แฟนของผมเป็นคนแปลก ๆ เหมือนมาจากดาวดวงอื่น

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว - 8 ห่าง โดย Chavaroj @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,ชาย-ชาย,ครอบครัว,รั้วโรงเรียน,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,ชาย-ชาย,ครอบครัว,รั้วโรงเรียน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว โดย Chavaroj  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนของผมเป็นคนแปลก ๆ เหมือนมาจากดาวดวงอื่น

ผู้แต่ง

Chavaroj

เรื่องย่อ



อ้าอุไรพธูพบูพิบูลย์ เฉลาแชล่มแจร่มจรูญ  เจริญภาส


ตูสวิงสวายเพราะสายสวาดิ์ ระทวยบ่ปลดระทดบ่ปราศ บ่ปลิดโศก


แสนจะเสียวจะส้านณวารวิโยค จะข้ามห้วงบ่ล่วงอโฆ ก็อกกรม


ใคร่เสน่หะนิตย์สนิทสนม จะแนบจะนิตย์สนิทสนม จะแนบจะนิทร์จะชิดจะชม ณเชิงรัก


เชิญสมรสุมาลย์สมานสมัค ประสานประสงค์ประจง ประจวบใจ ประจักษ์




ผมค่อย ๆ พับกระดาษที่มีลายมือหวัดแกมบรรจงแล้วอมยิ้ม พลางถามมันไปเบา ๆ ว่า


"มึงจีบกูหรอ?" 


"เปล่า" มันตอบอย่างว่องไว แต่หน้าแดง คนแปลกประหลาดอย่างนี้ก็มีด้วย

สารบัญ

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-1 ทีโมนกับพุมบ้า,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-2 เจ้าชายน้อย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-3 จุดเริ่มต้นความสนิท,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-4 ลูกไม้หล่นไกลต้น,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-5 ตัวโวยวาย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-6 สิบปี,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-7 เปลี่ยน,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-8 ห่าง,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-9 ใจเอ๋ยใจ,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-10 วันธรรมดา,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-11 อยู่ด้วยกัน,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-12 หมอดอย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-13 หมอดอยใจดี,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-14 พระเอก,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-15 สมิง,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-16 จอมวางแผน,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-17 Supporter,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-18 พ่อค้าออนไลน์,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-19 เกลียมัว,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-20 ป๊อปอาย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-21 โอลีฟ,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-22 Change ,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-23 Twin Flame

เนื้อหา

8 ห่าง

โดย  Chavaroj




เช้าวันนี้แปลกหน่อยที่ความง่วงงัน ความขี้เกียจ ความขี้เซามันถูกสลัดทิ้งออกจากตัวของผมอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเป็นเวลาปกติน่ะเรอะ โน่นค่ะ อีรวียังนอนงอตัวกลม ๆ กระแซะอยู่ข้าง ๆ จักกะแร้ผัว แต่นี่ตีสามกว่า ๆ อีรวีคนสวยขับรถพาผัวที่นอนเค้เก้อยู่ข้าง ๆ ไปที่สนามบินสุวรรณภูมิจ้า


มีเหมือนกันที่แอบคิดว่าถ้าเป็นกูตอนสาว ๆ ล่ะก็ ตีสามน่ะเรอะ ถ้าไม่นั่งอยู่ร้านเหล้ากับเพื่อน จนเมาแอ๋จนเผลอโทรศัพท์เรียกไอ้แว่นมารับศพกลับห้องของมัน เป็นไม่ใช่น้องรวีอีกเช่นกัน น้องวีวี่ ผู้มาพร้อมเสียงดนตรี


ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นตอนก่อนจะเมาบอกตัวเองแล้วแท้ ๆ ว่าจะไม่รบกวนไอ้สินเด็ดขาด แต่จะด้วยความเมา ความเคยชิน หรือความทิ้งตัว เพราะรู้สึกปลอดภัย ทำให้ผมเรียกมันมารับทุกที หรือบางทีตุยไปแล้ว เพื่อนที่ไปกินเหล้าด้วยกันก็โทรเรียกไอ้สินให้มารับอีกเหมือนกัน และมันก็มารับผมจริง ๆ เสียด้วย แม้จะด่าแต่ก็หอบหิ้วกลับมาคอนโดของมันทุกที...ใจดีตลอด


"ตัวเองถึงแล้ว...ตื่นได้แล้วคร้าบ" ผมพูดเสียงอ้อน และนึกอยากจะด่าตัวเองเหมือนกัน ปกติถ้าพูดคุยกับมันไม่เรียกไอ้อ้วน ไอ้แว่น ไอ้ตึก ก็ด่าอะไรสักอย่าง แต่อารมณ์ตอนนี้มันไม่มีความอยากให้พูดแซวเล่นหัวอย่างนั้นเลยมันอยากแต่จะอ้อน....อ้อนไม่อยากให้ไป...หรือถ้าไปก็อยากจะให้กลับมาให้ไว ๆ 


