แฟนของผมเป็นคนแปลก ๆ เหมือนมาจากดาวดวงอื่น

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว - 7 เปลี่ยน โดย Chavaroj @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,ชาย-ชาย,ครอบครัว,รั้วโรงเรียน,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,ชาย-ชาย,ครอบครัว,รั้วโรงเรียน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว โดย Chavaroj  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนของผมเป็นคนแปลก ๆ เหมือนมาจากดาวดวงอื่น

ผู้แต่ง

Chavaroj

เรื่องย่อ



อ้าอุไรพธูพบูพิบูลย์ เฉลาแชล่มแจร่มจรูญ  เจริญภาส


ตูสวิงสวายเพราะสายสวาดิ์ ระทวยบ่ปลดระทดบ่ปราศ บ่ปลิดโศก


แสนจะเสียวจะส้านณวารวิโยค จะข้ามห้วงบ่ล่วงอโฆ ก็อกกรม


ใคร่เสน่หะนิตย์สนิทสนม จะแนบจะนิตย์สนิทสนม จะแนบจะนิทร์จะชิดจะชม ณเชิงรัก


เชิญสมรสุมาลย์สมานสมัค ประสานประสงค์ประจง ประจวบใจ ประจักษ์




ผมค่อย ๆ พับกระดาษที่มีลายมือหวัดแกมบรรจงแล้วอมยิ้ม พลางถามมันไปเบา ๆ ว่า


"มึงจีบกูหรอ?" 


"เปล่า" มันตอบอย่างว่องไว แต่หน้าแดง คนแปลกประหลาดอย่างนี้ก็มีด้วย

สารบัญ

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-1 ทีโมนกับพุมบ้า,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-2 เจ้าชายน้อย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-3 จุดเริ่มต้นความสนิท,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-4 ลูกไม้หล่นไกลต้น,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-5 ตัวโวยวาย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-6 สิบปี,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-7 เปลี่ยน,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-8 ห่าง,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-9 ใจเอ๋ยใจ,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-10 วันธรรมดา,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-11 อยู่ด้วยกัน,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-12 หมอดอย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-13 หมอดอยใจดี,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-14 พระเอก,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-15 สมิง,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-16 จอมวางแผน,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-17 Supporter,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-18 พ่อค้าออนไลน์,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-19 เกลียมัว,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-20 ป๊อปอาย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-21 โอลีฟ,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-22 Change ,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-23 Twin Flame

เนื้อหา

7 เปลี่ยน

โดย  Chavaroj




เวลาตีห้าครึ่งแบบตรงเผง เสียงนาฬิกาปลุกดังเพียงแค่ทีเดียวด้วยทำนองเพลง ฮาคูนามาทาท่า เพลงโปรดจากการ์ตูนเรื่องโปรดของผมกับรวี  เราดูเรื่องนี้เป็นพัน ๆ รอบได้ล่ะมั้งตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ๆ ผมรีบเอื้อมมือไปปิดมันในทันใด เพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวอีคนขี้เหวี่ยงขี้วีนเหมือนเป็นเมนส์ตลอดเวลาจะด่าเอา


รวีขยับพลิกตัวไปอีกด้าน ส่วนผมสูดหายใจลึก ๆ เพราะมันช่างฉิวเฉียด ในความมืดสลัว ๆ  ผมค่อย ๆ ก้มหน้าไปหอมแก้มป่อง ๆ ของรวีเบา ๆ ซึ่งคนขี้เซาก็ยังนอนไม่รู้เรื่อง แค่ขยับมือมาลูบแก้มตัวเองสองสามทีแล้วก็นอนต่อ 


ส่วนผมนั้นต้องขยับตัวอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ไอ้ตัวขี้โวยวายตื่น แล้วจึงย่องไปหยิบกระเป๋าใบย่อม ๆ แล้วก็ย่องออกจากห้องอย่างเงียบงันราวกับเป็นแมวขโมย


จุดหมายของผมคือสระว่ายน้ำของคอนโด แน่ละเวลาอย่างนี้ไม่มีใครอุตริลงมาว่ายน้ำแน่  ยกเว้นแค่ผมคนเดียว คนเราจากน้ำหนักร้อยยี่สิบกิโลกรัมไม่ขาดไม่เกิน จะลดลงมาให้เหมาะสมกับส่วนสูง ไม่ใช่สำเร็จแค่ด้วยความปรารถนาแน่ ๆ มันต้องลงมือทำ ลงมือปฏิบัติด้วย


