ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง - ตอนที่ 13 โค้งสุดท้าย โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ชีวิตเก่าแม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าสบายแต่ก็ไม่เคยลำบากเข้าถึงขั้นยากจนข้นแค้น ฟางข้าวเป็นเพียงหญิงสาวที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมีงานหลักคือเรียนหนังสือและมีงานอดิเรกเป็นการแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้จ่ายไปวันๆ แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวยังช่วยเหลืองานของที่บ้านเพียงแค่ติดจะขี้เกียจเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้นต้องใช้ระบบคำสั่งถึงจะยอมขยับตัวออกห่างจากเว็บอ่านนิยายออนไลน์และเกมปลูกผักที่เจ้าตัวติดหนึบติดหนับ

แต่เมื่อบังเอิญถูกรถชนตายและได้มาเกิดใหม่โดยไม่ทันได้ตั้งตัวชีวิตนี้กลับต้องมาลำบากคล้ายกับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ให้ผ่านด่านเคราะห์ทั้งต้องผจญกับหมู่มารที่มาในรูปแบบของญาติพี่น้อง อีกทั้งยั้งต้องดิ้นรนเพื่อช่วยบิดา มารดากอบกู้กิจการเดียวที่มีของครอบครัวคือโรงน้ำชาเล็กๆ ให้สามารถยืนหยัดต่อไปได้

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 1 ลอบวางเพลิง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 2 ฟางข้าว,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 3 ตั้งสติ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 4 ชีวิตใหม่,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 5 การรักษาและบำรุงร่างกาย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 6 ยาพิษ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 7 จะกอบกู้ร้านชาด้วยมือของข้าเอง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 8 หาทุนสร้างโรงน้ำชา,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 9 ในป่าล้วนมีแต่ของดี,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 10 พบเจอคนที่ไม่อยากเจอ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 11 คนงานใหม่,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 12 เป็นรูปเป็นร่าง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 13 โค้งสุดท้าย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 14 ฤกษ์ยามมงคล,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 15 อยู่ดีไม่ว่าดี,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 16 ขายหน้า,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 17 ร้านขายยาสมุนไพรสกุลฝูสาขาสอง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 18 การเติบโต,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 19 ข่าวลือ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 20 ของขวัญ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 21 ท่านหมอผู้โปรดปรานการดื่มชา,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 22 ครอบครัวข้าใครก็แตะต้องมิได้,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 23 ขอบคุณจากใจ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 24 ความห่วงใย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 25 หัวใจของฟางเอ๋อร์,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 26 รางวัลของคนขยัน,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 27 มีแต่เรื่องที่น่ายินดี,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 28 เจ้าอยากแต่งงานตอนไหน,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 29 มั่งคั่งร่ำรวย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 30 ความสุขของฟางเอ๋อร์ (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 13 โค้งสุดท้าย

หลังจากรอคอยกันมาเป็นเวลานานหลายเดือนในที่สุดโรงน้ำชาสกุลหลินก็สร้างเสร็จแล้วและในตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตกแต่งโดยเครื่องเรือนทั้งหมดนั้นออกแบบและสั่งทำใหม่สำหรับโรงน้ำชาโดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็นโต๊ะหรือเก้าอี้ทุกตัวต่างก็มีการสลักชื่อโรงน้ำชาสกุลหยวนลงไปเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของส่วนทางด้านการจัดวางเครื่องเรือนนั้นมีท่านลุงและบิดาของหยวนเยี่ยนฟางเป็นผู้นำคนงานชายคอยจัดตามแบบที่บุตรสาวได้ร่างเอาไว้ให้

นอกจากนี้ฝั่งทางฮูหยินผู้เฒ่าหยวนก็มีงานยุ่งไม่แพ้บุรุษโดยในตอนนี้นางเป็นผู้ลงมือปักทั้งหมอนอิงและเบาะรองนั่งที่ต้องใช้ในห้องรับรองส่วนตัวด้วยตนเองแม้บรรดาลูกหลานจะห้ามปรามแต่นางก็ไม่สนใจให้เหตุผลว่าถึงหูตานางจะฝ้าฟางไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะง่อยเปลี้ยเสียขาไร้ประโยชน์ยังสามารถช่วยเหลืองานภายในครอบครัวได้ทุกคนจึงต้องยอมอีกทั้งรอบตัวยังมีคนงานสตรีคอยเป็นลูกมือคอยเรียนรู้เรื่องงานปักอยู่อีกหลายคนจึงพอจะวางใจได้ว่าพวกนางจะคอยดูแลผู้อาวุโสไม่ให้ทำงานหักโหมจนเกินไป

