ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง - ตอนที่ 6 ยาพิษ โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ชีวิตเก่าแม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าสบายแต่ก็ไม่เคยลำบากเข้าถึงขั้นยากจนข้นแค้น ฟางข้าวเป็นเพียงหญิงสาวที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมีงานหลักคือเรียนหนังสือและมีงานอดิเรกเป็นการแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้จ่ายไปวันๆ แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวยังช่วยเหลืองานของที่บ้านเพียงแค่ติดจะขี้เกียจเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้นต้องใช้ระบบคำสั่งถึงจะยอมขยับตัวออกห่างจากเว็บอ่านนิยายออนไลน์และเกมปลูกผักที่เจ้าตัวติดหนึบติดหนับ

แต่เมื่อบังเอิญถูกรถชนตายและได้มาเกิดใหม่โดยไม่ทันได้ตั้งตัวชีวิตนี้กลับต้องมาลำบากคล้ายกับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ให้ผ่านด่านเคราะห์ทั้งต้องผจญกับหมู่มารที่มาในรูปแบบของญาติพี่น้อง อีกทั้งยั้งต้องดิ้นรนเพื่อช่วยบิดา มารดากอบกู้กิจการเดียวที่มีของครอบครัวคือโรงน้ำชาเล็กๆ ให้สามารถยืนหยัดต่อไปได้

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 1 ลอบวางเพลิง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 2 ฟางข้าว,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 3 ตั้งสติ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 4 ชีวิตใหม่,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 5 การรักษาและบำรุงร่างกาย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 6 ยาพิษ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 7 จะกอบกู้ร้านชาด้วยมือของข้าเอง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 8 หาทุนสร้างโรงน้ำชา,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 9 ในป่าล้วนมีแต่ของดี

เนื้อหา

ตอนที่ 6 ยาพิษ

ในที่สุดหลังจากกลับมาจากแจ้งข่าวที่ร้านขายยาสมุนไพรสกุลฝูได้สิบห้าวันบ้านสกุลหยวนก็ได้ต้อนรับอดีตหมอหลวงฝูชุนและท่านหมอฝูเจียวลู่โดยที่ท่านหมอทั้งสองขี่ม้ามาหาถึงเรือนด้วยตนเอง

“บ้านสกุลหยวนของต้อนรับท่านหมอทั้งสอง ต้องรบกวนพวกท่านแล้ว” ท่านตาหยวนช่างออกมาต้อนรับด้วยตัวเองซึ่งทันทีที่ผู้อาวุโสจะคุกเข่าคารวะท่านหมอฝูเจียวลู่ก็รีบถลาเข้ามารับท่านตาเอาไว้และประคองให้ท่านยืนอย่างมั่นคงเสียก่อนจึงปล่อยมือ

“ผู้น้อยไม่สามารถรับการคารวะจากผู้อาวุโสได้ขอให้ผู้อาวุโสหยวนโปรดเข้าใจและขออภัยที่มาช้าเพราะระหว่างทางกลับจากการรักษาคนไข้ยังต่างเมืองข้าและท่านตาต้องไปรักษาสตรีที่ตกเลือดจากการคลอดบุตรก่อนขอรับ” ฝูเจียวลู่กล่าวขออภัยและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทางให้คนจากสกุลหยวนได้รับทราบว่าเหตุใดพวกเขาจึงมาช้ากว่าเวลาที่คาดคะเนเอาไว้มากนัก

เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยโดยระหว่างที่เดินทางกลับเข้ามายังเขตเมืองหลวงชั้นนอกนั้นพบเข้ากับชายคนหนึ่งที่กำลังไปตามหมอเหตุเพราะภรรยากำลังเสียเลือดไม่หยุดจากการคลอดบุตรก่อนกำหนดทั้งเขาและท่านตาจึงไปช่วยรักษาและอยู่ดูแลจนมั่นใจว่าแม่และเด็กนั้นพ้นขีดอันตรายแล้วจึงได้ออกเดินทางกันต่อ

