ดราม่า,ชาย-ชาย,ไทย,เรื่องสั้น,รัก,รักสมัยเด็ก,ชาย-ชาย,รักเก่า,แก้แค้น,หลอกให้รัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ ๑๐
ซึ่งแผนการทั้งหมดก็คือมนจะแสร้งไปร่วมงานตามปกติ เพราะมนรู้ดีว่าวันนั้นภาคจะต้องแนะนำเขาให้ทุกคนในงานรู้จักอย่างแน่นอน เนื่องจากมนเคยได้ยินว่าภาคคุยกับเลขาว่าจะเปิดตัวมนในงานเลี้ยงนั่นเลย
พอถึงช่วงเวลาที่ภาคจะขึ้นไปกล่าวต้อนรับและเปิดคลิปวิดีโอแนะนำบริษัทของตัวเองให้ทุกคนในงานดู จังหวะนั้นแหละที่มนจะให้น้ำน่านเป็นคนสลับคลิปวิดีโอ
จากตอนแรกที่เป็นคลิปแนะนำบริษัท เปลี่ยนเป็นคลิปจากกล้องหน้ารถที่ได้มาจากไม้เมื่อไม่กี่วันก่อน ตามด้วยรูปภาพหลักฐานที่มนและคิรันถ่ายภาพมา
และหลังจากที่คลิปนั้นจบลง มนคาดว่าพวกบริษัทที่ร่วมลงทุนจะถอนหุ้นทั้งหมดอย่างแน่นอน พอถึงเวลานั้นให้คิรันเข้าไปเสนอทางออกที่ช่วยบริษัทของภาค โดยให้ภาคโอนหุ้นทั้งหมดให้คิรันเพียงคนเดียว
และหลังจากนั้นมนจะขึ้นไปบนเวทีและพูดทุกอย่างเองรวมไปถึงเรื่องที่บริษัทของพ่อคิรันและอันยาโดนคุณธาดาโกงจนเกือบล้มละลายด้วย
“มีใครติดตรงไหนมั้ยครับ”
“ไม่ ฉันเห็นด้วยทุกอย่างที่นายพูดมา มันเลวเกินกว่าที่เราจะเห็นใจมันแล้ว” อันยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นไม่ต่างจากมน
หลังจากที่คุยเรื่องแผนการกันจบแล้วทุกคนก็ได้แยกย้ายกันไปนอน เนื่องจากดึกมากพอสมควร
กาลเวลาล่วงเลยไปจนถึงวันงานเลี้ยงต้อนรับ มนไปร่วมงานตามปกติ
ภาคที่กำลังแต่งตัวอยู่ในห้องทำงานชั้นบน หันมาเห็นมนเปิดประตูเข้ามาพอดี จึงได้รีบลุกขึ้นวิ่งไปสวมกอดมนทันทีด้วยความคิดถึง
“คุณหายไปไหนมา ผมคิดถึงคุณมากเลยนะรู้มั้ย”
“มนขอโทษนะครับ พอดีมนไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดมาน่ะครับ...เห็นน้ำน่านบอกว่าเลขาคุณไปเฝ้าที่บ้านมนด้วยเหรอครับ”
“เอ่อ..คือ ผมกลัวมนจะเป็นอะไรไป เลยให้เลขาไปดู”
“มนขอโทษอีกครั้งนะครับที่ไปกะทันหันแบบนั้น”
“ไม่เป็นไร แค่มนกลับมาก็ดีแล้ว...แล้ววันนี้มนต้องเดินไปกับผมด้วยนะ ผมจะแนะนำมนให้คนในงานรู้จักด้วยเลย” ภาคพูดออกมาอย่างมีความสุข แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าความสุขของเขากำลังจะหายไปในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จภาคและมนก็ออกไปยืนรอต้อนรับตัวแทนจากบริษัทต่าง ๆ ที่จะมาร่วมงานในวันนี้ รวมไปถึงคุณธาดาหรือพ่อของภาคด้วย
งานเลี้ยงดำเนินไปตามปกติ ภาคก็พามนไปแนะนำกับคนสนิทและคนที่เขานับถือ
จนมาถึงเพื่อนสนิทอย่างคิน อาคิน กิตติธัชวัฒนา หนุ่มหล่อนักธุรกิจชื่อดัง ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยมหาลัย มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจภาคก็มักจะมาระบายให้คินฟังตลอด
รวมถึงเรื่องของมนด้วย ภาคชอบพูดถึงมนให้คินฟังอยู่บ่อย ๆ จนคินนั้นอยากเจอหน้ามนเต็มที และแล้ววันนี้ก็ได้เจอกันจนได้
แต่ทว่าพอคินเห็นหน้ามนก็ต้องตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเป็นคนคนนี้ คินได้แต่มองหน้าภาคกับมนสลับไปมาอยู่หลายรอบจนภาคพูดขึ้นมาว่า
“มองอะไรขนาดนี้วะไอคิน...นี่มนตราแฟนกูเอง”
“คนนี้เหรอ? แฟนมึง”
“ก็เออดิว่ะ คนนี้แหละที่กูเล่าให้มึงฟังบ่อย ๆ”
คินยังคงจ้องมองไปยังใบหน้าของมนด้วยสายตาที่ตกใจแฝงไปด้วยความกลัวเล็กน้อย
ทางด้านของมนที่เห็นสีหน้าของคินก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมคินถึงได้ตกใจที่เห็นหน้าของเขาเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเพราะภาคได้พาเขาไปแนะนำกับคนอื่นต่อ
และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่จะภาคจะต้องขึ้นไปพูดบนเวที และหลังจากที่พูดจบก็จะเป็นช่วงเวลาของการเปิดคลิปแนะนำบริษัท
“เดี๋ยวผมขึ้นบนเวทีก่อนนะ คุณรอผมอยู่ตรงนี้อย่าหายไปไหนอีกนะ...เข้าใจมั้ย”
“ครับ มนไม่หายไปหรอกครับ..เพราะมนมีของขวัญจะให้คุณ”
ภาคยิ้มดีใจอย่างมีความสุขที่ได้ยินว่ามนมีของขวัญจะให้ ก่อนจะเดินไปขึ้นเวที
ภาคพูดแนะนำและกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานจนมนได้ยินประโยคสุดท้ายที่ภาคบอกว่า
“ต่อไปนะครับ ขอเชิญทุกคนรับชมวิดีโอผลผลิตจากบริษัทเราได้เลยครับ”
พูดจบภาคก็เดินลงมายืนข้าง ๆ มนอีกครั้ง พร้อมกับสายตาจ้องมองไปยังจอทีวีขนาดใหญ่หน้าเวที
แต่แล้วคลิปวิดีโอที่เปิดขึ้นมากลับไม่ใช่คลิปวิดีโอผลผลิตอย่างที่ภาคว่าเอาไว้ตอนต้น กลับกลายเป็นคลิปกล้องหน้ารถที่ภาคเดินมึนเมาและขับรถปาดไปปาดมาจนเสียหลักชนรถคันอื่น แถมยังไม่ให้ความช่วยเหลือมิหนำซ้ำยังเดินกระดกไวน์กลับไปที่รถอย่างหน้าตาเฉยอีกด้วย
ทุกคนในงานเริ่มมีเสียงฮือฮาสายตาจับจ้องมาที่ภาคเป็นตาเดียวกัน
มนที่หันไปเห็นภาคยืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่กำลังฉายอยู่บนจอทีวีขนาดใหญ่ เลยขยับร่างกายเข้าไปใกล้กับภาคและได้เอียงคอกระซิบพูดข้างหูภาคว่า
“เป็นไงครับ...ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่มนจะมอบให้คุณ”
