ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย
ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่างดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย
ชีวิตเก่าแม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าสบายแต่ก็ไม่เคยลำบากเข้าถึงขั้นยากจนข้นแค้น ฟางข้าวเป็นเพียงหญิงสาวที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมีงานหลักคือเรียนหนังสือและมีงานอดิเรกเป็นการแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้จ่ายไปวันๆ แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวยังช่วยเหลืองานของที่บ้านเพียงแค่ติดจะขี้เกียจเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้นต้องใช้ระบบคำสั่งถึงจะยอมขยับตัวออกห่างจากเว็บอ่านนิยายออนไลน์และเกมปลูกผักที่เจ้าตัวติดหนึบติดหนับ
แต่เมื่อบังเอิญถูกรถชนตายและได้มาเกิดใหม่โดยไม่ทันได้ตั้งตัวชีวิตนี้กลับต้องมาลำบากคล้ายกับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ให้ผ่านด่านเคราะห์ทั้งต้องผจญกับหมู่มารที่มาในรูปแบบของญาติพี่น้อง อีกทั้งยั้งต้องดิ้นรนเพื่อช่วยบิดา มารดากอบกู้กิจการเดียวที่มีของครอบครัวคือโรงน้ำชาเล็กๆ ให้สามารถยืนหยัดต่อไปได้
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
ท่านหมอฝูชุนระบายยิ้มบางเบาอย่างไม่คิดจะปกปิดความพึงพอใจเมื่อลูกเขยบ้านหยวนจูงมือบุตรสาวคนโตเข้ามาที่ร้านขายยาสมุนไพรของตนเองพร้อมทั้งแจ้งว่าต้องการมาขายเห็ดหลินจือสมุนไพรหายากและเป็นที่ต้องการของร้านขายยาและโรงหมอทุกแห่งไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
ลำพังแค่เห็ดหลินจือดอกเดียวขนาดเท่าฝ่ามือก็นับว่าหายากมากแล้วแต่คุณหนูใหญ่บ้านรองสกุลหยวนกลับนำเห็ดหลินจือมาขายให้หมอชราอย่างเขาเต็มตะกร้าสะพายหลังของผู้ใหญ่แล้วเช่นนี้จะไม่ให้อดีตหมอหลวงอย่างฝูชุนดีใจได้อย่างไรกันเล่า
“เห็ดหลินจือของเจ้าสมบูรณ์ทุกดอกเลยล่ะคุณหนูหยวนข้าจะให้ราคาเจ้าตามขนาดของดอกนะ ขนาดใหญ่สุดดอกละหนึ่งพันห้าร้อยมีทั้งหมดหกดอก ขนาดรองลงมาอีกห้าดอกก็ราคาหนึ่งพันสองร้อยส่วนขนาดเล็กสุดมีราคาอยู่ที่หนึ่งพันมีอยู่ห้าดอกรวมเป็นเงินทั้งสิ้นสองหมื่นตำลึงทองพอดี เจ้าอยากรับตั๋วแลกเงินทั้งก้อนหรือจะให้ข้าแบ่งเป็นหลายใบดีล่ะบอกมาได้เลยแล้วข้าจะให้คนงานรีบไปจัดการให้” ท่านหมอชราไม่ได้กดราคาเลยแม้แต่เหรียญทองแดงเดียวเขาเต็มใจจ่ายเงินจำนวนนี้เพราะตนเองยังสามารถนำเห็ดหลินจือไปใช้ประโยชน์ต่อและทำเงินได้อีกมากมาย
“ท่านหมอว่าอย่างไรนะขอรับ งะ เงินเท่าไหร่นะขอรับ” หยวนตงหยางเหมือนได้ยินเสียงวิ้งข้างในหูตัวเองหลังจากที่ท่านหมอแจ้งราคาของเห็ดหลินจือทั้งหมดจบลงจากนั้นก็หูดับไปเลยครู่หนึ่ง จนเมื่อตั้งสติได้จึงขอทวนราคาค่าเห็ดหลินจืออีกครั้งเพื่อความแน่ใจจะได้จัดสรรเงินก้อนนี้ได้ถูกเพราะเมื่อก่อนออกมาจากบ้านบิดาของภรรยาบอกเอาไว้ว่าเงินนั้นไม่จำเป็นต้องเอามาสร้างโรงน้ำชาทั้งหมดแบ่งมาเพียงสองส่วนก็พอและเงินที่เหลือก็ยกให้เป็นสมบัติของหยวนเยี่ยนฟางให้นางตัดสินใจเอาเองว่าจะเอาไปใช้จ่ายเรื่องใดบ้างในฐานะผู้ที่พบเจอเห็ดมีค่าพวกนี้
“ข้าจ่ายเงินค่าเห็ดหลินจือทั้งหมดสองหมื่นตำลึงทองให้เจ้าและบุตรสาว” ท่านหมอฝูชุนตอบหยวนตงหยางอีกครั้งด้วยจำนวนเดิม
“ท่านหมอ ท่านพ่อเจ้าคะเป็นข้าที่เสียมารยาทแล้ว ท่านพ่อลูกขอจัดการเรื่องตั๋วแลกเงินเองได้ไหมเจ้าคะ” หยวนเยี่ยนฟางที่คิดคำนวณเรื่องนี้เอาไว้ในหัวตั้งแต่ได้ยินท่านตาบอกว่าจะไม่เอาเงินทั้งหมดที่ขายเห็ดไปสร้างโรงน้ำชาดังนั้นนางจึงคิดหนทางในการตอบแทนครอบครัวสักครั้ง
“ต้องขออภัยท่านหมอด้วยเนื่องจากมันเป็นเงินจำนวนมากข้าและบุตรสาวจึงต้องปรึกษากันให้รอบคอบเสียก่อน เจ้าจะจัดการอย่างไรบ้างเล่าฟางเอ๋อร์ช่วยบอกพ่อก่อนได้หรือไม่” หยวนตงหยางหันไปค้อมศีรษะเป็นการขออภัยท่านหมอชราที่ตนเองต้องเสียมารยาทแต่การจัดสรรตั๋วแลกเงินไปตั้งแต่ที่ร้านนี้ก็จะทำให้พวกเขาไม่ต้องไปเสียเวลาที่ร้านรับแลกเงินอีกครั้งหนึ่ง
“ตามสบายเลยข้าเข้าใจดีเอาเป็นว่าพวกเจ้าปรึกษากันตามสบายได้เรื่องอย่างไรก็ออกไปแจ้งข้าข้างนอกนะ” ท่านหมอชราให้เวลาสองพ่อลูกได้หารือกันเป็นการส่วนตัวจึงออกไปรอข้างนอกห้องรับรอง
“ท่านพ่อเจ้าคะลูกต้องการแบ่งเงินก้อนนี้ออกเป็นหกส่วนเท่าๆ กัน หนึ่งส่วนสำหรับโรงน้ำชา หนึ่งส่วนสำหรับท่านตาและท่านยายที่เหลือก็แบ่งให้ทุกครอบครัวในบ้านหยวนคนละหนึ่งส่วนเจ้าค่ะ” หยวนเยี่ยนฟางตอบบิดาอย่างฉาดฉานเพราะนางคิดทบทวนอย่างถ้วนถี่มาตลอดการเดินทางเข้ามายังเมืองหลวงชั้นในแล้ว
เงินจำนวนสองหมื่นตำลึงทองเมื่อแบ่งเป็นหกส่วนก็จะได้ส่วนละสามพันกว่าตำลึงใช้เงินส่วนเดียวก็เกินพอที่จะสร้างโรงน้ำชาแล้วและที่นางต้องการแบ่งให้ครอบครัวของท่านลุงท่านน้าด้วยก็เพราะว่าที่ผ่านมาคนสกุลหยวนไม่เคยเลยสักครั้งที่จะละทิ้งครอบครัวของนางไว้เบื้องหลังแม้ในยามที่ยากลำบากที่สุดอย่างการออกมาจากสกุลกู่ตัวเปล่าบ้านหยวนก็ยังอ้าแขนรับด้วยความเต็มใจ
แม้เงินก้อนนี้จะทำให้คนทั้งบ้านอยู่กินกันสบายไปทั้งชีวิตโดยไม่ต้องทำงานอะไรอีกต่อไปแล้วก็ได้แต่เด็กหญิงก็ยังเชื่อว่าคนสกุลหยวนไม่มีทางทำตัวเกียจคร้านเป็นอันขาดมีแต่จะยิ่งขยันหาเงินให้มันเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นโดยลึกๆ ในใจแล้วนางเชื่อว่าท่านลุงและท่านน้าต้องเก็บเงินส่วนแบ่งนี้เอาไว้ให้พี่ๆ น้องๆ ของนางสำหรับการออกเรือนอย่างแน่นอน
“ถ้าเช่นนั้นจงแบ่งตั๋วแลกเงินออกเป็นสามพันตำลึงทองหกส่วนตามความตั้งใจของเจ้าและเงินส่วนสุดท้ายสองพันตำลึงทองนี้พ่ออยากลูกเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวเพราะคนที่พบเห็ดพวกนั้นเป็นคนแรกคือลูกนะฟางเอ๋อร์ ลูกไม่ควรแบ่งมันออกไปเสียหมด”
“ลูกเชื่อฟังท่านพ่อเจ้าค่ะถ้าเช่นนั้นลูกออกไปแจ้งท่านหมอนะเจ้าคะเราจะได้ไปทำธุระอย่างอื่นต่อ” หยวนเยี่ยนฟางเดินออกไปตามท่านหมอฝูชุนจากนั้นก็นั่งรอและฟังท่านพ่อสนทนากับท่านหมออยู่ในห้องรับรองนั้นราวๆ หนึ่งเค่อก็ได้รับตั๋วแลกเงินเจ็ดใบมาไว้ในมือ
“ดูจากที่เจ้าสามารถเดินทางไกลเข้าป่าไปหาสมุนไพรได้อาการคงดีขึ้นไม่น้อยแล้วนะคุณหนูหยวนอย่างไรแล้วครั้งหน้าข้าที่ต้องฝังเข็มจะกำชับอาลู่ให้ตรวจร่างกายเจ้าให้ละเอียดก็แล้วกันเพราะอาจจะมีข่าวดีก็ได้อย่างน้อยๆ ข้าก็คิดว่าอาจจะไม่ต้องฝังเข็มอีกแล้วส่วนยาบำรุงยังคงต้องกินอย่างต่อเนื่องไปอีกสักเดือนสองเดือนแต่ไม่ต้องกังวลเพราะทุกเดือนเจียวลู่จะปรับเทียบยาให้เจ้าตามอาการ” ก่อนลาท่านหมอฝูเพื่อไปทำธุระต่อหยวนเยี่ยนฟางไม่ลืมที่จะกล่าวคำขอบคุณและมอบชาสมุนไพรบำรุงหัวใจที่นางตั้งใจทำมาให้ท่านหมอชราเป็นของฝาก
เสร็จธุระจากร้านขายยาสมุนไพรสกุลฝูสองพ่อลูกก็ออกมาสมทบกับพี่น้องที่นั่งรออยู่ที่ร้านน้ำชาใกล้ๆ ก่อนที่เหล่าสตรีจะแยกย้ายกันไปหาซื้อข้าวของเข้าบ้านซึ่งมีทั้งอาหารแห้งต่างๆ และเสื้อผ้าอาภรณ์รวมไปถึงผ้าขาวบางที่จำเป็นมากสำหรับการเย็บถุงชา
บ้านท่านลุงกับท่านน้าสามแยกไปที่ร้านค้าข้าวก่อนส่วนครอบครัวของหยวนเยี่ยนฟางจะไปที่ร้านขายผ้าเพื่อเลือกผ้าขาวบางที่เนื้อละเอียดสักหน่อยไปเตรียมทำถุงชาและยังต้องเลือกซื้อผ้าพับสำหรับไปตัดเสื้อผ้าสวมใส่อีกด้วยแต่ก็ไม่นึกว่าในวันดีๆ เช่นนี้จะยังมีเรื่องให้ต้องหงุดหงิดใจเมื่อก้าวขาเข้าไปในร้านขายผ้าที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้แล้วสายตาไปปะทะเข้ากับน้าสะใภ้สกุลกู่
