ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง - ตอนที่ 8 หาทุนสร้างโรงน้ำชา โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ชีวิตเก่าแม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าสบายแต่ก็ไม่เคยลำบากเข้าถึงขั้นยากจนข้นแค้น ฟางข้าวเป็นเพียงหญิงสาวที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมีงานหลักคือเรียนหนังสือและมีงานอดิเรกเป็นการแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้จ่ายไปวันๆ แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวยังช่วยเหลืองานของที่บ้านเพียงแค่ติดจะขี้เกียจเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้นต้องใช้ระบบคำสั่งถึงจะยอมขยับตัวออกห่างจากเว็บอ่านนิยายออนไลน์และเกมปลูกผักที่เจ้าตัวติดหนึบติดหนับ

แต่เมื่อบังเอิญถูกรถชนตายและได้มาเกิดใหม่โดยไม่ทันได้ตั้งตัวชีวิตนี้กลับต้องมาลำบากคล้ายกับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ให้ผ่านด่านเคราะห์ทั้งต้องผจญกับหมู่มารที่มาในรูปแบบของญาติพี่น้อง อีกทั้งยั้งต้องดิ้นรนเพื่อช่วยบิดา มารดากอบกู้กิจการเดียวที่มีของครอบครัวคือโรงน้ำชาเล็กๆ ให้สามารถยืนหยัดต่อไปได้

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 1 ลอบวางเพลิง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 2 ฟางข้าว,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 3 ตั้งสติ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 4 ชีวิตใหม่,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 5 การรักษาและบำรุงร่างกาย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 6 ยาพิษ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 7 จะกอบกู้ร้านชาด้วยมือของข้าเอง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 8 หาทุนสร้างโรงน้ำชา,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 9 ในป่าล้วนมีแต่ของดี

เนื้อหา

ตอนที่ 8 หาทุนสร้างโรงน้ำชา

แม้จะมีเงินซื้อที่ดินเตรียมไว้สร้างโรงน้ำชาแต่ทว่ารายจ่ายที่รออยู่ก็ยังคงมีอีกมากคนสกุลหยวนทุกครอบครัวจึงนำเงินเก็บสะสมไว้เอามากองรวมกันใครมีมากก็ให้มากใครมีน้อยก็ให้น้อยไม่มีใครตำหนิกันแต่สุดท้ายแล้วท่านลุงหยวนจ้านก็ขอรับเงินของครอบครัวน้องๆ ในจำนวนที่เท่ากันเพราะถือว่าทุกคนนั้นเป็นหุ้นส่วนของโรงน้ำชาใครที่ให้เงินเกินมาเขาก็เก็บเงินคืนให้ไปเพราะถึงแม้สกุลหยวนจะยังอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่แต่ทุกๆ เดือนจะมีการแบ่งผลกำไรจากร้านขายใบชาเข้ากองกลางของบ้านครอบครัวละหนึ่งส่วนอยู่แล้วดังนั้นทุกบ้านควรมีเงินเก็บเป็นของตัวเองที่สามารถเอาไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ

ดังนั้นคนสกุลหยวนจึงช่วยกันระดมความคิดเพื่อหาเงินทุนในการสร้างโรงน้ำชาที่มีร้านขายใบชาในตัวไปด้วยอีกทั้งยังต้องจัดเตรียมสร้างที่พักสำหรับคนงานและพื้นที่สำหรับทำแปลงปลูกชา ดอกไม้และพืชสมุนไพรที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตใบชาสูตรเฉพาะซึ่งนอกจากนี้ยังมีงานเฉพาะสตรีที่กำลังสนุกสนานกับการทดลองทำสูตรขนมหวานต่างๆ ที่จะนำมาใช้กินคู่กับชา

“เราขึ้นเขากันสักหน่อยไหมขอรับพี่เขย พี่ใหญ่ เข้าไปหาต้นชาแล้วก็สมุนไพรแต่ถ้าโชคดีก็น่าจะได้สัตว์ใหญ่ติดไม้ติดมือกลับมาบ้าน” เป็นหยวนคุนที่เสนอความคิดเห็นเนื่องด้วยเขตเมืองชั้นนอกนั้นผืนป่ายังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ค่อนข้างมากชาวบ้านยังสามารถล่ากวาง หมีหรือเสือได้กันอยู่เรื่อยๆ เลย