"อืม ๆ ตื่นแล้ว" สุดหล่อพูดพร้อมกับขยับตัว จนในที่สุดผมก็เดินเคียงข้างมันไปในสนามบินและอยู่รอจนมันต้องเข้าไปด้านในห้องโดยสารนั่นล่ะ ผมถึงจะกลับ เกือบจะชินเสียแล้วที่มันต้องห่างกันแต่มันก็ชินไม่ได้สักที ก็คนเคยอยู่ด้วยกันเจอกันมาตั้งแต่จำความได้ นับตั้งแต่ห้าขวบจนยี่สิบเก้าจะสามสิบอยู่อีกไม่กี่เดือน มันนานจนคิดไม่ออกเลยว่าถ้าไม่เจอกันนาน ๆ จะทำอย่างไรกันหนอ 


ขากลับผมแวะปั๊มน้ำมันข้างทาง เพื่อขี้สักที และดื่มกาแฟขม ๆ อย่างน้อย ความขมของกาแฟก็ยังขมน้อยกว่าหัวใจ...ดราม่าควีนประทับกูแล้วค่ะ


เมื่อถึงห้องพัก อดจะเปิดตู้เย็นเสียไม่ได้ มีสลัดที่สุดที่รักเตรียมไว้ให้ผม มีโพสต์อิทติดเอาไว้


"กินตอนเช้าก่อนไปทำงาน อ้อ ไข่ลวกทำไว้ให้แล้ว แล้วก็มีอกไก่ย่าง เอาไปอุ่นก่อนกินด้วยล่ะ" ผมหยิบมาอ่าน แล้วก็จุ๊บไปที่โพสต์อิทเบา ๆ เหมือนจูบคนเขียนทางอ้อม


ถัดมาเมื่อหยิบกล่องอาหารที่ใส่อกไก่อยู่ด้านใน ก็มีโพสต์อิทติดอยู่อีกใบ


"เอาไปอุ่นก่อนกินด้วย จะได้อร่อย ๆ อย่ามักง่ายกินทั้งที่มันยังเย็น ๆ ล่ะ" ถัดมามีกล่องใบเล็ก ๆ อีกใบมีเมล็ดแอลม่อน ซึ่งปนกับเมล็ดทานตะวันกับเมล็ดฟักทองซึ่งมีโพสต์อิทติดอยู่เหมือนกัน


"กินแค่พอ...นี้รู้ว่าชอบแต่ให้กินแค่นี้นะ" เห็นแล้วก็อมยิ้ม 


ผมนั่งละเลียดอาหารที่ว่า จริง ๆ อาหารเช้าสำหรับผมนั้น ผมไม่ได้จริงจังกับมันเลย สมัยเรียนบางครั้งอาหารเช้าของผมเริ่มที่บ่ายโมงด้วยซ้ำ แต่ถ้าอยู่กับสิน พ่อไมโครเวฟจะเตรียมอาหารเช้าให้ผม แม้ว่าผมจะบ่นอย่างเกรงใจว่า ไม่ต้องเตรียมก็ได้ แต่พอพูดอย่างนั้นพ่อยอดขมองอิ่มกลับงอนผมเสียนี่ กูง้อเกือบตาย


"ที่ทำให้ก็เพราะไม่ได้รู้สึกลำบาก อยากทำสิ่งดี ๆ ให้เพราะรู้ว่าวีไม่ค่อยดูแลตัวเอง" นี่คือเหตุผลของพ่อ และเอาวะ ไหน ๆ ก็ปาวารนาด้วยความปรารถนาดีขนาดนี้รวีคนสวยก็ต้องกินอาหารเช้าของเขาหน่อยแหละ ไม่อย่างนั้นจะโกรธจนถึงขั้นงอนกันได้ กินน้อยกินมากก็ต้องกิน ไม่กินไม่พ่อมีงอน 


รอบนี้สินมันต้องไปทำงานที่สแกนดิเนเวียแล้วก็ไปตั้งเกือบเดือนนึง โอ๊ยตายแล้ว รวีไม่อยากจะคิด แต่มันก็ต้องอยู่ให้ได้นั่นแหละ เมื่อคืน ผมเป็นคนจัดเตรียมชุดให้เขาเองด้วยซ้ำ แมชชุดนั้นชุดนี้ เลือกเสื้อผ้าที่แมชสลับกันไปมาง่าย ๆ ให้คุมโทนสีเข้ม ๆ จริง ๆ เสื้อผ้าของสินก็มีอยู่ไม่กี่สีเท่านั้น ขาว เทา กรม ดำ ผิดกับผมที่แต่งตัวสีฉูดฉาด และมีมันเกือบทุกสีทุกลาย ก็ผมสนุกกับการแต่งตัว ส่วนคณชายศศิน ต้องคุมโทนคุณชายลุคคูล ๆ


และเมื่อก่อนที่จะออกไปทำงาน ผมก็จัดแจงตรวจดูทุก ๆ อย่างในห้อง ปิดสวิตช์ไฟฟ้าให้หมด เพราะช่วงที่สินไม่อยู่ผมก็จะไม่อยู่ที่นี่เหมือนกัน จะกลับไปนอนที่บ้านให้พ่อกับแม่เจอหน้าจนหายคิดถึงกันไปข้างนึง 


