แฟนของผมเป็นคนแปลก ๆ เหมือนมาจากดาวดวงอื่น
ตลก,ชาย-ชาย,ครอบครัว,รั้วโรงเรียน,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาวแฟนของผมเป็นคนแปลก ๆ เหมือนมาจากดาวดวงอื่น
อ้าอุไรพธูพบูพิบูลย์ เฉลาแชล่มแจร่มจรูญ เจริญภาส
ตูสวิงสวายเพราะสายสวาดิ์ ระทวยบ่ปลดระทดบ่ปราศ บ่ปลิดโศก
แสนจะเสียวจะส้านณวารวิโยค จะข้ามห้วงบ่ล่วงอโฆ ก็อกกรม
ใคร่เสน่หะนิตย์สนิทสนม จะแนบจะนิตย์สนิทสนม จะแนบจะนิทร์จะชิดจะชม ณเชิงรัก
เชิญสมรสุมาลย์สมานสมัค ประสานประสงค์ประจง ประจวบใจ ประจักษ์
ผมค่อย ๆ พับกระดาษที่มีลายมือหวัดแกมบรรจงแล้วอมยิ้ม พลางถามมันไปเบา ๆ ว่า
"มึงจีบกูหรอ?"
"เปล่า" มันตอบอย่างว่องไว แต่หน้าแดง คนแปลกประหลาดอย่างนี้ก็มีด้วย
โดย Chavaroj
ว่ากันว่าทุกชีวิตย่อมต้องพบเจอกับความเปลี่ยนแปลง เพียงแต่จะเร็วหรือช้า จะดีหรือเลว ก็แค่นั้น และการเปลี่ยนแปลงนั้น ถ้าเราลองต้องตัดสินใจจะเปลี่ยนมัน เปลี่ยนวิถีชีวิต เปลี่ยนความคุ้นเคย เปลี่ยนจิตวิญญาณมันก็ค่อนข้างจะยากสักหน่อย เพราะมนุษย์น่ะ ชอบที่จะปลอดภัย อยู่กับความมั่นคง
ต้นเหตุของความเปลี่ยนแปลงของผมกับพี่โอ้ มันค่อย ๆ ก่อตัวทีละน้อย ไม่ใช่สิ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเรื่องความรัก ผมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิต
เพื่อน ๆ ของผมซึ่งสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแยกย้ายกันไปเรียนและเติบโต จนแต่ละคนมีอาชีพการงานไปต่าง ๆ กัน แต่ในวันหนึ่งพวกเราก็ค่อย ๆ กลับมาพบเจอ มาสนิท มาพูดคุยเล่นสนุก เหมือนตอนเราเด็ก ๆ อย่างไรก็อย่างนั้น
และสถานที่รวมพลของเราซึ่งก็คือร้านขนมจีนของผัวอีดอยตัวดี ซึ่งเงียบ ๆ หงิม ๆ หยิบชิ้นปลามัน ก็รวีผู้ซึ่งไม่เคยมีทีท่าว่าจะรักใคร พอจะมีผัวเข้า ก็เสือกได้ดาราสุดหล่อมาเป็นผัว แถมเด็กกว่าตั้งหลายปี อย่างนี้จะไม่เรียกหยิบชิ้นปลามันได้อย่างไรกัน
เดือนละหนที่พวกเราผองเพื่อนจะมารวมตัวเพื่อนพบปะพูดคุย และกินอาหารอร่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นวันอาทิตย์ต้นเดือน ซึ่งใครใคร่มาก็มา ไม่ว่างก็ไม่ต้องมา ไม่ได้มีการโกรธเคืองกัน เพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่าแต่ละคนก็ไม่ใช่จะว่างงาน
แต่อีดอยกับผัวมันยินดีต้อนรับ ขอแค่อย่างเดียว กรุณาแจ้งมันก่อนว่าจะไปหา เพื่อว่าผัวของมันจะได้เตรียมวัตถุดิบให้เพียงพอแก่จำนวนแขกก็แค่นั้นเอง ขืนมาโดยไม่บอกกล่าว เหลือแต่อาหารหมาให้แดก
แต่ไปแล้วก็ใช่ว่าจะดูดายนั่งกินนอนกิน รอผัวของมันเอาอาหารมาประเคนหรอกนะ ดอยมันขอร้องแกมบังคับให้แขกต้องไปเป็นลูกมือช่วยผัวมันทำอาหารด้วย เพราะไหน ๆ ก็มากินฟรีแล้ว ก็อาศัยเพื่อน ๆ สักหน่อยซึ่งพวกเราก็ยินดีเพราะสนุกอยู่ไม่ใช่น้อย
ผัวของอีดอยความที่เป็นดาราเก่า ถึงจะเป็นดาราจักร ๆ วงศ์ ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นดารานั่นแหละ เพราะฉะนั้น ความหล่อเหลาจึงมีมากกว่าคนธรรมดา ๆ อย่างพวกเราซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนเนิร์ด ๆ ดูบ๊อง ๆ เปิ่น ๆ เมื่อเจ้าตัวเบื่อวงการมายา แต่สมบัติเดิมคือชื่อเสียง ซึ่งสามารถนำมาแปรเป็นเงินทอง และการงานอาชีพได้ เจ้าตัวก็ใช้สิ่งพิเศษนี้มาทำเป็นคอนเท้นต์
นายสมิงคนนี้นอกจากจะมีหน้าตาหล่อเหลา ยังมีเสียงทุ้มนุ่ม และการพูดที่น่าฟังอย่างประหลาด งานผลิตยูทูปที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาล่าสุดก็คือ ช่องอ่านหนังสือเสียง ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์หนังสือสารพัดจากไอ้สิน หนอนหนังสือ ผู้มีนิยายโบร่ำโบราณชนิดอ่านจนตายก็ไม่น่าจะหมด เริ่มแรกจากการอ่านนิยายเก่า ๆ อันเหมาะแก่คนอ่านอย่างมากคือ เสียงอ่านนิยายเรื่อง ล่องไพร ของน้อยอินทนนท์ ไล่ไปจนถึงนิยายกำลังภายใน และนิยายผี ซึ่งอย่างท้ายน่าจะเหมาะกับเมียของมัน
นายสมิงคนนี้จะทำเสียงเล็กเสียงน้อยและเปลี่ยนให้คนฟังได้รู้ว่าเป็นตัวละครคนละคนราวกับนักพากย์ จนเมื่อเริ่มได้วิชาแก่กล้า ก็สามารถเพิ่มเสียงซาวน์เอฟเฟค อย่างเช่นเสียงเสือคำราม เสียงนก เสียงน้ำตก เสียงปืนผาหน้าไม้ เจ้าตัวว่าสนิทกับผู้กำกับ และพวกซาวน์เอนจิเนีย ซึ่งผมก็ไม่รู้กับเขาหรอก รู้แค่ว่าเวลาเปิดฟังในรถ มันก็เพลินดีเหมือนกัน ดีกว่าฟังข่าวการเมืองน้ำเน่า ฟังข่าวคาวของดารา หรือข่าวไร้สาระบ้าบอ เช่นตำรวจจับคนเล่นการพนัน หรือข่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์และคนกายสิทธิ์กำมะลอ ซึ่งให้หวยแม่นบ้างไม่แม่นบ้าง สุดแต่คนจะตีความตัวเลขกันไป
ช่องสารพัดสีมาบัดนี้ การผลิตละครก็ลดน้อยลง สิ่งที่โดดเด่นก็คือเอาพวกข่าวต่าง ๆ มาเล่า นานเข้าก็กลายเป็นเอาเรื่องดราม่าจากโลกโซเชียลมาอ่าน และอ่านแบบขยี้เสียด้วย อ่านมันซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ รำคาญจะตาย
คลิปอ่านหนังสือเสียงของนายสมิง ก็เลยเป็นที่ถูกอกถูกใจจนนับวันก็ยิ่งมีคนติดตามมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนคนสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่ติดละครวิทยุคณะเกตุทิพย์ อย่างไรก็อย่างนั้น