ถึงแม้จะไม่ได้คาดหวังแต่หยวนคุนก็ยังคิดว่าการเข้าป่าครั้งนี้ยังไงก็ต้องไม่สูญเปล่าเพราะพืชพรรณในป่านั่นมีเป็นร้อยเป็นพันเขาต้องเข้าไปขุดต้นแล้วก็เมล็ดพันธุ์มาฝากหลานสาวให้จงได้

“ข้าก็ว่าจะชวนพวกเจ้าไปพอดีแต่ขอรอให้ไปเจรจาเรื่องซื้อที่ดินให้เสร็จเสียก่อนจะได้ทำงานให้เสร็จไปทีละส่วน ครั้งนี้ตั้งใจจะเข้าป่าไปหลายวันสักหน่อยอยากได้สัตว์ใหญ่มาสักตัวเหมือนกันเพราะถ้าเอาไปขายที่ร้านขายยาน่าจะทำเงินให้เราได้มากพอสมควรเลยล่ะส่วนเรื่องต้นชาและสมุนไพรของเยี่ยนฟางก็ลืมไม่ได้เด็ดขาดนี่ข้าเห็นเด็กๆ เริ่มต้นทำงานด้วยการคัดแยกสมุนไพรที่มีอยู่ในบริเวณเรือนก่อนแล้วพวกเขานำหน้าพวกเราไปหนึ่งก้าวแล้วนะ” หยวนจ้านเห็นด้วยกับความคิดของน้องชายแต่เขาอยากรอให้ทางการมาจัดการวัดที่ดินว่างเปล่าที่ติดกับเรือนสกุลหยวนให้แล้วเสร็จก่อนจึงค่อยเข้าป่าไม่อยากทิ้งภาระเรื่องนี้ไว้ให้ท่านพ่อท่านแม่หรือภรรยาของตนเอง

และแม้ว่าบุรุษสกุลหยวนจะเป็นพ่อค้าขายใบชากันมาหลายชั่วอายุคนแล้วแต่เรื่องของการล่าสัตว์เก็บสมุนไพรก็ใช่ว่าจะเป็นสองรองจากบุรุษบ้านไหน ในกาลก่อนเมื่อครั้งที่ผู้เฒ่าหยวนยังเป็นหนุ่มก็เคยเข้าป่ากับบรรดาพี่น้องล่าหมีล่าเสือกลับมาบ้านได้ตั้งหลายครั้ง

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้เชียนชิงช่วยเตรียมอาหารแห้งให้นะขอรับท่านพี่แล้วข้าก็ต้องขอบคุณพวกท่านมากจริงๆ ที่ไม่คิดว่าสิ่งที่ฟางเอ๋อร์ต้องการที่จะทำนั้นเป็นเรื่องเพ้อฝันหรือว่าเรื่องไร้สาระ” แม้จะขอบคุณครอบครัวของภรรยามาหลายครั้งหลายหนแล้วแต่หยวนตงหยางก็ยังสามารถขอบคุณซ้ำๆ ได้อย่างไม่จบสิ้นเพราะมันเป็นความรู้สึกจากใจจริงของเขา

“หลานสาวข้าคนนี้ผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้งหลายหนจึงไม่แปลกที่นางจะมีความคิดแตกต่างจากผู้อื่นและในเมื่อมันเป็นความแปลกและแตกต่างในในทางที่ดีอีกทั้งทุกสิ่งที่นางพูดออกมาก็ล้วนเป็นการทำเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของผู้คนภายในสกุลหยวนแล้วเหตุใดจะต้องมองข้ามความคิดของนางด้วยเล่า

เจ็ดวันต่อมาบุรุษสกุลหยวนอันได้แก่หยวนจ้าน หยวนตงหยาง หยวนคุณและหยวนซูเลี่ยงก็แบกตะกร้าเสบียงขึ้นหลังพร้อมอาวุธทั้งหน้าไม้และธนูเพื่อเดินทางเข้าป่าไปหาสมุนไพรและล่าสัตว์โดยพวกเขาตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะไปไม่เกินเจ็ดวันและจะต้องนำของมีค่าจากป่าใหญ่กลับมายังเรือนสกุลหยวนให้จงได้

เข้าป่าไม่กี่ชั่วยามก็เจอต้นชามากมายขึ้นกันอยู่แน่นขนัดแต่บุรุษสกุลหยวนก็ยังไม่มีใครลงมือขุดมันเพราะตั้งใจจะมาขุดตอนขากลับออกจากป่าในตอนนี้แค่ทำเครื่องหมายและจดจำตำแหน่งของพวกมันเอาไว้ให้ได้เท่านั้นก็พอ

“พวกเราคงไม่ได้เข้าป่ามานานรู้สึกว่ามันอุดมสมบูรณ์มากกว่าเมื่อก่อนเสียอีกข้าเห็นทั้งไก่ป่าและกระต่ายป่าวิ่งหลบซ่อนพวกเราตลอดทางเลยนะขอรับพี่เขย” หยวนคุนบอกกับสามีของพี่สาวในขณะที่ตัวเองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสัตว์ตัวเล็กตัวน้องที่ได้เห็นระหว่างทาง

“เพิ่งเข้ามาในป่าชั้นนอกก็อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้แล้วข้าเชื่อว่าเมื่อเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ น่าจะพบสัตว์ใหญ่มากกว่านี้เป็นแน่” หยวนตงหยางเองก็มีความหวังหากครั้งนี้พวกเขาได้เสือที่สมบูรณ์สักตัวไปขายที่ร้านสมุนไพรรับรองว่าต้องได้เงินมาพอสร้างโรงน้ำชาอย่างแน่นอน

ทางฝั่งของสตรีที่อยู่ในเรือนก็กำลังช่วยกันสำรวจพืชพรรณที่มีอยู่ในสวนของเรือนทุกหลังว่ามีอะไรที่เป็นประโยชน์สามารถนำมาทำเป็นชาได้บ้างซึ่งผลลัพธ์จากการสำรวจค้นหาของตนเองและพี่ๆ น้องๆ นั้นก็ทำให้หยวนเยี่ยนฟางแสนจะชื่นใจเพราะว่าในตอนนี้นางได้วัตถุดิบของการปรุงชาตัวหอมครบทุกอย่างแล้วโดยไม่ต้องเสียเงินไปซื้อเลยสักอีแปะเดียว

โดยชาสูตรนี้นางเคยซื้อดื่มด้วยตัวเองในชีวิตก่อนมันช่วยให้ร่างกายมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนดอกไม้อีกทั้งยังช่วยให้ไม่มีกลิ่นปากอันเป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้เสียบุคลิกภาพเป็นอย่างมาก ส่วนผสมของชาตัวหอมที่ว่าก็มีอยู่หลายสูตรแต่สูตรแรกที่นางหยิบมาทำก็ใช้วัตถุดิบไม่มากมีเพียงแค่ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ ดอกหอมหมื่นลี้แล้วก็ใบเตยเท่านั้น

วัตถุดิบทุกอย่างจะถูกนำมาล้างทำความสะอาดฝุ่นผงออกไปให้หมดด้วยความพิถีพิถันจากนั้นดอกกุหลาบจะถูกเด็ดออกเป็นกลีบๆ ส่วนใบเตยจะถูกนำมาหั่นฝอยเตรียมไว้ก่อนที่ส่วนผสมทั้งหมดจะถูกนำไปตากลมตากแดดอ่อนๆ จนแห้งสนิทดีแต่ไม่ควรที่จะตากกลางแดดจัดเพราะว่าจะทำให้สีดอกไม้ซีดเมื่อนำไปชงชาแล้วน้ำชาจะมีสีไม่สวยงาม

ใช้เวลาตากวัตถุดิบราวๆ สองถึงสามวันก็มาถึงขั้นตอนที่ต้องนำดอกไม้มาบดหยาบๆ ทีละชนิดแต่ก็ยังต้องมีส่วนที่ยังคงเป็นกลีบเป็นดอกเก็บไว้ส่วนหนึ่งเพื่อความสวยงาม

“ชาตัวหอมนี้ทำง่ายเจ้าค่ะเราเพียงแค่ผสมวัตถุดิบบดหยาบทุกอย่างในปริมาณที่เท่าๆ กันแบบนี้หลังจากนั้นก็จะเติมส่วนผสมที่ยังเป็นกลีบเป็นดอกลงไปเพื่อความสวยงามนะ เมื่อได้แล้วเราก็จะมาทำการกรอกใส่ถุงชาถุงละสองช้อนแบบนี้จากนั้นก็แค่นำไปเย็บปิดปากก็เสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ก่อนหน้านี้หยวนเยี่ยนฟางสอนท่านแม่ ท่านป้าสะใภ้ ท่านน้าและพี่น้องเย็บถุงใส่ชาขึ้นมาจากผ้าขาวบางเพื่อความสะดวกนอกจากนี้ยังมีการเย็บปักบรรจุภัณฑ์เป็นถุงใส่ชาและผ้าห่อชาแบบสวยงามเอาไว้อีกด้วยโดยทั้งหมดจะมีการปักชื่อร้านน้ำชาในอนาคตเอาไว้แล้ว

“วิธีการชงชาของเจ้าแปลกยิ่งนักแต่ก็นับว่ามันดีมากทั้งยังสะดวกอีกด้วย” ท่านยายยิ้มหวานเมื่อเห็นถุงชาของหลานสาวเสร็จออกมาเป็นรูปเป็นร่างยิ่งในยามที่นางนำถุงชาไปจัดเรียงใส่ห่อก็ยิ่งงดงามมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวแล้วแบบนี้ลูกค้าจะไม่พึงพอใจได้อย่างไร

ที่สำคัญเมื่อลองดื่มชาสูตรใหม่นี้เข้าไปความหอมของดอกไม้ที่อบอวลอยู่ภายในปากก็ยิ่งทำให้ผู้อาวุโสเริ่มมีความหวังเกิดขึ้นข้างในจิตใจ นางเชื่อว่าชาของหลานสาวจะต้องขายได้แล้วก็ขายดีคนทั่วทั้งเมืองหลวงจะต้องเดินทางที่โรงน้ำชาของสกุลหยวนเป็นแน่

“ชาดีแล้วก็ต้องมีขนมอร่อยเจ้าค่ะเมื่อวันก่อนข้าทดลองทำขนมบุบฝาไส้ถั่วกวนท่านยายลองกินคู่กับน้ำชาดูนะเจ้าคะ ทุกๆ คนด้วยเจ้าค่ะชิมแล้วติชมให้ข้าด้วย” ขนมที่ว่าก็คือช่อมะลิหรือว่าช่อผกากรองไส้ถั่วแดงและถั่วเขียวแต่หยวนเยี่ยนฟางนำมาดัดแปลงเพราะว่าไม่มีแหนบจับจีบขนมสวยๆ ได้แต่ใช้ตะเกียบหนึ่งคู่มาเหลาส่วนปลายให้แบนๆ แล้วหนีบจับจีบเป็นกลีบดอกไม้ให้พอถูๆ ไถๆ ไปก่อน

“แป้งด้านนอกนุ่มนวลนักส่วนไส้ถั่วกวนนี่ก็หวานกำลังดีเมื่อกินคู่กับน้ำชายิ่งช่วยส่งเสริมความอร่อยได้อีกมากเก่งจริงๆ เลยหลานยาย” ผู้อาวุโสไม่ประหยัดคำชมเมื่อหลานทำเรื่องดีนางก็สมควรได้รับกำลังใจแล้ว

“ข้าจดสูตรเอาไว้แล้วเจ้าค่ะต่อไปข้าจะสอนให้ทุกคนทำและข้ายังมีสูตรขนมอีกหลายอย่างแต่ยังต้องมีอุปกรณ์อย่างเช่นพิมพ์ทำขนมเอาไว้หาร้านรับทำได้ข้าจะนำสูตรอื่นๆ มาสอนเพิ่มนะเจ้าคะ” แม้หยวนเยี่ยนฟางจะทำขนมไม่เป็นเลยแต่เพราะเธอเคยกินมันมาก่อนจึงสามารถแกะสูตรมาทำตามได้ไม่ยากพรสวรรค์ข้อนี้มันน่าจะเป็นพรที่ได้มาจากท่านตาผู้นั้นชีวิตนางถึงได้ราบรื่นมากกว่าที่คิดไว้

“เจ้าอยากได้อะไรก็ร่างแบบมานะท่านลุงใหญ่ของเจ้ามีสหายเปิดร้านขายเครื่องเรือนน่าจะไปว่าจ้างให้เขาทำให้ได้” เมื่อมีหนทางแก้ปัญหาแล้วหยวนเยี่ยนฟางก็ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลนางยังคงชวนทุกคนทำชาอีกสองสามสูตรที่ใช้ส่วนผสมไม่ต่างจากเดิมมากนักเช่นชาตัวหอมสูตรสอง ชาบำรุงผิวพรรณและชาผ่อนคลายความกังวล

ซึ่งในระหว่างที่คนในเรือนกำลังสนุกสนานกับการลองชิมขนมและปรุงชาข้างในป่าชั้นกลางบุรุษสกุลหยวนกลับอยู่ในสภาวะตึงเครียดเมื่อพบร่องรอยของเสือตัวใหญ่และในตอนนี้พวกเขาก็กำลังสะกดรอยตามมันไปอย่างใกล้ชิดคาดว่าภายในคืนนี้นี่แหละคงได้พบเจอตัวมัน

เมื่อเข้ามาในเขตป่าชั้นกลางพวกเขาก็ช่วยกันทั้งขุดต้นชาและขุดดอกไม้ป่าต่างๆ ที่มีสรรพคุณทางยาติดไม้ติดมือกลับไปบ้านเนื่องจากเพิ่งมาคิดได้ว่าเมื่อพบสัตว์ใหญ่แล้วก็ต้องรีบล่ารีบพามันกลับเข้าไปในเมืองก่อนที่ร่างจะเริ่มเน่าเสียน่าจะไม่มีเวลาขุดพืชขุดสมุนไพรจึงเริ่มต้นทำกันไปตั้งแต่ตอนนั้น

“ข้าได้ยินเสียงอะไรบางอย่างขอรับท่านพ่อ” เป็นบุตรชายคนเล็กที่เพิ่งได้มีโอกาสเข้าป่าล่าสัตว์ใหญ่เป็นครั้งที่สองร้องเตือนบิดาซึ่งมันก็ทำให้ท่านน้าเขยและท่านน้าที่เดินตามมาพร้อมใจกันเงียบเสียงและกวาดสายตาหาเป้าหมาย

ไม่นานนักสายตาของหยวนคุนก็ปะทะเข้ากับเสือโคร่งขนาดตัวโตเต็มวัยที่น่าจะมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าสี่ถึงห้าร้อยจินมันกำลังเอร็ดอร่อยกับมื้ออาหารกลางวันที่น่าจะเคยเป็นลูกกวางที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากชิ้นเนื้อ

ทั้งสี่คนส่งสัญญาณด้วยมือกันอย่างลับๆ พร้อมกลับเคลื่อนไหวให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เสือตัวนั้นรู้ตัวว่ามีมนุษย์กำลังปองร้ายและเนื่องจากพวกเขาเข้าใกล้มันมากกว่านี้ไม่ได้จึงต้องใช้อาวุธระยะไกลอย่างธนูและหน้าไม้เป็นตัวสังหารโดยธนูดอกแรกนั้นเป็นฝีมือของหยวนจ้านและหยวนตงหยางที่ยิงเข้าใส่มันพร้อมกันด้วยความแม่นยำธนูทั้งสองดอกพุ่งเข้าไปแทงที่คอของเสือหนึ่งแผลและที่ท้องของมันอีกหนึ่งแผลแต่ในจังหวะที่มันกำลังโมโหและดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดหยวนคุนกับหยวนซูเลี่ยงที่ปีนขึ้นไปอยู่บนที่สูงก็ยิงหน้าไม้ลงมาใส่ร่างของเสือแทบจะพร้อมๆ กัน