“ตายแล้วดูท่าเถ้าแก่เนี้ยจะต้องเลือกลูกค้าที่เข้ามาร้านหน่อยนะ พวกชาวบ้านที่ดูจะไม่มีเงินน่ะข้ากลัวจะเข้ามาขโมยมากกว่าซื้อของ” ถ้อยคำที่หลุดออกจากปากของสะใภ้รองสกุลกู่ภรรยาของน้องชายคนรองของท่านพ่อทำเอาหยวนเยี่ยนฟางถึงกับคิ้วขมวดไม่คิดว่าในโลกนี้จะมีคนที่มีนิสัยเหมือนนางร้ายออกนอกหน้าได้ถึงขนาดนี้จนนางเผลอคิดไปว่าตัวเองกำลังนั่งดูละครคุณธรรมในชีวิตก่อน
“เถ้าแก่เนี้ยเจ้าคะ ข้าต้องการชุดสำเร็จของเด็กชายเด็กหญิงขนาดเท่าตัวน้องๆ ของข้า รวมไปถึงเสื้อผ้าผู้ใหญ่ทั้งชายหญิงด้วยขอเป็นผ้าเนื้อดีและผ้าไหมนะเจ้าคะ” หยวนเยี่ยนฟางไม่เสียเวลาไปต่อความยาวสาวความยืดวันนี้ท่านตาให้เงินนางมาไม่น้อยและกำชับให้ซื้อของจำเป็นในครอบครัวให้ครบอีกทั้งท่านพ่อและท่านแม่ก็พกถุงเงินมาอีกคนละถุงนางจึงไม่กลัวเลยในเรื่องที่จะไม่มีเงินจ่ายถ้ามันไม่พอนางจะเอาเงินค่าเห็ดหลินจือที่เพิ่งได้รับมาใช้จ่ายให้คนที่ปากไม่มีหูรูดได้ดู
“อ้อ แล้วก็ถุงเท้ารองเท้าด้วยอีกสักครู่พี่น้องชายหญิงของข้าจะตามมาสมทบรบกวนท่านเตรียมชุดสำเร็จของชายหญิงที่โตกว่าข้าสักเล็กน้อยไว้ให้เลือกด้วยนะเจ้าคะ เกือบลืมไปเลยท่านแม่ช่วยเลือกผ้าขาวบางด้วยลูกอยากได้ผ้าที่มีเนื้อละเอียดสักหน่อย” เด็กหญิงยังคงพูดต่อโดยไม่ได้ให้ความสนใจอะไรคนบ้านกู่ที่ยืนถลึงตาใส่นางทั้งแม่และลูกนี่ถ้าจำไม่ผิดเด็กหญิงที่ยืนเชิดหน้าอยู่ข้างๆ น้าสะใภ้ก็น่าจะเป็นบุตรสาวที่เกิดปีเดียวกันกับหยวนเยี่ยนฟางและเด็กคนนี้ยังเคยกลั่นแกล้งพวกนางสองพี่น้องสกุลหยวนด้วย
ลำพังเด็กหญิงคนเดียวกลั่นแกล้งกันก็ไม่น่าจะรุนแรงอะไรแต่บ่อยครั้งที่กู่เจียวเหม่ยจะตามบรรดาพี่ชายน้องชายมารุมกลั่นแกล้งหยวนเยี่ยนฟางและหยวนเล่อหลินที่ตอนนั้นยังอ่อนแออยู่มากแต่ในวันนี้ที่เด็กสาวแข็งแรงขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจนางสัญญาเลยว่าจะหาทางเอาคืนคนบ้านกู่ให้สาสมกับความเลวร้ายที่พวกเขาเคยได้กระทำเอาไว้
เมื่อคนบ้านกู่ได้ยินสิ่งที่หยวนเยี่ยนฟางพูดกับเถ้าแก่เนี้ยร้านขายผ้านางก็เพียงเงี่ยหูฟังแต่ก็ยังคอยจับตาดูอยู่เงียบๆ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรต่อเพราะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวแค่นั้นน่าจะพูดออกมาส่งเดชแค่ขอเลือกของแล้วก็ไม่น่าจะซื้อจริงถึงจะมีปัญญาซื้อได้ก็น่าจะจ่ายเพียงแค่ชุดผ้าฝ้ายเนื้อดีนางจึงรอเวลาที่จะทับถมตอนหลัง
