ผมได้รับคำสั่งให้ไปที่เกรย์ไพน์เพื่อนำของสำคัญอย่างหนึ่งออกไปจากพื้นที่ โดยมีเวลาเพียง 7 วันในการทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้น ไม่รู้ว่าผมต้องเอาอะไรออกไปจากที่นี่ แต่จดหมายบอกว่าผมจะรู้เอง…ถ้าผม “ทำตามกฎ”

ผมมีเวลา 7 วันในการเอาบางอย่างออกมาจากเกรย์ไพน์ - 5 Echo calling in the dark, โดย Monique Chen @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระทึกขวัญ,พารานอมอล,ลึกลับ,ดาร์ค,ตะวันตก,สยองขวัญ,ruleofhorror,rule,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ผมมีเวลา 7 วันในการเอาบางอย่างออกมาจากเกรย์ไพน์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ระทึกขวัญ,พารานอมอล,ลึกลับ,ดาร์ค,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สยองขวัญ,ruleofhorror,rule

รายละเอียด

ผมมีเวลา 7 วันในการเอาบางอย่างออกมาจากเกรย์ไพน์ โดย Monique Chen @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผมได้รับคำสั่งให้ไปที่เกรย์ไพน์เพื่อนำของสำคัญอย่างหนึ่งออกไปจากพื้นที่ โดยมีเวลาเพียง 7 วันในการทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้น ไม่รู้ว่าผมต้องเอาอะไรออกไปจากที่นี่ แต่จดหมายบอกว่าผมจะรู้เอง…ถ้าผม “ทำตามกฎ”

ผู้แต่ง

Monique Chen

เรื่องย่อ

ผมมีเวลา 7 วันในการเอาบางอย่างออกมาจากเกรย์ไพน์

 

‘นี่คือเงินมัดจำ อีกครึ่งจะได้เมื่องานเสร็จสิ้น ภารกิจของคุณคือไปในเมืองในแผนที่

มันอยู่ทางเหนือของไวโอมิ่ง เขตรอยต่อติดกับมอนทาน่า ไปถึงที่นั่นแล้วเข้าเช็คอินที่โรงแรม

ที่นั่นจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติม จากนั้นตามหาสิ่งของบางอย่างที่คุณจะรู้เมื่อทำตามกฎที่ได้รับ

นำมันกลับออกมาภายใน 7 วัน และอย่าลืมหาอีกครึ่งของตุ๊กตากระต่ายด้วย มันคงทำให้คุณรู้อะไรบางอย่าง

ห้ามบอกใครว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นใคร

 

ป.ล.ไม่จำเป็นต้องหาข้อมูลเมืองนี้ในอินเตอร์เน็ต อย่าเสียเวลาเปล่า’

 

ผมอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง พลางนึกถึงงานแปลก ๆ ที่เคยทำมา ไม่ว่าจะเป็นการแกล้งทำเป็นผีหลอกคนที่แอบมานอนกับเมียลูกค้า (ซึ่งจบลงด้วยการที่เขาวิ่งหนีออกไปโดยไม่ใส่กางเกง) หรือการรับจ้างนั่งกินข้าวคนเดียวในร้านอาหารหรูเพื่อให้ดูเหงาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่งานนี้... มันดูจะแปลกเกินไป

สารบัญ

ผมมีเวลา 7 วันในการเอาบางอย่างออกมาจากเกรย์ไพน์-1 Wrap them up in bandaged shrouds,,ผมมีเวลา 7 วันในการเอาบางอย่างออกมาจากเกรย์ไพน์-2 Fresh meat hanging from the clouds.,ผมมีเวลา 7 วันในการเอาบางอย่างออกมาจากเกรย์ไพน์-3 Silent, silent, not a sound,,ผมมีเวลา 7 วันในการเอาบางอย่างออกมาจากเกรย์ไพน์-4 They'll drag you down, down, down.,ผมมีเวลา 7 วันในการเอาบางอย่างออกมาจากเกรย์ไพน์-5 Echo calling in the dark,,ผมมีเวลา 7 วันในการเอาบางอย่างออกมาจากเกรย์ไพน์-6 Wolves are howling in the park.,ผมมีเวลา 7 วันในการเอาบางอย่างออกมาจากเกรย์ไพน์-7 Whisper, whisper, stay unseen,

เนื้อหา

5 Echo calling in the dark,

 

ผมสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงของบางอย่างถูกเสือกผ่านช่องใต้ประตูเข้ามาอย่างแรง ในหัวปวดหนึบหลังจากเฝ้าต่อเทียนจนเล่มสุดท้ายและดับเทียนด้วยที่ครอบแล้วจึงได้นอนตอนรุ่งสาง ระหว่างที่ผมกำลังต่อสู้กับอาการหน่วงในหัวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตามทางเดินนอกประตูจากไป ส่วนบนพื้นหน้าประตูมีซองกระดาษสีน้ำตาลอีกซองที่มีลายมือหวัด ๆ เขียนไว้ ‘ปลดล็อกรางวัล: รอดคืนที่ 1’

“อะไรของแม่งอีก” รู้สึกโล่งขึ้นนิดหน่อยพอได้สบถหลังจากไม่ได้พูดมานานกว่า 12 ชั่วโมง

ผมแกะซองนั้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะต้องตาลุกวาว เมื่อเห็นว่าภายในนั้นมีธนบัตรคาดแถบสีแดงเขียนว่า 500 ดอลลาร์ใส่เอาไว้ นี่มันแปลว่าผมจะได้เงินวันละ 500 ดอลลาร์ ถ้าหากอยู่จนตลอดรอดฝั่งงั้นเหรอ

ตื่นเต้นไปอึดใจเดียว แผ่นกระดาษอีกใบก็ร่วงออกมาจากซองและตอกย้ำว่าผมน่าจะกำลังเป็นหมากในเกมบ้าบอของใครสักคน

 

‘ช่วงเวลาสำรวจ

เกรย์ไพน์มีความลับน่าสนใจ แต่ผู้คนในเมืองเหมือนปลาในโหล พวกเขาไม่มีจุดหมาย

ถ้าอยากรู้อะไรดี ๆ จุดเริ่มต้นแรกคือร้านของชำ ความลับมากมายถูกซื้อขายกันที่นั่น

500 ดอลลาร์ต่อไปจะถูกจ่ายทันที เมื่อคุณหาภารกิจต่อไปเจอ

 

ป.ล.ถ้ามีคนถามว่าย้ายมาใหม่เหรอ ให้ตอบว่า เปล่า แค่มาเยี่ยมญาติ’

 

ผมหลับตาแน่นเม้มปากเป็นเส้นตรง ตอนนั้นผมปักใจแล้วว่ามันคือคอนเทนต์ประเภทเรียลลิตี้แน่นอน แม้จะรู้สึกโมโหที่ต้องมาตกเป็นคอนเทนต์ของคนอื่นโดยไม่เต็มใจ แต่ด้วยราคาที่จ่ายผมก็ได้แต่ท่องคำว่า ‘งานลูกค้า งานลูกค้า งานลูกค้า’ วนซ้ำในใจ แต่สาบานได้ว่าถ้าเกิดอะไรแปลก ๆ กับผมและผมออกไปจากที่นี่ได้ ผมจะใช้เงินทุกเหรียญที่ได้มาในการจ้างทนายฟ้องพวกแม่งให้หมดตัว

“ร้านของชำ...” ผมไล่สายตาไปบนแผนที่ที่ผู้จัดการโรงแรมให้มาเมื่อวาน แล้วเปิดม่านมองออกไปด้านนอกที่ดูเห็นอะไร ๆ ชัดกว่าเมื่อวานเพราะแสงอาทิตย์แจ่มจ้า

ผมคงต้องรีบออกไปก่อนจะเสียเวลาไปมากกว่านี้

 

