แฟนของผมเป็นคนแปลก ๆ เหมือนมาจากดาวดวงอื่น

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว - 27 ตื่นรู้ โดย Chavaroj @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,ชาย-ชาย,ครอบครัว,รั้วโรงเรียน,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,ชาย-ชาย,ครอบครัว,รั้วโรงเรียน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว โดย Chavaroj  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนของผมเป็นคนแปลก ๆ เหมือนมาจากดาวดวงอื่น

ผู้แต่ง

Chavaroj

เรื่องย่อ



อ้าอุไรพธูพบูพิบูลย์ เฉลาแชล่มแจร่มจรูญ  เจริญภาส


ตูสวิงสวายเพราะสายสวาดิ์ ระทวยบ่ปลดระทดบ่ปราศ บ่ปลิดโศก


แสนจะเสียวจะส้านณวารวิโยค จะข้ามห้วงบ่ล่วงอโฆ ก็อกกรม


ใคร่เสน่หะนิตย์สนิทสนม จะแนบจะนิตย์สนิทสนม จะแนบจะนิทร์จะชิดจะชม ณเชิงรัก


เชิญสมรสุมาลย์สมานสมัค ประสานประสงค์ประจง ประจวบใจ ประจักษ์




ผมค่อย ๆ พับกระดาษที่มีลายมือหวัดแกมบรรจงแล้วอมยิ้ม พลางถามมันไปเบา ๆ ว่า


"มึงจีบกูหรอ?" 


"เปล่า" มันตอบอย่างว่องไว แต่หน้าแดง คนแปลกประหลาดอย่างนี้ก็มีด้วย

สารบัญ

แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-1 ทีโมนกับพุมบ้า,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-2 เจ้าชายน้อย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-3 จุดเริ่มต้นความสนิท,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-4 ลูกไม้หล่นไกลต้น,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-5 ตัวโวยวาย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-6 สิบปี,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-7 เปลี่ยน,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-8 ห่าง,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-9 ใจเอ๋ยใจ,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-10 วันธรรมดา,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-11 อยู่ด้วยกัน,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-12 หมอดอย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-13 หมอดอยใจดี,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-14 พระเอก,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-15 สมิง,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-16 จอมวางแผน,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-17 Supporter,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-18 พ่อค้าออนไลน์,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-19 เกลียมัว,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-20 ป๊อปอาย,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-21 โอลีฟ,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-22 Change ,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-23 Twin Flame ,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-24 Starseed,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-25 ต่อมไพเนียล,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-26 Dream,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-27 ตื่นรู้,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-28 โลกแห่งความฝัน,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-29 หนุ่มปากน้ำโพ,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-30 ชาววัง,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-31 ทำคะแนน,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-32 ความทรงจำในอดีต,แฟนผมเป็นมนุษย์ต่างดาว-33 โลกหมุนด้วยความรัก

เนื้อหา

27 ตื่นรู้

โดย  Chavaroj




สำหรับคนในวงการตื่นรู้ ทุกความมหัศจรรย์  ทุกความเหลือเชื่อ ล้วนเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ทั้งนั้น เส้นบาง ๆ ระหว่างวิทยาศาสตร์ และความเชื่ออันไม่สามารถพิสูจน์ได้ ไม่ว่าศาสตร์ใด ๆ มันอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม แต่บางครั้งก็เหมือนไกลกันคนละจักรวาล


ยิ่งตอนนี้ตัวผมได้สัมผัสกับพลังลึกลับ ที่คนทั่ว ๆ ไปไม่สามารถมีอย่างผมได้ มันทำให้ผมอดจะคิดถึงวรรคทองของภาพยนตร์เรื่องดังเรื่องหนึ่ง ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ยังเป็นการ์ตูนจนถึงยุคนี้ กลายเป็นหนัง ดูตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนเข้าสู่วัยสามสิบสองนั่นก็คือ "สไปเดอร์แมน"


"พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง" ผมเป็นหมอ และได้พลังแห่งการรักษาเยียวยาร่างกาย มันทำให้หลายสิบหลายร้อยชีวิต ได้กลับมามีชีวิต ได้กลับมามีสุขภาพที่ดี เหมือนเป็นคู่ต่อสู้กับมัจจุราช


