ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง - ตอนที่ 7 จะกอบกู้ร้านชาด้วยมือของข้าเอง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ชีวิตเก่าแม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าสบายแต่ก็ไม่เคยลำบากเข้าถึงขั้นยากจนข้นแค้น ฟางข้าวเป็นเพียงหญิงสาวที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมีงานหลักคือเรียนหนังสือและมีงานอดิเรกเป็นการแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้จ่ายไปวันๆ แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวยังช่วยเหลืองานของที่บ้านเพียงแค่ติดจะขี้เกียจเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้นต้องใช้ระบบคำสั่งถึงจะยอมขยับตัวออกห่างจากเว็บอ่านนิยายออนไลน์และเกมปลูกผักที่เจ้าตัวติดหนึบติดหนับ

แต่เมื่อบังเอิญถูกรถชนตายและได้มาเกิดใหม่โดยไม่ทันได้ตั้งตัวชีวิตนี้กลับต้องมาลำบากคล้ายกับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ให้ผ่านด่านเคราะห์ทั้งต้องผจญกับหมู่มารที่มาในรูปแบบของญาติพี่น้อง อีกทั้งยั้งต้องดิ้นรนเพื่อช่วยบิดา มารดากอบกู้กิจการเดียวที่มีของครอบครัวคือโรงน้ำชาเล็กๆ ให้สามารถยืนหยัดต่อไปได้

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 1 ลอบวางเพลิง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 2 ฟางข้าว,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 3 ตั้งสติ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 4 ชีวิตใหม่,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 5 การรักษาและบำรุงร่างกาย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 6 ยาพิษ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 7 จะกอบกู้ร้านชาด้วยมือของข้าเอง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 8 หาทุนสร้างโรงน้ำชา,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 9 ในป่าล้วนมีแต่ของดี

เนื้อหา

ตอนที่ 7 จะกอบกู้ร้านชาด้วยมือของข้าเอง

หลังจากรักษาด้วยการฝังเข็มครั้งแรกเสร็จสิ้นลงไปเรียบร้อยแล้วท่านหมอฝูเจียวลู่ก็อธิบายขั้นตอนการรักษาหยวนเยี่ยนฟางในลำดับต่อไปให้คนในครอบครัวได้ทราบโดยจากการคาดการณ์แล้วนางต้องรับการฝังเข็มประมาณหกครั้งหรือต่ำกว่านั้นโดยท่านหมอจะเดินทางมาทำการรักษาให้ทุกๆ สิบห้าวันหรือหนึ่งเดือนตามความเหมาะสมแต่ระหว่างนี้ยังคงต้องดื่มยาสม่ำเสมอทุกๆ วันและยังต้องแช่น้ำต้มยาทุกๆ เจ็ดวันอย่าให้ขาด

ส่วนผู้เป็นมารดานั้นอาการนับว่าดีกว่าบุตรสาวมากนักส่วนเหตุผลก็อาจจะเป็นเพราะว่าร่างกายของผู้ใหญ่มีความต้านทางนพิษโดยธรรมชาติอยู่แล้วยิ่งกับพิษที่ไม่มีฤทธิ์รุนแรงและไม่แสดงอาการในทันทีก็ยิ่งสามารถถูกขจัดออกมาจากร่างกายได้ง่ายแต่ที่ต้องฝังเข็มนั้นเพราะต้องรักษาระบบร่างกายภายในที่ถูกทำลายไปจากพิษไม่ใช่ทำไปเพื่อเร่งการขับพิษออกจากร่างกายเหมือนบุตรสาวจึงใช้วิธีฝังเข็มรักษาอีกแค่หนึ่งครั้งก็เพียงพอแล้ว

“ระหว่างนี้คุณหนูหยวนอย่าลืมออกไปเดินนอกเรือนในยามเช้าให้บ่อยหน่อยแต่อย่าได้เกินยามเฉินใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อถึงสองเค่อก็เพียงพอแล้ว” ได้ยินท่านหมอกล่าวเช่นนั้นหยวนเยี่ยนฟางก็อดไม่ได้เลยที่จะยิ้มกว้างออกมาเพราะที่ผ่านมานางถูกห้ามจากทุกคนไม่ให้ออกไปนอกเรือนจนร่างกายที่ไม่เคยต้องแสงแดดนั้นขาวซีดเป็นผีดิบไปหมดแล้ว