“ในวันเปิดร้านข้าจะทำขนมบุปผาแจกให้ลูกค้าได้ชิมฟรีโต๊ะละหนึ่งจานดีไหมเจ้าคะพี่ลี่ซือ หนึ่งจานจะมีขนมอยู่ทั้งหมดสามชิ้นที่รสชาติของไส้จะแตกต่างกันไป” หยวนเยี่ยนฟางหันไปหาพี่สาวซึ่งในยามนี้เป็นผู้ช่วยอันดับหนึ่งของตนเองโดยงานทำขนมในร้านนั้นเด็กหญิงจะเป็นคนที่คอยควบคุมดูแลไปก่อนเมื่อฝึกฝนคนงานให้มาทำหน้าที่แทนได้นางก็จะค่อยๆ ปล่อยให้ดูแลจัดการกันเองโดยจะถอยไปควบคุมการผลิตอยู่ห่างๆ

“สามชิ้นน่าจะกำลังดีเพราะเราคงให้กินฟรีครบทุกไส้ที่เรามีขายไม่ได้หรอกไม่เช่นนั้นจะขาดทุนตั้งแต่เปิดร้านวันแรกเอาได้” หยวนลี่ซือเห็นด้วยกับความคิดของน้องสาวแต่ถ้าจะให้ชิมครบตามจำนวนไส้ที่มีก็ออกจะเป็นเรื่องที่เกินกำลังเนื่องจากขนมบุปผาที่น้องสาวทำออกมานั้นมีหลากหลายไส้ ไม่ว่าจะเป็นถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ เผือก มันหวานและไส้งาผสมน้ำผึ้ง

“หลังจากนี้เราต้องมาช่วยกันวางแผนและก็ทำขนมให้เพียงพอก่อนจะถึงวันเปิดร้านนะเจ้าคะ ว่าแต่นอกจากขนมบุปผาแล้วพี่ลี่ซือว่าเราจะทำขนมอะไรออกมาขายอีกดี”

“ข้าว่าขนมแป้งจี่กรอบกับผลไม้กวนก็น่าสนใจนะเจ้าคะท่านพี่” เป็นเสียวหลินน้องสาวของหยวนเยี่ยนฟางที่เพิ่งกลับเข้าครัวมาพร้อมกับเหม่ยเหมยน้องสาวอีกคนหลังจากที่ทั้งคู่เอาของว่างยามบ่ายไปส่งให้ท่านพ่อและท่านยายรวมถึงคนงานที่กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง

“ขนมบุปผา ขนมแป้งจี่กรอบกับผลไม้กวน อ้อ จะลืมบ๊ะจ่างกับกี่จ่างได้อย่างไรกันเล่าในช่วงเปิดร้านแรกๆ ก็ขายขนมและอาหารแค่นี้ไปก่อนจากนั้นก็เพิ่มรายการของกินขึ้นอีกเดือนละสองถึงสามอย่างคนที่มาดื่มชาจะได้ไม่เบื่อ” สูตรขนมและอาหารยังมีอีกมากมายข้างในหัวแต่หยวนเยี่ยนฟางยังไม่คิดจะเอาทั้งหมดนั้นออกมาทำขายในคราวเดียวเนื่องจากกิจการโรงน้ำชานั้นไม่ได้เปิดให้บริการเพียงแค่เดือนสองเดือนแต่นางตั้งใจให้โรงน้ำชาสกุลหยวนนั้นอยู่ไปจวบจนชั่วลูกชั่วหลานดังนั้นการค่อยๆ คายไม้เด็ดความอร่อยออกมาทีละอย่างสองอย่างน่าจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด

“บ๊ะจ่างที่ทำคราวก่อนอร่อยมากเลยนะพี่เองก็อยากจะทำอีกสักครั้งจังเลย” หยวนลี่ซือติดใจบ๊ะจ่างที่ท่านป้าเถียนสอนทำมากนักแต่เพราะครั้งก่อนเยี่ยนฟางคิดอยากจะหัดทำกะทันหันพวกนางจึงได้กินกันเพียงแค่คนละหนึ่งลูกเท่านั้นเองเลยรู้สึกว่ายังไม่จุใจ