เริ่มจากอาหารที่กินเข้าไป ข้าว แป้ง น้ำตาล น้ำหวาน ๆ ทั้งที่อัดลมและไม่อัดลม ไหนจะขนมถุงกรุบกรอบ สารพัดชนิด เป็นอันว่าผมเลิกกินมาเกือบสิบปีเข้าไปแล้ว ส่วนสาเหตุก็เพราะผมอยากจะรักตัวเองมาก ๆ รักตัวเอง ดูแลตัวเองให้เป็นคนที่มีสุขภาพดี ไม่ใช่รักตัวเองด้วยการตามใจตัวเองตามใจปาก 


แรงผลักดันของผมมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นังตัวดียังนอนแซ่วอยู่อย่างสบายข้างบน ปล่อยให้มันนอนให้สบายไปส่วนผม ขอฟิตร่างกายก่อนละ


ใช้เวลาเพียงไม่เกินสิบนาที ผมก็ลงดำดิ่งอยู่ในสระว่ายน้ำตื้น ๆ ด้านล่าง ใช้เวลาว่ายน้ำโดยพยายามไม่หยุดพักสี่สิบห้านาที แล้วจึงรีบกลับขึ้นไปบนห้อง เพื่อเตรียมอาหารเช้าสำหรับคุณท่าน ส่วนใหญ่ก็นำมาอุ่นและหุงข้าวเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ในมื้อเช้า ก็มักจะเป็นอาหารง่าย ๆ และคาร์บต่ำ แต่เปี่ยมไปด้วยอาหารที่มีโปรตีนสูง


ไหนดูซิในตู้เย็นเหลืออะไรบ้างหนอ มีไก่อบที่คุณย่าให้มาเมื่อวันก่อนอยู่ ผักสลัด อโวคาโด มะเขือเทศ ต้นอ่อนหัวไชเท้างอก เท่านี้ก็น่าจะพอ 


ผมจัดแจงเอาผักสลัดมาล้างให้สะอาดอีกหน จัดแจงหั่นอโวคาโดเป็นชิ้นลูกเต๋า พูดถึงไอ้ผลไม้ชนิดนี้ จริง ๆ ถ้ามันไม่เปี่ยมไปด้วยสารอาหารดี ๆ ล่ะก็ผมจะไม่กินเป็นเด็ดขาด เมื่อแรก ๆ ที่ลองกิน ด้วยความที่ผลของมัน ยากแก่การเดาใจ เพราะไม่รู้ว่ามันสุกหรือไม่สุก จนต่อมาเริ่มกินบ่อยขึ้น จากที่กินครึ่งทิ้งครึ่ง ก็เริ่มรู้เทคนิค คือต้องลองบีบลูกของมันถ้ามันนิ่ม ๆ ก็เป็นอันว่าใช้ได้ แต่ถ้ายังแข็งก็ต้องรอสักหน่อย เพราะถ้ากินตอนดิบ ๆ จะขมและแข็งปังกินไม่ได้เลยทีเดียว


จัดแจงมะเขือเทศหั่นเป็นแว่น ๆ แล้วก็ซอยหัวหอมใหญ่อีกนิดหน่อย กินมากจะปากเหม็นเอา แต่นี่กินเพื่อเอาแร่ธาตุของมันต่างหาก จากนั้นก็เปิดปลากระป๋อง ผมเลือกใช้ปลาทูน่าที่แช่ในน้ำมัน ราดมันทั้งน้ำมันนี่แหละ จะได้โอเมก้าทรีด้วย จากนั้นก็โรยน้ำสลัดงาญี่ปุ่นซึ่งมันอมเปรี้ยวอมหวานนิด ๆ โรยงาคั่วอีกหน่อย อ้อจริงสิ ผมมีเมล็ดทานตะวันอบด้วยนี่นา จัดแจงเปิดเอามาโรยใส่สลัดเป็นจำนวนมาก เคล้าให้เข้ากันจนชักจะน้ำลายไหล แต่ยังไม่กินตอนนี้เพราะคนกินด้วยยังนอนหลับอุตุผมก็เลยจัดการเอามันใส่กลับเข้าไปในตู้เย็น กินตอนเย็น ๆ ชื่นใจดี


จัดแจงเอาไก่อบออกมาอุ่นในเตาไมโครเวฟ แล้วก็เอาไข่ลงไปลวกในเครื่องลวกไข่อัตโนมัติ ไอ้ความเชื่อเรื่องกินไข่เยอะ ๆ แล้วคลอเรสเตอรอลจะขึ้นสูงนั้น มันเป็นความเชื่อเก่าเสียแล้ว 


ผลการวิจัยใหม่ บอกว่า กินได้แล้วก็ก็ได้มาก ๆ เสียด้วยสิ ไข่นั้นอุดมด้วยโปรตีน และไอ้โปรตีนนี่แหละจะทำให้ร่างกายของเราไม่ "หิว" ง่าย ๆ ขอให้นึกดูตอนกินหมูกระทะนั่นไง อิ่มแทบตาย แต่เราก็ยังจะสามารถกินไอศกรีมหรือขนม ล้างปากได้ นั่นเพราะ ขนมพวกนี้ไม่ได้ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกอิ่ม แต่เปี่ยมไปด้วยน้ำตาลมหาศาล ซึ่งทำให้อวัยวะในร่างกายอักเสบ ถ้ามันมีมากเกินไป


ขอให้นึกถึงมือของเราที่เปรอะเปื้อนน้ำหวานหรือน้ำผึ้งดู จะขยับจะทำอะไรมันลำบากไปหมด อวัยวะในร่างกายของเราก็เช่นกัน โดยปกติ ร่างกายของมนุษย์จะมีน้ำตาลปนอยู่ในเลือดแค่ประมาณช้อนชาเดียวเท่านั้น แล้วลองคิดดูสิว่า ถ้าเรากินน้ำอัดลม หรือน้ำชาเขียว ชานมไข่มุก ซึ่งมีน้ำตาลอยู่ประมาณห้าถึงหกช้อนโต๊ะโดยประมาณ เท่ากับเราได้น้ำตาลเกินจากที่ร่างกายเราต้องการประมาณหนึ่งพันแปดร้อยเท่า แค่คิดก็สยองเสียแล้ว


เอาล่ะสิ ทีนี้น้ำตาลมันขึ้นสูงปรี๊ดจะทำยังไงกันล่ะ ร่างกายของเราก็จะสั่งให้ตับอ่อนผลิตอินซูลิน ซึ่งเป็นสารที่นำพาน้ำตาลเข้าสู่กล้ามเนื้อ แต่น้ำตาลมันเยอะขนาดนี้มันรับได้แค่จำนวนจำกัด น้ำตาลจึงถูกแปลงร่างให้กลายเป็นไขมันไปสะสมที่ตับ แต่ตับมันก็รับได้แค่จำกัด เพราะมันเยอะจนพอกตับไปหมดแล้ว คราวนี้ล่ะ ไขมันพวกนี้ก็จะไปสะสมตามร่างกาย ถ้าเป็นผู้ชายก็จะสะสมที่หน้าท้องก่อนเป็นอันดับแรก แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็มักจะสะสมที่ก้นและสะโพก 


ร้ายกว่านั้นถ้าเป็นอาหารที่ใช้คอร์นไซรับ พวกนี้ยิ่งร้ายใหญ่ เพราะเข้าตรงไปถึงตับ เปลี่ยนเป็นไขมันทันที คิดแล้วสยอง ไปอีกรอบ


หลักการง่าย ๆ ของการเผาไขมันก็คือต้องใช้กล้ามเนื้อเพื่อจะเป็นเตาเผาพลังงาน ดังนั้นการออกกำลังกายจึงเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนจะออกเวลาไหนดีที่สุด อันนี้ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์ 


แต่ถ้าร่างกายของเราไม่ได้รับสารอาหารใด ๆ เลยเป็นเวลาสิบสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ร่างกายของเราจะสับสวิตช์เพื่อดึงไขมันออกมาใช้ เขาจึงแนะนำให้งดกินอาหารหลังหกโมงเย็น เป็นการทำไอเอฟแบบย่อม ๆ แต่จะให้ดีก็ทำไอเอฟแบบ 8/16 คือจัดเวลากินให้อยู่ในช่วงแปดชั่วโมงและไม่กินอาหารที่มีพลังงานเลยสิบหกชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ดึงไขมันส่วนเกินออกมาใช้ ส่วนเวลาสิบหกชั่วโมงที่ว่า ถ้าเกิดนึกอยากจะกินอะไรขึ้นมา ก็กินพวกน้ำชา หรือกาแฟก็ได้ แต่ต้องไม่ใส่น้ำตาลนะ เพราะไหน ๆ เราจะรักษาสุขภาพแล้ว 


แต่สำหรับผม ในตอนโน้นจะค่อนข้างต้องใช้แรงกายแรงใจสักหน่อย เพราะผมทำ ไอเอฟ23/1 คืองดการกินอาหารยี่สิบสามชั่วโมงและกินเพียงหนึ่งชั่วโมง ซึ่งแน่ล่ะมันทรมานนักหนา แต่เมื่อศึกษาจนค้นพบว่า ถ้าเราอดได้ในระดับนี้ ร่างกายของเราจะเกิดการกลืนกินเซลล์ของตนเอง หรือที่เรียกว่า อัลทอฟาจี ซึ่งทางการแพทย์ไม่แนะนำให้ทำบ่อย ๆ เพราะด้วยหลักการนี้ คนที่กินอาหารเพียงมื้อเดียวจึงต้องเพิ่มปริมาณโปรตีนให้เพียงพอ หนึ่งเพื่อไม่ให้เกิดการหิวระหว่างวัน สองคือเพื่อทำไม่ให้เสียมวลกล้ามเนื้อ ผมทำการกินวันละมื้อ อาทิตย์ละหนึ่งครั้งโดยประมาณ 