ภาคหันมองหน้ามนด้วยแววที่ไม่อยากจะเชื่อว่ามนจะเป็นคนทำ
ในตอนนั้นภาคยังไม่ได้ใส่ใจว่ามนจะเป็นคนทำ แต่เขากลับหันส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากพ่อของเขา
แต่ทว่าผู้เป็นพ่อกลับพยักหน้าเพื่อสื่อว่าให้ภาคยอมรับผิดไปเสีย จากนั้นผู้เป็นพ่อก็เดินหนีออกจากงานเลี้ยงไป ทำให้เหลือเพียงแค่ภาคคนเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่ต่างก็มองมาที่ตนเป็นตาเดียวกัน
ไม่นานนักคินเพื่อนสนิทก็เดินมายืนข้าง ๆ และกระซิบบอกอะไรภาคว่า
“มึงก็บอกความจริงเขาไปสิ”
ภาคไม่ได้สนใจว่าคินจะพูดอะไร เพราะตอนนี้เขากำลังโฟกัสคนตรงหน้าเขาอยู่ซึ่งก็คือมนนั่นเอง
ภาคที่พูดไม่ออก ได้แต่ยืนมองมนนิ่ง ๆ แววตาไร้ความรู้สึกใด ๆ แต่ทว่าเมื่อมองเข้าไปลึก ๆ แล้วภาคเองก็เสียใจอยู่ไม่น้อยเพราะเขารู้เลยว่าที่ผ่านมามนคงไม่ได้รักเขา
“ทุกคนอาจจะงงนะครับว่าทำไมถึงเป็นคลิปนี้ได้...ผู้ชายคนในคลิปที่ทุกคนเห็น...เมื่อสามปีก่อนเขาเมาแล้วขับ...จนเกิดอุบัติเหตุใหญ่ขึ้น และมีคนเสียชีวิตถึงสองคน”
ทุกคนที่ยืนอยู่ในงานเลี้ยงต่างก็ตั้งใจฟังและมองไปยังมนที่ยืนพูดอยู่บนเวที และคุณธาดาก็เดินกลับมาเข้ามาเช่นกัน
“และสองคนนั้นคือพ่อแม่ของผมเองครับ...ในคลิปทุกคนจะเห็นว่าเขาเดินมาดูรถที่พลิกคว่ำแล้ว แต่เขาเลือกที่จะไม่ช่วยและเดินไปหยิบขวดไวน์แทน และได้ขับรถหนีไป...ทำให้รถของผมเกิดระเบิดขึ้น...พ่อและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที”
“คุณมนพอเถอะครับ ลงมาเถอะ” เลขาส่วนตัวของภาครีบเข้ามาห้ามทันที แต่มนก็ไม่ได้สนใจและยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ
“และพ่อที่รักลูกมากอย่างคุณธาดาก็ได้ช่วยให้ลูกรอดจากการจับกุม โดยการเอารถไปซ่อนไว้ที่ตึกร้างหลังบ้านของเขา...แถมยังใช้เงินปลดตำรวจที่ซื่อตรงต่อหน้าที่อีกด้วย...ผมชื่นชมนะครับที่เขารักลูก แต่การรักลูกแบบนี้ไม่ได้เรียกว่ารักนะครับ...คุณธาดา”
ทุกคนงานเริ่มส่งเสียงพูดคุยกันอีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อของคุณธาดา
“แล้วไม่ได้มีแค่นี้นะครับ คุณธาดาได้เคยทำเลวเอาไว้โดยการโกงบริษัทที่ร่วมลงทุนด้วย จนบริษัทนั้นเกือบล้มละลาย...และล่าสุดบริษัทของคุณอันยาก็เกือบโดนเหมือนกันนะครับ..เพียงเพราะคุณอันยาทำให้ลูกชายสุดที่รักแต่งงานด้วยไม่ได้ คุณธาดาได้ส่งคนมาทำร้ายพ่อของคุณอันยาปางตายด้วยนะครับ...ใครที่คิดจะลงทุนต่อก็คิดดี ๆ นะครับ ขอบคุณครับ..”