“ถ้าเช่นนั้นพี่ลี่ซืออดใจรออีกสักวันสองวันได้ไหมเจ้าคะพอดีข้ามีส่วนผสมบางอย่างที่อยากใส่ลงไปเพิ่มความอร่อยให้บ๊ะจ่างของเรามันต้องใช้เวลาเตรียมการหนึ่งคืนเต็มๆ เลย แต่ขั้นแรกข้าต้องการไข่เป็ดแล้วก็ไข่ไก่จำนวนมากเจ้าค่ะเรารีบไปดูที่เล้าเป็ดกันเถอะ” หยวนเยี่ยนฟางพาพี่สาวน้องสาวของตนเองเดินลัดเลาะไปยังที่ดินส่วนท้ายของโรงน้ำชาหลังบ้านพักคนงานที่ท่านพ่อของนางและท่านลุงแบ่งที่ดินไว้สำหรับเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงเจ้าลูกหมูสามตัวและปลูกผักเอาไว้กินกันภายในครอบครัว

ไข่ไก่และไข่เป็ดที่ได้มารวมๆ กันมีกว่าสี่สิบฟองก็นับว่ากำลังพอดีเมื่อได้ไข่มาแล้วหยวนเยี่ยนฟางก็จัดการล้างเปลือกไข่ให้สะอาดก่อนเพราะพวกมันถูกเลี้ยงไว้ตามธรรมชาติมีบ้างที่ไปไข่อยู่บนกอหญ้าไม่ก็บนพื้นจึงทำให้เปลือกสกปรกไปบ้างเมื่อล้างจนสะอาดและเช็ดให้แห้งแล้วนางก็จัดการตอกไข่อย่างระมัดระวังทีละฟองโดยแยกไข่เป็ดและไข่ไก่ออกจากกัน

และระหว่างนี้หยวนเยี่ยนฟางก็ขอให้หยวนลี่ซือช่วยเตรียมแป้งสาลีและเกลือป่นเอาไว้ให้ส่วนน้องๆ ก็ให้หาถาดสี่เหลี่ยมมาเตรียมไว้พร้อมกับฝาชีที่ใช้ครอบอาหาร

“สิ่งนี้จะเรียกว่าไข่แดงเค็ม มันจะมีรสชาติเหมือนไข่เค็มที่เราเคยได้กินกันแต่ใช้เวลาทำน้อยกว่ามาเพราะไม่ได้เอาไข่ไปดองทั้งลูก พี่ลี่ซือเอาแป้งสาลีสามถ้วยผสมกับเกลือหนึ่งถ้วยแล้วคนผสมให้เข้ากันนะเจ้าคะจากนั้นก็แบ่งเอาไว้เป็นสองชามส่วนเสี่ยวหลินกับเสี่ยวเหมยก็นำถาดไปเช็ดทำความสะอาดให้ดี”

เมื่อวัตถุดิบที่ต้องการถูกเตรียมเอาไว้พร้อมแล้วหยวนเยี่ยนฟางก็เริ่มต้นด้วยการเทแป้งผสมเกลือลงในถาดไม้ให้มีความสูงครึ่งหนึ่งของถาดจากนั้นก็นำไข่ที่เก็บมาตั้งแต่เมื่อวานมากดลงไปบนแป้งให้เป็นหลุมเท่าจำนวนของไข่เป็ดและไข่ไก่ที่มีจากนั้นก็ช้อนเฉพาะไข่แดงออกมาจากไข่ที่ตอกเอาไว้มาวางลงในหลุมแป้ง เมื่อครบทุกหลุมแล้วก็จะนำแป้งผสมเกลือที่เก็บเอาไว้อีกส่วนมาโปะลงไปให้มิดไข่แดงโดยนางค่อยๆ ทำอย่างช้าๆ และเบามือเมื่อส่วนของไข่เป็ดเสร็จเรียบร้อยจึงให้พี่สาวน้องสาวของนางมาลองทำด้วยตัวเองบ้าง

ที่เหลือก็แค่ไปช่วยกันเก็บใบไผ่มาทำความสะอาดเอาไว้และยังต้องเตรียมวัตถุดิบอื่นๆ ด้วยเช่นหมูรมควัน เห็ดหอมแห้งโดยครั้งนี้หยวนเยี่ยนฟางตั้งใจที่จะทำบ๊ะจ่างไส้หวานที่เพิ่มเผือกกวนเข้าไปแทนหมูรมควันแต่ส่วนผสมอื่นๆ ยังคงใส่อยู่ตามเดิม

วันรุ่งขึ้นดรุณีน้อยบ้านหยวนต่างก็พากันตื่นมาเข้าครัวกันแต่เช้าในครัวใหญ่จึงคึกคักเป็นอย่างมากเพราะมีทั้งแม่ครัวใหญ่ที่เข้ามาทำอาหารเช้าและแม่ครัวตัวน้อยที่เข้ามาทดลองทำบ๊ะจ่างสูตรใหม่

“ไข่แดงนี้หอมมากเลยนะเจ้าคะคุณหนูอีกทั้งยังมีรสเค็มอ่อนๆ ไม่เค็มมากจนเกินไป” ท่านป้าเถียนที่ได้ลองชิมไข่แดงเค็มอบจนสุกถึงกับเอ่ยชมไม่เอ่ยปากและยิ่งคุณหนูของนางบอกว่าจะเอามาเป็นส่วนผสมในไส้บ๊ะจ่างนางก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่

“แบบที่ใส่ไข่แดงเค็มเข้าไปด้วยเราจะเรียกว่าบ๊ะจ่างทรงเครื่องนะเจ้าคะที่ข้าตั้งชื่อแบบนี้ก็เพราะมันใส่เครื่องเข้าไปเยอะมาก ในตอนนี้เราจะมีบ๊ะจ่างอยู่สามสูตรคือสูตรดั้งเดิมที่ท่านป้าเถียนสอนทำเมื่อครั้งก่อน บ๊ะจ่างทรงเครื่องและบ๊ะจ่างไส้หวานที่ทำเหมือนสูตรดั้งเดิมแต่ข้างในจะใส่เผือกกวนแทนหมูรมควัน” ไม่ใช่จะมีแต่ไข่แดงเค็มที่ใส่เพิ่มเข้าไปหยวนเยี่ยนฟางยังไปตามล่าหากุ้งแห้งมาจนได้และนางก็จะนำมันไปแช่น้ำให้อ่อนนุ่มก่อนจะเอามาใส่เพิ่มเข้าไปในข้าวเหนียวเพื่อเพิ่มรสชาติ

ทั้งอาหารและขนมที่หยวนเยี่ยนฟางตั้งใจจะทำขายนางไม่เคยหวงเครื่องหวงวัตถุดิบด้วยต้องการให้ลูกค้าได้กินของอร่อยตัวนางทำกินกันในครอบครัวอย่างไรลูกค้าก็จะได้กินอาหารคุณภาพเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน

“จริงๆ แล้วข้ายังอยากทำขนมที่ใช้เป็นของว่างอีกหนึ่งอย่างด้วยเจ้าค่ะใช้ใบกุยช่ายแล้วก็มีอีกสูตรคือหัวไชเท้าเป็นส่วนผสมหลัก” จู่ๆ หยวนเยี่ยนฟางก็นึกอยากกินกุยช่ายนึ่งขึ้นมาแต่การทำขนมกุยช่ายแป้งบางนั้นมันออกจะยุ่งยากและดูจะใช้เวลานางจึงจะทำออกมาในรูปแบบของกุยช่ายทอดที่ผสมแป้งกับใบกุยช่ายลงไปนึ่งด้วยกันเลยมันสามารถกินทั้งแบบนึ่งหรือจะเอาไปทอดให้กรอบก็ได้

และเมื่อมีขนมกุยช่ายแล้วที่ลืมไม่ได้เลยก็คือขนมหัวผักกาดที่จะมีลูกเล่นมากกว่าขนมกุยช่ายมากนักเพราะนอกจากจะกินได้ทั้งแบบนึ่งและทอดแล้วยังสามารถนำมาผัดปรุงรสใส่ถั่วงอกและไข่ได้อีก

แต่เนื่องจากวันนี้มีบ๊ะจ่างแล้วอีกทั้งท่านป้าแม่ครัวต่างก็ช่วยกันทำอาหารอย่างขยันขันแข็งหยวนเยี่ยนฟางจึงตั้งใจจะทำเพียงขนมกุยช่ายให้ทุกคนรับประทานเป็นของว่างรอบบ่ายแล้ววันพรุ่งนี้นางค่อยทำขนมหัวผักกาดทรงเครื่องเป็นอาหารกลางวันแทน

