"มนไม่มีทาง...รักคนที่ฆ่าพ่อแม่มนได้หรอกนะครับ

ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book) - ตอนที่ ๙ ลวงรักเล่ห์แค้น โดย สรัลทม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ชาย-ชาย,ไทย,เรื่องสั้น,รัก,รักสมัยเด็ก,ชาย-ชาย,รักเก่า,แก้แค้น,หลอกให้รัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ชาย-ชาย,ไทย,เรื่องสั้น,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักสมัยเด็ก,ชาย-ชาย,รักเก่า,แก้แค้น,หลอกให้รัก,ดราม่า

รายละเอียด

ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book) โดย สรัลทม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"มนไม่มีทาง...รักคนที่ฆ่าพ่อแม่มนได้หรอกนะครับ

ผู้แต่ง

สรัลทม

เรื่องย่อ

เรื่องราวของชายหนุ่มที่ชื่อว่า “มนตรา” เขาทำงานหนักมาโดยตลอดจนลืมสละเวลาให้ครอบครัวที่รออยู่ที่บ้าน

มนตราที่ได้สติกลับมาและรู้ว่าตัวเองทำงานมากเกินไปจนลืมดูแลครอบครัวที่เฝ้ารอคอยให้มนตรากลับบ้านอยู่ตลอดทุกวัน
ในวันเกิดของผู้เป็นแม่ เขาตัดสินใจหยุดงานเพื่อพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนครั้งใหญ่
ทว่าเขากลับไม่รู้เลยว่าการไปเที่ยวพักผ่อนในครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของพ่อและแม่เขา
แต่แล้วคนที่ทำให้มนตราต้องสูญเสียความสุขไม่ตลอดกาล กลับยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้อย่างไม่ละอายใจ
มนตราจึงคิดทำอะไรบางอย่างเพื่อให้คนคนนั้นได้รับรู้ถึงความรู้สึกของการสูญเสียคนรักไป...ว่ามันเป็นอย่างไร
ทว่าเขาคนคนนั้นกลับเป็นคนที่มนตราเองก็คาดไม่ถึง....

สารบัญ

ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-อารัมภบท ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๑ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๒ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๓ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๔ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๕ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๖ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๗ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๘ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๙ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๑๐ ลวงรักเล่ห์แค้น,ลวงรัก เล่ห์แค้น (มี E-book)-ตอนที่ ๑๑ ลวงรักเล่ห์แค้น

เนื้อหา

ตอนที่ ๙ ลวงรักเล่ห์แค้น

ตอนที่ ๙
ชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปจนถึงช่วงเที่ยงวัน มน น้ำน่านและคิรันกำลังจะออกไปอะไรทานนอกบ้าน แต่แล้วก็ต้องเจอเข้าภาคและเลขาส่วนตัวของเขาอยู่ที่หน้าบ้าน
คิรันที่ยืนอยู่หน้าประตู เห็นภาคเป็นคนแรกเขาจึงได้หันไปบอกให้มนว่า
“มนอย่าเพิ่งเดินออกมานะ พวกนั้นอยู่ที่หน้าบ้าน”
มนและน้ำน่านชะโงกหัวมองผ่านช่องวางระหว่างผ้าม่านออกไปยังหน้าบ้านและก็เป็นจริงดั่งที่คิรันบอก
แต่ยังโชคดีที่มนได้ให้คิรันเอารถไปจอดไว้ที่บ้านของเพื่อนบ้านแล้ว และบ้านของมนเองก็ไม่ได้เปิดผ้าม่านหรือเปิดไฟแต่อย่างใด จึงเหมือนว่าไม่มีคนอยู่
ภาคกับเลขาต่างก็ตะโกนเรียกมนจนสุดเสียง ทำให้บ้านฝั่งตรงข้ามต้องออกมาบอก
“นี่คุณ บ้านนี้ไม่มีคนอยู่หรอก เลิกตะโกนได้แล้ว น่ารำคาญ”
ภาคไม่ได้สนใจคำพูดของบ้านฝั่งตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย เพราะเขานั้นมั่นใจว่ามนอยู่ในบ้านอย่างแน่นอน
ภาคเองก็เริ่มรู้สึกว่าช่วงหลังมานี้มนเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มหลบเลี่ยงการไปไหนมาไหนด้วยกัน แถมบางครั้งก็ยังหลบหน้าไม่ยอมออกมาเจอพร้อมกับข้ออ้างสารพัด
“ขอโทษทีครับ เราจะรีบไปแล้วครับ” เลขารีบหันไปขอโทษขอโพยบ้านฝั่งตรงข้ามทันที
จากนั้นก็หันกลับมาหาภาคที่ตอนนี้ยังคงตะโกนเรียกชื่อมนอยู่อย่างต่อเนื่อง
“คุณภาคพอเถอะครับ คุณมนตราอาจจะไม่อยู่จริง ๆ ก็ได้นะครับ”
“แต่...” ภาคที่กำลังจะพูดต่อ ได้หันไปเห็นว่าเริ่มมีคนออกมามองเยอะแล้วจึงได้เดินไปขึ้นรถด้วยความผิดหวังและเศร้าสร้อย
แต่ทว่าจังหวะที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถ ภาคได้หยุดนิ่งสายตามองเข้าในบ้านของมนอีกครั้งเพื่อหวังเพียงแค่ว่าจะได้พบหน้าคนรัก แต่แล้วความหวังสุดท้ายก็ไม่มีอยู่จริง
“ไปเถอะครับคุณภาค”
ทางด้านของมนที่เห็นว่ารถของภาคขับออกไปแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า
“เดี๋ยวมนไปทำอะไรให้กินดีกว่าเนอะ จะได้ไม่ต้องออกไปข้างนอก”
พูดจบมนก็เดินกลับเข้าไปในครัวและเริ่มทำอาหารง่าย ๆ อย่างผัดกะเพราให้กับทั้งสองคนได้ทานรองท้องไปก่อน
หลายชั่วโมงต่อมาจนฟ้ามืดสนิทก็มีรถตู้คันหนึ่งมาจอดนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านของมน ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกพบเข้ากับหญิงสาวและชายแก่ที่นั่งรออยู่ในรถ
“น่าจะมากันแล้วนะ” คิรันเอ่ยพร้อมสายตาที่จดจ้องไปยังสองคนนั้น
“เดี๋ยวมนไปเปิดให้นะครับ”
“เฮ้ยมนไม่ต้อง เดี๋ยวเราไปเปิดเอง เผื่อคุณภาคส่งคนมาคอยดูเหมือนตอนที่มนอยู่บ้านเรา” น้ำน่านพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปประตูให้สองคนนั้นทันที
และก็เป็นจริงดั่งที่น้ำน่านคาดเอาไว้ เพราะมีรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของมนเท่าไร ซึ่งเมื่อน้ำน่านเห็นก็รู้ได้ทันทีว่ารถคันนั้นคือคันเดียวกันกับที่เคยไปจอดอยู่ที่หน้าบ้านของเขา
แต่น้ำน่านเลือกที่จะไม่สนใจหรือหันไปมองที่รถคันนั้น แต่ได้ส่งสัญญาณบอกให้คนในรถที่กำลังจะลงมาหาผ้าคลุมหัวเอาไว้ เพราะถ้าคนในรถเก๋งเห็นต้องรู้อย่างแน่นอนว่าเป็นอันยากับพ่อของเขา
หลังจากที่ทั้งสองคลุมผ้าเรียบร้อยแล้ว น้ำน่านก็เปิดประตูบ้านและให้สองคนเดินเข้าไปก่อน พออันยาและพ่อของเขาเดินเข้าไปเรียบร้อย น้ำน่านก็รีบปิดล็อกประตูทันทีจากนั้นก็เดินตามทั้งสองเข้าไปในบ้าน
ทุกคนเริ่มคุยกันว่าจะเข้าไปที่นั่นได้ตอนไหน และจะต้องกลับออกมาก่อนกี่โมง เนื่องจากจะมีบางช่วงเวลาที่ซอยนั้นไม่ยามเฝ้า
อันยาบอกกับทุกคนว่าให้เข้าไปได้ตอนเที่ยงคืนเท่านั้น และที่สำคัญต้องกลับออกมาก่อนตีหนึ่ง ไม่อย่างนั้นจะถูกจับได้เสียก่อน
ซึ่งคนที่จะเข้าไปในครั้งจะมีเพียงแค่มนกับคิรันเท่านั้น ส่วนน้ำน่าน อันยาและพ่อของอันยาจะรออยู่บ้าน
น้ำน่านกลัวว่ารถเก๋งจะขับตามไปด้วย เลยให้คิรันหาคนมาปลอมตัวเป็นทุกคนที่นั่งอยู่ตอนนี้ และให้คนขับรถตู้ไปส่งตัวปลอมที่โรงแรม
พอเหล่าตัวปลอมมาถึงก็เริ่มทำการเอาเสื้อผ้าของตัวจริงมาเปลี่ยนใส่ จากนั้นก็ทำการคลุมหัวเลยเดินเรียงกันไปขึ้นรถตู้ของอันยาที่จอดอยู่หน้าบ้าน
หลังจากที่รถตู้ขับออกไปได้ไม่เท่านั้น รถเก๋งคันสีขาวก็ตามไปจริง ๆ อย่างที่น้ำน่านคิดเอาไว้
เหลืออีกเพียงไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาเที่ยงคืนแล้ว มนและคิรันจึงตัดสินใจที่จะไปรอที่หน้าซอยนั้น พอยามออกไปเขาทั้งสองคนก็จะเข้าไปที่ตึกร้างนั้นทันที
คิรันและมนเดินทางมาประมาณสิบนาทีก็มาถึงที่หน้าซอย แต่เห็นว่ายามยังคงนั่งเฝ้าเลยขับไปจอดไกลจากหน้าซอยเล็กน้อย ซึ่งอันยาบอกว่าปกติแล้วยามจะขับผ่านทางนั้นตรงที่รถของคิรันจอดอยู่
มนเฝ้ามองนาฬิกาอย่างใจจดใจจ่อจนถึงเวลาเที่ยงคืนตรง ยามคนนั้นก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านรถของคิรันและมนไป
“ไปมน มันไปแล้ว” คิรันพูดพร้อมกับแบมือส่งไปให้มนจับเอาไว้
มนมองหน้าคิรันแวบหนึ่งก่อนจะยื่นมือไปจับมือคิรัน จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปในซอยอันมืดมิดที่ไร้แสงสว่างแถมข้างทางยังถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้และหญ้าที่ขึ้นสูง
มนเดินตามคิรันเข้ามาเรื่อย ๆ จนเจอสแลนสีเขียวที่ถูกมัดติดกับเสาสี่ต้นและมีอะไรบางอยู่ข้างในนั้น
“นั่นหรือเปล่าพี่รัน” มนชี้นิ้วไปที่ใต้ตึก
“น่าจะใช่นะลองเข้าไปดูก่อนก็ได้”
คิรันและมนเดินเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องเพลงดังมาจากจากถนนหน้าตึก
คิรันรีบดึงมนเข้าไปหลับที่หลังสแลนอย่างรวดเร็วเพราะคิรันสังเกตเห็นแสงจากไฟฉายคาดว่าน่าจะเป็นยามคนใหม่ที่มาเปลี่ยนกะ
คิรันยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาพบว่าเป็นตอนนี้เป็นเวลาเพียงแค่เที่ยงคืนกว่า ๆ เท่านั้นเอง จึงได้บ่นพึมพำออกมาคนเดียวเบา ๆ
“ไหนบอกว่าตีหนึ่งไง ทำไมมาก่อนเวลาอีกวะเนี่ย”
ระหว่างที่กำลังซ่อนตัวอยู่โทรศัพท์ของมนก็เกิดสั่นอย่างต่อเนื่อง
พอมนเปิดดูพบว่าเป็นอันยาส่งข้อความมาบอกว่า
“ระวังตัวด้วยนะ ฉันลืมไปว่าวันนี้เป็นวันจันทร์ยามที่มาเปลี่ยนกะจะมาทันที และวันนี้เป็นวันที่ยามทุกคนจะต้องออกตรวจตราพื้นที่ทุก หนึ่งชั่วโมง”
มนยื่นโทรศัพท์ให้คิรันอ่านข้อความ คิรันได้แต่สบถออกมาอย่างหัวเสีย เพราะถ้าเกิดถูกจับได้ขึ้นมา ทั้งมนและตัวเขาเองก็คงไม่มีทางรอดออกไปได้อย่างแน่นอน
ผ่านไปประมาณสิบนาทีคิรันมั่นใจแล้วยามคงไปทางอื่นแล้ว เขาและมนเลยเปิดมุดสแลนเข้าไปข้างใน และได้เจอเข้าสิ่งที่มนตามหามาโดยตลอด ซึ่งก็คือรถคันที่ภาคขับในวันนั้น
“เอามาเก็บไว้นี่นี่เอง”
หลังจากที่มนเห็นสภาพรถและป้ายทะเบียนแล้วก็มั่นใจได้ทันทีว่าเป็นรถคันนี้อย่างแน่นอนที่เขาเห็นในวันเกิดเหตุก่อนจะหมดสติไป
มนและคิรันช่วยกันถ่ายภาพสภาพของรถ ป้ายทะเบียนเอาไว้ แต่จังหวะที่มนกำลังจะถอยหลังออกมาจากในรถ มนก็หันไปเป็นขวดไวน์ราคาแพงวางทิ้งอยู่หลังรถ และไม่ไกลออกไปมีกระเป๋าเงินตกอยู่ด้วย
“กลัวโดนจับถึงขนาดที่ต้องเอารถมาซ่อนไว้ แต่ไม่ยอมทิ้งหลักฐานสำคัญเนี่ยนะ”
มนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปขวดไวน์เอาไว้ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเงินมาเปิดดู ข้างในกระเป๋ามีบัตรประชาชนของภาคและพวกบัตรวีไอพีของผับบาร์ต่าง ๆ อยู่หลายใบ
มนไม่ลืมที่จะถ่ายรูปพวกนั้นเก็บไว้ด้วย จากนั้นก็เก็บของทุกอย่างเข้าที่เดิม และก็เป็นจังหวะเดียวกันที่คิรันเรียกพอดี
แต่คราวนี้ทั้งสองไม่สามารถกลับออกไปทางเดิมได้เพราะมียามเฝ้าอยู่ คิรันเลยตัดสินใจพามนข้ามกำแพงข้างหลังออกไปแล้วจึงค่อยเดินไปเอารถ
หลังจากที่ออกมาได้คิรันและมนก็ตรงกลับบ้านทันที แต่แล้วก็เจอภาคอยู่ที่หน้าบ้านอีกครั้ง ทำให้คิรันและมนต้องเอารถไปจอดหลังบ้านและต้องกระโดดข้ามกำแพงเข้าบ้านแทน
พอเข้ามาในบ้านได้แล้ว ทว่าไม่เจอใครเลยที่ชั้นล่าง มนและคิรันเลยเดินขึ้นไปที่ชั้นสองสุดท้ายก็เจอทุกคนนั่งรวมกันอยู่ในห้องนอนของมนนั่นเอง
“ทำไมมารวมกันอยู่ที่นี่ล่ะครับ”
“ภาคยังอยู่ที่หน้าบ้านหรือเปล่าล่ะ” อันยาเอ่ยถาม
มนตอบรับโดยการพยักหน้าเบา ๆ
“นั่นแหละ เขายืนเรียกนายตั้งแต่นายออกไปได้ประมาณห้านาทีแล้ว พวกเรากลัวจะถูกจับได้เลยขึ้นมาอยู่ข้างบนกันหมด”
“อ๋อครับ...” มนตอบรับเพียงสั้น ๆ ก่อนจะควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและเปิดรูปภาพเหล่านั้นให้ทุกคนดู
“แบบนี้พวกมันคงไม่รอดแล้วแหละ” พ่อของอันยาเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่มั่นใจเอามาก ๆ
ทุกคนจึงหันไปมองที่พ่อของอันยาเป็นตาเดียวกัน อันยาที่เห็นเช่นนั้นก็รีบอธิบายทันที
“คือพอฉันเคยเป็นตำรวจมาก่อนน่ะ แต่เกษียณมานานแล้ว”
ทุกคนพยักหน้าตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนจะเริ่มพูดเรื่องแผนการต่อ