ส่วนคลิปวิดีโอที่เป็นแหล่งเงินให้นายสมิงผู้นั้นก็คือ คลิปวิดีโอทำอาหาร ซึ่งเจ้าตัวมีพื้นความรู้ในการทำมาจากย่าจากยายอะไรของเขานี่ล่ะ แต่อาหารไทยบางอย่างที่ยาก ๆ เขาก็ไปเรียนเพิ่มเติม และเมื่อทำคลิปวิดีโอ เจ้าตัวก็ช่างสรรหาจนผมรู้สึกว่ามันช่างคิดดีเหลือเกิน และที่ถูกใจที่สุดก็คือสปอนเซอร์ของมันซึ่ง ล้วนแล้วแต่เป็นพวกวัตถุดิบทำอาหารชนิดต่าง ๆ ไล่ตั้งแต่น้ำตาล น้ำปลา ซอสปรุงรส ผงชูรส หม้อไหชนิดเคลือบสารพิเศษจากดาวอังคาร และผลิตภัณฑ์อีกมากมายก่ายกอง
ตัวอย่างเช่นทำอาหารเหนือ พ่อก็อุตส่าห์ไปหาชุดเจ้าเมืองเหนือมาใส่ ซึ่งมันรุ่มร่ามวุ่นวาย ทำไปก็ต้องคอยระวังแขนเสื้อ หรือทำคลิปอาหารอีสาน พ่อก็เอาผ้าขาวม้ามามัดหัว ใส่ชุดที่ดูชาวบ้าน ๆ แบบที่กำลังจะไปทำสวนทำนา พอทำคลิปอาหารใต้พ่อก็ล่อผ้าโสร่งแบบชาวใต้แถมใส่หมวกแบบชาวมุสลิมด้วย แต่ที่ขำที่สุดก็คือไอ้ชุดไทยอย่างที่เขาใส่ให้เจ้าบ่าวในงานแต่งงานแบบคนชั้นกลางซึ่งอยากได้งานที่ดูเป็นไทย ๆ สักนิด แต่ไม่ไทยจ๋าชนิดนุ่งผ้าโจงกระเบน เป็นไทยประยุกต์ ซึ่งดูขาด ๆ เกิน ๆ ลองคิดภาพหนุ่มสุดหล่อ ใส่ชุดแข็งโกรกทั้งตัวมายืนตำน้ำพริก ดูไม่จืดเลยทีเดียว
แต่เพราะรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ก็เลยทำให้รายการทำอาหารของเขามีสีสันและเป็นเอกลักษณ์ โดยมีพวกผมนี่แหละเป็นลูกมือ สุดแต่นายสมิงคนนี้จะใช้ให้ช่วยทำอะไร พื้น ๆ ก็ปอกหอมปอกกระเทียมล้างผักหั่นผัก ซึ่งผมกับพี่โอ้ก็พอจะทำได้ ชนิดไม่ทำให้งานเขาเจ๊ง
อย่างคลิปวันนี้ สมิงทำแกงฮังเล พ่อก็ใส่ชุดพม่า มีผ้าโสร่งซึ่งจำได้ว่ามันเป็นผืนเดียวกับตอนมันถ่ายคลิปทำอาหารใต้ ใส่เสื้อเชิ้ตสีมอ ๆ กับมีผ้าพันหัวซึ่งดูเผิน ๆ ก็เหมือนหม่องอะไรสักคน
"หม่องกระโจ๊เผี่ยวไง" เสียงอีรวีซึ่งหัวเราะกิ๊กกั๊กเม้ากับเมียของผมอย่างออกรส หันมาให้คำตอบซึ่งผมแอบพูดเสียงเบา ๆ แต่รวีมันหูดีเลยเฉลยเป็นคำตอบทะลึ่งตึงตังให้
เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าธีมอาหารวันนี้เป็นธีมอาหารเหนือ อีดอยและอีรวีก็ได้ตระเตรียมอาหารเหนืออื่น ๆ เพิ่มเข้ามาให้ครบสำรับ ยกตัวอย่างเช่น ไส้อั่ว แกงโฮะ น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แคบหมูจำนวนมาก และข้าวเหนียวกระติ๊บโต ๆ ซึ่งกว่าครึ่งอีรวีกินไม่ได้ เพราะสันดานเรื่องมาก แต่ผมถูกใจเพราะมีผักแปลก ๆ ให้กินแนมตั้งมากมาย
จบจากการทำคลิปวิดีโอ ซึ่งเรามาทำที่บ้านในซอยน้อยของอีดอย บ้านหลังน้อยแสนน่ารัก ดูอบอุ่นและไม่เงียบเหงา ถึงไม่มีเด็ก ๆ ลูกของมัน เพราะอีดอยไม่มีมดลูก แต่มีลูกหมาปากเปราะคอยเห่าเสียงดังคอยขออาหาร และวิ่งซนทำซ่าต่าง ๆ นานา เมียผมเอ็นดูนักแต่ผมรำคาญ