“ไม่เป็นไรเลยขอรับท่านหมอชีวิตคนล้วนสำคัญข้าเข้าใจดีและอีกอย่างบุตรสาวของข้าก็ดื่มยาบำรุงอยู่สม่ำเสมอจนตอนนี้นางมีอาการดีขึ้นมากแต่เพราะพวกข้ายังไม่วางใจด้วยฟางเอ๋อร์นั้นเกิดมามีร่างกายไม่แข็งแรงเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ อยู่เสมอจนมาเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้แล้วนางบุกเข้าไปในกองเพลิงเพื่อหยิบสิ่งของสำคัญจนสลบไปถึงสามราตรีพวกเราจึงไม่อาจนิ่งนอนใจต่อไปได้อีกแล้วขอรับ” หยวนตงหยางเข้าใจดีแม้ชีวิตบุตรสาวของตนเองจะสำคัญแต่ชีวิตผู้อื่นก็ไม่มีใครด้อยกว่าท่านหมอไปช่วยเหลือคนป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉินก็นับว่าถูกต้องที่สุดแล้ว

หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งท่านหมอทั้งสองก็ถูกเชิญเข้าไปยังเรือนของครอบครัวหยวนรองเพื่อรักษาอาการของหยวนเยี่ยนฟางซึ่งกำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านตำราสมุนไพรรออยู่แล้ว

เริ่มแรกนั้นท่านหมอฝูชุนเป็นคนซักถามอาการของหยวนเยี่ยนฟางโดยมีฝูเจียวลู่คอยจดบันทึกการรักษาเอาไว้โดยละเอียดแต่เมื่อถึงคราวที่จับชีพจรดูท่านหมอชราก็ถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะเรียกให้หลานชายมาช่วยจับชีพจรอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ตนเองพบนั้นถูกต้อง

“ชีพจรคุณหนูผู้นี้ติดขัดแต่ไม่มากขอรับแต่มันไม่ได้เกิดจากอาการจับป่วยถ้าหากจะให้ยืนยันข้าขออนุญาตตรวจบิดา มารดาของนางด้วยหรือไม่และถ้าหากว่านางมีพี่น้องข้าก็จะขอตรวจในคราวเดียวกันไปเลย” ท่านหมอฝูเจียวลู่ใช้เวลาจับชีพจรคนทั้งครอบครัวของหยวนเยี่ยนฟางไปราวๆ สองเค่อก็หันไปปรึกษากับท่านปู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไม่นานก็จัดการเขียนเทียบยาและจัดยาสมุนไพรบางส่วนที่เตรียมติดตัวมาให้ก่อน

“คุณหนูหยวนอาจจะต้องฝังเข็มสักสามถึงหกครั้งนะขอรับ อาการป่วยของนางเป็นการบาดเจ็บเรื้อรังที่เป็นผลมาจากการต้องพิษซึ่งจากการสันนิษฐานของข้าฝั่งมารดาน่าจะมาจะถูกวางยาพิษมาก่อนเมื่อตั้งครรภ์พิษที่ไหลวนปะปนอยู่กับเลือดจึงถูกส่งต่อมาให้ทารกในครรภ์ด้วยซึ่งในตัวของบิดาและคุณหนูและคุณชายอีกสองคนไม่พบอาการเจ็บป่วยจากยาพิษขอรับ

ถ้าให้ข้าพูดตรงๆ ยาพิษที่ได้รับนี้น่าจะเป็นยาที่ออกฤทธิ์กับสตรีโดยจะส่งผลให้มีบุตรได้ยากหาได้รับพิษนี้ช้าๆ อย่างต่อเนื่องแต่ถ้าหากได้รับพิษติดต่อกันมานานเป็นปีๆ จึงจะส่งผลร้ายถึงขั้นทำลายระบบภายในของสตรีได้ถึงขนาดตั้งครรภ์ไม่ได้อีกต่อไปเลยแต่ไม่ต้องกังวลนะขอรับข้าจะจัดเทียบยาขจัดพิษให้ต้มน้ำแช่ตัวซึ่งสามารถทำได้เลยตั้งแต่วันนี้เพราะข้าเตรียมสมุนไพรที่ต้องใช้มาด้วยแล้วแต่สำหรับยากินต้องรบกวนเอาเทียบยาไปหาซื้อที่ร้านขายยาสมุนไพรหรือโรงหมอนะขอรับ”

เมื่อเห็นมารดาของคุณหนูหยวนเยี่ยนฟางทำท่าคล้ายจะเป็นลมฝูเจียวลู่ก็ต้องรีบบอกให้เข้าใจว่ายังรักษาได้และไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิตที่ต้องทำคือการขจัดพิษที่ยังคงตกค้างในร่างกายออกมาให้หมดโดยวิธีการฝังเข็ม กินยาสมุนไพรต้มและแช่ตัวในน้ำยาต้มสมุนไพรซึ่งต้องทำไปทั้งตัวมารดาและบุตร

“แล้วเช่นนี้ลูกสาวและฮูหยินของข้าจะมีร่างกายแข็งแรงเช่นสตรีทั่วไปหรือไม่ขอรับท่านหมอ” สิ่งเดียวที่คนเป็นพ่อหวังคือให้ลูกสาวและภรรยากลับมามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงส่วนเรื่องอื่นอย่างตั้งครรภ์ไม่ได้นั้นเป็นเรื่องของอนาคตเพราะมันจะส่งผลแค่ในเรื่องของการออกเรือนแต่ถ้าหากไม่มีบุรุษใดมาสู่ขอบุตรสาวคนโตด้วยเหตุผลนี้หยวนตงหยางก็ไม่สนใจลูกสาวของเขา เขาสามารถเลี้ยงดูนางได้ไปจนถึงยามที่นางแก่ชรา

“ตัวฮูหยินเห็นได้ชัดว่านางยังสามารถตั้งครรภ์ได้แสดงว่าพิษนั้นได้รับมาเพียงระยะเวลาสั้นๆ รักษาไม่เกินหนึ่งเดือนนางก็จะสามารถขจัดพิษที่ตกค้างในร่างกายออกไปไปได้หมด ส่วนตัวคุณหนูนั้นอาจจะต้องใช้เวลารักษานานกว่ามากแต่นางจะสามารถกลับมามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงได้อย่างแน่นอนขอรับ

ข้าจะต้องฝังเข็มให้ฮูหยินและคุณหนูที่บริเวณฝ่าเท้า แผ่นหลังและฝ่ามือโดยตลอดการรักษาสามารถให้บิดาหรือมารดาอยู่ด้วยได้ตลอดเวลาไม่ทราบว่าจะยินยอมให้ข้ารักษาหรือไม่ขอรับ”

เนื่องจากการฝังเข็มนั้นต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวในร่มผ้าของผู้ป่วยฝูเจียวลู่จึงจำเป็นต้องขออนุญาตและสอบถามความยินยอมของคนไข้และยิ่งถ้าเป็นเด็กหญิงหรือหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนก็ยิ่งต้องสอบถามความยินยอมจากบุพการีเสียก่อน

“ท่านพ่อ... ลูกอยากมีร่างกายแข็งแรงเช่นพี่น้องแล้วเจ้าค่ะโปรดอนุญาตให้ท่านหมอฝังเข็มให้ข้าด้วยเถิด” ด้วยท่านหมอทั้งสองไม่ได้ทำให้หยวนเยี่ยนฟางรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยนางจึงต้องการได้รับการรักษาเพราะหลังจากนี้ไปนางต้องใช้ร่างกายทำมาหากินอีกหลายอย่างหากว่าไม่แข็งแรงแล้วมันจะไปมีประโยชน์อันใดเล่า

“เชิญท่านหมอรักษาตามความเหมาะสมได้เลยขอรับ” หยวนตงหยางเองก็ต้องการให้บุตรสาวและภรรยากลับมามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแม้บุตรสาวจะไม่ขอเขาก็ตั้งใจที่จะบอกให้นางเข้ารับการฝังเข็มอยู่ดีและอีกอย่างหนึ่งก็เพราะมั่นใจในจรรยาบรรณของท่านหมอทั้งสองจึงตัดสินใจโดยไม่ลังเล

“ถ้าเช่นนั้นข้ารบกวนท่านเตรียมห้องสำหรับการฝังเข็มให้ข้าด้วยขอรับ ในห้องนั้นต้องเตรียมอ่างน้ำอุ่นสำหรับแช่ยาสมุนไพรเอาไว้ด้วยท่านสามารถนำยานี้ไปต้มเตรียมเอาไว้เลยส่วนยากินขอให้คนไปซื้อสมุนไพรตามเทียบยานี้นะขอรับ” ฝูเจียวลู่แนะนำทุกอย่างเป็นลำดับขั้นตอนโดยเขาจะไม่ฝังเข็มให้คนไข้สตรีเด็ดขาดหากไม่ได้รับอนุญาตหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินจวนตัวจริงๆ และสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือหลังจากฮูหยินและคุณหนูหยวนฝังเข็มเสร็จแล้วต้องมีการแช่น้ำยาสมุนไพรทันทีจึงต้องมีการเตรียมอ่างน้ำเอาไว้รอ

ห้องว่างของเรือนถูกจัดเป็นสถานที่รักษาอย่างเร่งด่วนโดยเรื่องของการเตรียมสถานที่และอ่างน้ำอุ่นนั้นหยวนตงหยางและบุตรสาวคนรองจะเป็นคนจัดการส่วนเรื่องยาสมุนไพรพี่ชายของภรรยาที่รอฟังข่าวอยู่จะเป็นคนออกไปซื้อให้ด้วยตนเอง

เวลาเคลื่อนผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยามหยวนเยี่ยนฟางจึงได้ฝังเข็มก่อนมารดาเนื่องจากระหว่างที่ท่านหมอทำการรักษาหยวนเชียนชิงจะคอยดูแลลูกสาวด้วยตัวเองและหลังจากที่ส่งบุตรสาวไปแช่ตัวในน้ำยาสมุนไพรแล้วนางจึงจะมาฝังเข็มโดยมีสามีคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

“ขอให้คุณหนูทำใจให้ผ่อนคลายนะขอรับ หายใจเข้าลึกๆ และผ่อนออกช้าๆ ทำซ้ำแบบนั้นไปเรื่อยๆ มันจะช่วยลดความเครียดลงได้” นี่เป็นการฝังเข็มครั้งแรกของหยวนเยี่ยนฟางนางจึงมีอาการตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวจนกล้ามเนื้อในร่างกายนั้นเกร็งไปหมดท่านหมอที่มองเห็นทุกอย่างมาโดยตลอดจึงต้องพูดให้กำลังใจคนไข้ในความดูแลของตนเอง

ใช้เวลาพักใหญ่ร่างกายเล็กๆ ของหยวนเยี่ยนฟางจึงผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัดโดยเมื่อนางพร้อมแล้วฝูเจียวลู่ก็บรรจงฝังเข็มไปตามร่างกายเล็กๆ นั้นทีละจุดตามตำราอย่างใจเย็นโดยใช้เวลาทั้งหมดไปเพียงสองเค่อก็สามารถให้บิดาพาตัวบุตรสาวไปแช่น้ำยาสมุนไพรได้

ฝูเจียวลู่รักษาฮูหยินมารดาของหยวนเยี่ยนฟางด้วยวิธีการเดียวกันกับที่ใช้รักษาบุตรสาวเพียงแค่ปักเข็มเล่มแรกไปบนผิวร่างกายของฮูหยินตอบสนองการรักษาจนท่านหมอก็สามารถบอกให้สบายใจว่านางจะฝังเข็มแค่เพียงสองครั้งก็จะขับพิษได้หมดแต่ส่วนของคุณหนูนั้นอาจจะต้องใช้เวลาสามถึงหกครั้งควบคู่ไปกับการแช่ยาสมุนไพร ดื่มยารวมไปถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายบ้างถ้าสามารถทำได้