“ขอบคุณท่านหมอทั้งสองมากนะเจ้าคะข้าจะตั้งใจดื่มยาแช่น้ำยาอีกทั้งจะออกไปเดินออกกำลังกายนอกเรือนอย่างสม่ำเสมอเจ้าค่ะ” หยวนเยี่ยนฟางตอบท่านหมอด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงจนฝูเจียวลู่เองก็ยังแปลกใจที่เห็นว่าคนป่วยมีความสดใสมากมายถึงขนาดนั้น

แต่ฟังจากเรื่องที่ท่านผู้เฒ่าหยวนให้ฟังถึงสาเหตุของอาการป่วยครั้งนี้ของหลานสาวแล้วเขาก็ได้แต่นับถือดวงใจของนางที่แม้จะเป็นเด็กหญิงอายุเพียงสิบสี่หนาวแต่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวถึงขั้นวิ่งฝ่าเข้าไปในกองเพลิงอย่างที่ไม่กลัวตายแม้จะน่าตำหนิอยู่บ้างก็ตามแต่เขาก็พอเข้าใจว่าเหตุใดนางถึงต้องทำเช่นนั้น

หลังจากที่ส่งท่านหมอทั้งสองพร้อมมอบชาดีที่สุดที่ยังคงมีเก็บไว้ในเรือนให้เป็นของฝากเรียบร้อยแล้วบ้านรงอสกุลหยวนก็มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องนอนของหยวนเยี่ยนฟางเนื่องจากนางบอกกับท่านพ่อว่ามีเรื่องจะปรึกษาทุกๆ คน

“ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะเมื่อตอนที่นอนหลับอยู่นั้นคล้ายกับลูกได้ฝันอะไรบางอย่างที่มันเหมือนจริงจนน่าตกใจ ในฝันมีชายชราผมและหนวดเคราขาวโพลนเข้ามาพูดคุยและสั่งสอนอะไรให้ลูกมากมายหลายอย่างซึ่งลูกก็ยังสามารถจำมันได้จนถึงตอนนี้และสิ่งที่ท่านตาสั่งสอนนั้นลูกมั่นใจว่ามันจะสามารถนำมาใช้ทำประโยชน์ให้กับครอบครัวสกุลหยวนของเราได้

ลูกมีความคิดจะปรับปรุงกิจการขายใบชาของเราเจ้าค่ะนอกจากจะขายใบชาแห้งแล้วลูกคิดว่าเราควรเปิดโรงน้ำชาขึ้นเองเพื่อเป็นการเผยแพร่รสชาติของใบชาของสกุลหยวนอีกทั้งคนบ้านเราไม่ว่าจะเป็นท่านป้าสะใภ้ ท่านแม่หรือท่านน้าต่างก็มีฝีมือในการทำขนมลูกคิดว่าเราสามารถนำความสามารถนี้มาเป็นจุดเด่นของโรงน้ำชาได้เจ้าค่ะ”

หยวนเยี่ยนฟางพูดมารวดเดียวอย่างไม่มีติดขัดเหตุเพราะนางคิดเตรียมการร้อยเรียงคำพูดต่างๆ เอาไว้ในหัวนานหลายวันแล้วและนางจะไม่รอให้ตนเองฝังเข็มรักษาจนหายป่วยดีเป็นอันขาดเนื่องจากมันใช้เวลามากเกินไปนางคงอยู่เฉยๆ ต่อไปอีกหกเดือนไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะใบชาไม่ใช่ว่าจะเก็บวันนี้และขายได้พรุ่งนี้เสียเมื่อไหร่

“ลูกเพียงอยากให้ท่านพ่อ ท่านแม่รวมถึงทุกๆ คนในเรือนสกุลหยวนเชื่อใจลูกสักครั้งเจ้าค่ะ การเจ็บป่วยครั้งนี้ให้บทเรียนอะไรลูกหลายอย่างเหลือเกินโดยเฉพาะความรู้ต่างๆ ที่ลูกสะสมเอาไว้ในหัวตอนนี้ลูกจึงอยากขอเพียงโอกาสสักครั้ง”

“ฟางเอ๋อร์ลูกแม่” เป็นมารดาที่น้ำตาร่วงเผาะโผเข้าหาร่างเล็กๆ ที่แสนบอบบางของบุตรสาวคนโตก่อนจะโอบกอดนางไว้แนบอกด้วยความรักมากมายสุดหัวใจ

นางเชื่อในสัญชาตญาณความเป็นแม่ด้วยว่าหลังจากบุตรสาวคนโตฟื้นขึ้นมาหลังจากนอนหลับมาเป็นเวลาสามคืนเต็มๆ นางก็รู้สึกได้ว่าแววตาและนิสัยบางอย่างของหยวนเยี่ยนฟางมันไม่เหมือนเดิมนางดูเป็นผู้ใหญ่ สุขุมและมีเหตุผลมากขึ้นที่สำคัญคือมีความร่าเริงเป็นอย่างมากผิดกับเมื่อก่อนแม้นางจะเป็นเด็กที่เรียบร้อยว่าง่ายแต่ก็ยังติดที่จะงอแงไม่ได้มีความร่าเริงสดใสเช่นวันนี้

“มีอีกอย่างที่ลูกต้องบอกให้ทุกคนได้รู้เจ้าค่ะหยวนเยี่ยนฟางเมื่อฟื้นตื่นขึ้นมาในครั้งนี้เหมือนดั่งมีชีวิตใหม่รู้สึกคล้ายกับว่าความอ่อนแอและความเศร้าหมองในจิตใจลูกมันได้ตายจากไปแล้ว นับจากนี้ไปลูกจะเป็นคนใหม่ที่ตั้งใจดูแลครอบครัวให้เจริญรุ่งเรืองให้มากที่สุดเท่าที่สองมือของข้าจะทำได้เจ้าค่ะ

หากไม่เป็นการขอมากเกินไปลูกอยากทำป้ายวิญญาณให้หยวนเยี่ยนฟางคนเก่าเพื่อเป็นที่ระลึกถึงและเป็นการย้ำเตือนว่าต่อจากนี้ชีวิตใหม่ที่ได้มาลูกจะใช้มันอย่างระมัดระวังเจ้าค่ะ”

“ลูกรักเจ้าก็รู้ว่าป้ายวิญญาณนั้นไม่ทำให้คนเป็นแต่ถ้าหากลูกต้องการทำไว้เพื่อระลึกถึงตนเองในอดีตพ่อก็คงต้องเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านตาท่านยายของเจ้าก่อน” บิดามารดาถึงกับหน้าถอดสีเมื่อได้ยินความคิดของบุตรสาว

เรื่องตายเรื่องเป็นนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันเล่นๆ เรื่องนี้จึงต้องปรึกษาผู้อาวุโสสกุลหยวนด้วยหยวนตงหยางนั้นเป็นเพียงลูกเขยที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องอะไรแบบนี้

“แน่นอนเจ้าค่ะว่าเราต้องปรึกษาท่านตาท่านยาย รวมถึงทุกๆ คนในเรือนสกุลหยวนด้วยเพราะทั้งหมดเป็นครอบครัวของลูก ลูกจำเป็นต้องพึ่งพาแรงกายแรงใจของทุกคนเพื่อกิจการร้านชาของเราเจ้าค่ะ” แก้วตาใสแจ๋วที่เปล่งประกายความหวังทำเอาหยวนตงหยางใจอ่อนยวบและตั้งใจเอาไว้ว่าวันรุ่งขึ้นจะพาครอบครัวไปรับประทานอาหารที่ห้องโถงกลางและถือโอกาสปรึกษาทุกๆ คนในสิ่งที่หยวนเยี่ยนฟางต้องการเสียเลย

 

เมื่อต้องพูดซ้ำในเรื่องที่เพิ่งพูดไปอีกครั้งหยวนเยี่ยนฟางก็ทำได้โดยไม่ยากเย็นอะไรแถมในครั้งนี้นั้นนางยังได้รับความเห็นอกเห็นใจจากสตรีในครอบครัวมาอย่างล้นหลามด้วยทุกคนต่างก็ทราบดีว่าตัวนางเจ็บป่วยมาตั้งแต่แรกคลอดชีวิตนี้เหมือนจะพร้อมจากไปปรโลกได้ทุกเมื่อจึงเข้าใจดีในเรื่องของการทำป้ายวิญญาณอย่างน้อยๆ ก็ถือว่าเป็นวิธีการแก้เคล็ดส่งเสริมอายุให้ยืนยาวขึ้นได้

“เจ้าพูดถึงร้านชาและโรงน้ำชาอย่างนั้นเหรอฟางเอ๋อร์ช่วยเล่ารายละเอียดให้ลุงฟังได้หรือไม่” ท่านลุงหยวนจ้านที่ทุกวันนี้เป็นเสาหลักของร้านชาสกุลหยวนได้ฟังความคิดของหลานสาวก็เริ่มมีความสนใจ

“ข้าเพียงคิดว่าเราเปิดร้านขายใบชาอยู่แล้วจะเปิดโรงน้ำชาเพิ่มเพื่อขายน้ำชาที่ชงจากใบชาของตนเองก็น่าจะดีเจ้าค่ะอย่างน้อยๆ ลูกค้าที่มานั่งพักผ่อนดื่มชาหากว่าถูกใจในรสชาติก็สามารถซื้อใบชากลับไปชงดื่มเองที่บ้านได้ถือว่าเรานั้นได้เงินถึงสองทางแต่ที่สกุลหยวนต้องทำก็คือเราจะต้องมีสูตรชาที่เป็นสูตรเฉพาะตัวเจ้าค่ะ

อย่างที่ข้าเล่าไปว่าได้เจอชายชราผู้หนึ่งซึ่งท่านตาผู้นั้นสอนอะไรหลายสิ่งหลายอย่างให้ข้ารวมไปถึงให้พรให้ตัวข้านั้นมีความจำที่ดี อย่างตำราทั้งหมดที่ท่านพ่อนำมาให้อ่านระหว่างรักษาตัวข้าเองก็อ่านและจดจำมันได้ทั้งหมดแล้วท่านลุงสามารถทดสอบได้นะเจ้าคะ” ตำราสมุนไพรทั้งหมดสามเล่มเป็นตำราเก่าแก่ที่อยู่คู่ครอบครัวสกุลหยวนมานานแต่ไม่มีใครได้อ่านเท่าไหร่เนื่องจากทุกคนมีภาระงานในร้านชารัดตัวแต่หยวนเยี่ยนฟางกลับอ่านจบภายในเวลาสิบห้าวันอีกทั้งยังจำได้ขึ้นใจอีกด้วยก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์เป็นอย่างมาก

หยวนจ้านทดสอบหลานสาวด้วยการถามตอบเรื่องของสรรพคุณของสมุนไพรต่างๆ ที่มีอยู่ในตำราอีกทั้งยังชวนกันออกไปยังสวนหน้าเรือนหยวนรองที่หยวนเยี่ยนฟางบอกว่านางพบเจอสมุนไพรในตำราหลายชนิด จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิตแม้จะไม่เคยรู้จักสมุนไพรบางตัวมาก่อนแต่ลักษณะเฉพาะรวมถึงกลิ่นที่ถูกต้องตรงตามตำราก็เป็นตัวบ่งชี้แล้วว่าหลานสาวคนนี้เข้าใจเนื้อหาในตำราสมุนไพรอย่างถ่องแท้ใช่แต่สักจะท่องจำแล้วนำมาเล่าให้เขาฟัง

ความรู้ของหยวนเยี่ยนฟางเป็นของจริงอีกทั้งหยวนจ้านยังถือโอกาสพูดคุยกับหลานสาวในเรื่องของใบชาชนิดต่างๆ มากมายซึ่งแน่นอนว่าคำตอบที่ได้ย่อมต้องทำให้ผู้เป็นลุงทั้งภาคภูมิใจและพึงพอใจเป็นอย่างมากถึงขนาดออกปากบอกกับทุกคนเลยว่าหยวนเยี่ยนฟางนั้นเป็นอัจฉริยะตัวน้อย

เรื่องความเก่งกาจและความรู้ของนางนั้นคนในครอบครัวไม่ติดใจสงสัยแต่การจะสร้างโรงน้ำชาขึ้นมานั้นสกุลหยวนต้องเริ่มต้นจากศูนย์อีกทั้งเงินทุนของครอบครัวก็มีไม่มากมันมีแค่พอจะร้างร้านจำหน่ายใบชาเล็กๆ ขึ้นมาใหม่แต่หากจะสร้างโรงน้ำชาหรูหราใหญ่โตนั้นก็คงเป็นเรื่องที่เกินเอื้อมถึง

“เราสามารถหาเงินทุนได้จากสมุนไพรที่มีอยู่ในป่าเจ้าค่ะข้ามั่นใจว่าป่าแถบนี้ยังมีใบชาป่า ดอกไม้ และสมุนไพรมากมายที่สามารถนำมาทำเป็นชาสูตรเฉพาะของครอบครัวเราได้ ในใจของข้านั้นมีกลุ่มเป้าหมายลูกค้าเป็นสตรีเจ้าค่ะทั้งฮูหยินจวนขุนนางและแม้แต่คุณหนูในห้องหอต่างก็ต้องนิยมชมชอบเรื่องของความสวยความงามของร่างกายและผิวพรรณมาเป็นอันดับหนึ่งข้าจึงคิดจะทำชาตัวหอม ชาบำรุงเลือดสำหรับสตรีและชาดอกไม้ต่างๆ ออกมาก่อนเจ้าค่ะ

ส่วนเรื่องการสร้างโรงน้ำชาข้าคิดว่าใช้ที่ดินในส่วนร้านชาเดิมก็ได้เจ้าค่ะแล้วต่อไปจะขยับขยายก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะที่ดินรอบบ้านของเราก็ยังไม่มีเจ้าของจับจองอีกทั้งมีราคาไม่ได้สูงยังสามารถซื้อได้”

ในตอนนี้ในหัวของหยวนเยี่ยนฟางคิดไกลไปถึงผลกำไรที่ได้รับไปแล้วเรียบร้อยทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่การเริ่มหาเก็บใบชาแต่เพราะดวงตาที่เปล่งประกายวับวาวของนางนี่แหละที่ทำให้คนสกุลหยวนทั้งบ้านล้วนตกอยู่ในภวังค์ดังต้องมนต์และทุกคนต่างก็มีความหวังว่ากิจการที่ล้มพับพังครืนไปตรงหน้าจะสามารถฟื้นฟูกลับมาอีกครั้งได้อย่างแน่นอน

“เอาล่ะ ตาคิดว่าพวกเราจะทำตามความคิดของเจ้านะฟางเอ๋อร์ไหนๆ ก็จะต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์อีกครั้งแล้วตาก็อยากเปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนสิ่งที่เราทำสืบต่อมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษบ้างเพื่อความเจริญรุ่งเรือง ไม่ต้องห่วงในเรื่องของโรงน้ำชาตามีเงินเก็บสะสมส่วนตัวอยู่ก้อนหนึ่งจะยกให้เจ้าไปทำทุนซื้อที่ดินข้างเรือนของเราเอาไว้ให้หมดจะเปิดโรงน้ำชาอย่างน้อยก็ต้องมีคนงานลูกจ้างควรต้องเตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แต่เนิ่นๆ เพราะลำพังแรงงานในครอบครัวของเรามันคงมีไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว

ที่สำคัญคือเรื่องของใบชา ดอกไม้และสมุนไพรต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ก็ไปหาต้นพันธุ์ในป่าหรือว่าเมล็ดพันธุ์มาปลูกเอาไว้เลยต่อไปจะได้มีใช้ไม่ขาดมือ”

เมื่อผู้อาวุโสว่าเช่นนั้นสมาชิกในบ้านสกุลหยวนจึงไม่มีใครโต้แย้งเพราะอย่างน้อยความเปลี่ยนแปลงและการมีความคิดสร้างสรรค์จะทำอะไรที่แตกต่างไปจากที่เคยทำกันมาทั้งชีวิตย่อมพาความเจริญรุ่งเรืองมาให้ครอบครัวได้อย่างแน่นอน