และจริง ๆ ทุกวัฒนธรรม ทุกศาสนา ก็จะมีเรื่องของการอดอาหาร กันอยู่แล้ว ถ้าเราสนใจจะค้นคว้ามัน อย่างศาสนาพุทธของเรา พระพุทธเจ้าก็จะให้พระภิกษุฉันอาหารไม่เกินเวลาที่กำหนดในพระธรรมวินัย และการดื่มน้ำปานะ จริง ๆ ก็ต้องเป็นพวกน้ำคั้น น้ำต้มจากผล เปลือก ใบ ไม่ใช่ล่อนมถั่วเหลือง หรือศาสนาคริสต์นั้นก็จะมีการอดอาหารและอดเนื้อในเทศกาลสำคัญซึ่งผมเลือนไปแล้วว่าเทศกาลอะไร คล้าย ๆ กับจะเรียกว่าปัสกา ส่วนในศาสนาอิสลามก็มีการถือศีลอดอย่างที่เรารู้กัน


ย้อนกลับไปในตอนนั้นตอนที่ผมเริ่มหันมารักตัวเอง ต้นเหตุง่าย ๆ ก็เพราะเกิดจากการเถียงกันกับคนเมา เพราะรวีนั้นมันเป็นคนสังคมจัด ไม่ว่าจะเพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นน้อง และรุ่นพี่ ทั้งที่ยังเรียนอยู่หรือจบไปแล้ว ต่างก็พากันวนเวียนไปมาหาสู่ ช่างรักใคร่สนิทสนมกลมเกลียวกันเหลือเกิน สนิทสนมกันเกินไป รวีเคยไม่กลับบ้านถึงหนึ่งอาทิตย์  เพราะต้องออกไปพบปะกับคนดังกล่าวทุกคืน


นังตัวดีทิ้งตัวที่ห้องของผม เพราะเห็นว่าผมไม่ว่าอะไร ส่วนพ่อกับแม่ของมัน เมื่อรู้ว่าอีตัวแสบอยู่ห้องของผมก็หมดห่วง แถมยังพูดฝากฝังให้ดูแลอีขี้เมาซึ่งผมก็ต้องรับหน้าที่ไปหามศพของมันกลับมาที่ห้องจนชักจะหมดความอดทน


"รวีมึงกินเหล้าให้น้อย ๆ หน่อย มึงรักตัวเองบ้าง ไม่ใช่เป็นตับแข็ง เป็นมะเร็งตับตั้งแต่ยังอายุไม่ถึงสามสิบ" ผมบ่นขณะที่หอบศพของมันลากจากลุงแท็กซี่ซึ่งทีแรกไม่อยากจะรับผมกับรวีขึ้นรถเพราะกลัวว่ารวีจะอ้วกใส่รถเขา


"น้องวีกินจี๊ดเดียวเองนะเพคะ พระทูลกระหม่อมพี่" รวีพูดด้วยความมึนเมา ยกมือขึ้นมาจีบทำท่าจี๊ดเดียวของมัน แล้วหัวเราะกิ๊ก ๆ น่าถีบหรือน่าทิ้งให้มันนอนอยู่ข้างถนนเป็นที่สุด


"ไม่นิดอ่ะมึง ได้ข่าวว่ามึงโดนมอมเลยไม่ใช่เหรอ ศักดิ์ศรีน่ะไม่ต้องถือมากก็ได้มันหนัก ใครท้าก็ยอม ๆ เขาหน่อย ไม่ต้องชนะทุกเรื่องก็ได้อีผี" ผมบ่นเพราะเห็นฉากเด็ดคือตอนรวีมันรับคำท้าจากรุ่นพี่ให้กินเหล้าออนเดอะร๊อคแข่งกัน อีตัวดีก็หน้าบางจังเรื่องแบบนี้ ส่วนมะเดี่ยวกับหนูรัตน์ ก็เป็นเพื่อนชั่วแทนที่จะห้ามปราบ ดันยุส่งเสียอีก อยากยุให้เลิกคบชะมัด เลิกคบให้หมด คบแค่ผมคนเดียวก็พอล่ะ เพราะคบเพื่อนแบบนี้แล้วรวีจะเสียคน เอ...หรือรวีมันต่างหากเป็นคนพาเพื่อนเสียคนกันแน่


"พรุ่งนี้มึงมีเรียนเช้านะ ตื่นไปเรียนไหวหรอ ลำบากกูปลุกมึงอีก" ผมบ่นต่อ เพราะรวีมันเป็นคนขี้เซาขนาดหนัก ปลุกให้ตื่นเหมือนต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกัน แต่รวีมันหัวดีเป็นอัจฉริยะ เรียนไปเมาไปมันก็ยังทำคะแนนได้ดีมาก ๆ แต่ชอบบ่นว่าเมาค้างเป็นประจำ แต่ไอ้เรื่องที่ผมว่ามันหนักหนาไปกว่านั้น คือความแรด ความบ้าผู้ชายของมันที่นับวันก็ยิ่งออกอาการเกินสมควร


รวีเป็นคนตลกคะนอง บ้า ๆ บอ ๆ และปากเร็ว สมัยเรียนปีหนึ่งเป็นรุ่นน้อง รวีมันก็บ้า กรี๊ดรุ่นพี่หล่อ ๆ ทุกคณะ รวมไปถึงเพื่อนรุ่นเดียวกันคณะอื่น ๆ ซึ่งน่าหมั่นไส้เป็นอย่างยิ่ง ผมรู้รวีมันไม่ได้ชอบใครจริง ๆ จัง ๆ หรอก มันก็กรี๊ดกร๊าด วี้ดว้ายไปอย่างนั้นเอง ยิ่งมีเพื่อน ๆ คอยสนุกคอยหัวเราะไปกับพฤติกรรมของมัน มันก็ยิ่งทำใส่เขาใหญ่ เพราะรวีมันชอบให้คนหัวเราะ สมคงคิดว่าตัวเองเป็นน้าค่อมชวนชื่นกลับชาติมาเกิดล่ะมั้ง


จนขึ้นปีสองในตอนนั้น ผมรู้สึกได้ว่า รวีมันต้องแอบชอบใครสักคนอย่างจริง ๆ จัง ๆ แน่ ๆ จนสืบได้ความว่า ไอ้คนที่รวีชอบน่ะ มันก็คือรุ่นพี่ซึ่งเป็นหุ้นส่วนไอ้ร้านเหล้าที่รวีมันชอบไปนั่งกินเป็นประจำนั่นเอง


"มึงพี่ทวิชแม่งโคตรหล่ออ่ะ เท่ ๆ คูล ๆ เรียนก็เก่ง ดูสิ แค่ปีสี่ยังเรียนไม่จบก็เปิดร้านแล้วอ่ะ" รวีมันเอ่ยปากชมเมื่อผมเปรยถึงรุ่นพี่คนที่มันแอบปลื้ม จนผมไปเห็นฉากเด็ดคือ ตอนรวีมันไปนั่งตัก อ้อนเขา ผมรู้ว่าในสายตาของรวี ถ้าไม่เมามันไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ แต่ไอ้เจ้าทวิชคนนั้นมันเสือชัด ๆ แล้วรวีมันก็เป็นคนเด่น คนดังของคณะ และมันก็หน้าตาดีประมาณหนึ่ง


รวีมันไม่ใช่คนที่หล่อน่ารักเหมือนดารา แต่รวีเป็นคนมีเสน่ห์ เสน่ห์แบบที่ใครมองก็ต้องมองซ้ำ ได้ฟังรวีพูด ก็ต้องยิ้มหรือหัวเราะให้ ต่างจากผมที่ไม่มีเสน่ห์อะไรเลยสักนิด ผมอ้วน เป็นสิว ใส่แว่นหนาเตอะ เนิร์ด และพูดคุยเข้าหากับคนไม่ค่อยเก่ง 


"กูว่ามึงไม่ได้เหมาะอะไรกับพี่ทวิชคนนั้นเล๊ย" ผมค่อนขอดมัน


"เชอะ แล้วมึงคิดว่ากูเหมาะสมกับใคร กับมึงหรอ อีอ้วน ไปลดฟามอ้วนซะก่อนไป๊ อ้วนจนจะเป็นตือโป๊ยก่ายแล้ว" รวีมันด่าผม ซึ่งผมไม่เคยนึกโกรธมันหรอก ยิ่งตอนที่มันพูด มันก็เมา อยู่ด้วย และผมก็อ้วนเป็นตุ่มจริง ๆ


แต่ผมรู้สึกว่าคำด่าของรวีในวันนั้น มันทำให้ผมเหมือนโดนใครเหยียบหัวใจอย่างไรชอบกล ผมคิดมาตลอดว่าผมไม่ได้เหมาะให้ใครมารักมาชอบ ถ้าจะคบหาก็มีคนคบหาแต่ในฐานะเพื่อน แต่ทำไมกันเล่า แค่เพราะผมอ้วนหรือไงกันนะ ผมเคยคิดเล่น ๆ ว่า ถ้ามีใครรักผมสักคนผมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเขา ผมจะทำตัวเองให้ดูดี ไม่ให้ใครอายที่มีผมเป็นคนรัก


แต่พอตอนนี้ผมอายุจะสามสิบปีเข้าไปแล้ว ผมกลับไปขำตัวเองในตอนเยาว์ ซึ่งเคยคิดว่าตัวเองฉลาดเต็มประดา แต่กลับมีมายเซ็ทแปลก ๆ และกลับหัวกลับหาง


จนโดนรวีมันด่าในวันนั้น ผมกลับได้คิดว่า ถ้าผมจะทำตัวเองให้ดูดี นั่นต่างหากเล่าที่จะทำให้ผมได้รักดี ๆ จากคนดี ๆ ดังหนังสือสักเล่มที่เขาเขียนว่า "ถ้าปรารถนาให้สวนของเราเต็มไปด้วยผีเสื้อ เธอก็จงปลูกดอกไม้ให้งดงามแล้วผีเสื้อก็จะพากันบินมาดอมดม" 


ที่ปรึกษาแรกของผมคือเพื่อน ๆ ก๊วนเจ็ดประหลาดที่เหลือ พวกมันเรียนคณะแพทย์ ผมจึงพอจะใช้มันเป็นที่พึ่งได้ กว่าจะเถียงกันเข้าใจเรื่องน้ำตาลและโปรตีน ผมก็ต้องไปหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เป็นพักใหญ่ ๆ 


ในมื้ออาหารของผม ผมกินกับข้าวเป็นหลัก กินข้าวแค่นิดเดียว บางมื้อก็ไม่กินข้าวเลย ตัดขนมและผลไม้ออกจนเกือบหมด ส่วนการออกกำลังกายสำหรับคนน้ำหนักเยอะ การว่ายน้ำนั้นดีที่สุดเพราะมีน้ำช่วยพยุงน้ำหนัก ไม่อย่างนั้น ข้อต่ออย่างเช่นหัวเขาหรือข้อเท้าอาจเกิดการบาดเจ็บได้ 


ใช้เวลาเพียงหนึ่งปี จากน้ำหนักร้อยยี่สิบกิโล ผมก็ทำน้ำหนักจนเหลือ แปดสิบห้า เรียกว่าเกือบจะสมส่วน กางเกงที่เคยใส่เอวสี่สิบกว่า ๆ ลดลงมาสิบกว่านิ้ว ผมรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น รู้สึกว่าสุขภาพตัวเองดีขึ้น ระดับไตรกรีเซอร์ไรด์ กลับมาอยู่ในระดับปกติ คือไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบ ตอนก่อนที่ผมจะตัดสินใจลดน้ำหนัก ไตรกรีเซอร์ไรด์ผมอยูที่หนึ่งพันกับสิบหกด้วยซ้ำ คิดแล้วก็สยอง เหมือนมีคนเอาน้ำมันมาเทผสมกับเลือดเลยเชียวล่ะ


"อีอ้วน เดี๋ยวนี้มึงผอมลงแล้วหล่อเลยน๊า นี่ ๆ มีสาวที่คณะกูให้กูมาติดต่อมึงด้วยแหละ สนมะ ๆ" รวีมันเอ่ยปากแซว


"ไม่เอาอ่ะ เขาว่าคบคนเช่นไรก็เป็นคนเช่นนั้น เพื่อนมึงก็คงจะไม่ดีไปกว่ามึงอ่ะ" ผมตอบและมองสีผมของรวีที่ตอนนี้มันย้อมผมเป็นสีส้มแปร๊ด 


เนื่องจากน้ำหนักของผมลดลงมาจนผมติดการออกกำลังกายเสียแล้ว แต่เมื่อได้ศึกษาเรื่องการ HIIT ซึ่งเป็นการออกกำลังกายช้าสลับเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่สามารถเบิร์นไขมันได้มากกว่าการไปวิ่งเป็นชั่วโมง ผมก็เลยเปิดคลิปจากยูทูป แล้วก็เต้นตาม  การทำฮิตมันดีตรงที่ใช้พื้นที่น้อย ประหยัดเวลา ทำที่ไหนก็ได้ ซึ่งผมก็มักจะทำในตอนว่าง ๆ แต่สิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือต้องมีรองเท้าที่ช่วยซัพพอร์ทดี ๆ และถ้ามีเบาะสำหรับทำโยคะด้วยก็วิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระแทกมากเกินไป


รวีที่เมื่อคืน ถึงมันจะไม่ได้เมาปลิ้น แต่มันก็ขอมานอนค้างที่ห้องของผม เพราะมันกลับดึกเนื่องจากต้องตัดต่องานจนเสร็จเอาตอนตีสอง พอตื่นขึ้นมาก็เห็นผมกระโดดตบมันก็นั่งเท้าคางแล้วก็มองผม จนผมนึกแปลกใจเพราะปกติมันต้องปากหมาล้อเลียนผมอะไรสักอย่าง


"ตื่นแล้วเรอะ?" ผมถามเมื่อเห็นมันนั่งทำหน้ายุ่ง ๆ มองผมออกกำลังจนเสร็จ


"อืม...อีอ้วนรู้ไหม เดี๋ยวนี้มึงผอมลงแล้วดูดี" รวีมันพูด และทำหน้าเมื่อย 


"ดูดีแล้วหล่อไหมล่ะ?" ผมถามมันกลับ


"ก็หล่อแหละมั้ง ถ้าเทียบกับเพื่อน ๆ ในคณะมึงน่ะ" 


"แล้วคณะอื่นล่ะ?" 


"ก็อาจจะแพ้บางคน อย่างพวกวิทย์กีฬา พวกนั้นมีซิกแพคด้วยนะมึง กล้ามอกงิ วุ๊ยเห็นแล้วสยิว" รวีมันกลับมาเป็นอีแรด และเหลือกตาทำท่าชวนฝัน น่าถีบให้ตกโซฟา


"เออมึงคอยดู ไว้กูจะมีซิกแพค กูจะมีกล้ามอกให้มึงดู" ผมพูดอย่างท้าทาย ส่วนรวีมันนั่งเบะปากเป็นสระอิ และทำตาเหลือกตาคว่ำ 


"มึงจะหล่อไปให้ใครดูคะ?" 


"ให้มึงดูไง" ผมตอบ และรู้สึกว่าตัวเองหลุดคำพูดที่ไม่ควรพูดออกไปเสียแล้ว  แต่จะแก้คำพูดตัวเองก็ดูจะเป็นการร้อนรน ผมก็เลยทำหน้าตึงเดินไปอาบน้ำ แต่พอออกมาจากห้องน้ำ รวีมันก็ออกไปไหนเสียแล้วก็ไม่รู้


คิดอะไรเพลิน ๆ เสียงเพลงจากนาฬิกาปลุกก็ดังอีกหน แต่รอบนี้ผมจะไม่ปิดมันหรอกนะ ปล่อยให้คนขี้เซาต้องลุกมาปิดมันเอง ผมเตรียมอาหารเช้าเสร็จพอดี กลิ่นไก่อบหอมฟุ้ง และผมก็นำมันมาจัดใส่จานเรียบร้อย มีไข่ลวกห้าฟองสำหรับเราสองคน ส่วนสลัดจะกินค่อยเอาออกมาจากตู้เย็น 


รวีเดินเกาหัวฟู ๆ ที่พออายุเข้าเลขสามก็ชักจะบางลงไปเยอะจากเมื่อสิบปีก่อน ช่วยไม่ได้ ก็ชอบทำเคมีดีนัก แต่ผมว่าพอหัวมันเริ่มเถิก มันก็ดูไม่ขี้เหร่เท่าไร และพ่อของรวีก็เป็นคนหัวล้านอยู่แล้ว จะยังไง มันก็ต้องได้รับกรรมพันธุ์หัวล้านจากพ่อของมันแน่ ๆ 


"ไปอาบน้ำไป" ผมสั่ง


"คร๊าบบบบ" รวีรับคำ หาวออกมาคำโต แล้วก็ถอดเสื้อผ้า เดินแก้ผ้าเข้าไปอาบน้ำ ส่วนผมก็รีบถอดเสื้อผ้าของตัวเอง เข้าไปอาบน้ำด้วยกัน ผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ผมชอบ ถึงเราจะไม่ได้มีอะไรกัน แต่การอาบน้ำด้วยกัน มันทำให้ผมรู้สึกดีและมีเรี่ยวแรงที่จะทำงานแสนเครียดได้ทั้งวันเหมือนชาร์จแบตจนเต็ม


รวีชอบน้ำอุ่น ๆ หลังจากแปรงฟันแล้ว เราชอบที่จะถูสบู่ให้กัน การสัมผัสผิวลื่น ๆ และคลอเคลียกันมันทำให้ผมรู้สึกว่าเรารักกันเหลือเกินโดยไม่ต้องเอ่ยปาก การกระทำสำคัญกว่าคำพูดเสมอ 


เมื่อแต่งตัวโดยรวีจะเป็นคนจัดแจงเสื้อผ้าให้ผมในทุก ๆ วัน ผมนึกขำไอ้ตารางสีเสื้อมงคลที่เจ้าตัวปริ๊นท์มาปิดที่ประตูตู้เสื้อผ้า จนเมื่อเราแต่งตัวกันจนเสร็จ เราก็จะมานั่งกินอาหารเช้าและมองดูวิวกรุงเทพฯ ด้วยกัน อยู่บนตึกสูงมันก็ได้บรรยากาศไปอีกอย่าง


"ไก่อบอร๊อยอร่อย ย่ามึงก็ช่างทำเนอะ" รวีเอ่ยปากชมไปกินไป มื้อเช้าของเรา มีไก่อบ สลัด ไข่ลวก และปิดท้ายด้วยเมล็ดแอลม่อนให้กินล้างปากคนละกำมือ เพื่อจะได้ไขมันตัวดี กินอาหารเช้าเสร็จก็บ้วนปาก จากนั้นเราก็ไปทำงานด้วยกันละ


ผมมักจะขึ้นรถไฟฟ้า เพราะขี้เกียจขับรถไปทำงาน ส่วนรวีมันชอบขี่มอเตอร์ไซค์ เพราะมันว่าสะดวกคล่องตัวดี เมื่อจอดส่งผมที่สถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช รวีจะรอจนผมขึ้นบันไดเลื่อนหายไปจนลับตา แต่ผมจะยืนมองเขาจนเห็นว่าคนตัวเล็กกับมอเตอร์ไซค์คันเก่ง ขับหายไปจากสายตาเช่นกัน


แน่ละ ถึงจะขึ้นรถไฟฟ้าก็ไม่ใช่ว่าจะได้นั่ง ยิ่งเวลาเร่งด่วนแบบนี้ คนยืนเบียดกันตั้งแต่ต้นสาย ผมยืนอยู่บริเวณหน้าประตู มองวิวกรุงเทพฯ จากหน้าต่าง บางช่วงจังหวะ ผมจะเห็นเงาของตัวเองอยู่ราง ๆ 


บางครั้งผมเห็นเงาของตัวเอง ก็เคยแอบคิดว่าถ้าผมไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ยังคงเป็นไอ้อ้วนศศิน  ป่านนี้ผมจะเป็นยังไงกันนะ ผมอาจจะอุดมไปด้วยโรคภัยสารพัด ทั้งเบาหวาน ความดัน หัวใจ เรียกว่ามาครบสามกษัตริย์ 


แต่ดูผมตอนนี้สิ ผมมั่นอกมั่นใจ สุขภาพดี และมองโลกในแง่ดีตลอดเวลา ว่ากันว่าสุขภาพจิตใจที่ดีมาจากสุขภาพร่างกายที่ดี ใครบางคนอาจจะพูดชมว่าผมดูดี สมาร์ต และหล่อเหลา แต่ผมก็ไม่ได้เข้าข้างเขาขนาดนั้น ถ้าจะนิยามคำว่าหล่อ ผมก็ขอยกตำแหน่งให้กับพี่ชายต่างแม่ของผมมากกว่า รายนั้นน่ะเรียกว่าหล่อของจริง จนสามสิบกว่า ๆ จะสี่สิบแล้วก็ยังดูดีมาก ๆ ส่วนผมถึงจะหุ่นดี แต่ก็ยังสวมแว่นหนา ๆ อยู่เสมอ จะไม่ใส่ก็ไม่ได้ จะไปทำเลสิกก็ยังไม่ได้จังหวะสักที ที่สำคัญรวีมันเคยหลุดปากว่ามันชอบคนใส่แว่นเสียด้วย


ผมขอยกความดีในการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้กับความพยายามของตัวเอง คนเราถ้าได้ลองรักใครสักคน เราก็คงอยากจะทำตัวเองให้เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุด ผมทำมันสำเร็จแล้ว แม้ว่าการหุ่นดี สุขภาพดี จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่ผลลัพธ์สุดท้าย ผมก็ได้เขาคนนั้นมาเป็นของผมจนได้อยู่ดี แม้ว่าตอนที่เรารักกันแล้ว รวีมันจะเคยบอกกับผมว่า ถึงผมจะอ้วน จะขี้ริ้ว มันก็จะรักผมอยู่ดีก็เถอะ 


แต่ผมก็ไม่อยากให้รวีอายใครที่มีผมเป็นคนรัก และผมก็ไม่เคยอายใครที่มีรวีเป็นคนรักเหมือนกัน คนที่ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ขนาดนี้ และผมเองก็เป็นคนที่ทำให้รวีเปลี่ยนแปลงตัวเองเหมือนกัน จะมีสักกี่คนที่ยอมเปลี่ยนชีวิตของตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพื่อให้เราเหมาะสมกับคนอีกคน