มนเดินลงไปหาภาคอีกครั้งพร้อมกับคิรันและอันยา
“ถ้าคุณไม่อยากเห็นบริษัทของคุณพังลงไปต่อหน้าคุณ...คุณก็โอนหุ้นทั้งหมดให้พี่รันซะ...แล้วเรื่องของเราก็จบลงแค่ตรงนี้”
สิ้นเสียงมนกำลังจะเดินออกมาแต่ภาคก็ได้พูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า
“คุณ...ไม่เคยรักผมเลยเหรอมนตรา”
มนหยุดนิ่งชั่วขณะก่อนจะหมุนตัวกลับไปตอบคำถามของภาค
“ใช่! มนไม่มีทาง...รักคนที่ฆ่าพ่อแม่มนได้หรอกนะครับ”
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปเดือนกว่ามนที่อยู่แต่บ้านได้ข่าวว่ามีเพียงแค่คุณธาดาเท่านั้นที่ถูกจับ ส่วนภาคยังไม่มีข่าวว่าเป็นอย่างไรต่อ
มนที่ได้ยินแบบนั้นก็ปิดทีวีและเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะออกไปซื้อของข้างนอกกับน้ำน่านในช่วงบ่าย
แต่งตัวเสร็จมนก็ออกมารอน้ำน่านหน้าบ้าน ไม่นานน้ำน่านก็ขับรถมารับ
ประมาณสามสิบนาทีมนและน้ำน่านก็มาถึงห้างสรรพสินค้า ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังเดินเลือกซื้อของอยู่นั้น ก็เจอเข้ากับคิน
คินเดินตรงเข้ามาทักมนทันทีราวกับว่ารอเจออยู่ก่อนแล้ว
“มนตราใช่มั้ย พี่คินนะจำได้มั้ย”
“จำได้ครับ พี่คินมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พี่มีอะไรอยากจะบอกให้เรารู้น่ะ พอจะว่างมั้ย”
“ได้ครับ”
ทั้งสามเดินตรงไปยังร้านกาแฟร้านหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เจอกันเท่าไร
ทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ คินก็ได้เล่าความจริงทั้งหมดให้มนและน้ำน่านฟังว่า ภาคเคยเป็นเด็กกำพร้ามาก่อนอยู่ที่บ้านมีรัก และภาคก็มีน้องชายฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันมากชื่อว่าภีม ทั้งสองเหมือนกันมากจนถ้าอยู่ด้วยกันก็แยกแทบไม่ออกว่าใครเป็นใคร
ภาคและภีมถูกรับเลี้ยงโดยคุณธาดา ภาคที่แข็งกร้าวเล็กน้อยเลยทำให้คุณธาดาไม่ค่อยรัก แต่คนที่คนที่คุณธาดารักคือภีม
ซึ่งไม่ว่าภีมจะทำอะไรผิดมา คุณธาดาก็จะคอยแก้ปัญหาให้ตลอด และที่สำคัญทุกครั้งคุณธาดาจะให้ภาคเป็นคนรับผิดแทนภีม
จนมาถึงวันเกิดเหตุวันนั้นภาคยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากว่าเขาไปห้ามคุณธาดาไม่ให้ทำร้ายแม่เลี้ยงจนภาคเกิดพลาดตกบันไดลงมา
ส่วนคนที่ขับรถวันนี้คือภีม หลังจากที่กลับถึงบ้านมาภีมบอกเรื่องนี้กับคุณธาดา ด้วยความรักลูกของคุณธาดาเขาได้ใช้เงินแก้ปัญหาเพื่อให้ลูกตัวเองรอด
แต่อยู่มาวันหนึ่งตำรวจที่ชื่อไม้รู้เรื่องราวบางอย่างเข้าและกำลังจะมาจับกุมภีม คุณธาดาเลยใช้เงินเพื่อปลดให้ไม้หลุดออกจากคดี จากนั้นเขาก็ส่งภีมไปอยู่ที่บ้านพักต่างอากาศที่ต่างจังหวัด
และเพื่อที่จะมั่นใจว่าภีมจะไม่โดนจับ คุณธาดาได้เอากระเป๋าเงินของภาคที่มีบัตรประชาชนอยู่ เขาได้ให้คนเอาไปทิ้งไว้กับรถคันนั้น
ภาคเองที่รักน้องก็เลยไม่กล้าปฏิเสธและบอกความจริงกับตำรวจ แต่คินยอมไม่ได้ที่จะเห็นคนดี ๆ แบภาคต้องติดคุกเลยให้คนไปสืบความจริงทั้งหมด ภาคเลยรอดออกมาได้ ส่วนภีมตำรวจกำลังตามจับตัวกันอยู่
และเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านตำรวจเจ้าของคดีได้แจ้งข่าวมาทางคินว่าจับตัวภีมได้แล้ว
มนได้แต่นั่งฟังคินเล่าความจริงอย่างนิ่งเงียบ แต่ทว่าภายในใจกลับมีแต่ความรู้สึกผิดและเสียใจที่ทำแบบนั้นกับภาคไปโดยที่ไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน