ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง - ตอนที่ 15 อยู่ดีไม่ว่าดี โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ชีวิตเก่าแม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าสบายแต่ก็ไม่เคยลำบากเข้าถึงขั้นยากจนข้นแค้น ฟางข้าวเป็นเพียงหญิงสาวที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมีงานหลักคือเรียนหนังสือและมีงานอดิเรกเป็นการแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้จ่ายไปวันๆ แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวยังช่วยเหลืองานของที่บ้านเพียงแค่ติดจะขี้เกียจเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้นต้องใช้ระบบคำสั่งถึงจะยอมขยับตัวออกห่างจากเว็บอ่านนิยายออนไลน์และเกมปลูกผักที่เจ้าตัวติดหนึบติดหนับ

แต่เมื่อบังเอิญถูกรถชนตายและได้มาเกิดใหม่โดยไม่ทันได้ตั้งตัวชีวิตนี้กลับต้องมาลำบากคล้ายกับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ให้ผ่านด่านเคราะห์ทั้งต้องผจญกับหมู่มารที่มาในรูปแบบของญาติพี่น้อง อีกทั้งยั้งต้องดิ้นรนเพื่อช่วยบิดา มารดากอบกู้กิจการเดียวที่มีของครอบครัวคือโรงน้ำชาเล็กๆ ให้สามารถยืนหยัดต่อไปได้

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 1 ลอบวางเพลิง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 2 ฟางข้าว,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 3 ตั้งสติ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 4 ชีวิตใหม่,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 5 การรักษาและบำรุงร่างกาย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 6 ยาพิษ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 7 จะกอบกู้ร้านชาด้วยมือของข้าเอง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 8 หาทุนสร้างโรงน้ำชา,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 9 ในป่าล้วนมีแต่ของดี,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 10 พบเจอคนที่ไม่อยากเจอ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 11 คนงานใหม่,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 12 เป็นรูปเป็นร่าง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 13 โค้งสุดท้าย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 14 ฤกษ์ยามมงคล,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 15 อยู่ดีไม่ว่าดี,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 16 ขายหน้า,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 17 ร้านขายยาสมุนไพรสกุลฝูสาขาสอง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 18 การเติบโต,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 19 ข่าวลือ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 20 ของขวัญ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 21 ท่านหมอผู้โปรดปรานการดื่มชา,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 22 ครอบครัวข้าใครก็แตะต้องมิได้,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 23 ขอบคุณจากใจ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 24 ความห่วงใย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 25 หัวใจของฟางเอ๋อร์,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 26 รางวัลของคนขยัน,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 27 มีแต่เรื่องที่น่ายินดี,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 28 เจ้าอยากแต่งงานตอนไหน,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 29 มั่งคั่งร่ำรวย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 30 ความสุขของฟางเอ๋อร์ (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 15 อยู่ดีไม่ว่าดี

โรงน้ำชาสกุลหยวนได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและดูท่าผู้คนจากเขตเมืองหลวงชั้นกลางและชั้นในที่ได้ยินเรื่องราวของชาดอกไม้ที่แตกต่างจากโรงน้ำชาอื่นๆ ก็ต่างหลั่งไหลเข้ามาลองชิมน้ำชาและขนมหวานที่มีหน้าตาแปลกแต่รสชาติกลับอร่อยถูกปากเป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งคนบ้านสกุลกู่ต่างก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นเดียวกันอีกทั้งสิ่งที่ลูกสะใภ้รองเล่าให้ฮูหยินผู้เฒ่ากู่อ้ายอันฟังว่าเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นนางและบุตรสาวบังเอิญไปพบเข้ากับกู่ตงหยางที่ร้านค้าผ้าโดยในวันนั้นบุตรสาวขี้โรคของเขาก็ดูจะมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงขึ้นมาจากเมื่อก่อนผิดหูผิดตาแต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับการที่นางสั่งซื้อเสื้อผ้าสำเร็จที่ตัดมาจากผ้าเนื้อดีและผ้าไหมไปหลายสิบชุดโดยที่ไม่ถามราคาเลยแม้แต่ครึ่งคำนี่ยังไม่นับผ้าพับและผ้าม้วนที่ชี้นิ้วเลือกไปอีกเป็นกอง

“เห็นมารดาอย่างข้าเป็นหัวหลักหัวตอหรืออย่างไรจะทำการค้าเหตุใดจึงได้ทำข้ามหน้าข้ามตากันเช่นนี้” กู่อ้ายอันจะไม่เดือดร้อนเลยถ้าหากบุตรชายแค่เพียงช่วยกิจการของทางบ้านลูกสะใภ้แต่มาวันนี้กู่ตงหยางได้เป็นถึงเถ้าแก่โรงน้ำชาแล้วมารดาอย่างนางจะนิ่งเฉยได้อย่างไรกัน

อย่างไรแล้วตามธรรมเนียมปฏิบัติบุตรชายคนโตย่อมเป็นคนที่ต้องเลี้ยงดูและตอบแทนบุญคุณบิดามารดาในตอนนี้กู่อ้ายอันนั้นดวงตามืดบอดและจิตใจมืดดำด้วยความโลภจนหลงลืมไปว่าเป็นตัวนางเองที่ยื่นหนังสือตัดขาดให้บุตรชายคนโตไปเมื่อหลายปีก่อน

“ข้าได้ยินมาว่าโรงน้ำชาสกุลหยวนเปิดตั้งแต่รุ่งสางไปจนถึงมืดค่ำอีกทั้งห้องรับรองส่วนตัวก็จองคิวยาวไปจนถึงสามเดือนข้างหน้าตอนนี้พี่ใหญ่คงมีเงินทองมากมายเขาน่าจะแบ่งมาช่วยกิจการของครอบครัวเราบ้าง” ตั้งแต่พี่ชายคนโตแยกบ้านออกไปแล้วการค้าของสกุลกู่ก็ดูจะมีปัญหามากขึ้นทุกวันไม่ว่าจะเจรจาซื้อสินค้าก็ไม่ประสบความสำเร็จถึงได้สินค้ามาก็มีราคาที่สูงเมื่อนำมาขายก็ยิ่งต้องบวกราคาเพิ่มมากขึ้นทำให้ยิ่งแพงกันเข้าไปใหญ่เหตุก็เพราะที่ผ่านมากู่ตงหยางผู้ที่มีวาทศิลป์และมีความซื่อสัตย์เป็นคนเดินทางไปเจรจาทำการค้าด้วยตนเองมาตลอด

เมื่อถึงคราวที่น้องชายกู่หย่งเหิงต้องไปทำหน้าที่แทนนอกจากเจ้าตัวจะมีนิสัยตลบตะแลงไม่ค่อยรักษาคำพูดแล้วยังไม่มีความซื่อสัตย์ทั้งกับลูกค้าและคู่ค้าจึงทำให้อะไรๆ มันก็ติดขัดกันไปหมดเมื่อกู่ถังหลี่น้องชายคนเล็กจะเข้ามาช่วยก็ถูกกันท่าหาทางตัดแข้งตัดขาน้องชายจนในที่สุดน้องเล็กของบ้านจึงขอแยกบ้านและไปเปิดกิจการการค้าของตนเองแต่ยังมีข้อตกลงว่าจะยังคงส่งเสียเลี้ยงดูมารดาเช่นในยามปกติแลกกับความสบายใจของภรรยาและลูกๆ

“อาหารและขนมของที่นั่นก็ล้วนมีรสชาติเลิศล้ำข้าได้ยินบรรดาฮูหยินคุยกันเมื่อตอนที่ไปตลาดพวกนางยังกล่าวอีกว่าต่อให้ไปที่โรงน้ำชาสกุลหยวนทุกวันตลอดสัปดาห์ก็ยังกินขนมของทางร้านได้ไม่ครบทุกรายการเลย” ทุกสิ่งทุกอย่างที่สะใภ้รองพูดออกมาล้วนเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาที่อัดแน่นและนางก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าสตรีที่นางวางยาไม่ให้มันมีบุตรชายได้สุดท้ายแล้วกับมีลูกชายฝาแฝดถึงสองคน

“เป็นเช่นนั้นเชียวหรือ หย่งเหิงพรุ่งนี้เจ้าจงพาแม่ไปที่โรงน้ำชาสกุลหยวนเราต้องสั่งสอนให้คนอกตัญญูได้รู้เสียบ้างว่าอะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำ” ฮูหยินผู้เฒ่ากู่คิดคำนวณอยู่ในใจว่าหลังจากนี้นางจะเรียกค่าเลี้ยงดูจากบุตรชายคนโตเท่าไหร่มันจึงจะสมน้ำสมเนื้อส่วนบุตรชายคนรองและลูกสะใภ้ของนางต่างก็กำลังคิดที่จะแย่งชิงสูตรขนมและสูตรทำใบชามาเป็นของตนแต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะได้โรงน้ำชาสกุลหยวนมาเป็นของตัวเองเสียเลยจะได้ไม่ต้องมาเปลืองเงินเปลืองทองสร้างโรงน้ำชาขึ้นใหม่อีกแห่งหนึ่ง