แต่พลังของผมมันไม่ได้สามารถใช้ได้กับทุก ๆ คน อำนาจที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าอำนาจของผม ผมเรียกมันว่าอำนาจแห่งกรรม ถ้าคนไข้มีกรรมดีที่สร้างไว้แต่เดิม หรือบางคนพอจะมีต้นทุน และผมก็ให้เขารับปากว่าหลังจากนี้เขาจะต้องสร้างแต่กรรมดี การรักษาก็จะราบรื่นราวกับมีมือของเทพเจ้ามาช่วยเยียวยา


แต่ในกรณีของคนไข้คนนั้นทำกรรมชั่วไว้เสียมาก แค่เข้าใกล้ ผมก็ยังแทบจะทำไม่ได้เลย อย่างกรณีคนไข้ห้อง 11007 ซึ่งเป็นอดีตนักการเมืองใหญ่ เขาคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องฉ้อราษฏร์บังหลวง ทำสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทุนสีเทา ทุนสีดำที่มาเกาะกินสังคมจนถึงทุกวันนี้


เมื่อยังครองอำนาจ ดูเหมือนใครก็ไม่สามารถจะทำอะไรเขาได้ สถาบันที่ได้ชื่อว่ารักษาไว้ซึ่งความยุติธรรม และความสงบสุข ก็ยังต้องสยบยอม และปล่อยให้เขาลอยหน้าลอยตา โดยทำอะไรไม่ได้สักนิด 


แต่ถึงวันนี้วันที่กรรมส่งผล เขาได้แต่นอนเป็นผู้ป่วย  สาเหตุนั้นก็เกิดจากเส้นเลือดในสมองแตก อาการคล้ายกับคนไข้ห้อง 11011 เพียงแต่เมื่ออยู่ในความฝัน โลกของเขาเป็นเหมือนนรกดี ๆ นี่เอง แถมเจ้าตัวยังติดเชื้อที่รักษาไม่หายแทรกซ้อนด้วย 


ผมเข้าไปราววอร์ด พร้อมนักศึกษาแพทย์อีกสี่คน เมื่อเข้าไปในห้อง กลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ทั้งจากของที่ขับถ่าย และแผลกดทับที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็น มือและเท้าของเขาถูกพันธนาการด้วยเชือกไว้กับเตียงเหล็ก เพราะอาการขยับทางร่างกายนั้นพอทำได้เนื่องจากเส้นประสาทส่วนที่ควบคุมการทำงานของแขนและขาไม่ให้ถูกทำร้าย 


แต่มันก็ทำให้แขนขาเกร็ง เหมือนได้รับความเจ็บปวด นิสิตหญิงคนหนึ่งถึงกับต้องหยิบยาดมขึ้นมาสูดดม ผมได้แต่สั่งการให้พยาบาล ฉีดยาเพื่อให้เขาหลับ อย่างน้อยก็จะได้ไม่รบกวนคนดูแลมากนัก มองบาดแผลที่เกิดจากการรัดที่แขนขาทั้งสี่ ก็ได้แต่สมเพชใจ 


คนที่มาเฝ้าคนไข้ ก็ไม่ใช่ญาติแต่เป็นเด็กสาวต่างดาวที่พูดสื่อสารภาษาไทยได้ไม่ค่อยชัด และมีหน้าตาตื่น ๆ เวลาผมสั่งการอะไรไป ได้ข่าวเม้ามาจากพยาบาลประจำวอร์ดว่า ตั้งแต่คนไข้เข้ามารักษาตัว มีญาติ ๆ ทั้งภรรยาและลูก ๆ ของเขามาดูดำดูดีเพียงหนเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่เคยมาเยี่ยมเขาอีกเลย และผมมองเห็นแต่เงาหมอกสีเทาดำ คลุมร่างกายเขาอยู่ตลอดทั้งตัว....เงาแห่งกรรม


"พวกเธอเชื่อไหมว่ามันเป็นโรคกรรม ?" ผมหันไปถามนิสิต ซึ่งทุกคนก็ได้แต่อมยิ้มน้อย ๆ ไม่กล้าตอบคำถามอะไรออกมา


จนเมื่อถึงห้องริมสุดทางเดิน ห้อง 11011 คนไข้ชื่อ นายนิมิต จิระเลิศพฤกษา นิสิตชายคนหนึ่งพูดพร้อมกับรายงานอาการของเขาตามแผนการรักษา ซึ่งปัจจุบันเขากลับมาฟื้นคืนสติดีแล้ว รับรู้ได้ทุกอย่าง แต่เพียงต้องเริ่มฝึกเดินและต้องกายภาพทุก ๆ วัน เนื่องจากร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ มาสามปี


"คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ?" ผมถามและพยายามกลั้นยิ้ม เขาหันมายิ้มให้ผม และยิ้มให้กับบรรดานิสิต 


"วันนี้ดีขึ้นมาก ๆ แล้วครับ พอจะเดินได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยแล้ว" เขาตอบและทำท่าจะลองเดินให้ผมดู แต่พอเดินได้สามสี่ก้าวก็เซจนเกือบล้ม ยังดีผมรับไว้ทัน


"ป้าล่ะเตือนคุณหนูแล้ว คุณหนูก็ยังดื้อ" เสียงคุณป้าบ่นน้อย ๆ อย่างไม่จริงจังนัก แต่คนไข้ของผมก็ยังหัวเราะนิด ๆ เหมือนสนุกที่ได้แกล้งคนอื่น


"ซนนะ อย่าเพิ่งหักโหมครับ เพิ่งอาทิตย์เดียว ต้องฟื้นฟูอีกพักใหญ่ กินโปรตีนเยอะ ๆ กล้ามเนื้อจะได้กลับมาแข็งแรง" ผมบ่นนิด ๆ และพูดคุยซักถามอาการอีกนิดหน่อย ก็เสร็จจากการตรวจประจำรอบเช้า


"พี่หมอ ตอนเที่ยงไปกินข้าวด้วยกันนะ" เขากระซิบ ขณะที่พวกนิสิตเดินออกไปก่อน


"ได้..อยากกินอะไรล่ะ กินพวกโปรตีนเยอะ ๆ กินสเต๊กดีไหม ตรงข้าง ๆ โรงพยาบาลมีร้านสเต๊กเปิดใหม่ ผมก็อยากลองกินอยู่พอดี" 


"ได้ครับ" เขาตอบและยิ้มอาย ๆ


"ป้าไปด้วยกันนะครับ เดี๋ยวหมอเลี้ยงเอง" ผมอดจะหันไปถามคุณป้าด้วย เพื่อไม่ให้น่าเกลียด


"โถ ไปกันเถอะค่ะ วันนี้วันพระ ป้าถือศีลแปด หลังเพลแล้วกินอะไรไม่ได้แล้ว ขอบคุณคุณหมอนะคะ" ป้าแกว่า และผมก็พยักหน้ารับ


"เดี๋ยวเที่ยงพี่มารับนะ" ผมกระซิบบอก ไม่แน่ใจว่าคนที่นั่งยิ้มแป้นตรงโซฟาได้ยินหรือไม่แต่แกทำเป็นหันหน้ามองไปชมนกชมไม้ที่หน้าต่าง


"ครับ...เดี๋ยวฝันจะรอนะ" เขากระซิบตอบ ผมตาไวหันไปเห็นสีหน้าคุณป้า แกเม้มริมฝีปากพยายามกลั้นยิ้ม เอ ทำไมผมหูแดง ๆ หูร้อน ๆ ไอ้อาการอย่างนี้มันเขินใช่ไหมหนอ


ราววอร์ดเสร็จพร้อมนิสิตแพทย์ เอาเกือบสิบโมง ผมก็มีตรวจคนไข้จนถึงเที่ยง แปลกที่วันนี้ผมชักจะหงุดหงิด เพราะนี่ก็ปาเข้าไปเที่ยงสิบนาทีแล้ว ถึงจะตรวจคนไข้เสร็จ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ ก็มีสอนอีกคลาสตอนบ่ายสอง 


ทันทีที่ตรวจเสร็จปุ๊บ ผมก็ใส่ตีนหมาปั๊บ ใช้เวลาเจ็ดนาทีกับอีกสามสิบวินาที กว่าจะถึงตึกเป้าหมาย แล้วก็ต้องใช้เวลาขึ้นลิฟต์อีกหนึ่งนาทียี่สิบวิ กว่าจะถึงชั้นสิบเอ็ด


"รอนานมั๊ย ขอโทษนะ ตรวจเสร็จช้าไปหน่อย" ผมรีบออกตัว แต่เจ้าตัวคนรอ ก็นั่งยิ้มหน้าแป้น 


"รอไม่นานหรอกครับ รอมาตั้งสามปียังทนมาได้ แค่ไม่กี่สิบนาทีแค่นี้เอง พี่หมอเหนื่อยหรือเปล่านั่งพักก่อนก็ได้" 


"ไม่เหนื่อย ๆ อ้าวแล้วคุณป้าไปไหนล่ะ?" ผมถามถึงคุณป้า ซึ่งคนฟังก็เอาแต่นั่งอมยิ้ม


"ฝันให้ป้าเขาให้กลับไปบ้านเองแหละครับ ไปเยี่ยมลูกเยี่ยมผัวแกบ้าง เย็น ๆ ถึงจะกลับมา" เขาตอบและพยายามลุกขึ้นยืน แต่ผมก็ไวกว่า รีบเข้าไปประคองที่แขนของเขา แล้วจึงลากรถเข็นให้เขานั่ง


"ไปกันเลยนะ" 


"ไปดิ๊ go go" เขาตอบแล้วก็หัวเราะขำ


"ไปเอามาจากไหน?" ผมสงสัยกับคำพูดแปลก ๆ ของเขา


"อะไรพี่หมอไม่รู้จัก คัลแลนกับพี่จองหรอ?" เขาหันมาถามขณะค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนั่งที่รถเข็น มองผมด้วยหางตา แล้วก็เบะปากนิด ๆ ผมแอบเห็น


"ใครล่ะ?" 


"ยูทูบเบอร์ไง ผมหลับไปสามปี ตอนนี้ต้องตามโลกปัจจุบันให้ทัน ป้าเขาก็เลยชวนดูน่ะครับ สนุกดี ถ้าหายดีผมจะไปเที่ยวอย่างเขาบ้าง" คนไข้ที่แม้แต่จะเดินยังโซเซ คุยอวดหาเรื่องเที่ยวเสียแล้ว


ร้านอาหารที่ผมว่า อยู่ด้านข้างติดกับโรงพยาบาล เนื่องจากช่วงเวลาพักเที่ยง ลูกค้าค่อนข้างเยอะ แต่ไม่เป็นไร เพราะระหว่างที่เดินข้ามตึกมา ผมโทรศัพท์ไปจองเรียบร้อยแล้ว เมื่อไปถึง ก็ได้ที่นั่งประจำของผมพอดี ผมชอบหลบมานั่งกินคนเดียว แต่ถ้าเหงา ๆ ก็ไปกินข้าวกับไอ้เบียร์บ้างเป็นบางครั้ง


"เลือกเอาเลย หรือจะให้พี่เลือกให้?"


"พี่หมอเลือกดีกว่า ฝันอะไรก็ได้" เขาตอบและพอผมไล่เมนู เขาก็พยักหน้าหงึก ๆ ช่างต่างกับอีรวีคนกินยากราวฟ้ากับเหว


เรามากินข้าวเที่ยงด้วยกันวันนี้เป็นวันที่สี่แล้ว วันแรก ๆ เจอกันโดยบังเอิญที่โรงอาหาร วันที่สองผมชวนไปกินที่โรงอาหารอีกตึกหนึ่งซึ่งคนไม่เยอะ วันที่สามก็อีกโรงอาหารหนึ่งซึ่งอยู่ไกลไปอีกแต่มีก๋วยเตี๋ยวอร่อย วันนี้ผมเลยอยากได้อาหารรสชาติแปลก ๆ ไปบ้างสักหน่อย วันนี้ผมอยากกินพวกเส้น ๆ อย่างสปาเกตตี


เราสั่งซีซ่าสลัดมาหนึ่ง สปาเกตตีผัดขี้เมาสำหรับผม สเต๊กไก่สำหรับฝัน เพิ่มเติมด้วยส้มตำกุ้งสด (แต่สุกแล้ว) และมีต้มยำทะเลน้ำข้น ดูไม่ค่อยเป็นอาหารที่เข้ากันเท่าไร แต่ผมว่ามันก็หลากหลายดี 