ภายใต้แสงอาทิตย์ที่แรงกล้ากว่าเมื่อวาน เกรย์ไพน์ก็ดูเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ที่คุณอาจเคยเห็นในโปสการ์ดวินเทจ – บ้านหน้าตาหดหู่เรียงรายกันเหมือนใช้พิมพ์คุกกี้แบบเดียวกันปั๊มออกมา - บรรยากาศก็ดูหดหู่ ผู้คนเดินไปมาเชื่องช้า สีหน้าเรียบเฉย หรือไม่...ถ้ายิ้มก็ยิ้มแต่ปาก ท่าทางเหมือนหุ่นเชิดมากกว่าคน

"ปลาในโหล" ผมพึมพำคำในจดหมายพลางสังเกตผู้คนบนถนน พวกเขาเดินวนไปวนมาคล้ายติดอยู่ในวงโคจรที่มองไม่เห็น บางคนหยุดคุยกับคนอื่นแต่ดูเหมือนบทสนทนาไร้ชีวิตชีวา พวกนี้คงเป็นนักแสดงราคาถูกที่เขาจ้างมา...ท่าทางเลยดูพิกลแบบนั้น

ร้านชำอยู่ห่างออกไปสองบล็อก หน้าร้านมีป้ายไม้เก่าๆ เขียนว่า "ร้านของชำเกรย์ไพน์" ด้วยตัวอักษรที่ลอกล่อนจนแทบอ่านไม่ออก ผมชะงักเท้าอยู่หน้าร้านพยายามคิดว่าควรจะเข้าหาเรื่องนี้อย่างไร สุดท้ายผมตัดสินใจว่าจะลองสังเกตการณ์ก่อน

ผมยืนอยู่ในร้านของชำ ท่ามกลางกลิ่นสมุนไพรและฝุ่นเก่าที่กระจายทั่ว ลองมองไปรอบๆ เห็นว่าสินค้าบางอย่างดูเก่าเกินกว่าจะขายได้แล้ว แถมทุกสิ่งในร้านก็เหมือนถูกจัดวางคละกันแบบไม่มีเหตุผล ทีแรกผมคิดว่าแค่บังเอิญ หรืออาจจะเป็นสไตล์การจัดการแบบโบราณที่ดูเหมือนห้องเก็บของ ให้คนเข้ามาค้นของที่อยากได้แล้วค่อยไปจ่ายตังอะไรแบบนั้น แต่พอเดินวนอยู่สักพักก็เริ่มรู้สึกว่ามันประหลาดจริง ๆ

ลูกอมยี่ห้อที่ไม่เคยเห็นวางปนกับยาสีฟัน กล่องอาหารสำเร็จรูปหมดอายุตั้งแต่ปี 1995 กองอยู่ข้างๆ นิตยสารใหม่เอี่ยม กล่องนมที่รูปเด็กหายบนกล่องถูกขูดหน้าทิ้งไปหมด และที่แปลกที่สุดคือมีกระดาษโน้ตเล็กๆ แปะอยู่ตามชั้นวางของ แต่ละใบเขียนด้วยลายมือเป็นข้อความที่ไม่รู้ว่าจะมีสถานการณ์แบบไหนบ้างที่ดลใจให้คนเขียนเขียนแบบนั้น

‘น้ำยาล้างจาน 'คลีนไบรท์' ช่วยลบความทรงจำที่ไม่ดีได้’

‘ถ้วยกาแฟลายดอกไม้ใบนี้เคยเป็นของคุณนายนายกเทศมนตรีคนก่อน’

‘ตุ๊กตาหมียังคงนับวันรอเจ้าของกลับมา (2,847 วันแล้ว) ’

ตุ๊กตาหมีหน้าจ๋อยทำให้ผมนึกถึงตุ๊กตากระต่ายที่ผมมีอยู่อย่างประหลาด รู้สึกไปเองว่ามันเหมือนกำลังรอใครเหมือนกัน แต่ขณะที่ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบมันมาดู เสียงกระดิ่งที่ประตูก็ดังขึ้นพร้อมเสียงฝีเท้าและเงาบุคคลอยู่เบื้องหลังชั้นวางของ

“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” เสียงแหบแห้งเอ่ยถาม พอผมหันไปก็เห็นผู้ชายที่ดูแก่กว่าผมแต่อายุคงไม่เกิน 50 ปี เส้นผมสีบลอนด์ที่มีเส้นหงอกสีขาวแซมเล็กน้อยหวีเรียบ ดวงตาสีฟ้าใต้แว่นตากลมหนาเตอะมองหน้าผมแบบไร้อารมณ์ เขาสวมเสื้อกั๊กสีน้ำตาลเก่า ๆ ซีด ๆ มีป้ายที่อกเขียนไว้ ‘วอลเตอร์’

“เอ่อ...”

