลิกงานก็ออกมานั่งรอคิรันอยู่ที่หน้าบริษัทเหมือนเคย ทว่ามนกลับเห็นว่ารถของภาคขับเข้ามาจอด
มนได้แต่มองอย่างสงสัยเพราะเมื่อตอนเที่ยงภาคเป็นคนบอกเองว่าจะไม่กลับเข้าบริษัท แต่ตอนนี้รถของภาคจอดอยู่ที่หน้าบริษัทไม่ไกลจากจุดที่มนยืนรอคิรันเท่าไร
ระหว่างนั้นคิรันก็ขับรถแซงขึ้นมาจอดตรงหน้ามนพอดี มนเลยละสายตาจากรถของภาคและไม่ได้สนใจว่าภาคจะเห็นอะไรหรือไม่
คิรันที่นั่งอยู่ในรถได้สังเกตจากกระจกมองหลังทำให้เห็นว่าภาคลงมาจากรถและกำลังจะเดินตรงมาหามน
ภาคเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนจะเปิดประตูลงไปหามน เห็นว่ามนกำลังเก็บของที่หลังรถ
“มาพี่ช่วย...วันนี้น้ำน่านไม่อยู่บ้านนะครับคุณมนตรา ไปนอนบ้านพี่ก่อนแล้วกันนะ”
“ค้าบ กลับบ้านกันมนเหนื่อยมากเลยวันนี้ เดินกลับมาจากร้านอาหารหลังบริษัท ไกลก็ไกล ลาออกไปเป็นเลขาพี่รันได้มั้ยเนี่ย”
“ได้นะ พี่พร้อมไล่คนเก่าออกตอนนี้เลย”
“ฮ่า ๆ ไม่เอาหรอก แค่นี้ก็เบื่อหน้าพี่รันแล้ว”
“ฮ่า ฮ่า ไปกลับบ้านกัน”
คิรันโอบเอวมนเดินไปขึ้นรถด้วยท่าทางที่สนิทสนมเกินกว่าพี่ชายกับน้องชาย
ทางด้านของภาคที่เพิ่งรู้ตัวว่ามนไม่มีรถกลับบริษัท แต่ในตอนนี้เขาเองก็ไม่กล้าทิ้งอันยาไว้เช่นกัน เลยเลือกที่จะอยู่ทานข้าวกับอันยาก่อน
ล่วงเลยไปจนถึงตอนเย็นหลังทานข้าวและพาอันยาเที่ยวเสร็จ เขาก็รีบกลับไปหามนที่บริษัททันที จนได้เห็นภาพของมนกับคิรันยืนคุยกันอย่าสนิทสนม
ส่วนทางด้านของมนหลังจากที่คิรันขับรถออกมาจากหน้าบริษัทได้ไม่เท่าไร เขาก็หันไปคิรันอย่างสงสัยว่า
“น่านไปไหนเหรอครับพี่รัน”
เพราะปกติแล้วน้ำน่านไม่เคยทิ้งบ้านไปไหนเลย หรือถ้าหากจะไปจริง ๆ น้ำน่านจะบอกมนก่อนทุกครั้ง และเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วด้วย
“เปล่าไม่ได้ไปไหน..รอมนอยู่ที่บ้านนั่นแหละ” คิรันตอบอย่างหน้าตาเฉย
“อ้าว..แล้วเมื่อกี้”
“ก็พี่เห็นคุณภาคมันกำลังจะเดินมาหามนไง พี่รู้นะว่าวันนี้ที่มนต้องเดินกลับมาบริษัทเพราะอะไร”
มนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยหน่ายกับคิรัน
“ช่างเหอะพี่รัน วันนี้เขามีความสุขอยู่ก็ปล่อยให้เขามีความสุขไปให้เต็มที่ เพราะวันนึงเขาอาจจะไม่มีความสุขแบบนี้อีกแล้วล่ะ”