“โรงน้ำชาสกุลหยวนยินดีต้อนรับผู้อาวุโสเชิญด้านในก่อนนะเจ้าคะ” เมื่อมีลูกค้าเข้ามาที่หน้าร้านคนงานหญิงที่ได้รับการอบรมเรื่องกิริยามารยาทมาเป็นอย่างดีก็เข้ามาต้อนรับตามปกติแต่กลับได้รับสายตาหยามเหยียดตอบกลับมาซึ่งแม้นางจะรู้สึกไม่ค่อยดีก็ทำได้แต่ส่งสัญญาณลับไปให้คนงานชายที่ทำหน้าที่ผู้คุ้มกันให้มาจับตาดูอยู่ห่างๆ

“ข้าต้องการพบกู่ตงหยางไปเรียกเขามาแล้วจัดห้องรับรองส่วนตัวให้ข้าด้วย” กู่อ้ายอันออกคำสั่งอย่างไม่รักษามารยาททำเอาทั้งคนงานและลูกค้าต่างก็จับจ้องมาที่นางเป็นตาเดียว

“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสต้องการพบผู้ใดนะเจ้าคะ” เนื่องจากคนงานไม่รู้จักสกุลกู่แม้จะรู้ว่าชื่อที่ผู้อาวุโสท่านนี้เอ่ยออกมาคือชื่อของเถ้าแก่โรงน้ำชานางจึงเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจแต่ไม่นึกเลยว่าจะถูกสตรีที่เดินทางมากับผู้อาวุโสผลักจนหงายหลังก้นจ้ำเบ้า

“ขอเชิญฮูหยินและผู้อาวุโสออกไปจากโรงน้ำชาสกุลหยวนด้วยขอรับหากพวกท่านไม่รู้จักรักษากิริยามารยาทพวกเราก็ไม่อาจที่จะให้บริการพวกท่านได้” อี้โม่รีบเข้ามาควบคุมสถานการณ์และปฏิเสธลูกค้าที่ไม่มีมารยาทในทันทีด้วยถูกนายท่านหยวนจ้านและเถ้าแก่ตงหยางกำชับมาแล้วว่าโรงน้ำชาสกุลหยวนไม่ต้อนรับลูกค้าที่ไม่มีมารยาทหรือเป็นคนพาลเที่ยวระรานผู้อื่น

“ปากดีเช่นนี้ไม่รู้เหรอว่าพวกข้าเป็นใคร” กู่หย่งเหิงที่ยืนหลบหลังมารดาอยู่พักใหญ่ออกหน้ามาพูดจาข่มขู่เมื่อเห็นว่าบริเวณนี้ยังไม่มีคนสกุลหยวนโผล่หน้ามาเลยสักคนมีแต่ลูกจ้างเช่นนี้แหละดีเขาจะได้ข่มขู่พวกมันได้อย่างเต็มที่

“เสียงดังโวยวายอะไรกันเจ้าคะท่านน้าอี้โม่ ท่านน้าจิ่วหลาน” เป็นหยวนเยี่ยนฟางที่ออกมาดูแลความเรียบร้อยหน้าโรงน้ำชาตามปกติเห็นผู้คนมุงดูอยู่ด้านหน้าจึงรีบวิ่งออกมาดูสถานการณ์

“กู่เยี่ยนฟางนั่นเจ้าใช่หรือไม่ไปตามไอ้ลูกอกตัญญูกู่ตงหยางมาพบย่าทีแล้วก็จัดห้องรับรองส่วนตัวให้ข้าด้วยคนงานที่นี่ไม่รู้จักมารยาทเลยหรือไรถึงปล่อยให้ข้าที่เป็นมารดาของเถ้าแก่ร้านยืนขาแข็งอยู่ตรงนี้”

ครั้งแรกที่หยวนเยี่ยนฟางเห็นหน้ากู่อ้ายอันนางถึงกับมีอาการมือสั่นเล็กน้อยแต่เมื่อสงบสติอารมณ์ได้จึงส่งยิ้มเย็นเยียบที่น่าขนลุกส่งไปให้นางแทน

“ต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะโรงน้ำชาสกุลหยวนไม่สามารถต้อนรับคนพาลได้อีกทั้งที่นี่ก็ยังไม่มีกู่ตงหยางบุตรชายของผู้อาวุโสด้วยโรงน้ำชาสกุลหยวนมีแต่หยวนตงหยางที่เป็นบิดาของข้าเท่านั้น ท่านผู้อาวุโสเองก็แก่ชราอาจจะมีความเลอะเลือนจนจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นคนที่ยื่นหนังสือตัดขาดให้บิดาของข้าด้วยมือของตนเองอีกทั้งยังพูดสำทับด้วยวาจาว่าจะเป็นหรือตายก็ไม่ต้องไปข้องเกี่ยวกับคนสกุลกู่อีก