“ย้ายมาใหม่เหรอครับ ไม่คุ้นหน้าเลย” วอลเตอร์ถามพลางขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาจ้องลึกมาที่ผมเหมือนพยายามประเมินอะไรสักอย่าง

ผมนึกถึงคำลงท้ายในคำสั่งเมื่อเช้าแล้วละล่ำละลักตอบ “เปล่าครับ...ผมมาเยี่ยมญาติน่ะ”

ชายคนนั้นมองหน้าผมนิ่งนานจนผมกลั้นหายใจจนเกือบตาย ในที่สุดก็คลี่ยิ้มออกมาแบบที่ตาไม่ยิ้มตาม

“อ้อ อย่างนั้นคุณคงอยากซื้อของฝากกลับไปด้วยสินะ ลองไปดูที่ชั้นนั้นสิ”

วอลเตอร์ชี้ไปที่ชั้นวางของมุมร้าน ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปตามที่เขาบอก พยายามทำตัวให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด แต่ความรู้สึกแปลกก็แล่นขึ้นมาตามสันหลังเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเดินตามมาช้า ๆ

"ที่นี่มีอะไรน่าสนใจเยอะแยะเลยครับ" เขาพูดเสียงแผ่วเบา ยืนห่างจากผมแค่ก้าวเดียว "บางทีคุณอาจเจออะไรที่กำลังตามหาก็ได้"

ผมรู้สึกถึงลมหายใจเย็น ๆ ของเขาที่เป่ารดต้นคอแต่ไม่กล้าหันไปมอง ได้แต่จ้องมองสินค้าบนชั้นที่ดูไร้ชีวิตชีวาเหมือนวอลเตอร์และเมืองนี้ไม่มีผิด ทุกอย่างเหมือนของที่หมดอายุแล้วทั้งนั้น ถ้าไม่มีคนเดินสวนไปมาในเมืองนี้ผมคงคิดว่ากำลังยืนอยู่ในร้านชำในเมืองร้างสักเมือง

"หรือบางที..." วอลเตอร์กระซิบต่อ เมื่อเห็นผมยืนนิ่งไม่ตอบอะไร "อาจจะเป็นสิ่งที่กำลังตามหาคุณก็ได้"

ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สังเกตเห็นว่าเงาของเขาที่ทอดยาวบนพื้นดูผิดรูปร่างไปจากปกติ มันบิดเบี้ยวและมีแขนงยื่นออกมาเหมือนกิ่งไม้แห้งตาย

"ผมว่าผม...ขอดูรอบๆ ร้านก่อนแล้วกันครับ" ผมพยายามหาทางหนี

“ได้สิ” วอลเตอร์ถอยห่างออกไปเล็กน้อย รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นจนดูไม่เป็นธรรมชาติ "ผมอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ถ้าคุณพบอะไรที่ต้องการ...หรือถ้ามีอะไรที่ต้องการคุณ ก็แวะมาคุยกันได้"

เขาเดินจากไปด้วยท่าทางที่ดูราวกับลอยอยู่เหนือพื้น ทิ้งให้ผมยืนตัวแข็งท่ามกลางชั้นวางของ รู้สึกว่าทุกอย่างในร้านนี้กำลังจ้องมองผมอยู่ - และวอลเตอร์ก็คงกำลังทำแบบเดียวกันจากมุมใดมุมหนึ่งที่ผมมองไม่เห็น

“ปลาในโหล” ผมพึมพำสิ่งที่ผมคิดว่าคือคำใบ้ พยายามรีบกวาดตามองไปทั่ว ๆ เผื่อจะเชื่ออะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับประโยคดังกล่าว

