ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง - ตอนที่ 9 ในป่าล้วนมีแต่ของดี โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ชีวิตเก่าแม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าสบายแต่ก็ไม่เคยลำบากเข้าถึงขั้นยากจนข้นแค้น ฟางข้าวเป็นเพียงหญิงสาวที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมีงานหลักคือเรียนหนังสือและมีงานอดิเรกเป็นการแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้จ่ายไปวันๆ แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวยังช่วยเหลืองานของที่บ้านเพียงแค่ติดจะขี้เกียจเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้นต้องใช้ระบบคำสั่งถึงจะยอมขยับตัวออกห่างจากเว็บอ่านนิยายออนไลน์และเกมปลูกผักที่เจ้าตัวติดหนึบติดหนับ

แต่เมื่อบังเอิญถูกรถชนตายและได้มาเกิดใหม่โดยไม่ทันได้ตั้งตัวชีวิตนี้กลับต้องมาลำบากคล้ายกับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ให้ผ่านด่านเคราะห์ทั้งต้องผจญกับหมู่มารที่มาในรูปแบบของญาติพี่น้อง อีกทั้งยั้งต้องดิ้นรนเพื่อช่วยบิดา มารดากอบกู้กิจการเดียวที่มีของครอบครัวคือโรงน้ำชาเล็กๆ ให้สามารถยืนหยัดต่อไปได้

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 1 ลอบวางเพลิง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 2 ฟางข้าว,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 3 ตั้งสติ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 4 ชีวิตใหม่,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 5 การรักษาและบำรุงร่างกาย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 6 ยาพิษ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 7 จะกอบกู้ร้านชาด้วยมือของข้าเอง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 8 หาทุนสร้างโรงน้ำชา,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 9 ในป่าล้วนมีแต่ของดี

เนื้อหา

ตอนที่ 9 ในป่าล้วนมีแต่ของดี

หลังจากบุรุษบ้านหยวนสามารถล่าเสือตัวใหญ่ได้ก็เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วเขตเมืองชั้นนอกลามไปถึงเขตเมืองชั้นในเพราะร้านขายยาสมุนไพรที่บุรุษสกุลหยวนเลือกไปขายร่างเสือโคร่งให้คือร้านขายยาสมุนไพรสกุลฝูของท่านหมอฝูชุนซึ่งก็ได้รับค่าตอบแทนมาอย่างสมน้ำสมเนื้อซึ่งหลังจากนั้นอีกราวๆ สองเดือนหลังจากที่หยวนเยี่ยนฟางฝังเข็มรักษาอาการป่วยครั้งที่สามผ่านไปแล้วและนางก็มีร่างกายที่แข็งแรงขึ้นจนผิดหูผิดตาคนบ้านหยวนก็พากันเข้าป่าอีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นเพียงการเข้าป่าเพียงแค่หาสมุนไพรตามใจคนปรุงชา

ทางด้านโรงน้ำชาเองก็คืบหน้าไปมากบ้านพักของคนงานในส่วนของที่ดินที่ซื้อใหม่นั้นสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วประกอบด้วยเรือนพักคนงานแบบครอบครัวสี่หลังและเรือนพักคนงานแยกหญิงชายอีกสองหลังที่มีห้องพักมากถึงหลังละสิบห้องนอน ในตอนนี้กำลังจะเริ่มสร้างโรงน้ำชาหลังจากที่ขุดสระบัวกลางที่ดินเสร็จไปแล้วเรียบร้อย

โรงน้ำชานั้นจะเป็นอาคารสองชั้นมีทั้งห้องส่วนตัวและโต๊ะนั่งทั่วไปที่เป็นมาตรฐานของโรงน้ำชาและเหลาอาหารทั่วไปอยู่แล้ว นอกจากนี้พื้นที่บริเวณชั้นหนึ่งนั้นจะมีเวทีเล็กๆ สำหรับทำการแสดงของนักกวีและนักดนตรีที่จะถูกจ้างมาสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปและในอนาคตหยวนเยี่ยนฟางตั้งใจที่จะสร้างห้องส่วนตัวที่เป็นซุ้มดอกไม้รอบๆ สระบัวแต่นั่นมันยังเป็นโครงการที่จะขยับขยายในอนาคตตอนนี้ขอแค่ทำตัวโรงน้ำชาหลักให้สามารถค้าขายทำกำไรได้ก่อนก็พอ

“ลูกแต่งตัวเรียบร้อยดีหรือไม่เจ้าคะ” หยวนเยี่ยนฟางที่วันนี้สวมชุดทำงานแบบกางเกงที่รบเร้าให้มารดาตัดเย็บให้เดินออกมาจากห้องนอนของตนเองเพื่อให้บิดาได้สำรวจความเรียบร้อย

“เรียบร้อยดีแล้วล่ะลูกรักแล้วเจ้าอย่าลืมตะกร้าสะพายหลังด้วยล่ะไม่เช่นนั้นจะไม่มีอะไรใส่ของ” หยวนตงหยางมองบุตรสาวด้วยสายตาเอื้อเอ็นดูและมีความสุขเมื่อเห็นว่านางแทบจะไม่มีเค้าของหยวนเยี่ยนฟางเด็กน้อยขี้โรคในวันวานอีกต่อไปแล้ว

“ไม่ลืมเจ้าค่ะ ลูกขอไปดูเสี่ยวหลินก่อนนะเจ้าคะท่านพ่อ” พูดจบหยวนเยี่ยนฟางก็วิ่งไปดูน้องสาวที่ยังแต่งตัวอยู่ในห้องโดยวันนี้คนที่เข้าป่านอกจากกลุ่มบุรุษที่เคยล่าเสือแล้วก็ยังมีท่านป้าสะใภ้และพี่สาวลี่ซือ ท่านน้ามี่เจียงและน้องสาวเหม่ยเหมยจะมีคนที่ไม่ได้เดินทางไปด้วยก็เพียงท่านตา ท่านยาย ท่านแม่และน้องชายฝาแฝดของนางเท่านั้น

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเร็วกว่าเวลาปกติเล็กน้อยทุกคนก็พร้อมเดินทางเข้าป่าเพื่อไปขุดเอาต้นชาและสมุนไพรต่างๆ มาปลูกในที่ดินที่ยังเหลือพื้นที่อีกมากและหลังจากนี้หยวนเยี่ยนฟางก็ยังจะหาต้นพันธุ์ผลไม้ต่างๆ มาปลูกเพิ่มด้วยเพราะผลไม้ทุกชนิดล้วนสามารถนำมาทำเป็นชาได้

เดินเข้าป่ามาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็มาถึงจุดที่พบต้นชาเมื่อครั้งก่อนที่ยังไม่มีชาวบ้านที่ไหนมาขุดหรือตัดไปซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะชาวบ้านบางคนไม่เคยเห็นใบชาสดๆ เลยด้วยซ้ำตั้งแต่เกิดมาเพราะฉะนั้นพวกเขาจะไม่รู้จักต้นชาก็คงจะไม่แปลกอะไร

“ดีจังเลยเจ้าค่ะที่เราเอารถเข็นมาด้วยตั้งสองคันเพราะมันช่วยทุ่นแรงได้มากเลยทีเดียว” แค่ขุดต้นชาที่จุดแรกก็ได้มายี่สิบกว่าต้นถ้าไม่มีรถเข็นก็คงได้แบกขนกันหลังแทบแอ่นไม่ได้เข้าป่าไปหาสมุนไพรอย่างอื่นอีกต่อไปแน่ๆ

“น้าจำได้ว่าครั้งก่อนเจอดงต้นชาน่ะเลยพาเข้ามาที่จุดเดิมโชคดีเหลือเกินที่พวกมันยังไม่ถูกขุดไป” หยวนคุนที่ช่วยหลานสาวขุดต้นชาอย่างตั้งอกตั้งใจหันมาตอบ

“ท่านน้าเจ้าขา ข้าคิดว่าเจอต้นส้มท่านว่ามันจะใช่หรือไม่เจ้าคะผลบนต้นมันยังเล็กนักข้าจึงยังไม่ค่อยมั่นใจ” หยวนเยี่ยนฟางชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีดอกสีขาวเต็มต้นอีกทั้งยังเพิ่งจะติดผลเป็นลูกเล็กๆ อยู่ประปรายนางจึงยังดูไม่ออก

“ต้นส้มแน่นอนล่ะฟางเอ๋อร์ ดียิ่งนักครั้งก่อนที่เข้ามาน้าไม่ทันสังเกตเลยมัวแต่ก้มหน้าดูต้นไม้ที่มันเตี้ยๆ เลยไม่รู้ว่ามันมีผลไม้อะไรบ้าง” เมื่อพบต้นส้มใหญ่หยวนเยี่ยนฟางก็เริ่มมองหาต้นกล้าเล็กๆ ที่มันงอกจากเมล็ดที่สัตว์ป่ามากินผลส้มแล้วขับถ่ายทิ้งเอาไว้จนได้พบกับต้นส้มที่สูงราวหนึ่งจั้งตั้งห้าหกต้นซึ่งแน่นอนว่านางต้องขอให้ท่านน้าขุดขึ้นรถเข็นไปจนเกลี้ยง

“ฟางเอ๋อร์ทางนี้มีต้นบ๊วยด้วยนะเจ้าต้องการมันหรือไม่” ท่านลุงตะโกนถามมาจากในป่าที่ถัดจากจุดที่หยวนเยี่ยนฟางยืนอยู่เล็กน้อยนางจึงค่อยๆ เดินไปตามเสียงแล้วก็พบต้นบ๊วยต้นใหญ่ที่กำลังติดลูกอยู่เต็มต้นซึ่งนอกจากงานนี้จะต้องขุดต้นบ๊วยแล้วยังต้องรบกวนพี่ซูเลี่ยงปีนขึ้นไปเขย่าต้นบ๊วยเพื่อเก็บผลกลับไปดองเกลือและน้ำตาลเก็บไว้ประกอบอาหารและชงน้ำดื่ม

ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปถึงเขตป่าชั้นกลางครอบครัวสกุลหยวนก็พบกับพืชพรรณที่น่าสนใจมากมายคล้ายกับว่าพวกมันต่างก็พยายามออกมาอวดโฉมให้เห็นจะได้ถูกขุดถูกเก็บไปใช้ประโยชน์แต่ไม่ว่าจะด้วยความโชคดีหรือเหตุผลอื่นใดก็ตามแต่หยวนเยี่ยนฟางก็กำลังมีความสุขมากจริงๆ

หลังจากพักกินข้าวกลางวันที่ห่อเตรียมมาจากเรือนและได้กินไก่ป่าย่างหอมๆ ที่ท่านน้าหยวนคุนเป็นคนยิงหน้าไม้จับมาได้หยวนเยี่ยนฟางก็ออกเดินสำรวจพื้นที่รอบตัวและรอย่อยไปในเวลาเดียวกัน

“หืม นั่นมันจะใช่อย่างที่ข้าคิดไว้หรือเปล่านะ เสี่ยวหลินเจ้าไปตามท่านพ่อมาให้ทีได้หรือไม่พี่จะรออยู่ตรงนี้ก่อนอยากสำรวจให้แน่ใจว่ามันมีเห็ดนี่ขึ้นอยู่ตรงอื่นอีกหรือเปล่า” หยวนเยี่ยนฟางบอกกับน้องสาวให้ไปตามท่านพ่อที่นั่งสนทนากับท่านลุงและท่านน้าอยู่ไม่ไกลนักและเมื่อน้องสาวพาท่านพ่อเดินมาหาแค่เห็นสายตานางก็เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่คาดไว้ไม่ผิดไปเลยสักนิด

เห็ดดอกใหญ่ที่ขึ้นอยู่เป็นกอบนตอไม้ที่ยืนต้นตายนั้นคือเห็ดหลินจือแดงสมุนไพรอันมีค่าที่ร้านขายยาและโรงหมอทุกแห่งต่างก็ต้องการมันเป็นที่สุด

“ฟางเอ๋อร์ลูกรักนี่เจ้าพบเห็ดหลินจือแดงอย่างนั้นหรือ” หยวนตงหยางไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองจึงมองกอเห็ดหลินจือนับสิบดอกสลับกับใบหน้าเกลี้ยงเกลาของบุตรสาวคนโตด้วยท่าทางที่โง่งม

“เป็นลูกที่พบพวกมันทั้งหมดเจ้าค่ะท่านพ่อ เรามาช่วยกันเก็บเห็ดหลินเจือพวกนี้เถิด ลูกตั้งใจจะเอาไปขายที่ร้านขายยาสมุนไพรของท่านหมอฝูเงินทั้งหมดจะเก็บไว้สร้างโรงน้ำชาเจ้าค่ะ”

หยวนตงหยางยิ้มให้กับคำพูดที่แสนน่ารักของบุตรสาวจากนั้นก็ช่วยกันเก็บเห็ดหลินจือทั้งหมดอย่างระมัดระวังไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีดอกใหญ่กว่าฝ่ามือเขาถึงหกดอกส่วนที่เหลือก็มีขนาดลดหลั่นกันไปแต่ขนาดเล็กที่สุดก็ยังใหญ่กว่าฝ่ามือของหยวนเยี่ยนฟางอยู่ดี

ยิ่งพบเห็ดหลินจือคนบ้านหยวนก็ยิ่งมีกำลังใจในการค้นหาสมบัติในป่ากว้างซึ่งนอกจากผลไม้ ดอกไม้และสมุนไพรแล้วก็ยังมีหัวมันหัวเผือกอีกจำนวนหนึ่งที่พวกเขาขุดเอาไปเพื่อเก็บไว้ทำขนมและส่วนหนึ่งก็จะเอาไปปลูกเพื่อขยายพันธุ์ต่อไปจะได้มีใช้ไปได้ตลอดแม้ในช่วงแรกๆ อาจจะต้องเข้ามาเก็บจากในป่าอยู่บ้างเป็นครั้งคราว

“ท่านพ่อเจ้าขาลูกเห็นว่าริมลำธารที่เราเดินผ่านมานั้นมีดอกไม้ป่าสีสันสวยงามอยู่มากมายลูกอยากเก็บพวกมันไปปลูกไว้ที่โรงน้ำชาเจ้าค่ะ” ดอกไม้ป่าแม้จะดูไม่มีค่าในสายตาของคนอื่นแต่สำหรับหยวนเยี่ยนฟางนั้นพวกมันทั้งสวยงามและมีประโยชน์หากนำไปปลูกและเลี้ยงดูดีๆ รับรองว่างดงามไม่แพ้ดอกไม้ในจวนขุนนางเลยด้วยซ้ำไป

“พ่อเองก็เห็นว่าใกล้ๆ กับบริเวณที่เจ้าพบดอกหลินจือก็มีกล้วยไม้กำลังผลิดอกอยู่มากมายหลายสีเจ้าอยากได้มันด้วยหรือไม่เมื่อครู่พ่อเองก็มัวแต่ตื่นเต้นจนไม่ทันจะได้บอกเจ้า”

“ต้องการเจ้าค่ะดอกกล้วยไม้นี่แหละทั้งงดงามและจะช่วยให้โรงน้ำชาของเรามีสีสันสวยงามมากขึ้น”

กว่าจะกลับมาถึงบ้านเวลาก็ล่วงเลยไปถึงปลายยามโหย่วซึ่งหยวนเชียนชิงที่รอสามีและลูกๆ อยู่บ้านก็ถึงกับมีอาการนั่งไม่ติดแต่เมื่อเห็นข้าวของที่คนในครอบครัวขนออกมาจากป่าก็ได้แต่เอามือทาบอกเพราะไม่คิดว่าพวกเขาจะโชคดีมากถึงขนาดนี้เพราะชาวบ้านบางคนเข้าป่าไปทั้งวันแค่หัวมันหัวเผือกยังไม่สามารถขุดกลับมาได้เลย

“น้องรองนี่คือผลงานที่น่าภาคภูมิใจของลูกสาวเจ้า ฟางเอ๋อร์บอกว่าเงินที่ได้จากการขายเห็ดหลินจือทั้งหมดจะยกให้เป็นทุนในการสร้างโรงน้ำชา” หยวนจ้านยิ้มกว้างให้น้องสาวจากนั้นจึงเปิดห่อผ้าที่มีเห็ดหลินจือดอกใหญ่วางเรียงอยู่กว่าสิบดอกให้น้องสาวดูซึ่งทันทีที่นางได้เห็นมารดาของหยวนเยี่ยนฟางก็เกือบที่จะเป็นลมล้มพับไป

“ลูกพบเห็ดหลินจือเหล่านี้ได้อย่างไรหรือฟางเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าเห็ดพวกนี้มันจะขึ้นอยู่ในป่าชั้นในหรือเจ้าคะท่านพี่” หยวนเชียนชิงหันไปถามลูกทีถามสามีทีด้วยความตื่นเต้นปะปนกับความเป็นห่วงไม่คิดว่าสามีจะกล้าพาบุตรสาวเข้าไปถึงบริเวณป่าชั้นในที่มีแต่อันตรายรอบตัว

“เห็ดนี่ลูกพบพวกมันที่รอยต่อของป่าชั้นนอกกับป่าชั้นกลางเจ้าค่ะหลังจากที่หยุดพักกินข้าวกลางวันลูกก็ออกไปเดินสำรวจสมุนไพรพร้อมกับเดินย่อยอาหารกับเสี่ยวหลินแล้วก็พบเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นตายอยู่ต้นหนึ่ง” หยวนเยี่ยนฟางเล่าให้มารดาฟังอย่างไม่มีปิดบังเลยแม้แต่น้อย

“เอาล่ะเดี๋ยวค่อยคุยกันตอนกินอาหารเย็นก็ได้หลานๆ ของข้าคงหิวแย่แล้วแต่ก่อนจะมากินข้าวฟางเอ๋อร์เอาเห็ดหลินจือไปเก็บไว้ในเรือนดีๆ ก่อนนะแล้วพรุ่งนี้ตาจะให้บิดาเจ้าพาไปขายที่ร้านขายยาสมุนไพรของท่านหมอฝูถ้าเด็กๆ อยากไปเที่ยวในเมืองชั้นในกันก็พาไปด้วยทั้งหมดนั่นแหละตาจะให้ค่าขนมพวกเจ้าเอง” ท่านตาหยวนที่กลัวว่าหลานๆ จะหิวเพราะไปใช้แรงอยู่ในป่ากันมาทั้งวันจึงสั่งให้ทุกคนไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมารับประทานอาหารกันก่อน

และอีกอย่างหนึ่งช่วงเวลาหลายเดือนมานี้หลานๆ ของตนเองทั้งหลานปู่หลานตาต่างก็ช่วยที่บ้านทำงานกันจนแทบไม่ได้มีเวลาไปวิ่งเล่นในเมื่อสถานการณ์ในเรือนสกุลหยวนคลี่คลายไปมากแล้วจะให้เด็กๆ ออกไปเที่ยวเล่นบ้างก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ผิดอะไร

เด็กๆ สกุลหยวนทั้งหลานปู่หลานตาได้ยินเข้าก็ต่างมีสีหน้าท่าทางที่ดีอกดีใจเพราะถึงพวกเขาจะเต็มใจและตั้งใจทำงานมากเท่าไหร่แต่สุดท้ายแล้วเด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำภายในจิตใจล้วนอยากมีเวลาเที่ยวเล่นกันตามประสาเป็นของธรรมดา

งานนี้แน่นอนว่าคนที่ดีใจที่สุดคงไม่พ้นหยวนเยี่ยนฟางที่ตั้งแต่มาใช้ชีวิตในร่างนี้ยังไม่เคยออกไปเห็นการดำเนินชีวิตของผู้คนหรือบ้านเรือนเลยสักครั้งแม่ว่าครอบครัวนางจะอาศัยอยู่ในเขตเมืองหลวงแต่ก็เป็นเพียงแค่เขตเมืองหลวงชั้นนอกไม่มีทางมีความเจริญและความคึกคักของผู้คนและการค้าเท่ากับเขตเมืองหลวงชั้นในอย่างแน่นอน