แต่ที่ไหนได้เมื่อภรรยาและบุตรสาวเลือกชุดที่ต้องการได้แล้วไม่ว่าจะเป็นชุดสำเร็จผ้าเนื้อดีหรือว่าชุดผ้าไหมที่ตนเองหมายตาเอาไว้แต่ยังไม่มีเงินมากพอจะซื้อนี่ยังไม่นับผ้าพับเนื้อดีอีกมากที่กองพะเนินหยวนตงหยางกลับควักเงินตำลึงออกมาจ่ายได้อย่างหน้าตาเฉย
“ร้านชาสกุลหยวนไฟไหม้ไปแล้วไม่ใช่หรือเหตุใดพวกเจ้าจึงมีเงินมาใช้จ่ายมากมายขนาดนี้” กู่หงฮวาหลุดปากออกมาด้วยความอิจฉาริษยาที่อัดแน่นจนแทบจะกระอักตายไหนสามีของนางบอกว่าร้านขายชาของพวกมันถูกเผาจนวอดวายไปแล้วและเหตุใดพวกมันจึงยังมีเงินมาจับจ่ายซื้อของได้เล่า ในเรื่องนี้สามีนางหมดเงินไปหลายตำลึงทองทั้งจ้างวานคนอีกทั้งยังใช้เงินปิดปากเจ้าหน้าที่ของทางการเมื่อเรื่องราวใกล้จะสาวมาถึงตัวการลงทุนนั้นมันจะสูญเปล่าไปได้อย่างไรกัน
“ไม่ยักรู้ว่าเรื่องราวของเรือนสกุลหยวนที่อยู่ถึงเขตเมืองหลวงชั้นนอกจะโด่งดังมาถึงเขตเมืองหลวงชั้นในแต่ข่าวไม่ค่อยจะได้กรองนะเจ้าคะเนื้อความจึงไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ร้านขายใบชาของพวกเราถูกไฟเผาไปแล้วก็จริงแต่มันก็สร้างใหม่ได้แล้วข้าก็จะสร้างให้มันยิ่งใหญ่หรูหรากว่าเดิมด้วยเจ้าค่ะ” หยวนเยี่ยนฟางตั้งใจประกาศสงครามโดยตรงอย่างไม่คิดกลัวเกรงเนื่องจากตอนนี้ครอบครัวของนางไม่ได้อยู่กันตามลำพังอีกต่อไปแล้วหลังจากวันนี้คนสกุลหยวนจะมีลูกจ้างที่มีวรยุทธ์มาช่วยดูแลร้านค้าและดูแลครอบครัวไม่ให้มีใครมาลอบกัดได้อีก
เรื่องสำคัญที่ทำให้คนสกุลหยวนต้องเข้าเมืองกันมาทั้งครอบครัวอีกเรื่องหนึ่งก็คือท่านลุงกับท่านน้าเล็กต้องไปที่โรงค้าทาสของทางการเพื่อเลือกหาคนงานและผู้คุ้มกันมาดูแลโรงน้ำชาเนื่องจากกลัวว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมาอีกแม้พวกเขาจะสามารถสร้างอนาคตกลับคืนมาจากกองเถ้าถ่านได้แต่ถ้ามีเหตุการณ์ร้ายเกิดซ้ำอีกครั้งกำลังใจที่มีมันก็สามารถลดน้อยถอยลงไปได้เหมือนกันเรื่องนี้จึงต้องกันไว้ดีกว่าแก้
และการลงทุนกับการซื้อทาสของทางการก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้และในอนาคตเพราะคนเหล่านั้นจะทำงานให้เจ้านายผู้เป็นเจ้าชีวิตด้วยความซื่อสัตย์เพราะชีวิตที่ได้ออกมาทำงานอยู่ข้างนอกย่อมดีกว่าการนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในโรงค้าทาสตั้งไม่รู้กี่เท่าตัว