ไม่นานนักสายตาผมก็หยุดที่ขวดแก้วเก่าขวดหนึ่ง วางแอบอยู่ด้านหลังกล่องซีเรียล ฝุ่นเกาะหนาจนแทบมองไม่เห็นด้านใน ผมหยิบขวดนั้นขึ้นมามองใกล้ ๆ พบว่ามีบางสิ่งอยู่ข้างใน แม้มันดูคล้ายปลาแต่เป็นเพียงก้างปลาสีเทาลอยในของเหลวสีเทาขุ่น

"สวยใช่ไหมครับ" เสียงของวอลเตอร์ดังขึ้นข้างหลังอย่างกะทันหัน ผมตกใจจนสะดุ้งโหยง “ใช่ของที่คุณตามหาหรือเปล่า”

“ผม...ผมแค่ลองดูเฉย ๆ” ผมตอบเสียงแกน ๆ แล้วรีบวางขวดคืนที่เดิม

ทว่าทันทีที่ผมละมือ วอลเตอร์ก็หยิบขวดโหลนั้นใส่มือผมอีกรอบ “คุณหามันอยู่ไม่ใช่เหรอ” เขากระซิบถาม รอยยิ้มกว้างขัดกับดวงตาสีฟ้าที่จ้องเขม็ง เขาจ้องผมอยู่อึดใจก่อนจะเคลื่อนดวงตามองไปบนชั้นวาง

“ถ้าคุณไม่สนใจขวดนี้คงน่าเสียดายแย่” เขาพึมพำไม่มองหน้าผม จ้องไปแต่ตรงที่ขวดเคยวางอยู่

ผมกลั้นใจมองตามสายตาเขาด้วยความกลัว แล้วในจังหวะนั้นผมก็เห็นว่าช่องว่างบนชั้นวางสินค้ามีซองกระดาษสีน้ำตาลคุ้นตาซุกอยู่ ทุกอย่างไม่ชอบมาพากลไปหมด...วอลเตอร์เหมือนกำลังบังคับให้ผมหยิบมัน เขาทำเหมือนจะมีอะไรผิดพลาดถ้าหากผมไม่หยิบซองกระดาษนั้น

“เห็นแล้วใช่ไหม” เขาเคลื่อนดวงตากลับมาจ้องผม เหมือนผมเป็นแมลงหน้าโง่ที่ติดใยแมงมุม “ผมจะไปอยู่ที่เคาน์เตอร์...อย่าให้ผมต้องกลับมาอีก”

เขาพยักหน้าแกมบังคับให้ผมตอบตกลง ผมพยักหน้าด้วยความรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ จากนั้นเขาก็ทำหน้าพึงพอใจแล้วเดินจากไป ตอนนั้นผมรู้สึกว่านายวอลเตอร์อะไรนี่แสดงสมจริงชะมัดยาด เขาดูเหมือนพวกโรคจิตในหนังไล่เชือด แค่เขามองผมก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเรียกของความตาย

ผมยืนหายใจถี่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตั้งท่าเอื้อมมือไปหยิบซองกระดาษนั้น

“รีบหยิบสิครับ...ผมไม่ได้มีเวลาทั้งวัน” น้ำเสียงเยือกเย็นของเขาดังมาจากหน้าร้านราวกับเขากำลังเฝ้ามองผมทุกการกระทำ หัวใจของผมเต้นกระหน่ำ มือสั่นจนต้องพยายามกลั้นใจสะกดเก็บความกลัว แล้วคว้าซองกระดาษนั้นมาในที่สุด

ผมรีบสาวเท้าเดินมาจนถึงประตูพร้อมซองในมือ พยายามไม่หันมองโครงร่างของชายคนนั้นที่ยืนอยู่หลังเครื่องคิดเงิน ขนาดมองผ่านหางตายังรู้ว่าเขากำลังยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงซี่ มิหนำซ้ำวินาทีต่อมายังมีเสียงหัวเราะแผ่วเบาจากลำคอด้วย