งานนี้มีผมกับพี่โอ้ มีอีรวีกับไอ้สินผัวของมัน มีสมิงกับอีดอยเจ้าบ้าน และหัวหน้าของอีรวี พี่ตี๋กับพี่โจ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทร้อยล้าน ซึ่งแรกรู้จักผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไรเพราะดูพี่ตี๋จะแสนติดดิน ส่วนพี่โจนั้นเป็นพี่ชายคนละแม่ของไอ้สิน หน้าตาก็คล้าย ๆ กันแต่สันดานคนละแบบพี่โจพูดเก่งพูดน้ำไหลไฟดับ เพราะเขาเคยเป็นเซลล์มาก่อน ส่วนไอ้สิน มันพูดก็เหมือนพระเทศน์สอน เลยไม่ค่อยมีใครอยากฟังเพราะพวกเราไม่ใช่นักศึกษาของมัน
นอกจากพี่โอ้คนดีของผมจะสนิทกับรวี งานนี้พี่โอ้ก็ได้เจอคนรุ่นราวคราวเดียวกันคือพี่ตี๋กับพี่โจ แต่ถึงอย่างนั้นพี่โอ้ก็ยังแก่กว่าทั้งสองคนหลายปี ถึงจะแก่แต่ก็ยังมีไฟและที่สำคัญ เมียกูคร้าบ เมียกูดีที่สุด
อาหารมื้อใหญ่ถูกตั้งพร้อมให้เรานั่งกินกันไปคุยกันไปรวมถึงจิบแอลกอฮอล์ไปด้วย อีรวีขี้เมา พี่โอ้คนดี และพี่โจซึ่งจิบนิด ๆ หน่อย ๆ นัยว่าเพื่อให้การสนทนามันคล่องขึ้น กินกันไปคุยกันไป ทั้งเรื่องไร้สาระ และเรื่องจริงจัง ลามไปจนถึงเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ และเรื่องทะลึ่งตึงตัง นี่ยังดีไม่มีไอ้หมอผีสองตัวมาด้วยไม่อย่างนั้นก็จะชวนคุยแต่เรื่องลี้ลับ เรื่องมนุษย์ต่างดาวอะไรของมันไปเรื่อยเปื่อย
"ทำไมไม่ทำงานที่คลินิกล่ะ เปิดร้านทำฟันเงินดีจะตาย?" พี่โจหันมาถามผม ซึ่งผมก็หันไปมองหน้าพี่โอ้ เพราะจริง ๆ ไอ้ความคิดนี้มันก็อยู่ในหัวของผมมานานแต่ที่ไม่ยอมทำสักทีเพราะอยากมีเวลาอยู่กับพี่โอ้มาก ๆ
"ทำอะไรที่มันเป็นของเราน่ะดีที่สุด บริหารเวลาได้ จะได้เป็นอิสระทางการเงินด้วย อิสระทางเวลาด้วย" พี่โจพูดเหมือนจะชวนกูขายตรง จะชวนกูเป็นลูกข่ายเสียแล้วล่ะมั้ง แล้วนี่ผมก็เป็นพวกใจง่ายหัวอ่อนเสียด้วย เคยมานั่งคุยกันอย่างนี้แหละ พี่โจพี่ตี๋กับอีรวีคุยอวดสรรพคุณสินค้า ผมก็เหมามาเป็นโหล เอามาใช้เองบ้าง เอามาแจกคนอื่นบ้าง อย่างล่าสุดก็เหมาเอาไปฝากพ่อตากับแม่ยายนั่นไง
ผมก็ไม่รู้ใจของพี่โอ้หรอก เพราะอะไรถึงไม่ยอมเปิดคลินิกเอง จะว่าไม่มีเงินก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีเวลาก็มีส่วนเพราะพี่โอ้ต้องทำงานสอนนักศึกษาทันตแพทย์ ทั้งต้องลงตรวจที่คลินิกด้วย
คำถามของพี่โจทำให้ผมกับพี่โอ้อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เพราะคำตอบของคำถาม เรารู้ดีอยู่แก่ใจ คนเราพอลองจะเปลี่ยนแปลงอะไรจากความคุ้นเคยมันก็ดูจะยากเย็นไปเสียทั้งนั้น ไหนจะสถานที่ ไหนจะเงินทุน อุปกรณ์ทำฟัน อุปกรณ์การแพทย์ราคาไม่ใช่ถูก ๆ ไหนจะพวกเครื่องมือทันตแพทย์หยุมหยิมอีกเล่า
"ไอ้ป๊อป ที่ตรงนี้ยังเหลือ สมิงเขาก็ปรึกษากูอยู่ว่าที่มันว่าง ๆ อยากทำอะไรเพิ่ม ถ้ามึงอยากมาเปิดคลินิกทำฟัน ก็มาเช่าที่กูได้นะ ไม่ต้องห่วงเรื่องสถานที่เพราะสมิงเขามีโปรเจคจะต่อเติมอาคารอยู่แล้ว ใช้ช่างคนเดิม ตัวอาคารมันจะได้เหมือน ๆ กัน ที่สำคัญกูจะได้คิดค่าเช่ามึงแพง ๆ" อีดอยพูดไปยิ้มไป ส่วนสมิงก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
"ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาพบกันของแทร่" อีรวีปากเสียพูดเสียงอ้อแอ้เพราะเมานิด ๆ น่าเอารองเท้าตบปากสักทีสองที
"ขอไอไปคิดดูก่อนนะ" พี่โอ้พูดแบ่งรับแบ่งสู้ และนั่นมันเป็นเรื่องราวตั้งแต่ปีก่อน จนผมตกใจที่พี่โอ้ปรึกษากับพ่อแม่ของแก ว่าอยากจะเปิดคลินิกเป็นของตัวเองสักที
ซึ่งพ่อแม่และน้องสาวของแกก็เชียร์อย่างออกหน้าออกตา หลังจากจบงานเลี้ยง ผมกับพี่โอ้ไม่ได้คุยกันเมื่อขากลับเพราะพี่โอ้มีอาการกึ่ม ๆ อยู่หน่อย ๆ จนเมื่อถึงบ้านอาบน้ำอาบท่า เตรียมตัวนอน พี่โอ้ขยับตัวมานอนกอดผมพร้อมกับเอาคางมาเกยตรงอก มองผมเหมือนอยากปรึกษาอะไรสักอย่าง
"ว่ามาเลยจ๊ะ" ผมพูดและอมยิ้ม พี่โอ้เป็นคนดูไม่ยาก สีหน้าของเขามันบอกทุกอย่างว่าคิดอะไร และในที่สุดเราก็ตกลงจะเปิดคลินิกด้วยกัน เราตกลงกันว่าจะจ่ายคนละครึ่ง ไอ้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ นี่ผมสารภาพตรง ๆ ว่าไม่ค่อยถนัด เงินเดือนผมแต่ละเดือนหักจากที่ให้พ่อกับแม่ ให้พี่โอ้ เป็นพวกเงินค่าน้ำค่าไฟ และซื้อของเข้าบ้าน นอกนั้นผมก็แทบจะไม่ได้ใช้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ส่วนใหญ่เงินของผมหมดไปกับชุดกีฬา โดยเฉพาะรองเท้า และเป็นของฟุ่มเฟือยอย่างเดียวที่ผมบ้าบิ่นที่จะซื้อ
ใช้เวลาครึ่งปี คลินิกของผมกับพี่โอ้ก็เสร็จสมบูรณ์ ผมจะอยู่เป็นหมอหลักที่นี่ พี่โอ้ยังคงไปทำงานสอนแต่น้อยลงกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง ลูกศิษย์พี่โอ้ แย่งกันมาทำงานคลินิกนอกเวลาของเรา จนไม่ต้องห่วงว่าจะมีหมอไม่พอ และตอนนี้ผมกับพี่โอ้ก็มีอิสระทางเวลาอย่างแท้จริงกับเขาเสียที นึกอยากไปไหนก็ไป แม้แต่พาพี่โอ้กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่อิตาลี เราก็สามารถไปได้ครั้งละนาน ๆ ไม่ต้องห่วงพะวงเหมือนเก่าอีกแล้ว
ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พอจะมีมาให้ปวดหัวบ้าง แต่มันก็ไม่ได้หนักหนากว่าที่ตอนเราทำโรงพยาบาล พี่โอ้เคยพูดล้อกับผมว่า ผมดูเป็นคนดุ ๆ และขี้เหวี่ยงขี้วีน แต่กับคนไข้ที่เป็นเด็ก ผมกลับไม่ได้น่ากลัวสำหรับเด็ก ๆ เหล่านั้นเลยสักนิด แถมผมยังพูดจนเจ้าเด็ก ๆ พวกนี้หันมาชอบกินผักเหมือนผม เหมือนหมอป๊อปอาย ผู้มีกล้ามโต และทรงพลัง
และวาเลนไทน์ปีนี้ เป็นปีแรกที่เราทั้งสองคนไม่ต้องทำงานทำการ รวีแนะนำรีสอร์ตเล็ก ๆ น่ารักแสนโรแมนติกที่ระยองให้ ซึ่งเป็นของคนรู้จักกัน จึงได้ราคาดีได้ห้องสวีทในราคาห้องเดี่ยว แถมอาหารทะเลสามมื้อแสนอร่อย ผมขับรถเพลิน ๆ จนถึงจุดหมาย พี่โอ้แสนประทับใจ และในดวงตาของเขามันบอกว่าแสนมีความสุข
ผืนทะเลสว่างสะอาดตาและสะอาดสะอ้าน เพราะเป็นหาดส่วนตัว แม้เม็ดทรายจะไม่ละเอียดเป็นผงแป้ง แต่ก็น่าเดินเล่นเตะฟองคลื่นเป็นที่สุด มีเปลือกหอยสวย ๆ ให้เก็บเล่น แม้ว่าเก็บได้แล้วเราจะโยนมันกลับคืนไปในทะเล เพราะไม่รู้จะเก็บกลับไปทำไม สู้ให้มันสวยอยู่กับที่ของมันดีกว่า
ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้ม เพราะพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เหมือนทุก ๆ วันนับล้านปีที่ผ่านมา ผมกับพี่โอ้เราเดินจูงมือกัน โดยไม่ได้พูดอะไร ความสุข ความอิ่มใจ มันอวลอยู่ในบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเราไปหมด ทั้งหาดมีคนอยู่ไม่ถึงสิบคน น่าจะเป็นแขกของรีสอร์ตแห่งนี้ที่พักพร้อมกับพวกเรา มีเด็กเล็ก ๆ ส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดน่าปวดหู พร้อมกับเสียงผู้ปกครองที่ตะโกนเรียกลูกหลานให้กลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว
เราเดินไปจนสุดชายหาด แล้วก็พากันเดินกลับมา มีบทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ จนเมื่อถึงที่พัก พี่หมึกเจ้าของที่นี่ก็บอกกับเราว่าอาหารค่ำแสนอร่อยได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
อาหารแสนอร่อย กับไวน์ดี ๆ ทำให้ผมกับพี่โอ้หน้าแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ พี่หมึกเปิดเพลงเบา ๆ ทำให้บรรยากาศยิ่งอบอุ่นสบายและผ่อนคลาย
"วันนี้ดื่มเยอะหน่อยก็ได้เพราะยูไม่ต้องขับรถไปไหน" พี่โอ้พูดพร้อมกับยื่นแก้วเราให้ชนกัน ตบท้ายด้วยขนมหวานของโปรดของเราสองคน น่าขำที่เราสองคนชอบกินขนมหวาน ๆ ทั้ง ๆ ที่เอาแต่ห้ามปรามเด็ก ๆ ไม่ให้กินขนมหวานเพราะจะทำให้ฟันผุหมด
"สาเกเชื่อม?" ผมพูดเบา ๆ เมื่อพนักงานนำขนมมาวางตรงหน้า นานนักหนาที่ผมไม่ได้กินสาเกเชื่อมแบบนี้ พี่หมึกเจ้าของร้าน ซึ่งเดินไปเดินมาทักทายและแนะนำโน่นนั่นนี่บอกว่า สาเกเชื่อมนี้ทำเองเสียด้วยไม่ได้ซื้อมาจากตลาด