“เริ่มสนุกแล้วสินะ”
ทั้งสองเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน
หลังจากที่ตามสืบเรื่องของครอบครัวของภาคทำให้คิรันตัดสินใจช่วยมนแก้แค้นภาค เพราะคิรันได้สืบรู้ว่าเมื่อหลายปีก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุพ่อแม่มน ครอบครัวของคิรันเกือบจะล้มละลายเพราะถูกบริษัทที่ร่วมลงทุนโกงเงินไป และบริษัทนั้นก็คือบริษัทธาดาจำกัดนั่นเอง
ผ่านไปประมาณสามสิบนาทีทั้งสองคนก็มาถึงบ้านน้ำน่าน ระหว่างที่คิรันกำลังจอดรถอยู่นั้นมนก็ตะโกนดังออกมาจากในบ้าน
“พี่รันลงไปช่วยมนยกกระเป๋าหน่อยครับ”
“ได้ ๆ”
ช่วงหลังมานี้มนเริ่มกลับดึกทุกวัน ทำให้น้ำน่านต้องรอเปิดประตูให้มนทุกวันเช่นกัน เพราะเหตุนี้ทำให้มนตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านตัวเองจะดีกว่า
แต่อีกหนึ่งเหตุผลคือมนไม่อยากรบกวนน้ำน่านแล้ว เพราะตลอดเวลาที่มนอยู่ที่บ้านหลังนี้ น้ำน่านคอยดูแลมนทุกอย่างและทุกเรื่อง เรียกได้ว่าดูแลตั้งตื่นยันนอนเลยก็ว่าได้
มน น้ำน่าน และคิรันช่วยกันยกของออกมาขึ้นรถคิรัน พอเสร็จเรียบร้อยก็กลับเข้าไปนั่งคุยกันพักหนึ่งก่อนที่ทั้งสองคนจะล่ำลาน้ำน่าน เพราะดึกมาพอสมควรแล้ว อีกอย่างกว่าจะถึงบ้านมนอีกด้วย
ทั้งสองเดินทางกันต่ออีกเกือบหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงบ้านหลังสีครีมอ่อนที่เคยมีความสุขของมนอยู่ แต่ตอนนี้กลับมัวหมองมีเพียงแค่ความคิดถึงและความเศร้าปกคลุมอยู่
มนยืนมองไปยังบ้านสองชั้นหลังตรงหน้านัยน์ตาฉายแววเศร้าหมองออกมา ก่อนจะก้าวขาเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ จนถึงประตูในตัวบ้าน
มนหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าประตูพักใหญ่จนคิรันที่หิ้วกระเป๋าเดินตามหลังมาถึงตัวมนพอดี
“มน...ทำไมไม่เข้าไปล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ในใจ...มนไม่อยากเปิดเข้าไปเลย”
“มนเก่งมากเลยนะที่เดินมาถึงตรงนี้ได้...มนรู้ใช่มั้ยว่าถึงพ่อแม่จะไม่อยู่กับมนแล้ว..แต่พี่กับน้ำน่านยังอยู่ข้างมนตลอด”
มนค่อย ๆ หันมองคิรันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะหันไปมองที่ประตูอีกครั้ง จากนั้นก็ยื่นมือไปจับที่ลูกบิด
คลิก!
มนก้าวขาเดินเข้าไปในบ้านอย่างช้า ๆ พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้าพร้อมจะหลั่งรินออกมาได้ตลอดเวลา
มนพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์และหันไปยิ้มให้คิรันพร้อมกับยื่นมือไปรับกระเป๋าจากคิรัน
“พี่รันกลับเลยก็ได้นะครับ ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้มีงานเช้าด้วยไม่ใช่เหรอครับ”
“แล้วพรุ่งนี้มนไปทำงานยังไง ให้พี่มารับมั้ย”
มนส่ายหน้าปฏิเสธเบา ๆ ก่อนจะตอบ
“ไม่เป็นไรครับ พี่รันต้องวนมารับมนตั้งไกล กลับไปทำงานไม่ทันแน่ เดี๋ยวมนไปเองได้ครับ”
คิรันมองหน้ามนอย่างห่วง ๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรอยู่ดีในเมื่อมนบอกมาแบบนั้นแล้ว
“ก็ได้ งั้นถึงที่ทำงานแล้วไลน์บอกพี่ด้วยแล้วกัน เข้าใจมั้ย”
“โอเคค้าบ กลับได้แล้ว~~”
คิรันเดินหน้างอคอหักไปขึ้นรถ
มนที่เดินมาส่งก็ได้แต่หลุดขำออกมาด้วยความเอ็นดู จนคิรันขับรถออกไป มนก็เดินกลับเข้าบ้านเอาของออกจากกระเป๋า จากนั้นก็ทำการอาบน้ำและเข้านอนตามปกติ
แต่กว่าจะได้นอนก็ล่วงเลยไปจนเกือบตีหนึ่ง
แต่ถึงแม้ว่ามนจะนอนดึกแค่ไหน ความเป็นระเบียบมีวินัยและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ตัวเอง มนไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาได้รับการสอนและการเลี้ยงดูที่ดีมาจากพ่อแม่ของเขา
มนตื่นเช้ากว่าทุกวันเพื่อลุกขึ้นมาเตรียมตัวและเผื่อเวลาในการนั่งรถไปทำงานด้วย
มนแต่งตัวเสร็จก็ประมาณเจ็ดโมงกว่า จากนั้นมนก็เดินออกไปนั่งรอรถที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้านเหมือนที่เคยทำตอนอยู่บ้านน้ำน่าน
แต่แล้วรถหรูที่คุ้นตาก็ขับมาจอดตรงหน้ามนอีกเช่นเคย มนที่เห็นก็ได้แต่บ่นกับตัวเอง
“กูหนีมาไกลขนาดนี้ก็ยังดันตามเจออีก...โอ๊ยหัวจะปวด”
จังหวะที่มนเงยหน้าขึ้นก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ภาคเปิดประตูเดินลงมาพอดี มนจึงส่งยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยทักทาย
“สวัสดีครับ”
“อ่าว..คุณพักอยู่แถวนี้เหรอ..พอดีเลยบ้านผมก็อยู่แถวนี้เหมือนกัน แต่ผมไม่ค่อยได้กลับมาเท่าไร แต่ช่วงนี้ก็ต้องกลับบ่อย ๆ แล้วล่ะ” ภาคพูดพร้อมเหล่ตามองมนเล็กน้อย
“แหะ ๆ ครับพอดีมนเพิ่งย้ายกลับมาน่ะครับ”
“ผมขอโทษนะครับมนตรา”
“ครับ?”
“เรื่องเมื่อวานที่ผมปล่อยให้คนต้องเดินกลับ แล้วก็อีกเรื่องนึงที่เรายังคุยกันไม่จบ”
“อะไรเหรอครับ” มนมองหน้าภาคอย่างลุ้นระทึกว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“เอ่อ...เปล่าน่ะครับ ไปทำงานกันเถอะ”
แต่สุดท้ายภาคก็ไม่ยอมพูดมันออกมา แต่กลับชวนมนไปทำงานด้วยกัน มนได้แต่เผยสีหน้าที่ผิดหวังออกมาก่อนจะลุกเดินไปขึ้นรถอย่างไม่สบอารมณ์
ทางด้านของภาคที่เห็นมนมีสีหน้าที่ผิดหวังก็ได้แต่ดีใจจนอยากจะกระโดดโลดเต้นออกมา แต่ก็ทำได้เพียงแค่นิ่งขรึมเอาไว้ก่อน
ในตอนแรกภาคคิดเอาไว้ว่าจะขอมนเป็นแฟนกันแค่สองคน แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้วถ้าภาคทำแบบนั้นคนที่รู้ก็จะมีเพียงแค่ภาคกับมนเท่านั้น
และที่สำคัญคือคนในบริษัทก็จะไม่รู้และคนเหล่านั้นอาจจะพูดถึงในทางที่ไม่ดีอยู่ ภาคเลยคิดจะทำอะไรบางอย่างที่มนจะต้องจำอย่างไม่มีวันลืม
ตลอดทางระหว่างที่อยู่บนรถมนไม่พูดกับภาคเลยแม้แต่คำเดียว มิหนำซ้ำหน้าก็ยังไม่หันไปมอง
แต่ภาคก็ไม่ได้สนใจหรือสังเกตเลยว่ามนมีอาการเช่นไร เพราะมัวแต่ดีใจที่กำลังจะสมหวังกับคนที่เขารอคอยและโหยหามาเนิ่นนาน
ภาคขับรถมาถึงหน้าบริษัท พอรถจอดนิ่งสนิทมนก็เปิดประตูเดินลงไปเลยโดยอย่างไม่รีรอ
ทว่าพอมนเดินเข้ามาในบริษัทก็ต้องพบกับความเงียบ เงียบชนิดที่ว่าเหมือนบริษัทร้างเลยก็ว่าได้ เพราะไม่มีพนักงานเลยสักคน แม้แต่ยามก็ยังไม่มี
มนตัดสินใจเดินตรงไปยังแผนกการตลาดที่คุ้นเคย แต่สุดท้ายก็ไม่พบใครเช่นกัน มนได้แต่งุนงงสงสัยว่าคนในบริษัทหายไปไหนกันหมด
จนห้องที่มืดอยู่ก็สว่างขึ้นพร้อมกับพนักงานแผนกการตลาดยืนเรียงกันชูป้าย
เป็น แฟน กัน นะ มนตรา
มนที่เห็นข้อความบนป้ายแล้วก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความเขินอาย ก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลัง จึงได้หมุนตัวกลับไปมองอย่างช้า ๆ เลยได้เห็นว่าพนักงานทุกคนพร้อมกับภาคยืนอยู่ข้างหลัง
ทว่าในมือของภาคมีดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่อยู่ด้วย
ภาคยื่นดอกไม้ส่งให้มนพร้อมกับทวนคำพูดในป้ายอีกครั้ง
“เป็นแฟนกับผมนะมนตรา”
เป็นเลย ๆ ๆ ๆ ๆ
“ครับ” มนเอ่ยตอบก่อนจะฉีกยิ้มจนแก้มปริ
พนักงานทุกคนที่ยืนอยู่ต่างก็ร้องโห่แซวเสียงดังลั่นไปทั่วทั้งบริษัทก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานตามปกติ
ส่วนมนก็เดินถือดอกกุหลาบแดงตามภาคไปที่ห้องทำงาน
“นี่คุณภาคคิดเองหมดเลยเหรอครับเนี่ย”
“เปล่า ผมทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นหรอก เลขาผมเป็นคนจัดการให้อะ คุณไม่โกรธใช่มั้ย”
“ไม่เลยครับ ดีใจซะอีกที่เห็นคุณตั้งใจทำมากขนาดนี้”
ภาคอ้าแขนกำลังจะเดินเข้าไปกอดมน แต่ทว่ามนกลับเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดว่า
“มนไปทำงานก่อนนะครับ ไว้เจอกันตอนเที่ยง”
พูดจบมนก็รีบวิ่งออกไปทันที ปล่อยให้ภาคยืนผิดหวังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียวที่หน้าโต๊ะทำงาน
เวลาล่วงเลยไปจนเที่ยงภาคและมนออกมาทานข้าวด้วยกันที่ร้านเดิม และก็ได้เจอกับอันยาเหมือนเดิมเช่นกัน
อันยาเดินตรงเข้ามานั่งที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้าง ๆ ภาค พร้อมกันสายตาที่มองตรงไปยังมนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“เอ้ออัน...ไหน ๆ ก็มาแล้ว ภาคอยากแนะนำให้รู้จัก...นี่มนแฟนภาคเอง”
“แฟน? ผู้ชายเนี่ยนะภาค คิดอะไรอยู่”
“ผู้ชาย? แล้วมันทำไมเหรออัน เขาเป็นผู้ชายแล้วภาคจะรักเขาไม่ได้เหรอ..แล้วอีกอย่างภาครักเขามาก่อนอันอีกนะ”
“ภาค..พูดอะไรออกมาอะรู้ตัวมั้ย ถ้าคุณพ่อรู้ขึ้นมาภาคจะทำยังไง” อันยาเริ่มส่งเสียงพูดดังขึ้นเรื่อย ๆ จนคนรอบข้างก็เริ่มหันมองมาที่ทั้งสามคนเช่นกัน
“ภาครู้นะที่อันกลับมาเพราะคุณพ่อเป็นคนเรียกตัวอันกลับมา..เขาขู่ครอบครัวอันใช่มั้ย ถ้าอันทำให้ภาคแต่งงานกับอันไม่ได้ เขาจะทำให้ธุรกิจที่บ้านอันล้มละลายเหมือนที่ทำกับบริษัทคนอื่นใช่มั้ย”
มนที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้เงยหน้ามองอันยาทันที เพราะไม่คิดว่าครอบครัวของภาคจะทำแบบนั้นกับครอบครัวอันยาเหมือนที่เคยทำกับครอบครัวของคิรัน
“ภาคก็รู้นิ แล้วภาคช่วยอันหน่อยไม่ได้หรือไง ถ้าบริษัทคุณพ่อยกเลิกการร่วมธุรกิจของเรา บริษัทพ่ออันก็ล้มละลาย ภาคจะให้อันทำยังไง อันรู้ว่าเราไม่ได้รักกันแล้ว แต่อันขอร้องได้มั้ย อันขอให้ภาคช่วยอันหน่อย นะภาคอันขอร้อง”
“คุณกลับไปก่อนเถอะอันยา ไว้เราค่อยคุยกันเรื่องนี้นะ ตอนนี้ผมไม่สะดวก”
อันยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินออกไป
มนที่เห็นอันยาเดินออกไปแล้วเขาก็ได้หันกลับไปบอกภาคทันทีว่า
“เดี๋ยวมนมานะครับ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
พูดจบมนก็รีบวิ่งออกจากร้านตามอันยาไป จนได้เจออันยานั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าห้องน้ำพอดี
“คุณโอเคมั้ยครับ”
“...”
“ถ้าคุณอยากช่วยบริษัทพ่อคุณ...คุณไปหาคิรัน ดลภัทร ที่บริษัทดลภัทรนะครับ บอกว่ามาจากมนตรา เขาจะช่วยคุณได้”
“นาย...ช่วยฉันทำไม ฉันกำลังจะแย่งคนรักของนายนะ”
“เขาไม่ใช่คนรักของผม..และผมก็ไม่ได้รักเขา...”
“แล้วนาย..ทำแบบนั้นทำไม ยอมเป็นแฟนกับภาคทำไม”
อันยาแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยจ้องมองมายังมนชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
“ผมมีเหตุผลที่ต้องทำ ผมเองก็ไม่ต่างจากคุณหรอกนะที่ต้องมาเจอครอบเลวทรามแบบนั้น...”
“...”
“ผมขอแค่ให้คุณอยู่เงียบ ๆ และไม่มายุ่งกับเรื่องนี้อีก พอถึงวันนั้นคุณและครอบครัวจะหลุดพ้นจากครอบครัวเลว ๆ นั่นเอง”
“ฉันจะเชื่อใจนายได้ยังไง”
“ถ้าคุณไปหาคนที่ผมบอก ก็จะรู้เองว่าเชื่อผมหรือเปล่า”
สิ้นเสียงบทสนทนามนก็เดินกลับเข้าไปหาภาคด้วยสีหน้าท่าทางปกติต่างจากเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง
หลังจากทานข้าวเสร็จ คิรันก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี มนเลยขอตัวไปรับโทรศัพท์ ส่วนภาคก็เดินไปรอที่รถ
“ครับพี่รัน”
[คนนี้น่ะเหรอที่บอกว่าแฟนเก่าของคุณภาค]
“ครับ พี่รันช่วยเธอหน่อยนะครับ เธอเคยโดนเหมือนพี่รันมาก่อน”
[อือโอเค พี่จะช่วยไว้ก่อนก็แล้วกัน จบเรื่องนี้เมื่อไรค่อยว่ากันอีกที]
“ขอบคุณนะครับ”
พอคิรันกดวางสายไปมนก็เดินกลับไปที่รถ เจอภาคยืนพิงอยู่ที่ข้างรถมือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกมือหนึ่งเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์อยู่
มนที่เห็นแบบนั้นจู่ ๆ ก็ใจสั่นรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่จะต้องเดินเข้าไปหาชายหนุ่มผู้หล่อเหลาคนนั้น