“ช่วงบ่ายๆ วันนี้ถ้าไม่มีอะไรทำพวกเจ้าพาพี่ๆ น้องๆ ไปที่โรงน้ำชาสักหน่อยนะฟางเอ๋อร์พ่ออยากให้พวกเจ้าไปช่วยดูความเรียบร้อยและตัวอย่างการตกแต่งห้องรับรองแขก” ด้วยมารดาของภรรยาและคนงานจัดการเย็บปักหมอนอิงและเบาะรองนั่งที่ต้องใช้ในชุดแรกเสร็จแล้วเรียบร้อยหยวนตงหยางจึงต้องการให้เด็กๆ ไปช่วยกันตรวจตราดูแลความเรียบร้อยสักหน่อยหากว่ามีสิ่งใดต้องปรับปรุงจะได้ทำกันได้ทันเพราะเวลาก็งวดเข้ามาทุกทีแล้ว

“ได้เจ้าค่ะท่านพ่อลูกจะไปที่โรงน้ำชาพร้อมกับของว่างมื้อบ่ายเจ้าค่ะ” เด็กหญิงรับปากบิดาพร้อมส่งยิ้มหวานให้

ในตอนนี้หยวนเยี่ยนฟางพอใจอย่างมากที่สิ่งต่างๆ ที่นางวางแผนไว้กำลังดำเนินไปด้วยความราบรื่นโดยในทุกๆ คืนนางจะเข้าไปในห้องที่เก็บป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษเพื่อสวดมนต์ขอพรให้คนในสกุลหยวนล้วนประสบพบเจอแต่เรื่องดีงามไม่มีอุปสรรคใดมากล้ำกรายให้ต้องทดท้อใจ และนอกจากนั้นนางยังไปเล่าเรื่องราวที่นางทำในทุกๆ วันให้ป้ายวิญญาณของหยวนเยี่ยนฟางได้ฟังอีกด้วยซึ่งตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าวิญญาณของเด็กหญิงผู้นั้นจะรับรู้ได้หรือไม่แต่เมื่อทำแล้วสบายใจนางก็อยากที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ

ภาพของห้องรับรองส่วนตัวที่ตกแต่งเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้วทำให้หยวนเยี่ยนฟางรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากจนไม่อาจกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ได้ เครื่องเรือนทุกชิ้น หมอนอิงและเบาะรองนั่งทุกใบล้วนแต่ถูกทำขึ้นอย่างประณีตงดงามบ่งบอกถึงความตั้งใจของคนทำได้อย่างดีมาก

“มาดูนี่สิ นี่เป็นภาพวาดฝีมือน้าเล็กของพวกเจ้าสวยงามหรือไม่” ในห้องนี้มีภาพวาดแขวนไว้สองภาพโดยเป็นภาพของสตรีกำลังชื่นชมบุปผาที่ลายเส้นจากพู่กันนั้นอ่อนช้อยงดงามถึงหยวนเยี่ยนฟางจะไม่เคยเห็นภาพวาดของจิตรกรมีชื่อในยุคนี้แต่นางเชื่อว่าฝีมือการวาดภาพของท่านน้าเล็กของนางนั้นงดงามไม่เป็นสองรองใคร

“สวยงามมากเลยเจ้าค่ะ” เด็กหญิงและหญิงสาวบ้านสกุลหยวนต่างก็ชื่นชมภาพวาดของน้าชายกันคนละคำสองคำจนท่านลุงถึงกับเอ่ยปากว่าหากท่านน้ามาได้ยินเข้าตัวเขาคงลอยขาจนไม่ติดพื้นไปแล้ว

“น้าเล็กของเจ้าไม่ได้วาดแค่ภาพในห้องนี้เท่านั้นนะ จะว่าไปแล้วภาพทุกภาพที่ตกแต่งอยู่ในโรงน้ำชาสกุลหยวนล้วนเป็นฝีมือของเขาทั้งสิ้นฝีมือน้องชายข้าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” หยวนจ้านเอ่ยชมน้องชายของตนเองจากใจจริงเพราะในตอนกลางวันหยวนคุนนั้นช่วยงานทุกอย่างที่โรงน้ำชาโดยที่ไม่มีใครต้องออกคำสั่งให้เขาทำ ส่วนภาพวาดทั้งหมดนี้จึงเป็นสิ่งที่เขาใช้เวลายามค่ำคืนรังสรรค์ออกมาแล้วจะไม่ให้เอ่ยปากชมกันได้อย่างไร