การบินไปสแกนดิเนเวียใช้เวลาประมาณเก้าชั่วโมง เย็น ๆ เมื่อถึงบ้านแล้ว สินก็วิดีโอคอลมาว่าพักที่โรงแรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 


"วีอยู่บ้านแล้วเหมือนกัน" ผมตอบ พร้อมกับหมุนกล้องให้ผัวเห็นบรรยากาศรอบ ๆ ห้อง ผมนั่งบนเตียงยังไม่ได้อาบน้ำ บนเตียงมีตุ๊กตาเรียงกันเป็นตับ จนผมต้องหยิบตุ๊กตากระต่ายตัวมอม ขึ้นมาส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กให้สินมันดู ตัวนี้สินซื้อให้ผมเป็นของขวัญวันเกิดตอนมัธยมสามผมจำได้


"ถึงบ้านแล้วก็รีบอาบน้ำ" แน่ะสั่งกูเป็นผัวเลย ...ก็เป็นผัวจริง ๆ 


"จ๊ะ" ผมรับคำอย่างว่าง่าย คุยกันอยู่อีกครู่ ก็แยกย้ายไปทำเรื่องส่วนตัวของกันและกัน เพราะสงสารสินมันเหมือนกัน นั่งอุดอู้อยู่ทั้งวัน ได้พักในโรงแรมแล้ว และเพื่อนร่วมงานของมันก็เห็นว่าจะชวนกันไปหาอะไรกินข้าง ๆ โรงแรม


ส่วนผมน่ะเรอะ พ่อดีใจที่ผมมา ผัดอะไรอยู่ในครัวง่วนไป ส่วนแม่ก็นั่งไถโทรศัพท์มือถือตรงเคาน์เตอร์หน้าร้าน


"คราวนี้สินไปกี่วันล่ะ?" แม่หันมาถาม


"เดือนนึงน่ะแม่ ไปทำไมกันบ่อย ๆ" ผมไม่วายจะบ่น แต่บ่นไปก็เท่านั้น คุยกระจุ๋งกระจิ๋งกับแม่อยู่ครู่เดียวพ่อก็เรียกให้เราแม่ลูกไปกินข้าวด้วยกัน พ่อดูจะดีใจทำเมนูโปรดให้ผมกินเสียด้วย ผมก็ติดวิธีกินอาหารของสินเสียแล้วคือกินกับเยอะ กินข้าวแค่นิดเดียว ครั้นพ่อบ่น ผมก็บ่นพ่อกับแม่กลับว่าให้กินข้าวน้อย ๆ กับข้าวเยอะ ๆ เพราะคาร์บสูง


"อะไรบ้านเรากินข้าวกล้องหอมมะลิเลยนะ" พ่อค้านกลาย ๆ แต่ผมไม่เถียงกับพ่อละ ไว้ให้ลูกเขยมาอธิบายกันเอง แต่ผมก็ปลาบปลื้มกับกับข้าวฝีมือที่ตรงหน้า ใครที่รู้จักผมดี มาเห็นผมกินกับข้าวแบบนี้คงหัวเราะขำแทบตาย เพราะคนกินยากอย่างผม โน่นไม่กินนี่ไม่กิน แต่กับข้าวที่พ่อทำวันนี้มันดูไม่น่าเป็นอาหารของคนกินยากเลยสักนิด อย่างจานแรก มะระจีนผัดไข่ แต่มะระของพ่อจะติดขมเพียงเล็กน้อย รสหวานปะแล่มติดเค็ม ๆ แต่หอมด้วยน้ำมันหอยอย่างดี ทำให้ผมกินได้โดยไม่บ่น ซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทย ก็เอามาแทะเล่นเพลิน ๆ ยิ่งถ้าได้แทะตรงกระดูกอ่อน ก็ยิ่งเพลิน แม้จะมีหมูติดฟันสักหน่อยก็เถอะ


ยิ่งแกงป่าใส่กล้วยดิบ อันนี้ก็พลาดไม่ได้ แกงป่าของพ่อรสกำลังดี เผ็ดนิด ๆ หอมสมุนไพรหน่อย ๆ ซดน้ำแกงร้อน ๆ คล่องคอดีนัก ยิ่งกล้วยดิบที่อยู่ในแกงพ่อจะฝานให้ติดเปลือกมาด้วย เวลากินจะมัน ๆ หน่อย พ่อแกงป่าใส่ไก่ และเครื่องในไก่ด้วย ถ้าพ่อศศินมาเห็น คงซัดหมดถ้วยหมดไห


จนถึงเวลาเข้านอน ผมนอนไม่หลับง่าย ๆ แน่ ๆ และรู้ว่าพ่อกับแม่นั้นนอนดึกยิ่งกว่า ก็เลยขอไปนอนดูซีรีส์ในเน็ตฟลิกซ์ด้วยซะเลย เหมือนย้อนวันเวลาเก่า ๆ มันนานนักหนา ผมที่ตอนเด็ก ๆ ชอบมานอนดูหนังดูละครในห้องกับพ่อแม่แบบนี้ จนโตเข้ามหาวิทยาลัยนั่นแหละ ถึงห่าง ๆ ไป เพราะติดเหล้าติดเที่ยว แรก ๆ แม่ก็บ่นจนหูชา แต่มาตอนหลัง ๆ ก็เห็นว่าบ่นไปก็ไม่ดีขึ้น ก็เลยเลิกบ่นไปโดยปริยาย


"นี่อาบน้ำทุกวันหรือเปล่ายะ?" แม่บ่นและดึงผมไปนอนหนุนตัก


"อาบสิแม่ ขืนไม่อาบ ไอ้สินมันก็จะบ่นไปเรื่อย ๆ เหมือนหมีกินผึ้ง วีรำคาญ เคยหนนึงนะ อาบไม่สะอาดมันไล่วีไปอาบอีกรอบ" ผมฟ้อง แต่จริง ๆ ผมก็พูดไม่หมด รอบที่สองที่ไปอาบ ไอ้สินมันอาบน้ำให้ผมเลยต่างหากเล่า


"ทำไมเป็นเด็กสกปรกอย่างนี้น๊า เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น" แม่บ่นแล้วก็ขยับไปหยิบแว่นมาใส่ คัตตันบัดอยู่ข้าง ๆ หัวเตียง ถูกเอามาแยงหูผมเบา ๆ ไม่ใช่แคะขี้หูนะ ซับให้น้ำในหูมันแห้งต่างหาก จนจะนอนผมก็ขอแยกตัวไปนอนที่ห้องนอนของผมก่อน พ่อกับแม่ดูกันต่อ แต่ผมซึ่งทำงานเหนื่อยเครียดมาทั้งวัน เลยนอนไว ไม่เหมือนตอนเด็ก ๆ ที่สามารถโต้รุ่งได้สบาย ๆ


(จะนอนแล้วนะ) ผมส่งข้อความไปหามัน และเพียงอึดใจ ทูนหัวก็วิดีโอคอลมาทันที


"นี่ก็กำลังจะเข้าโรงแรมพอดีเหมือนกัน" ศศินคนคูลตอบและมองดูผมที่ตั้งท่าจะนอนแล้ว ผมขยับตัวให้สบาย คงคุยกันอีกนิดหน่อย สินมันมองผมแล้วก็กลั้นยิ้ม ก็แค่ผมมัดจุกน้ำพุที่หัว หน้าทาครีมเสียขาวจ๋องเพราะไปนอนดูหนังแม่ก็บ่นว่าผมไม่บำรุงผิวหน้าเสียเลยทั้ง ๆ ที่บริษัทของตัวเองก็มีครีมบำรุงผิวหน้าขาย แม่ก็เลยโบกไนท์มาส์กเสียจนหน้าวอกอย่างที่พ่อสินเห็นแล้วก็คงขำ


เราคุยกันอีกแป๊บเดียวจริง ๆ ผมก็เข้านอนเพราะอยากให้สินได้พักผ่อนเหมือนกัน แต่พอหัวถึงหมอนกำลังจะเคลิ้ม ๆ เรื่องสมัยวัยรุ่นก็เขามาเวียนวนในหัวให้ได้คิด 


ช่วงสุดท้ายของการเรียนมหาวิทยาลัย พออยู่ปีสี่ คราวนี้นายศศิน จากไอ้อ้วน สุดเนิร์ด ครั้นพ่อได้ถอดรูปเงาะ แต่เป็นเงาะพันธุ์พิเศษ เพราะรูปเงาะอ้วนเหลือเกินไม่ใช่เงาป่าบ้าใบตัวดำ ๆ  จากไอ้เงาะอ้วนก็ได้กลายเป็นพระสังข์ ถึงจะไม่ได้เนื้อตัวเป็นทองอย่างที่ไอ้สินเคยเล่าให้ฟัง แต่ก็ใกล้เคียงละ


หุ่นที่เริ่มผอมลง มาบัดนี้ กลับกลายเป็นล่ำบึ๊กมีมัดกล้ามและซิกแพคด้วยว่ะ มันเคยคุยอวดผมว่า มันลงทุนไปเข้าฟิตเนส ให้เทรนเนอร์ช่วยดูแลเรื่องการออกกำลังกายอย่างเป็นจริงเป็นจัง หุ่นที่แม้จะผอมลง แต่ก็ยังติดจะย้วย ๆ กลับเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนที่จะสร้างกล้ามเนื้อ โลกกลมไปกว่านั้น เทรนเนอร์คนนั้นก็คือผัวของเจ๊หวัง ชื่อเฮียเปา ซึ่งเจ๊หวังคนนี้ก็เกือบ ๆ จะเป็นหุ้นส่วนในบริษัทของเฮียตี๋ เพราะเจ๊หวังซึ่งแต่เดิมจากการเป็นช่างทำผมช่างแต่งหน้า ได้ผันตัวมาเป็นอินฟลูชื่อดัง และท้ายสุดก็ได้ออกผลิตภัณฑ์คอสเมติก และสกินแคร์ชนิดต่าง ๆ ซึ่งก็ได้เฮียโจรับหน้าที่ผลิตเครื่องสำอางชนิดต่าง ๆ ให้ อ้อไอ้มาส์กหน้าที่ติดอยู่ที่หน้าผมตอนนี้ก็ของเจ๊หวังนี่เองไม่ใช่ใครที่ไหน 


เรียกว่าเจ๊หวังคือพันธมิตรทางธุรกิจ และเฮียเปาผัวเจ๊หวังก็เปิดฟิตเนสชื่อดัง พลอยฟ้าพลอยฝน ก็เลยเป็นอินลูสายสุขภาพด้วยเหมือนกัน ผมเคยดูคลิปเฮียเปาสอนทำ HIIT ในยูทูป แม่เอ๊ยหัวใจจะวาย ก็ตี๋สุดหล่อ มาออกกำลังกาย ถอดเสื้อโชว์ซิคแพค แถมใส่กางเกงขาสั้นรัดรึง รวีเห็นแล้วก็น้ำลายหกสิคะ


เดี๋ยว ๆ กลับมาเรื่องอีสินต่อ ที่สำคัญเดี๋ยวจะถูกหาว่าเป็นคนบ้าผู้ชายไปได้ ถึงจะมีเชื้อความจริงอยู่นิดหน่อยก็เถอะ


กลับมายังจุดที่อีสินมันออกกำลังกายอย่างถูกต้อง ได้รับการแนะนำอาหารอย่างถูกต้อง อีทีนี้ร่างทองของมันก็เปล่งประกาย สาว ๆ คณะไหนต่อคณะไหน ก็กรี๊ดกันแทบแย่ แต่พ่อคนเนิร์ดก็มิได้นำพา ใครกรี๊ดก็กรี๊ดไป ส่วนมันนั่งอ่านหนังสือไปโลด จะลุคไอ้อ้วนเหมือนหมีแพนด้า หรือลุคหล่อเนี๊ยบแบบคุณชาย ไอ้ศศินก็คือไอ้ศศินคนเดิม ไม่หือไม่อือกับใคร แต่แอบกวนตีนโดยเฉพาะกับน้องรวีคนงาม


"เดี๋ยวนี้หล่อแล้วคนกรี๊ดมึงเยอะเลยน๊า ฮ็อทม๊ากค่ะ" ผมแซว ตอนบังเอิญเจอมันตอนพักกินอาหาร


"มึงก็คนกรี๊ดเยอะ" ไอ้สินตอบกลับ ตาแม่งไม่ได้มองหน้าผมด้วยซ้ำ มันกินข้าวไปอ่านหนังสือไป ไว้จะต้มหนังสือให้แดกแทนน้ำซุป


"คนสวยมันก็อย่างนี้ล่ะค่ะ" ผมตอบ มุ่งมั่น และเชิดหน้า ก็นี่กูอุตส่าห์ไปทำสีผมใหม่มาเชียวนะ คราวนี้เป็นสีส้ม แบบส้มส้ม เปรี้ยวสุดตีน และแสบหนังหัวมาก ๆ 


"เขากรี๊ดเพราะคิดว่ามึงเป็นคนบ้า หรือไม่ก็เพราะคิดว่ามึงสกปรกเหมือนหมาวัด" ไอ้สินตอบ นี่มันเป็นเสียอย่างนี้ ปากหมาแบบเรียบ ๆ ใครจะมาจีบโปรดระวังเพราะไอ้ห่านี่ปากจัดที่สุด แต่ไม่กระโตกกระตาก ก็เด็กอักษรน่ะเนอะ มันอ่านเยอะ คำคลังในหัวก็เลยเยอะ บางครั้งโดนด่าแล้วก็ไม่รู้ตัวต้องคิดสามสี่ตลบ ถึงได้บอกตัวเองว่า "เออ...มันด่ากูนี่หว่า" ซึ่งก็ไม่ทันแล้วไง มันต้องด่าซึ่ง ๆ หน้า ว่ากันเหมือนเพลงฉ่อย ด่ามาด่ากลับไม่โกง


ช่วงปีสี่นั้นจะว่ายุ่งก็ยุ่ง แต่จะว่าว่างก็ว่าง เพราะกิจกรรมต่าง ๆ ในฐานะรุ่นพี่ ก็แทบจะไม่มีอะไรให้โฟกัสแล้ว ด้วยว่าให้รุ่นน้อง ๆ จัดการกันไป แถมใกล้จบก็ต้องฝึกงานผมน่ะลอยตัวเพราะทวดรหัสของผม ซึ่งคุยกันไว้ตั้งแต่ตอนเลี้ยงสาย แกก็มายืนยันให้ไปฝึกงานที่บริษัทของแกได้เลย 


"หมูหยอง เฮ้าส์" ฟังดูแทบไม่รู้ว่าเป็นเฮ้าส์ผลิตสื่อโฆษณา นึกว่าเป็นร้านขายหมูหยอง หมูแผ่น หมูหวาน พูดแล้วก็อยากกิน เดี๋ยวต้องไปซื้อเจ้าประจำที่เยาวราชสักหน่อย


ไอ้สินเองก็ต้องไปฝึกสอน ที่ซึ่งมันสอนก็ไม่ใกล้ไม่ไกล โรงเรียนเตรียม ซึ่งเราเป็นศิษย์เก่าสมัยมัธยมปลายนั่นเอง อาจารย์คงปลาบปลื้ม เพราะพ่อศศิน นักเรียนตัวอย่างได้กลับไปเยือนถิ่นเก่า ส่วนผมไม่กล้าเหยียบเข้าไปด้วยซ้ำ กลัวอาจารย์แม่เห็นสีผมแล้วตกใจจนหัวใจวายตาย


พอถึงตอนฝึกงานเข้าจริง ๆ แม่เจ้าโว้ย มันสนุกแบบสุด ๆ แต่ก็เหนื่อยแทบจะเรียกได้ว่าฉิบหายตายโหง เพราะงานมันท้าทาย และตรงตามที่ผมเคยเรียนมา ไอ้ที่เคยเรียนมาก็เอามาปรับใช้ ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง อาศัยทวดรหัสที่ใจดีแต่กวนตีนคอยสอนงาน แถมสอนเกินจากที่อาจารย์สอนไปอีก เพราะไอ้ที่เรียนมันเป็นแค่พื้นฐาน แต่พอเรามาอยู่หน้างานจริง มาใช้ชีวิตเป็นคนโฆษณาจริง ๆ มันก็เปิดโลกของผมไปเลย


ผมแทบจะไปกินนอนอยู่ที่บริษัทเลยเชียวล่ะ เพราะบางทีต้องตัดต่องานจนถึงตีสาม จะกลับบ้านก็ไม่ใช่เรื่อง ก็นอนแม่งที่ในห้องตัดนั่นแหละ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ทำงานต่อ สนุกจนลืมตัวลืมตาย หรือบางทีต้องออกฟิลข้างนอก ไปต่างจังหวัดไกล ๆ ได้เห็นอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่ในชีวิตนี้ไม่เคยเห็นแน่ ๆ ไม่ว่าจะดำน้ำดูปะการัง หรือปีนเขาเข้าป่า คุณหนูรวีโรจน์ ผู้ซึ่ง แบบบางราวกับผ้าซาติน มาบัดนี้ กูกลายเป็นผ้าห่อศพค่ะ เพราะเข้าป่าไปถ่ายงานสองวันแล้วยังไม่ได้อาบน้ำเลย ทากก็เยอะ ยุงก็เยอะ ถ้าจบงานกูเป็นไข้ป่ามาเลเรีย กูจะฟ้องร้องมึงไอ้ทวดรหัส ส่วนความเรื่องมากในเรื่องของกิน เข้าป่าอย่างนั้นแดกไข่ต้มกับข้าวเหนียวและน้ำจิ้มแจ่ว กูรอดมาได้ยังไง แม่รู้คงร้องไห้ที่รู้ว่าลูกต้องมาตกระกำลำบาก


จำได้ว่าราว ๆ ตีหนึ่งในห้องตัดงาน จู่ ๆ ผมก็คิดถึงไอ้สินขึ้นมาจับใจ ชีวิตของมันคงเปลี่ยนแปลงไปไม่มาก เพราะโรงเรียนเตรียมกับมหาวิทยาลัยก็ห่างกันแค่นั้น จากคอนโดของมันเดินไปสอนก็ยังได้ ผมเดาเอาว่ามันไปสอนหนังสือน้อง ๆ เสร็จ มันก็ไปฟิตเนสต่อ ไม่เที่ยวเตร่เฮฮาที่ไหนทั้งนั้น ตามประสาเด็กดีที่หัวถึงหมอนก็หลับไป สมัยเรียนก็ตื่นมาก็ไปเรียนเลิกเรียนก็กลับห้อง พอมาทำงาน ตื่นมาก็ทำงาน เลิกงานก็ไปฟิตเนส แล้วก็กลับห้อง ...โคตรไร้สีสัน


ผมส่งสติ๊กเกอร์ ทีโมนตัวการ์ตูนในเดอะไลอ้อนคิงไปหามัน เป็นรูปทีโมนซึ่งกำลังจะสลบ เพราะผมก็ใกล้จะสลบแล้ว หันไปมองข้าง ๆ อีทวดรหัส มันหลับเป็นตายตรงพื้นข้าง ๆ นี่แหละ ห้องตัดแม่งก็เย็นเกิ๊น เย็นชนิดที่ตายก็ไม่เน่า มันนอนหลับคุดคู้ ห่มผ้านวมหนา ๆ ที่มอมราวกับที่นอนหมา ...เอ่อ...กูก็หลับได้เพราะที่นอนหมาอันนี้เหมือนกัน


แต่น่าแปลกเพียงสองวินาทีต่อมา แชทข้อความของไอ้สินก็ส่งสติ๊กเกอร์ พุมบ้าส่งยิ้มมาให้ พร้อมกับข้อความ


(ยังไม่นอนอีกเรอะ)


(อืม...ยังตัดงานไม่เสร็จเลยแต่อีกนิดเดียวแหละมึงนั่นแหละทำไมยังไม่นอน?) แต่ความจริงคือตัดไปได้ครึ่งเดียวจ๊ะ ท่าทางงานนี้คงถึงเช้า


(วิดีโอคอลได้ไหมสะดวกหรือเปล่า?) มันส่งข้อความมาและผมก็กดปุ่มวิดีโอคอลหามันทันที


"เอ๊ากูนึกว่ามึงนอนไปแล้วเสียอีก" ผมนั่งเท้าคาง และยิ้มแห้ง ๆ ไอ้สินนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือของมัน ดูจากหัวฟูนิด ๆ เหมือนมันนอนไปตื่นนึงแล้วลุกขึ้นมา


"นอนไปแล้วตอนสามทุ่ม พอดีลุกมาฉี่ แล้วนอนไม่หลับกูก็เลยอ่านหนังสือเล่นน่ะ" ไอ้สินตอบและเราก็ชวนคุยอะไรกันต่ออีกนิดหน่อย จนผมต้องไล่ไอ้สินให้กลับไปนอน 


"ไปนอนไป๊เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปทำงานไม่ไหว" 


"เออ ๆ นอนก็ได้" ไอ้สินตอบและผมก็มองมันที่เตรียมตัวจะเข้านอน


"รวี...มึงก็อย่าหักโหมมากนะ นี่หน้ามึงโทรมจังกูจะนอนแล้วนะ เออ...คิดถึงมึงนะ" ไอ้สินพูดและผมว่าหน้ามันเศร้า ๆ ผมฟังคำพูดของมันแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้ง แต่น่าแปลกที่ คำว่า "คิดถึง" ของมันกลับสะท้อนอยู่ในหัวของผม มันดังก้องไปมาจนผมต้องหยุดโฟกัส ลุกไปล้างหน้าล้างตา กินกาแฟสักแก้ว และต้มมาม่าคัพสักถ้วย เลือกรสต้มยำให้ได้ความเผ็ด และสดชื่น คราวนี้กลับมาตัดงานต่อ แต่พอกลับถึงห้องตัด ทวดรหัสของผมก็ลุกมาตรวจงานที่ผมตัดเสร็จไปแล้ว


"มึงคุยกับใครมะกี้วะอีวี คุยกันกะหนุงกะหนิง ถ้าไม่รู้จักมึงกูก็คงคิดว่ามึงคุยกับผัว" ทวดรหัสผมนี่กวนตีน จริง ๆ ก็กวนตีนกันทั้งสายนั่นแหละ 


"บ้า ผัวเผออาราย หนูยังสดยังซิง" ผมเถียงจนเราหัวเราะแห้ง ๆ ใส่กัน และเราทั้งคู่ก็มาออกไอเดียตัดงานกันต่อ จนถึงเช้าตรู่ จนเมื่อคนอื่น ๆ มา เราสองคนก็ทิ้งตัวเป็นศพนอนตายในห้องตัดจนถึงบ่ายโมง ...ชีวิต


เวลาสามเดือน จะว่าไวก็ว่องไวราวลัดนิ้วมือ จะว่านานก็นานจนกูอยากให้ฝึกงานจบไว ๆ แต่ในที่สุดก็จบสักที ผมโคตรดีใจ และเมื่อได้กลับบ้านอยู่บ้านยาว ๆ แม่ก็เอาแต่บ่น ไหนจะเรื่องสีผมแปลกประหลาด ไหนจะเรื่องเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ซัก และเนื้อตัวที่ไม่ค่อยได้อาบน้ำ


"วีกลิ่นตัวเธอเหมือนกลิ่นหมาจรจัด" แม่พูดพร้อมกับทำจมูกฟุดฟิด


แต่เราจะไม่ทำให้คำพูดของแม่มาบั่นทอน เมื่อฝึกงานเสร็จ รวีดาวประจำฟลอร์ก็ต้องฉลอง การนัดที่รวมก๊วนเพื่อนตกลงนัดกันอย่างรวดเร็ว คิดถึงอีมะเดี่ยวกับอีหนูรัตน์ชะมัด อีมะเดี่ยวไปทำงานกองบริษัททำหนัง ส่วนหนูรัตน์ มันไปทำงานกอง บก. ให้หนังสือซึ่งตอนนี้ผันตัวเป็นบริษัทครีเอเตอร์ทำพวกพอดแคสต์ และคอนเท้นต์ในยูทูป