"ฝันกินง่ายเนอะ" ผมเปรยส่วนเขาไม่ตอบได้แต่อมยิ้ม


ถึงเราจะนั่งคนละฝั่งของโต๊ะ แต่ผมก็ยื่นขาของตัวเองไปหนีบขาทั้งสองข้างของเขาไว้ ความรู้สึกของเขาถ่ายทอดมาถึงผม ความรู้สึกดีใจ รู้สึกอบอุ่น รู้สึกตลก รู้สึกสบาย มันถูกถ่ายทอดมา แต่ผมไม่แน่ใจว่าไอ้ความรู้สึกเดียวกันของผม จะถ่ายทอดไปถึงเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เรากินกันไปโดยไม่ค่อยได้คุยกันมากเท่าไร เพราะผมรู้สึกเขิน แต่ผมก็ภาวนาว่า หลังจากนี้ถ้าคุยกันบ่อยขึ้นความเขินจะน้อยลง 


แต่ผมรู้สึกได้ว่าผมกับฝัน เข้ากันดีเหลือเกิน ดีเหมือนเรารู้จักกันมานานแสนนาน ผมอาจจะคิดไปเองหรือเปล่าหนอ เพราะผมรักษาอาการป่วยของเขามาสามปี เจอหน้าเขาทุกวัน แต่เราไม่เคยได้พูดคุยกันสักคำ แต่ตอนนี้ไม่รู้สิ ถึงผมจะไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา แต่ผมอยากอยู่ข้าง ๆ เขา อยู่ให้นาน ๆ มันสบายใจ ปนหวิว ๆ ในใจ คล้าย ๆ มีแมลงบินอยู่ในหัวใจเป็นร้อย ๆ พัน ๆ ตัว เอ...หรือว่าผมจะชอบเขากันแน่แล้วหนอ 


"มื้อนี้ให้ฝันเลี้ยงบ้างนะ"


"ไม่เอา พี่เป็นผู้ใหญ่พี่ต้องเลี้ยงสิ" ผมค้าน


"ขอให้ฝันเลี้ยงพี่หมอบ้างดีกว่าครับ นะ น๊าาาา นะคร๊าบบบแล้วคราวหน้าค่อยให้พี่หมอเลี้ยง ผลัดกัน" เขายืนยัน และสุดท้ายผมก็ยอม เออไอ้อาการอย่างนี้ ผมรู้สึกถึงคำนินทาที่ผมเคยค่อนขอดไอ้พวกคนเมียอย่างไอ้สิน ไอ้ป๊อบ จนถึงไอ้สมิงที่มึงตามใจเมียทุกสิ่งทุกอย่าง น่าจะเป็นไอ้เพราะคำว่า น๊าาาา แล้วก็ทำหน้าอ้อน ๆ อย่างนี้แหง ๆ ไอ้ผมก็เป็นคนใจอ่อนเสียด้วย เจอเสียงอ้อนแบบนี้มือตีนผมเหลวไปหมด


"กินขนมปิดท้ายดีไหม เห็นเขาว่าบราวนี่ที่ร้านติด ๆ กันอร่อย พี่อยากลองแต่ชิ้นมันโต ซื้อมาแล้วแบ่งกันกินโอเคนะ แต่พี่เลี้ยงนะเพราะพี่อยากกิน" ผมว่าและพาคนไข้มากินที่ร้านคาเฟ่ ติด ๆ กัน


"พี่มีเพื่อนเป็นทันตแพทย์ แต่มันชอบกินขนมหวานที่สุด" ผมนินทาเพื่อน


"หรอครับ ตลกจัง ปกติหมอฟันก็ควรจะไม่กินขนมหวาน ๆ สิ" 


"นอกจากมันจะชอบกินขนม มันมีเมียไวกว่าใครเพื่อนด้วยนะ เพื่อนพี่แต่ละคนมีแต่คนบ๊อง ๆ เหมือนมาจากดาวดวงอื่น" 


"ยังไงหรอครับ?" ฝันถามพร้อมกับจ้วงบราวนี่เข้าปาก เอ๊าปากเลอะจนผมต้องหยิบกระดาษไปซับให้หายเปื้อน


"ก็อย่างเพื่อนสองคนมันเป็นแฟนกัน มันสองคนโตมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล ชื่ออีรวีกับไอ้สิน คนนึงตัวเท่าลูกหมา แต่อีกคนตัวอย่างกะฮิปโป อีรวีปากมากเห่าทั้งวัน ส่วนไอ้สินมะก่อนมันตัวอ้วน ๆ แล้วก็ไม่ค่อยจะพูด แต่พอพูดออกมาแต่ละคำ เราต้องค่อย ๆ คิดให้ดีว่ามันแอบด่าเราหรือเปล่า" พอนินทาเพื่อนผมนี่พูดคล่องเลย มันคงเป็นความอัดอั้น


"ยังไงอีกครับ เพื่อนพี่หมอตลกดีนะ"


"พอมันโตขึ้นมา ไปพลาดอีท่าไหนก็ไม่รู้ตกลงเป็นแฟนกัน อีรวีเรียนนิเทศ ส่วนไอ้สินเรียนอักษร พอทำงาน อีรวีทำงานเป็นซีอีโอบริษัท ส่วนไอ้สินกลายเป็นครู นี่แค่คู่แรกนะ คนที่สามนี่มันชื่ออีดอย หมอนี่เป็นทันตแพทย์ เพราะมันรักสัตว์ แต่อีดอยนี่มันดูซื่อ ๆ แต่ไว้ใจไม่ได้ เงียบ ๆ หงิม ๆ หยิบชิ้นปลามัน" ผมนินทาเพื่อนยิ่งทีก็ยิ่งเผ็ดร้อน


"ยังไงหรอครับ" ฝันถาม กลั้นยิ้มและทำตาโต


"ก็ใครจะไปคิด ไอ้หมอหมาหน้าตาเหมือนกะเหรี่ยง ตัวมันเตี้ย ๆ เดินขาโก่ง ๆ หน้าตาก็เด๋อ ๆ วันดีคืนดี มันก็เสือกมีผัว แล้วผัวของมันนี่เป็นถึงพระเอกละครเลยเชียวนา ชื่อไอ้สมิงน่ะ ฝันเคยดูไหม ละครจักร ๆ วงศ์ ๆ แต่ตอนนี้ไอ้หมิงนี่มันออกจากวงการละครละ กลายเป็นอินฟลูรายการทำอาหารไปแล้ว" 


"คุ้น ๆ ว่าเคยเห็นนะครับ หน้าคม ๆ ผิวเข้ม ๆ อ้อจำได้ละคนที่เล่นเรื่องแก้วหน้าม้านั่นแน่ ๆ เลย เมื่อวานป้าเขาเปิดดูทีวีแล้วมันรีรันพอดี สงสัยจะคนเดียวกันแน่ ๆ 


"เออนั่นแหละ คงจะใช้ ไอ้นี่ก็ไม่เข้าใจคิดยังไงมาเอาอีดอยเป็นแฟนก็ไม่รู้ แต่ช่างมัน คู่ไหนก็ไม่แปลกเท่าไอ้ป๊อปไอ้เปรตคนนี้แหละที่พี่บอกว่ามันเป็นหมอฟันน่ะ มันแอบรักแฟนมันตั้งแต่ยังเด็ก แฟนมันก็เป็นหมอฟัน มันก็เลยตั้งปณิธานว่าจะเป็นหมอฟันเหมือนเมียมัน แต่ที่ตลกที่สุดก็คือ ไอ้ป๊อปมันหน้าบึ้ง ๆ กล้ามโต ๆ เหมือนป๊อปอายที่สุด ส่วนแฟนมันก็ตัวผอม ๆ จมูกยาว ๆ เวลาเดินหลังก่ง ๆ หน่อย แล้วก็ขาแป ๆ พวกเราเลยนิทาว่าเหมือนโอลีฟ มันก็เลยกลายเป็นโอลีฟกับป๊อปอายไงล่ะ" ผมพูดอย่างออกรส ส่วนฝันเปิดหน้าจอมือถือ เจอคลิปป๊อปอายกับโอลีฟ ฟังผมบรรยายไปด้วย ดูคลิปไปด้วย เจ้าตัวก็หัวเราะร่วนเลยทีเดียว


"เพื่อนพี่มีแต่คนเก่ง ๆ นะครับ" 


"อ๋าย มีแต่คนบ้าสิไม่ว่า นี่ยังไม่หมดนะ มีอีกตัวชื่อไอ้เบียร์ ไอ้เปรตนี่เป็นหมออยู่ที่นี่เหมือนกัน แล้ว....อ้าวไอ้เวรทำไมตายยากจังวะ กูกำลังนินทามึง" ผมทำหน้าเซ็ง ๆ และไอ้เวรที่ผมกำลังนินทาเสือกเดินเข้ามาในร้านพอดิบพอดี พอมาถึง มันก็ยืนเท้ากะเอว มองผมที มองฝันที หันหน้าไป ๆ มา ๆ คล้าย ๆ คนบ้า


"ฮั่นแน่...." 


"แน่พ่องมึงดิ นั่งดี ๆ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่ได้ พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไง" ผมด่ามันส่วนมันอมยิ้ม ลากเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ ฝัน


"น้องคนไข้ที่เพิ่งฟื้นใช่ป่ะ เห็นเขาคุยกันทั้งโรงพยาบาลเลย เป็นคนไข้ไอ้หมอบ้านี่ใช่ไหม อย่าไปคิดมาก ไม่ใช่ไอ้หมอบ้านี่มันเก่งหรอก น้องดวงดีตะหาก" ไอ้เหี้ยเบียร์นั่งปุ๊บก็กวนตีนเลย 


"น้องชื่อไรอ่ะ?" 


"ชื่อฝันครับ สวัสดีครับพี่หมอ..."


"หมอเบียร์สุดหล่อครับ" มันตอบอย่างมั่นใจ ยกมือรับไหว้แบบส่ง ๆ ผมเหลือกตาเบ้ปาก ส่วนฝันเอาแต่หัวเราะกิ๊ก


"คิดยังไงมาถึงนี่ ปกติ มึงไม่เดินตากแดดไม่ใช่เหรอ?" ผมถามไอ้คนสำออย


"กูเห็นมึงเดินแด๊ะ ๆ อยู่ไกล ๆ ก็เลยรีบเดินตามมา แล้วกูเก๊าะอยากมากินอะไรหวาน ๆ บ้างดิวะ แต่ท่าทางคงจะไม่หวานเท่าไรแล้วล่ะ ดูคนกินจะหวานกว่า" 


"หวานแม่มึงสิ ไอ้เหี้ย" ผมกัดฟันด่า ปกติผมไม่ด่ามันมากขนาดนี้แต่นี่ปากเก่งน่าจะเพราะผมเขิน ลองไอ้เหี้ยเบียร์รู้ ไม่กินพรุ่งนี้ เพื่อน ๆ ของผมก็น่าจะรู้กันหมดว่าผมมากินขนมกับคนไข้...พิเศษ


"ว๊าย หมออะไรปากร้าย ไอ้เวร กูมาตามหามึงอ่ะ มีธุระสิ ไม่งั้นกูจะตากแดดหัวแดงทำไม" ไอ้เบียร์พูดแล้วก็ค้อนอย่างแสนกวนประสาทหนึ่งวง


"มีอะไร?" ผมถามแล้วก็ซัดชาเขียวปั่นหวานจัด มึงจะหวานไปไหน หวานเบาหวานขึ้นตา 


"คืออย่างนี้ เดี๋ยวเขาจะมีสัมมนา กูเลยจะมาชวนมึงไปฟังด้วย มีคนระลึกชาติได้ แล้วเขาจำได้ว่าเขาเคยมาจากดาวดวงอื่น แม่งน่าสนุกอ่ะ ไปป่ะ ไปกะกูนะ เดี๋ยวกูส่งรายละเอียดให้มึงอีกที" ไอ้เบียร์พูดแล้วก็จัดแจงส่งคลิปมาที่โทรศัพท์มือถือของผมแต่ผมยังไม่เปิดออกดู


"เออ ๆ ไปสิ ๆ กูก็ว่าจะไปถามมึงเหมือนกัน น่าสนุกว่ะ กูเคยฟังยูทูปของเขาแล้ว แต่อยากไปเจอตัวเป็น ๆ จะได้ถามอะไรอย่างอื่นด้วย" 


"โอเค จัดไป เดี๋ยวนัดกันอีกที กูไปละ ขี้เกียจเป็น กขค." 


"คอพ่อมึงไอ้สัส" ผมกัดฟันด่า และเมื่อมันลุกจากไปผมพยายามถีบมันแต่ไม่โดน 


"พี่หมอจะไปฟังอะไรหรือครับ?" ฝันถามทำตาแป๋ว


"เอ่อ คือพี่กับไอ้เบียร์ชอบฟังเรื่องลึกลับน่ะ พวกเรื่องมนุษย์ต่างดาว เรื่องยูเอฟโอ แล้วพอดีมีคนที่เขายืนยันว่าเขาจำเรื่องราวในอดีตชาติได้ แล้วเขามาจากดาวดวงอื่นด้วยนะ น่าสนุก เอ่อ...ฝันจะมองผมว่าเพี้ยนหรือเปล่าเนี่ย" ผมถามกลับแล้วก็วางแก้วน้ำที่ดูดลงกับโต๊ะ นี่ผมชักจะออกอาการเยอะเกินไปหรือเปล่าเนี่ย เขาจะหาว่าผมเพี้ยนไหมหนอ


"น่าสนุกดีนะครับ เอ่อ พี่หมอเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด แล้วก็เรื่องมนุษย์ต่างดาวจริง ๆ หรอครับ" ฝันถาม ผม ผมก็พยักหน้า


"อื้อ เชื่อสิ จักรวาลมันมีเป็นล้าน ๆ มันจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อีกได้ยังไงกัน"


"พี่หมอ ถ้าผมจะบอกพี่หมอว่า ตอนผมตื่นขึ้นมา ผมก็จำเรื่องราวในชาติภพก่อนของตัวเองได้เหมือนกัน พี่หมอจะเชื่อผมไหม"


"เอ่อ ยังไงนะ?" ผมถามเขา ยื่นมือเขามาจับโดยไม่รู้ตัว ตายห่า ควรจะเรียกไอ้เบียร์มานั่งฟังด้วย พอได้กาแฟมันก็เปิดตูดหายไปเลย


"ทีแรกผมก็คิดว่าตัวเองฝันไป แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมปะติดปะต่อเรื่องได้แล้ว พี่หมออยากฟังเรื่องของผมไหมครับ ถ้าพี่หมอไม่เชื่อก็คิดว่ามันเป็นเรื่องสนุก ๆ ก็แล้วกัน" ฝันบอกแต่ผมน่ะยังไม่ทันจะได้ยินเรื่องราวแต่ผมก็เชื่อเขาไปแล้วหมดใจ


"เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ตอนผมหลับ ผมคิดว่าผมได้กลับไปอยู่ที่ดาวดวงหนึ่ง ดาวของผมเป็นดาวที่มีแต่ต้นไม้.....ฯลฯ" เขาเล่าคร่าว ๆ ซึ่งผมก็ฟังไปพยักหน้าไป ตาของผมจ้องไปที่ใบหน้าของเขา แต่เขาก็หยุดเล่าเสียกลางคัน


"ไว้ค่อยคุยกันต่อครับ เดี๋ยวพี่หมอต้องมีสอน แล้วเดี๋ยวฝันขอไปนึกเรื่องราวของฝันอีกที มันก็ยังลาง ๆ เหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว ฝันก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง" เขาว่าและผมก็พยักหน้ารับ ระหว่างขากลับที่ผมต้องพาเขาไปส่งยังห้องพัก เราไม่ได้คุยเรื่องนี้กันต่อ แต่ผมว่าเรื่องของเขามันมีอะไรให้ผมซักถามอีกเยอะเลย ก็ดีเราจะได้มีเรื่องคุยกันให้เยอะกว่านี้


เพราะจากการประเมินอาการของเขา ผมคิดว่าเขาน่าจะอยู่โรงพยาบาลอีกประมาณอาทิตย์หรือสองอาทิตย์เท่านั้น เขากลับมาหายดีดังเดิม เหลือแค่ต้องเช็กร่างกายนิดหน่อย กับต้องทำกายภาพบำบัดให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ 


"ไว้พี่พาไปกินข้าวร้านนึงอร่อยมาก แต่ต้องรอเราหายดีก่อน ขยันทำกายภาพ ทำร่างกายให้แข็งแรงไว ๆ พอหายดีแล้วเดี๋ยวพี่พาไปเที่ยว" ผมพูดกับเขาเมื่อเข็นรถจนมาถึงห้องพักประจำของเขา


"สัญญานะพี่หมอ" เขาพูดแล้วก็ดึงมือของผมไปจับไว้แน่น ๆ เหมือนไม่อยากให้ผมจากไป


"สัญญาสิ" ผมตอบ ยิ้มกว้าง และยื่นมือไปลูบหัวทุย ๆ ของเขาเบา ๆ ผมก็ไม่อยากจะไปเหมือนกัน แต่นิสิตรอผมจนเริ่มนินทาผมแล้วแน่ ๆ ผมรู้สึกได้