"พรุ่งนี้ตอนเที่ยงถ้าคุณอยากทานพิซซ่าทะเล ก็บอกได้นะครับ แฟนพี่เขาทำได้" พี่หมึกพูดพร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางครัว เห็นชาวต่างชาติตัวใหญ่ที่เริ่มจะลงพุงนิด ๆ เดินไปมาในนั้น รวีมันเล่าว่าเคยมากับครอบครัว ทุกคนแสนประทับใจ ผมก็ชักจะชอบ ๆ ที่นี่เสียแล้ว
พอรู้ว่าพี่โอ้เป็นลูกครึ่งอิตาเลี่ยน พี่ฌองผัวของพี่หมึกเจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้ก็เดินออกมาคุยด้วย พร้อมสัญญาจะทำอาหารอาหารอิตาเลี่ยนและอาหารเยอรมันให้พวกเรากินซะด้วย บรรยายแต่ละเมนูอยากจะให้ถึงพรุ่งนี้ไว ๆ
จบมื้อค่ำแสนอร่อย ผมกับพี่โอ้ก็เดินย่อยที่ชายทะเลอีกครู่หนึ่ง เพราะว่าเสียเต็มคราบ มองไปไกล ๆ เห็นเรือประมง ก็คงเป็นเรือพวกนี้สินะที่หาปลาหมึกสด ๆ แสนอร่อยที่เรากินเมื่อตะกี้นี้
แน่ล่ะว่าตามประสาคนยุคนี้ผมก็ต้องถ่ายรูปไปอวดคนที่ไม่ได้มา ไอ้ไปป์กับไอ้เบียร์ มันรีบวิดีโอคอลมาหาผมทันที ซักถามจู้จี้ และพูดแซวพี่โอ้ ที่ได้มาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับผมสักที เพราะนี่เป็นการเที่ยวครบรอบการเป็นแฟนกันในรอบสิบกว่าปีเชียวนะ ผมก็อยากจะให้พิเศษสักหน่อย
"พี่โอลีฟ ไอ้ป๊อปมันจะขอพี่โอลีฟแต่งงานแหละ" ไอ้ไป๊พูดออกมาเสียงดัง
"ไม่ต้องแต่งแล้ว อยู่ด้วยกันจนไอแก่แล้ว แต่งทำไม" พี่โอ้ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี ส่วนผมอยากกระทืบไอ้ไปป์ที่พูดมากทำให้เสียเรื่อง
"หรือพี่โอลีฟจะเป็นฝ่ายขอไอ้ป๊อปแต่งงานแทน แหมโรแมนติกนะ ขอแต่งงานใต้แสงจันทร์ ริมทะเลเสียด้วยว่าแต่มึงแดกสาเกเชื่อมน่ะ อยากลืมแปรงฟันดี ๆ นะ" ไอ้เบียร์กวนประสาทต่อ
"มึงไม่ต้องพูดมากรำคาญ กลับไปมาให้กูขูดหินปูนแล้วก็ผ่าหมาออกจากปากด้วย แค่นี้แหละ ไอ้เวร" ผมรีบชิงด่ามันแล้วก็รีบปิดโทรศัพท์หนี ไอ้สองตัวนี่ทำเสียแผนหมด
"ยูจะขอไอแต่งงานหรอ?" พี่โอ้ยืนกอดอก อมยิ้ม แสงพระจันทร์หรือแสงเงาจากหลอดไฟสว่างกระทบหน้าผากพี่โอ้เป็นเงานิด ๆ
"ไม่ขอแต่งงานหรอก แต่ป๊อปจะให้แหวนพี่โอ้" ผมตอบพร้อมกับหยิบกล่องแหวนออกมา พี่โอ้อมยิ้มพร้อมกับยื่นมือซ้ายมาให้ ผมสวมแหวนให้กับนิ้วนางข้างซ้ายนั้น และยกมาจูบเบา ๆ จากนั้นก็หอมมือพี่โอ้ซ้ำแล้วซ้ำอีก....มีกลิ่นปูและกลิ่นกระเทียมจากน้ำจิ้มซีฟู้ดติดอยู่แต่โมเม้นต์นี้ไม่ทำไม่ได้
"ไอก็มีแหวนจะให้ยูเหมือนกัน" พี่โอ้ตอบ ยื่นมือมาขอมือผม แล้วเขาก็หยิบแหวนออกจากกล่อง นำมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของผมเหมือนกัน แต่เป็นแหวนทองคำเกลี้ยงวงโต
"ขอบคุณครับ" ผมตอบและดึงตัวผอมบางของพี่โอ้มากอดแรง ๆ หอมแก้มอีกที แล้วเราก็เดินกอดเอวไปด้วยกันพร้อมกับฟังเสียงคลื่น
ท้องฟ้าสว่างแต่ครู่เดียวก็มีเมฆมาบัง แต่ไม่นานลมก็พัดเมฆจนหายไปและพระจันทร์ก็กลับมาสว่างอีกหน เราเดินกันหลายนาที ถ้าไม่ใช่ว่ามีลมทะเลพัดเย็น ๆ ก็คงจะมีเหงื่อซึม
"กลับเข้าห้องพักกันเถอะ ตัวเหนียวหมดแล้ว" ผมบอกและเราก็กลับไปยังที่พัก
อาบน้ำเสร็จ แหวนของเราสองคนถูกถอดออกมาเก็บในกล่อง จริง ๆ ผมกับพี่โอ้เราไม่ใส่แหวนกันสักวงเพราะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน แต่แหวนที่เราซื้อให้กัน ซึ่งก็ซื้อให้กันทุกปีตั้งแต่ปีแรกที่ผมทำงานมีเงินเดือน เราใจตรงกัน และทุกวันวาเลนไทน์ เราจะซื้อแหวนให้กันมาตลอด ถึงจะไม่ได้ใส่ แต่นาน ๆ ทีก็จะเอามาสวมบ้างพอให้ระลึกถึงวันหวาน ๆ หรือใส่ตอนง้อกันใหม่ ๆ
ความรักสิบกว่าปีของเรา ผ่านทั้งเรื่องร้ายเรื่องดี ผ่านทั้งเสียงหัวเราะ และการหลั่งน้ำตา ผมเคยทำเรื่องผิด พี่โอ้ก็เคยพลาด แต่เรายังรักกันมาก ๆ รักมากจนยอมมองข้ามข้อผิดพลาด และสัญญาว่าจะพยายามไม่ทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว
"พวกมึงสองคนเป็นโซลเมท เป็นคู่แท้ทางจิตวิญญาณ เป็นดวงวิญญาณที่พลัดพรากจากกันไปจนเมื่อพบกันก็จะอยู่ด้วยกันไปจนตาย" ไอ้หมอเพี้ยนสองตัวมันเคยทำนายไว้
แต่จะเป็นอะไรก็ไม่รู้แหละ เราก็จะรัก จะอยู่กันไปเรื่อย ๆ อยู่ไปจนถึงวันที่ใครคนหนึ่งจากเราไปนิรันดร์ แต่ผมและพี่โอ้ก็ไม่กลัว เพราะตลอดเวลาหลายสิบปี และอีกหลายสิบปีข้างหน้า จะยังมีผมกับพี่โอ้ไปเรื่อย ๆ เวลามันยังอีกนานพอให้เราเก็บเกี่ยวความสุขอีกอักโข
จะดีแค่ไหนถ้าเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง เราก็คงจะได้พบกันใหม่ และจะพบกันอย่างนี้และรักกันอย่างนี้เรื่อยไป ผมยังจำรักแรก รักตั้งแต่เจอพี่โอ้ครั้งแรก คนที่ทำให้ผมตัวชาจนทำอะไรไม่ถูก คนที่ทำให้ผมเป็นตัวเองในเวอชั่นที่ดีที่สุด คนที่คอยฉุดดึงในวันที่ผมล้ม และกอดผมร่วมยินดีกับผมในวันที่ผมมีความสุข และประสบความสำเร็จ เราจะต้องการอะไรไปกว่านี้สำหรับชีวิตคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
"รักนะครับ" ผมกระซิบบอก พร้อมกับจูบหน้าผากกว้างเบา ๆ
"เลิฟยูทู" พี่โอ้กระซิบตอบกลับ พร้อมกับยื่นหน้ามาหอมแก้ม แล้วซุกใบหน้าของเรามาแนบกัน
เพียงถ้าเวลาจะหยุดหมุนมันก็คงจะดี แต่ไม่หยุดก็ไม่เป็นไร จะผ่านเวลาผันเปลี่ยนไปแค่ไหน เราก็จะยังรักกันแบบนี้ไปอีกเรื่อย ๆ ผมสัญญากับตัวเอง