นั่งแดกเหล้าและเม้ามอยเรื่องฝึกงานกันตั้งแต่สองทุ่มจนถึงตีสอง ผมเมาไม่มาก และรู้สึกว่าต่อมคอแข็งข้าง ๆ  ต่อมไทรอยด์เดี๋ยวนี้จะทำงานลดลง นั่งหัวเราะกันจนปวดกราม มีเพื่อนร่วมคณะมาเพิ่มอีกสองคนกลายเป็นห้าคน แต่สุดท้ายพวกเราก็ไม่มีใครพูดอะไรเพราะพูดกันจนเหนื่อยแล้ว ได้แต่นั่งอมยิ้มกันไปอมยิ้มกันมา ฟังเพลงกระดิกตีนเพลิน ๆ แบบไม่เข้าจังหวะ แต่เพื่อไล่ยุงค่ะ กัดเก่งอียุงบ้า


"สินน้องวีกินเหล้าอยู่ร้านประจำ มารับน้องวีหน่อยน๊านะค๊า น้องวีปวดหัว..." กูเมาแล้วกูอ้อน


"เอ๊าไหนกูเห็นมึงแดกหมูผัดหนำเลี๊ยบกับพ่อมึงอยู่เมื่อเย็น เออ ๆ รอแปปเดียวอย่าเสือกไปเยี่ยวหน้าร้านเขาอีกล่ะ" ไอ้สินพูดเสียงรัวเร็ว และผ่านเวลาไปเพียงยี่สิบนาที ไอ้แว่นหนาก็มาหิ้วร่างของผมจากนรกตรงนี้เสียที


"ฝึกงานเสร็จก็เมาเลยนะมึง" คุณพ่อบ่นทันทีที่ประคองปีกของนางฟ้า


"เมานิดเดียวไม่ได้เมามาก เห็นป่าวเดินได้" กูมั่นใจค่ะ แต่ไอ้สินว่ากูเดินปัดไปปัดมา...ก็ถนนแม่งไม่เรียบ ชัชชาติคะทำฟุตบาทตรงนี้ให้เรียบด้วยค่ะ เดี๋ยวแม่ถ่ายรูปไปฟ้อง แทรฟฟี่ฟองต์ดูว์ แม่งเลย


ผมรู้สึกว่าหัวมันหนักตื้อ ๆ และตาก็อยากจะปิดแต่ยังพอจะมีสติ ผมไม่รู้หรอกว่าพูดพล่ามอะไรไปบ้าง แต่รู้สึกตัวว่าเสื้อของผมถูกถอดออก และมีผ้าชุบน้ำเย็น ๆ มาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ กางเกงก็ถูกถอดออกจนเหลือกางเกงบ๊อกเซอร์เก่า ๆ ขาถูกเช็ดเหมือนกัน ผมทิ้งตัวลงตรงโซฟาตัวประจำ ผ้านวมผืนหนาถูกเอามาห่อที่ร่างกาย หัวถูกยกและหมอนใบนุ่มก็ถูกนำมาหนุน อ๊า....สบาย...รวีจะทิ้งตัวแล้วค่ะ


"ไอ้สิน ไม่เจอตั้งนาน กูคิดทึ้งคิดถึงมึงจัง" ผมบ่นเพ้อขณะที่ดวงตาปิดสนิท ก็มันง่วงจะแย่


"เออ คิดถึงเหมือนกัน" ผมรู้สึกได้ยินมันตอบอะไรประมาณนี้ จนรู้สึกเหมือนมีอะไรมากระทบที่หน้าผาก ความรู้สึกตอนนั้นมันใช่แน่ ๆ ผมว่ามันจูบที่หน้าผากของผม ผมแทบจะสร่างเมา แต่ผมก็แสร้งทำเป็นหลับเหมือนเดิม ไม่รู้สิ ถ้าผมลืมตาตื่นขึ้นมา และถามว่ามันทำอะไรกับหน้าผากของผม ความสัมพันธ์ของเราอาจจะไม่เหมือนเดิมก็ได้ ผมเลือกจะแสร้งทำเป็นหลับ จนรู้สึกว่ามีมือใหญ่ ๆ มาลูบหัวของผมเบา ๆ 


"อีผี" เสียงนุ่ม ๆ ดังอยู่ใกล้ ๆ หู และหัวใจของผมก็เต้นดังผมกลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าในเวลานั้นผมรู้สึกอะไร ผมรู้แค่ว่าผมกับมันห่างกันจนผมคิดถึงแทบทำอะไรไม่ถูก ผมอยากจะมาหามันในวินาทีแรกที่มาถึงบ้าน แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำอย่างนั้น


"ฮาคูนามาทาท่า ฮาคูนามาทาท่า" ไอ้เสียงกวนประสาทดังขึ้นและผมก็สะดุ้งตัวตื่นทันที เอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์มือถือ วันนี้ผมต้องอยู่คนเดียวไม่มีคนคอยปลุก แม้จะตื่นแล้วแต่ผมก็ขอนอนหลับตาพริ้มอยู่บนที่นอนที่แสนคุ้นเคยอีกสักนิด ไม่รู้ว่าตอนนี้สุดที่รักของผมตื่นหรือยัง แค่คืนแรกกูยังคิดถึงมึงแทบตายอยู่แล้ว...ไอ้ความห่างไกลกัน ทำไมมันทรมานจังวะ