ที่น่าตกใจมากไปกว่าอาการป่วยของสองแม่ลูกบ้านหยวนรองก็คือค่ารักษาที่ท่านหมอเรียกเก็บเพียงแค่ค่ายาสมุนไพรแช่ตัวเท่านั้นส่วนเรื่องค่าตรวจและการฝังเข็มอดีตหมอหลวงและหลานชายไม่ได้พูดออกมาสักคำยิ่งทำให้คนสกุลหยวนทั้งศรัทธาและเกรงใจท่านหมอมากกว่าเดิมไม่รู้ตั้งกี่เท่าแต่ผู้เฒ่าสกุลหยวนก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำชาดีที่สุดเท่าที่คิดออกมอบให้ท่านหมอทั้งสองเป็นการตอบแทนในภายภาคหน้า

“เป็นอย่างไรบ้างฟางเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายตัวตรงไหนหรือเปล่าลูก” เพราะท่านหมอบอกเอาไว้ว่าคืนนี้บุตรสาวและภรรยาอาจจะไข้ขึ้นได้เล็กน้อยหยวนตงหยางจึงหมั่นคอยมาดูแลไถ่ถามนางแทบจะทุกชั่วยามเลยก็ว่าได้

“ลูกไม่เจ็บปวดอะไรเจ้าค่ะท่านพ่อในตอนนี้ร่างกายกลับรู้สึกว่าเบาสบายนักลูกสามารถหายใจเข้าปอดได้เต็มอิ่มมากขึ้นด้วยเจ้าค่ะ” เรื่องนี้หยวนเยี่ยนฟางไม่ได้แกล้งพูดให้บิดาสบายใจแต่นางรู้สึกว่าสามารถสูดลมหายใจเข้าไปได้ลึกจนสุดปอดได้แล้วและมันก็ทำให้ร่างกายของนางสดชื่นได้เป็นอย่างมาก

“ที่เจ้าและมารดาต้องมาเจ็บป่วยเช่นนี้เพราะพ่อทั้งนั้น พ่อขอโทษนะฟางเอ๋อร์ถ้าที่ผ่านมาไม่สามารถปกป้องเจ้าและแม่เจ้าจากคนสกุลกู่ได้” เรื่องนี้นั้นหยวนตงหยางมั่นใจเต็มสิบส่วนว่ามันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนสกุลกู่สกุลเก่าของตนเองโดยบุคคลต้องสงสัยอันดับหนึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากน้องรองกู่หย่งเหิงและภรรยาของเขา

ลำพังน้องชายนั้นไม่ได้ร้ายกาจอะไรติดจะมีนิสัยขี้เกียจแต่ฉลาดแกมโกงมากกว่าแต่คนที่น่ากลัวนั้นคือภรรยากู่หงฮวาที่มีความทะเยอทะยานมากกว่าสตรีทั่วไปตั้งไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า

“ท่านพ่อไม่ผิดเลยเจ้าค่ะไม่จำเป็นต้องขอโทษลูกเลยแม้แต่น้อยถ้าหากจะโทษใครก็ต้องโทษคนสกุลกู่ที่มีอิจฉาริษยาอีกทั้งยังละโมบโลภมาก หากว่าลูกบอกว่าจะขอแก้แค้นเอาคืนท่านพ่อจะขัดข้องหรือไม่เจ้าคะ

ลูกไม่ได้มีเจตนาจะกลับไปฆ่าฟันหรือว่าทำร้ายร่างกายของคนสกุลกู่แต่ลูกจะสู้กับคนพวกนั้นในเรื่องของการค้าลูกต้องการทำให้สกุลหยวนยิ่งใหญ่กว่าคนพวกนั้นพันเท่าหมื่นเท่าเจ้าค่ะท่านพ่อถ้าหากลูกหายดีแล้วท่านจะรับฟังสิ่งที่ลูกคิดจะทำได้หรือไม่เจ้าคะ” หยวนเยี่ยนฟางโยนหินถามทางไปก่อนเพราะนางยังตั้งใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายอีกสักพักใหญ่ๆ

“เมื่อลูกหายดีแล้วอยากจะทำอะไรพ่อก็พร้อมให้การสนับสนุนขอเพียงเจ้าบอกมาพ่อคนนี้สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างและร่วมมือโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเลยลูกรัก”