เมื่อเส้นทางของหมอผีผู้เงียบขรึมกับหญิงสาวผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความลับต้องมาบรรจบกัน นำไปสู่การเดินทางเพื่อปลดปล่อยวิญญาณที่ทุกข์ทรมาน แต่ยิ่งพวกเธอเจาะลึกลงไปในอดีตที่ถูกซ่อน ยิ่งพบกับความลับอันน่าสะพรึง

แม่หมอพะงา - EP.2 หมู่บ้านผาสิงห์ (2) โดย k.zicx @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิง-หญิง,ระทึกขวัญ,ย้อนยุค,ไทย,รัก,หญิง-หญิง,รักดราม่า,รัก,ญญ,สยองขวัญ,ดราม่า,ผี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แม่หมอพะงา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,ระทึกขวัญ,ย้อนยุค,ไทย,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,รักดราม่า,รัก,ญญ,สยองขวัญ,ดราม่า,ผี

รายละเอียด

แม่หมอพะงา โดย k.zicx @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อเส้นทางของหมอผีผู้เงียบขรึมกับหญิงสาวผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความลับต้องมาบรรจบกัน นำไปสู่การเดินทางเพื่อปลดปล่อยวิญญาณที่ทุกข์ทรมาน แต่ยิ่งพวกเธอเจาะลึกลงไปในอดีตที่ถูกซ่อน ยิ่งพบกับความลับอันน่าสะพรึง

ผู้แต่ง

k.zicx

เรื่องย่อ

สารบัญ

แม่หมอพะงา-EP.1 หมู่บ้านผาสิงห์,แม่หมอพะงา-EP.2 หมู่บ้านผาสิงห์ (2)

เนื้อหา

EP.2 หมู่บ้านผาสิงห์ (2)

ชายหนุ่มนามว่า หมอก ได้เดินทางออกจากหมู่บ้านผาสิงห์ตั้งแต่รุ่งเช้า ท้องฟ้าในยามเช้าสว่างเป็นสีส้มอ่อน หมอกบางๆลอยตัวเหนือพื้นดินทำให้เส้นทางดูเงียบสงบและลึกลับ ไก่ป่าบางตัวที่หลุดออกมาจากลานบ้านส่งเสียงขันแว่วๆ ปลุกให้หัวใจของชายหนุ่มที่เดินอยู่ตามลำพังเต้นระรัว ทั้งความตื่นเต้นและความวิตกกังวลผสมปนเปกันในใจ

หมอกหอบเสบียงที่พอมีติดตัวและเดินเท้าผ่านทางลูกรังซึ่งล้อมรอบด้วยทุ่งนาเขียวขจี บางช่วงของทางเดินนั้นมีต้นไทรใหญ่ยืนตระหง่าน รากของมันย้อยลงมาราวกับมือของยักษ์ที่โผล่ขึ้นมาจากดิน เสียงน้ำจากลำธารใกล้ๆ กระทบกับก้อนหินใสราวกับบทเพลงของธรรมชาติ แต่ถึงกระนั้น บรรยากาศที่หมอกสัมผัสยังคงแฝงไปด้วยความเงียบงันและกดดัน เหมือนธรรมชาติกำลังเฝ้ามองและเตรียมรับรู้เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น

เมื่อหมอกเดินทางมาถึงหมู่บ้านของพะงาในช่วงสาย เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยดังขึ้นให้เขารู้สึกแปลกใจ หมู่บ้านแห่งนี้ดูครึกครื้นอย่างไม่คาดคิด เด็กๆวิ่งเล่นไล่จับกันในลานกว้าง หญิงสาวบางคนกำลังยืนทอผ้าที่ใต้ถุนบ้านพร้อมพูดคุยหยอกล้อกัน เสียงไม้กระทบกันจากดาบไม้ที่เด็กผู้ชายสองคนกำลังเล่นกันอยู่เป็นจังหวะ คนงานในทุ่งก็ร้องเพลงปลุกใจให้กำลังใจกันเอง วิถีชีวิตของชาวบ้านดูราวกับไม่มีเรื่องราวน่าหวาดกลัวเกิดขึ้นเลย

หมอกเดินผ่านตลาดเล็กๆของหมู่บ้าน กลิ่นหอมของผลไม้สุกลอยมาแตะจมูก แม่ค้าเรียกลูกค้าอย่างขะมักเขม้น บางคนขายผักสด บางคนขายน้ำสมุนไพร เสียงเจรจาซื้อขายทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทำให้หมอกอดนึกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ที่หมู่บ้านผาสิงห์ของเขาจะกลับมาครึกครื้นเช่นนี้อีกครั้งหนึ่ง

หมอกก้าวเข้าสู่ลานหน้าเรือนทรงไทยหลังหนึ่ง ดวงตาของเขาจับจ้องหญิงสาวที่ยืนพิงเสาด้วยท่าทางสงบนิ่ง ราวกับเธอรู้ว่าเขาจะมาถึงแต่แรก ดวงอาทิตย์สายสาดส่องลงมาอาบไล้เรือนร่างของพะงา เผยให้เห็นความงามที่สง่างามในแบบของเธอ ใบหน้าเรียวยาวมีโครงหน้าคมชัด ดวงตาสีดำขลับที่ดูนิ่งแต่ลึกซึ้งดุจบ่อน้ำมืดลอบมองหมอกอย่างไร้อารมณ์ ผิวของเธอขาวกระจ่างราวกับต้องแสงจันทร์ขับให้ยิ่งโดดเด่น

พะงาสวมเสื้อผ้ายืดสีดำสนิทที่มีลักษณะเรียบง่ายแต่ดูทะมัดทะแมง เนื้อผ้าบางเบาล้อกับสายลมที่พัดผ่าน ทว่าจุดที่ทำให้พะงาดูโดดเด่นยิ่งกว่านั้นคือลวดลายสักสีดำที่พาดผ่านลำคอขาวของเธอ ลวดลายเหล่านั้นมีเส้นสายคดเคี้ยวซับซ้อนราวกับเครื่องหมายโบราณสลักเสกคาถาปกป้องหรือคาถาบางอย่างที่ยากจะคาดเดา รอยสักนั้นทำให้พะงายิ่งดูลึกลับน่าเกรงขามและน่าค้นหา

ในมือข้างหนึ่งของเธอถือมวนใบจากยาเส้น ควันสีขาวลอยอ้อยอิ่ง พะงายกมันขึ้นมาจรดริมฝีปาก สูดลมหายใจเข้าเบาๆก่อนปล่อยควันขาวพริ้วลอยฟุ้งไปกับสายลม ดวงตาคมจับจ้องไปยังหมอกที่ยังคงยืนอึ้งอยู่กับที่ ราวกับความงามลึกลับของเธอทำให้เขาเผลอลืมหายใจไปชั่วขณะ

เสียงของหมอกแผ่วเบาเมื่อเอ่ยคำทักทาย “ข้า… ข้าชื่อหมอก มาจากหมู่บ้านผาสิงห์” เขาพยายามพูดอย่างสุภาพท่าทีเคารพอย่างที่สุด

พะงามองเขาด้วยแววตาเย็นชา ริมฝีปากบางเม้มแน่น “เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด” เสียงของเธอนิ่งเรียบจนหมอกสัมผัสได้ถึงความเคร่งขรึม ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอย่างลำบาก เขารู้ดีว่าการขอความช่วยเหลือจากหญิงผู้นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

“หมู่บ้านของข้ากำลังถูกคุกคามด้วยผีร้าย… ข้าต้องการให้ท่านช่วย” หมอกกล่าว น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อยเพราะความกดดัน

พะงาหรี่ตามองหมอก สีหน้าไร้ซึ่งความเมตตาหรือความสงสาร “ผีร้าย…ข้าจะบอกเจ้าไว้ก่อน ข้าไม่ช่วยใครเพียงเพราะคำขอร้อง”

หมอกยืนเผชิญหน้ากับพะงาที่ระเบียงเรือน ความเงียบที่โรยตัวลงมาทำให้ลมหายใจของเขาหนักอึ้ง ดวงตาของพะงาจับจ้องเขาราวกับต้องการมองลึกเข้าไปในจิตใจ สำรวจความจริงหรือความเท็จที่เขาอาจซ่อนอยู่ หมอกรู้สึกเหมือนถูกตัดสิน และเป็นความกดดันที่ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกความกล้า

บรรยากาศรอบข้างดูสงบ แต่ในความเงียบนั้นมีเสียงลมพัดผ่านใบไม้ เสียงไก่ขันจากที่ไกลๆและเสียงจิ้งหรีดที่ร้องประสานกันอยู่ใต้เรือน ทั้งหมดนี้ช่างขัดแย้งกับความเครียดที่ก่อตัวขึ้นในใจของหมอก แสงแดดอ่อนของสายวันส่องลงมาตกกระทบพื้นดินเป็นลวดลาย แต่แม้แสงสว่างจะมีมากมายเพียงใด มันก็ไม่อาจสลายความมืดที่ก่อตัวอยู่ในใจของชายหนุ่มได้

หมอกก้มหน้าลงเล็กน้อย สูดลมหายใจอีกครั้งก่อนจะพูด “ข้า…ข้ารู้ว่าท่านไม่รับปากช่วยใครง่ายๆ แต่ข้าขอให้ท่านฟังเรื่องของข้าก่อน” เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เปี่ยมด้วยความหวังริบหรี่ เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมของหญิงสาวผู้เป็นหมอผี ความหวาดหวั่นทำให้มือของเขากำแน่น

พะงาไม่ได้ตอบในทันที เธอเพียงแค่มองเขาด้วยแววตานิ่งเฉยและเย็นชา ดวงหน้าอันงดงามของเธอปราศจากอารมณ์ใดที่บ่งบอกว่าเธอสนใจคำขอร้องของเขาเลยแม้แต่น้อย “ข้าไม่มีเวลาฟังคำพูดลมๆแล้งๆ ถ้าสิ่งที่เจ้าพูดไม่สำคัญพอ” เสียงของเธอเย็นเยียบเหมือนลมหนาวพัดผ่าน หมอกกัดริมฝีปากตัวเอง เขารู้ว่าต้องพูดอะไรที่มากกว่าคำขอร้องธรรมดา

“แม่หมอพะงา… หมู่บ้านของข้ากำลังตกอยู่ในความหวาดกลัว ผีหญิงสาวปริศนาออกอาละวาด คนในหมู่บ้านไม่กล้านอนหลับโดยไม่พกเครื่องรางหรือจุดตะเกียงไว้ตลอดทั้งคืน เด็กๆร้องไห้แทบไม่หยุด ชาวบ้านหลายคนเห็นเงาผีปรากฏในบ้านของพวกเขาเอง หรือแม้แต่ในท้องนา…” น้ำเสียงของหมอกสั่นสะท้านขณะที่เขาพูด ความทุกข์ร้อนของหมู่บ้านถูกถ่ายทอดผ่านคำพูดของเขา ดวงตาของเขาฉายแววสิ้นหวัง

พะงายังคงนิ่ง แต่บางสิ่งในแววตาของเธอดูเหมือนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอขยับตัวเล็กน้อย แขนที่กอดอกอยู่นั้นคลายลงราวกับเธอกำลังพิจารณาเรื่องราวที่เขาเล่า แต่ยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนใจเธอ “ข้าได้ยินเรื่องผีร้ายมามากมาย แต่การที่เจ้ามาพูดเพียงเท่านี้ไม่ทำให้ข้าเห็นความสำคัญของการเสี่ยงชีวิตช่วยหมู่บ้านเจ้าเลยแม้แต่น้อย” เธอกล่าว

หมอกสั่นสะท้าน หัวใจของเขาจมลึกลงไปในความกังวล แต่เขารู้ว่าเขาต้องพูดให้มากกว่านี้ “ข้า…ข้าไม่ได้มาเพื่อตัวข้าเอง” เขาเอ่ยอย่างรวดเร็ว ความจริงที่เขาปิดบังไว้ถูกบีบออกมา “แม่ข้า… นางเป็นคนที่เฝ้าฝันถึงผีหญิงสาวทุกคืนราวกับผีร้ายนั้นจ้องจะเอาชีวิตของนาง ชาวบ้านคนอื่นอาจถูกหลอกหลอน แต่สำหรับแม่ข้ามันเหมือนคำสาปที่เกาะติดนาง” เสียงของเขาแตกพร่าด้วยความเจ็บปวด ความรักที่มีต่อแม่ทำให้เขาพยายามไม่ยอมแพ้

พะงาสังเกตการสั่นไหวของมือหมอกและแววตาที่เริ่มเปื้อนน้ำตา เธอรู้ดีว่าความหวาดกลัวและความสูญเสียเป็นอย่างไร แต่เธอยังนิ่งเงียบ ใจของเธอยังคงหนักแน่น “คำขอของเจ้าแสดงถึงความรัก แต่เหตุผลของเจ้าก็ยังไม่พอที่จะเปลี่ยนใจข้า” เธอเอ่ยเบาๆพลางขยี้มวนใบจากส่วนที่ติดไฟลงกับรั้วไม้

หมอกมองพะงาด้วยความสิ้นหวัง ดวงตาของเขามีรอยร้าวแห่งความทุกข์ เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ มือที่กำแน่นสั่นสะท้าน “ถ้าท่านไม่ช่วย… ข้าไม่รู้ว่าหมู่บ้านของข้าจะทนได้อีกนานแค่ไหน ข้าพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านช่วย หรือแม้แต่ยอมทำสิ่งใดก็ตามที่ท่านต้องการ ขอแค่ช่วยหมู่บ้านข้าด้วยเถิด”

เสียงของหมอกสะท้อนกลับไปในความเงียบ พะงามองชายหนุ่มตรงหน้า เธอไม่เคยชินกับการที่ใครอ้อนวอนเช่นนี้ ความสิ้นหวังของเขาบีบคั้นหัวใจที่เย็นชา แต่เธอรู้ดีว่าความช่วยเหลือจากเธอไม่ใช่เรื่องที่ให้ได้ง่ายๆ เธอต้องการรู้ว่าเขาพร้อมเผชิญหน้ากับผลของการช่วยเหลือหรือไม่

“ลุกขึ้นเถิด” พะงาเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงของเธอมีความอ่อนลงเพียงเล็กน้อย “ถ้าหากข้าช่วยได้แล้ว เจ้าจะให้สิ่งใดแก่ข้าเพื่อเป็นการตอบแทน”

หมอกเงยหน้าขึ้น น้ำตาคลอเบ้าด้วยความหวังที่เริ่มส่องประกาย “ขอเพียงแค่ท่านบอกมา ข้าจะนำมันมาให้อย่างแน่นอน ข้าแค่ต้องการช่วยคนที่ข้ารัก… ขอเพียงท่านอย่าทอดทิ้งหมู่บ้านของข้า”

พะงามองชายหนุ่มที่แสดงความมุ่งมั่น เธอถอนหายใจเบาๆ ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักความจริงที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจ “เจ้าจงตามข้ามา” เธอกล่าวในที่สุด เสียงของเธอยังเยือกเย็นแต่แฝงด้วยความหนักแน่น หมอกเฝ้ามองเธอด้วยความดีใจและรีบลุกขึ้นตามเธอไป ดวงใจของเขาเต็มไปด้วยความหวังที่เริ่มผลิบาน

บรรยากาศรอบๆค่อยๆเปลี่ยนไป เสียงใบไม้ไหวพลิ้วกลายเป็นเสียงแผ่วเบาของธรรมชาติที่มอบความหวังเล็กๆให้แก่ชายหนุ่ม ขณะที่พะงานำทางหมอกไปยังเรือนด้านใน เตรียมเข้าสู่เส้นทางที่เต็มไปด้วยความลึกลับและการต่อสู้ระหว่างคนเป็นกับคนตาย

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าผีสาวตนนั้นคือใครกัน” พะงานั่งตัวตรงอยู่บนเสื่อสานกลางห้อง มือเรียวของเธอวางทับกันอย่างสง่างามบนตัก ใบหน้าคมงดงามภายใต้แสงตะเกียงวูบไหวไม่เผยความรู้สึกใดออกมา ดวงตาดำขลับจับจ้องไปยังหมอกด้วยความนิ่งสงบ แต่ความเงียบนั้นเหมือนจะมีพลังลึกลับซ่อนอยู่ คล้ายเธอกำลังวิเคราะห์ทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ข้าไม่รู้จริงๆว่าผีสาวตนนั้นเป็นใคร แต่คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านอาจจะรู้ก็ได้” หมอกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ราวกับคำพูดนั้นดึงเอาเรี่ยวแรงสุดท้ายของเขาไปด้วย เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สายตาของเขาเปลี่ยนไปมองพื้นราวกับหวังว่าคำตอบจะผุดขึ้นมาจากดิน “แต่ข้าแน่ใจว่ามันเต็มไปด้วยความอาฆาต… ข้าได้ยินเสียงสะอื้นของมันในทุกคืน เสียงนั้น…เหมือนเสียงของคนที่สูญเสียบางสิ่งไปอย่างไม่มีวันได้คืน”

พะงายังนิ่งสงบ แต่แววตาของเธอแฝงไว้ด้วยความสงสัยที่ไม่ปิดบัง เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนท่านั่ง แขนที่เคยวางเรียบร้อยบนตักขยับขึ้นมากอดอก ริมฝีปากของเธอเม้มแน่นในครู่หนึ่ง ก่อนจะคลายลงอย่างเชื่องช้า “เจ้าจะให้ข้าไปช่วยโดยที่ไม่มีข้อมูลมากกว่านี้งั้นหรือ?” น้ำเสียงของพะงาเย็นเยียบ ราวกับลมหนาวที่พัดผ่านกลางดึก เธอไม่ต้องตะโกนหรือแสดงความโกรธ ความเคร่งขรึมในน้ำเสียงของเธอเพียงพอที่จะทำให้คนฟังต้องหวั่นเกรง

หมอกเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาสบตากับเธอด้วยแววตาสิ้นหวัง ริมฝีปากที่เคยเม้มแน่นคลายออกเล็กน้อย แล้วเขาก็พยายามอธิบายต่อด้วยความร้อนรน “ข้ารู้ว่าไม่พอ…แต่ข้าจะหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ได้ ข้าแค่กลัวว่าเราจะไม่มีเวลามากพอ ผีตนนั้น…มันเริ่มแข็งข้อขึ้นทุกวัน”

มือของเขากำแน่นจนข้อขึ้นสีขาว ขณะที่พูดน้ำเสียงของเขาแตกพร่าด้วยความวิตกกังวล ร่างของเขาห่อเหี่ยวเหมือนคนที่ถูกบีบให้มุมอับ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอความเมตตาจากผู้ที่สามารถช่วยได้ พะงามองเขานิ่งๆ สีหน้าของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่แววตาของเธอกลับดูเหมือนจะลึกซึ้งและครุ่นคิดมากขึ้น

เธอถอนหายใจเบาๆราวกับต้องการปลดปล่อยความหนักอึ้งในใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “เจ้ากำลังบอกให้ข้าเสี่ยงโดยไม่รู้ว่าต้องเผชิญกับอะไร” ดวงตาของเธอแฝงไปด้วยความระแวง ริมฝีปากบางเหยียดเป็นเส้นตรงบ่งบอกถึงความไม่ไว้วางใจ “หากมันเป็นผีที่ถูกหลอกหลอนด้วยความแค้น ข้าต้องรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร… หรืออย่างน้อย เจ้าต้องให้ข้ารู้เบาะแสที่จะตามไปให้พบ”

ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง หมอกสูดลมหายใจลึก ข่มอาการสั่นในอกก่อนจะตอบ “ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติม ข้าสาบาน” เสียงของเขาแฝงความสิ้นหวัง น้ำเสียงเบาบางลงจนแทบจะขาดหาย แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความหวังสุดท้ายที่มีเหลืออยู่

พะงาจ้องมองหมอกอยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตาที่เคยเยือกเย็นค่อยๆฉายแววลังเล เธอพยักหน้าเบาๆในที่สุด ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ก็ได้… ข้าจะลองช่วยเจ้าดู แต่จำไว้ หากเจ้าไม่สามารถหาความจริงได้ ข้าก็ไม่รับประกันว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร”

เธอลุกขึ้นยืนช้าๆ ท่าทางของเธอยังคงเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แม้ร่างจะบอบบางแต่ก็ดูทรงพลังอย่างไม่อาจมองข้ามได้ หมอกเฝ้ามองเธอด้วยความรู้สึกโล่งใจที่ล้นทะลักออกมา เขารีบโค้งตัวลงต่ำแสดงความเคารพอย่างสุดหัวใจ น้ำตาแห่งความหวังคลอเบ้าแต่เขารีบปาดมันออก รู้ดีว่ายังมีงานหนักที่ต้องทำต่อไป

พะงาหันหลังเดินไปที่มุมห้องหยิบลูกประคำสีดำเมี่ยมขึ้นมา มือเรียวยกสิ่งนั้นขึ้นมองพิจารณา แสงตะเกียงจับต้องขอบเครื่องรางจนเกิดเงาวูบวาบบนผนัง เธอพึมพำเบาๆราวกับพูดกับตัวเอง “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าต้องเสียใจที่ตัดสินใจช่วย…”