"เมื่อโลกสองใบเชื่อมโยงผ่านมิติที่ไม่อาจคาดเดา กลับกลายเป็นผู้ถือพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของทุกชีวิตในดินแดนแห่งนี้ เธอคือกุญแจแห่งความหวัง...หรือจะเป็นคำสาปที่นำมาสู่การล่มสลาย?"
ผจญภัย,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,ผจญภัย,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
"สะพานมิติ: เส้นทางแห่งความหวังและเงามืด""เมื่อโลกสองใบเชื่อมโยงผ่านมิติที่ไม่อาจคาดเดา กลับกลายเป็นผู้ถือพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของทุกชีวิตในดินแดนแห่งนี้ เธอคือกุญแจแห่งความหวัง...หรือจะเป็นคำสาปที่นำมาสู่การล่มสลาย?"
"เซเลีย " หญิงสาวธรรมดาจากโลกปัจจุบันที่มีชีวิตเรียบง่าย ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาดที่พาเธอข้ามมิติไปยังดินแดนแปลกประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยเวทมนตร์และอันตราย เมื่อมาถึง เธอได้พบว่าตัวเองถูกเลือกให้เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขวิกฤตที่ครอบงำโลกนี้อยู่ ภัยพิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกำลังคุกคามความสงบสุขของดินแดน
ในโลกใหม่นี้ เซเลียได้พบกับกลุ่มผู้กล้าห้าคนที่มีพลังเวทมนตร์เฉพาะตัวและได้รับภารกิจให้เดินทางผจญภัยร่วมกัน แต่ละคนมีความฝันและปมที่ซ่อนอยู่ ความขัดแย้งและการเติบโตที่เกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางนี้ได้ก่อให้เกิดมิตรภาพที่แน่นแฟ้น และความรักที่ไม่คาดคิด ระหว่างทาง พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอำนาจมืดที่คอยตามล่าพวกเขาเพื่อหวังใช้พลังของอิรินาในทางชั่วร้าย เซเรียต้องหาวิธีใช้พลังพิเศษที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน พร้อมกับค้นพบว่าพลังที่แท้จริงของเธออาจเป็นทั้งคำสาปและของขวัญที่ใช้ชะตาชีวิตของผู้คนทั้งสองโลก
ในการเดินทางครั้งนี้ เซเลียจะต้องเผชิญกับความกลัวภายในและตัดสินใจเลือกเส้นทางที่จะเปลี่ยนชะตาของดินแดนนี้ไปตลอดกาล เธอจะสามารถปลดปล่อยโลกนี้จากเงามืดและหวนคืนสู่โลกของเธอได้หรือไม่?
ทุกครั้งที่ฉันหลับ ฉันมักจะมีความฝันเดิมๆซ้ำๆ แต่คืนนี้ดูจะชัดเจนและลึกซึ้งกว่าเดิม
"เซเลีย …" เสียงนุ่มลึกเรียกชื่อฉันจากความมืดเป็นเงาของผู้ชายยืนอยู่ด้านหน้าฉัน ผิวของเขาเปล่งแสงระยิบระยับในความมืด แววตาของเขาสะท้อนความหวังและความคาดหวังบางอย่าง
"ข้าต้องการเจ้า…ดินแดนของพวกเรากำลังถูกคุกคามและมีภัย"
“คุณคือใคร? ทำไมถึงมาหาฉันในฝัน?” ฉันถามออกไป ทั้งที่ไม่แน่ใจว่า กำลังถามใคร หรือว่าตัวเองกำลังพูดอยู่จริง ๆ
ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ข้าคือผู้พิทักษ์แห่งดินแดนแห่งแสง…และเจ้าคือผู้ถูกเลือกที่จะช่วยเหลือพวกข้า เจ้าคือพลังที่สำคัญ…พลังที่………..” ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลางเหมือนหมอกสีเทาเข้ามา ปกคลุม ฉันกับรู้สึกว่าร่างกายของฉันกำลังถูกดึงกลับ แต่ก่อนที่ฉันจะตื่น ฉันได้ยินเสียงกระซิบแผ่ว ๆ ของเขาอีกครั้ง
“ข้าจะรอ…รอวันที่เจ้าจะมาถึง….เซเรียยยย”
ฉัน ตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมลมหายใจที่หอบถี่ เหงื่อแตกพลั่กไปทั้งร่างกาย ฉันเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสอง ฉันไม่แน่ใจว่านั่นเป็นเพียงความฝันหรือไม่ แต่ความรู้สึกนั้นจริงจนฉันรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่รอคอยฉันอยู่จริง ๆ สุดท้ายฉันอดทนไม่ไหวจำใจต้องหลับเพื่อไปเรียนในวันพรุ่งนี้
กริ๊กกกกกกก
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ฉันค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นแล้วมาคิดทบทวนถึงความฝันที่รู้สึกสมจริงจนน่าประหลาด ฉันยังจำภาพชายหนุ่มที่ปรากฏในนั้นได้อย่างชัดเจน ดวงตาที่คมกริบและเปี่ยมด้วยความมั่นคงคู่นั้นยังติดอยู่ในใจฉันแถบจะแกะไม่ออกเลยทีเดียว รู้สึกว่าเขาเหมือนมีบางสิ่งที่ต้องการจะบอกกับฉัน แต่ทุกครั้งที่ที่ฉันเดินไปหา เขาก็เลือนหายไปทุกที
ช่างมันเถอะ ! ใช่สนแต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปมหาวิทยาลัยก่อน การเรียนต้องมาก่อน
ยังไม่ได้บอกเลยใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันขอแนะนำตัวเองก่อน ฉันชื่อ จันทรา นิราศ เรียกง่ายๆ เซ ฉันป็นนักศึกษาปีสองในคณะ ศิลปศาสตร์ เอกโบราณคดี ซึ่งปกติฉันชอบใช้เวลาว่างไปกับการอ่านหนังสือในห้องสมุดกับเพื่อน ๆ แต่ช่วงนี้ฉันเริ่มรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไป นับตั้งแต่ฝันถึงผู้ชายคนนั้น
“เซ ! ดูซึม ๆ ไปนะวันนี้ มีอะไรหรือเปล่า?” มิน เพื่อนสนิทของฉันเอง เธอวิ่งมาหาฉันที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“ก็ไม่มีอะไร แค่ช่วงนี้ฉันฝันแปลก ๆ ทุกคืน ฝันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง เขามักจะพูดถึงอะไรบางอย่าง…เหมือนกำลังขอความช่วยเหลือ” ฉันพูดพรางครุ่นคิด ใช่! ภาพนายคนนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว
มินหัวเราะ “ผู้ชายในฝันเหรอ? ดูเหมือนจะมีโชคเรื่องความรักนะ!” ไม่พูดเปล่ามินยังมาทำหน้าทะเล้นใส่อีกต่างหาก ฉันยิ้มแห้ง ๆ แม้ว่าจะรู้ว่ามันเป็นแค่ฝัน แต่ความรู้สึกมันชัดเจนเสียจนทำให้ฉันไม่อาจปล่อยวางได้ ทุกครั้งที่หลับตาลง ภาพของชายหนุ่มคนนั้นก็ปรากฏขึ้น เขายืนอยู่ในที่ที่ดูเหมือนจะเป็นหอคอยเก่าแก่ ในมือถือดาบยาวที่เปล่งแสงสีเงิน และเขามักจะมองมาที่ฉันอย่างเว้าวอนราวกับต้องการบอกอะไรสักอย่าง
“น่ะ…เซ เงียบอีกแล้วนะ รีบไปเรียนเถอะ” มินพูดจบพร้อมดึงมือฉันกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่ตึกเรียน
อยู่ดีฝนที่กระหน่ำตกลงมาผสานกับฟ้าผ่าที่ฉายแสงสีขาววาบไปทั่วทั้งท้องฟ้าฉันมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย คืนนี้เป็นคืนที่เงียบงันอย่างผิดปกติในเมืองเล็ก ๆ ที่ฉันอาศัยอยู่ แม้จะเป็นฤดูฝน แต่บรรยากาศก็ดูไม่เหมือนคืนฝนตกทั่วไป มันมีบางสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด
ฉันทำความสะอาดร้านกาแฟอย่ารีบเร่ง ลืมบอกไปฉันที่ทำงานพิเศษเป็นร้านกาแฟเล็กๆใกล้มหาวิทยาลัย เมื่อเก็บร้านเสร็จฉันรีบกลับบ้านทันที เพราะความเหนื่อยล้าจาการเรียนทั้งวัน ซ้ำยังคิดวกไปวนมากับนายคนนั้นอีก ฉันกำลังเดินไปขึ้นรถเมย์เพื่อกลับบ้านอยู่ดีๆรู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่กำลังเดินตามฉัน ทำให้รู้สึกความเย็นยะเยือก จนต้องขยับเสื้อกันหนาวตัวโคร่งของฉันให้แน่นขึ้น และได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้
"ใคร!"ฉันตะโกนถามในความเงียบ แต่ไม่มีใครตอบ นอกจากเสียงลมที่หอบผ่านเงาต้นไม้ใหญ่ริมถนน ทันใดนั้นเอง เงาดำขนาดใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาเบื้องหน้า คลื่นความรู้สึกที่แผ่จากเงานั้นทำให้ฉัน ยืนตะลึงราวกับถูกสะกด ดวงตาของเงาดำทอประกายสีแดงเจิดจ้าก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นวงกลมลึกลับที่หมุนวน ทันทีที่ดวงตาของฉันอดที่จะจ้องไปในวงนั้นไม่ได้ ทำให้ฉันรู้สึกถึงแรงดึงมหาศาลที่ทำให้โลกทั้งใบเหมือนจะสั่นสะเทือน แล้วอยู่ดีๆเหมือนพื้นดินหายไปซะอย่างนั้น ถ้าให้ฉันอธิบายต้องบอกว่ารู้สึก เหมือนบ้านหมุน ร่างกายของฉันถูกแรงดึงประหลาดดึงเข้าไปในความว่างเปล่า เหมือนไม่เห็นอะไรเลย
"เธอคือ…ผู้ถูกเลือกหรือเปล่า?" ฉันลืมตาขึ้นหลังจากได้ยินเสียง ตอนนี้รู้สึกว่านอนอยู่บนพื้นหญ้านุ่มและสัมผัสถึงความอบอุ่นของแสงแดดที่ส่องลงมาฉันลุกขึ้นยืนและพบว่าตัวเองอยู่ในที่ราบอันกว้างใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้และหญ้าสีเขียวสด บนท้องฟ้าใสสว่างมีนกหลากสีสันบินวนเหนือศีรษะ ทุกสิ่งดูเหมือนเป็นโลกที่ออกมาจากความฝันมากกว่าจะเป็นความจริง
“ข้าถามเจ้าอยู่ ทำไมเจ้าไม่ตอบ” ฉันมองชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เขาสวมสวมเกราะที่ดูมันวาวสีเงินที่กระทบกับแสงอาทิตย์พร้อมผ้าคลุมสีขาวลิ่มทองโดยมีสัญลักษณ์พระอาทิตย์ตรงการ ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมาที่ฉันด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย แต่ก่อนที่ฉันจะตอบ ชายหนุ่มก็พยักหน้าเรียกกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลัง ที่เดินเข้ามาหาฉันพร้อมมองฉันอย่างไม่เชื่อสายตา
"จะใช่เหรอ ลูคัส" ชายหนุ่มผู้สวมเกราะสีดำสนิทพร้อมผ้าพันคอสีแดงสด เดินมาสมทบ
ฉัน มองกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า สายตาของพวกเขามองมาที่ฉันปนความไม่แน่ใจ อะไรของคนพวกนี้นะมองฉันแปลกๆ อีกทั้งยังแต่งตัวแปลกๆ เหมือนนักรบในทีวี บ้าหรือเปล่า?
“นั่นสิ! ดูไม่เหมือนที่ท่านผู้เฒ่าบอกเลยนะ” หญิงสาวสวมชุดคลุมสีเขียวอ่อนที่เบาสบาย เธอสวมผ้าคาดเอวที่มีดอกไม้และใบไม้มาประดับอยู่ พูดขึ้น
“เอ..แต่ข้าว่าใช่นะ” ชายหนุ่มผู้สวมชุดคลุมยาวสีม่วงเข้ม ที่มีกระดุมเงินรูปดาวยึดเสื้อคลุมที่คลุมทั้งตัวไว้ไม่ให้หลุด ชายหนุ่มไม่ว่าเปล่ายังนำไม้เท้าที่ลักษณะเหมือนเถาวัลย์ที่มีคริสตัลสีฟ้าอยู่บทยอดไม้เท้านั้นมาวางไปบนหัวของฉันอีก ไม่ทันไรไม้เท้ามีปฏิกิริยาแสงสว่างวาบจนทุกคนต้องหลับตาเพื่อหลบแสงนั้นแต่ฉันเองกลับมองเห็นหน้าทุกคนโดยไม่แสบตากับแสงสว่างจ้านั้น และสะดุดตากับชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำทั้งตัวมีฮู้ดคลุมศรีษะ ที่ใช้แขนที่มีผ้าพันไว้โดยรอบบังแสงสว่างนั้น ใช่!เขานั้นเอง คนที่ฉันฝันถึงมาตลอด คนตัวต้นเหตุเลยนะเนี้ย! ต้องถามให้รู้เรื่อง…
“นายนี่เอง ฉันจำได้ นายที่ฉันฝันเห็นบ่อยๆ” ฉันไม่พูดเปล่าลุกขึ้นเดินไปหาพร้อมกับดึงมือที่บังออกเพื่อจะดูหน้าให้ชัดเจนเพื่อตอกย้ำว่าใช่คนเดียวกันจริงๆ แต่ฉันกลับถูกผู้ชายคนนั้นสะบัดมืออย่างแรง จนล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น พร้อมกับแสงสว่างจ้าที่หายไป
“นี่คือข้อพิสูจน์ว่า ใช่นางจริงๆ อย่างท่านผู้เฒ่าบอก” ชายหนุ่มนาม อาเธน บอกเพื่อนๆ ทำให้ทุกคนพยักหน้าอย่างช้าๆ เหมือนจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เดี๋ยวนะ..ผู้เฒ่า ผู้ถูกเลือก อารายยยก๊อนนน ฉันมองหน้าพวกเขาอย่างงงๆ และ สงสัยว่าพวกเขาพูดอะไร?
“เอาล่ะ ข้าจะแนะนำตัวก่อน ” ผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำพูดขึ้น ฉันล้มอยู่นะ กรุณาช่วยพยุงฉันยืนขึ้นก่อนได้ไหม? ก่อนจะแนะนงแนะนำอะไรน่ะ และดูเหมือนจะมีคนเพิ่งรู้ความ ดึงฉันยืนขึ้นเหมือนจะไม่เต็มใจก็ตาม ฉันยืนมองหน้าแต่ละคนที่อยู่หน้าฉันอย่างสนใจ
“ ข้าชื่อ ลูคัส เป็นหัวหน้าผู้พิทักษ์ ” ชายหนุ่มที่ชื่อลูคัส สวมเกราะมันวาวสีเงินซึ่งจะสะท้อนกับแสงที่มากระทบ มีผ้าคลุมสีขาวลิ่มทองที่มีสัญลักษณ์พระอาทิตย์ตรงกลาง และถือดาบยาวที่ดูเรียบหรูแต่ทรงพลัง ดาบนี้มีอักขระเรืองแสงสีทอง
“คนนั้นชื่อ ฟินน์” ชายหนุ่มที่ชื่อลูคัสชี้ไปยัง ชายหนุ่มที่สวมเกราะสีดำสนิทพร้อมผ้าพันคอสีแดงสดที่มีขวานคู่ใหญ่ที่ดูล้ำสมัย ยืนมองฉันพร้อมยิ้มให้นิดๆ
“และนี่ ชื่อ อาเธน” ลูคัสตบไหล่ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีม่วงเข้มยาวที่ปกคลุมตัวแทบทั้งหมด มีกระดุมเงินรูปดาวยึดปกเสื้อคลุมไว้ ผ้าคลุมจะเรืองแสงสีม่วงอมฟ้าจาง ๆ อาเธนถือไม้เท้าลักษณะเหมือนเถาวัลย์ที่มีคริสตัลสีฟ้าใสอยู่บนยอดไม้ ชุดของเขายังมีลวดลายอักขระอะไรบางอย่างที่ฉันดูไม่ออกที่สลักไว้บนข้อมือและปกเสื้อ
จากนั้นก็มีสตรีคนหนึ่ง ยื่นมือมาหาฉัน พร้อมรอยยิ้มที่ดูสดใส เธอดูเหมือนจะเป็นมิตรนะเนี้ย
“ ข้าชื่อ เฟย์ ยินดีที่รู้จักนะผู้ถูกเลือก” หญิงสาวสวมชุดคลุมสีเขียวอ่อน เธอสวมผ้าคาดเอวที่มีดอกไม้และใบไม้มาประดับอยู่ เธอถือคันธนูสีเขียวที่มีเถาวัลย์พันอยู่ และลูกธนูของเธอมีอักขระบางอย่างที่ฉันอ่านไม่ออก ฉันยื่นมือไปจับกับเธอ อยู่ดีๆเธอก็สกัดขาฉัน ทำให้ฉันล้มหน้าคะมำไปกับพื้น ดีนะที่เป็นหญ้าเลยไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ แต่ที่เจ็บคือเจ็บใจ นึกว่าจะได้เพื่อนดีๆแล้วเชียว
จากการแนะนำทั้งหมด ไม่สิยังไม่หมด ผู้ชายของฉันหาย ฉันมองหาคนที่เข้ามาในฝันฉันบ่อยๆ จากที่เขาพลักฉันล้มฉันก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ทำให้ฉันอดที่จะถามหาเพราะความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมปัดฝุ่นออกจากตัว
“แล้วอีกคน ชื่ออะไรคะ” ฉันพูดไปด้วยปัดฝุ่นไปด้วย ที่จริงแก้เขินเฉยๆ ใครจะฝุ่นเยอะขนาดนั้น
“ ชื่อ เรฟ เอ…ไม่รู้ไปไหนแล้ว” ลูคัสมองหาเรฟผู้หายไป ฉันมองดูรอบๆ ชื่อเรฟเหรอ อืม…ทีในฝันฉันขยันมาจริ๊ง ทีเจอตัวจริงหายไปไหนแล้ว ฉันเดินหารอบๆ พร้อมสังเกตบรรยากาศรอบๆตัว
ป่านี้มีต้นไม้สูงใหญ่ อืม….นกก็แปลกๆมีหลายสีตัวเล็กๆ เหมือนในเทพนิยาย พื้นเป็นพื้นหญ้าแต่ไม่สูงเท่าที่ควร ตอนอยู่ที่นี่ยังสามารถเห็นท้องฟ้า แสงแดดอ่อนๆ แต่ถ้าเดินเข้าไปข้างหน้า ป่าดึกดำบรรพ์ชัดๆ ฉันเดินสำรวจไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ประมาณ 20 คนโอบได้มั้งใหญ่มาก มีรากลอยออกมาจากพื้น ฉันเดินเข้าไปแต่ด้วยอะไรไม่รู้ดลจิตดลใจ พอเดินเข้าไปด้านหลังฉันพบกับชายหนุ่มในฝันของฉันกำลังนั่งกอดอกหลับพิงต้นไม้ใหญ่อย่างสบายใจ ฉันเข้าไปใกล้ เขาสวมชุดคลุมทั้งตัวสีดำ มีฮู้ดที่คลุมศีรษะปิดบังใบหน้าอันหล่อเหล่า 55 ฉันคิดเอง สวมผ้าพันแขนที่สลักอักขระอะไรไม่รู้อีกแล้ว ประหลาดจังคนพวกนี้
ฉันไม่ทันระวังไปสะดุดกับรากไม้ทำให้ชนกับชายในฝัน แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด ชายในฝันหายไปจากตรงนั้นฉันไปชนกับต้นไม้ใหญ่อย่างจัง ทำไมนะเป็นวันซวยอะไร ล้มลุก คลุกคลานเกินไปล่ะ เจ็บตัวตั้งแต่เริ่ม แล้วต่อไปฉันจะเป็นอย่างไงเนี้ย…เซเอ้ย!