อ้อ ข้าไม่มีย่าเจ้าค่ะเพราะข้าทำใจเรียกคนที่กล่าวหามารดาข้าว่าเป็นแม่พันธุ์ที่มีราคาต่ำกว่าแม่หมูหนึ่งตัวว่าท่านย่าไม่ได้แต่ข้าอยากจะบอกอะไรท่านให้รู้ไว้สักอย่างนะเจ้าคะว่าที่ผ่านมามารดาของข้ามีบุตรชายไม่ได้ไม่ใช่ว่าจะผิดที่ตัวนางแต่เป็นเพราะท่านแม่ถูกหญิงแพศยาวางยาต่างหากเล่า”

“นังเด็กเหลือขอ” เป็นกู่หงฮวาที่ร้อนตัวปรี่จะเข้าไปทำร้ายร่างกายของหยวนเยี่ยนฟางต้องการทำให้นางหยุดพูดแต่ก็พุ่งตัวไปไม่ถึงร่างของเด็กหญิงเนื่องจากมีคนผู้หนึ่งใช้ปลายนิ้วดีดเข็มมาสกัดจุดให้หยุดเคลื่อนไหวเอาไว้ก่อน

“การทำร้ายร่างกายผู้อื่นมีความผิดตามกฎหมายบ้านเมืองนะขอรับฮูหยินกู่” ฝูเจียวลู่ที่บังเอิญเดินทางผ่านเข้าเมืองชั้นนอกมาแต่เช้าเพราะเพิ่งกลับจากการไปดูแลคนไข้ที่เมืองข้างๆ ว่าจะแวะดื่มน้ำชาให้ร่างกายสดชื่นแต่ก็ต้องมาพบเรื่องที่วุ่นวายเข้าเสียก่อนนี่เขาไม่อยากคิดเลยว่าถ้าตัวเองหรือผู้คุ้มกันบ้านหยวนหยุดฮูหยินผู้นี้เอาไว้ไม่ทันหยวนเยี่ยนฟางจะได้รับบาดเจ็บมากมายขนาดไหน

“เจ้าลูกเต่ากู่ตงหยางมาดูน้ำหน้าบุตรสาวเจ้าตรงนี้คนสกุลหยวนเลี้ยงดูนางอย่างไรจึงได้ปากดีกล้าล่วงเกินผู้อาวุโสอีกทั้งข้ายังเป็นย่าแท้ๆ ของนางด้วย” เมื่อเห็นบุตรชายรีบวิ่งออกมาพร้อมกับคนสกุลหยวนกู่อ้ายอันก็ยังไม่คิดจะล้มเลิกแผนการในวันนี้นางพร้อมจะป้ายความผิดให้หลานสาวและยัดเยียดข้อหาอกตัญญูให้บุตรชายต่อหน้าผู้คนที่นั่งกันอยู่เต็มโรงน้ำชาในตอนนี้

“ต้องขออภัยเป็นข้าที่อบรมนางไม่ดีท่านไม่จำเป็นต้องไปล่วงเกินถึงคนสกุลหยวนแต่ว่าสิ่งที่นางพูดออกมามันก็ถูกข้าไม่เห็นว่าฟางเอ๋อร์จะกล่าวอะไรผิดจากความจริงไปเลยแม้แต่ครึ่งคำ ที่นางบอกว่าไม่มีย่าก็ถูกต้องแล้วเพราะท่านเองก็เป็นคนตัดขาดข้าที่เป็นบุตรชายด้วยตนเองครั้นจะกล่าวว่าข้าหยวนตงหยางอกตัญญูก็ดูจะไม่ถูกต้องนักเพราะเมื่อตอนแยกบ้านตัดขาดกันข้าไม่ได้นำอะไรติดตัวมาเลยนอกจากเสื้อผ้าที่มีติดกาย

เงินที่ได้จากการทำงานมาทั้งชีวิตของข้าเป็นท่านที่ริบไปจนหมดสิ้น สินเดิมของหยวนเชียนชิงภรรยาของข้าท่านก็ไม่คืนอะไรให้แม้แต่ปิ่นปักผมสักอันก็เท่ากับว่าเงินทองและทรัพย์สมบัติเหล่านั้นเป็นความกตัญญูของข้าและครอบครัวที่มอบให้ท่านไปแล้ววันนี้ยังจะมาเรียกร้องอะไรอีกหรือ”

ไม่มีคำว่าแม่หลุดออกมาจากปากของหยวนตงหยางเลยสักนิดเพราะกู่อ้ายอันเป็นคนที่เคยชี้หน้าเขาและพูดว่าต่อไปนี้ตนเองไม่มีสิทธิ์ไปเรียกนางว่าแม่เขาจึงจดจำและยังคงทำตามคำสั่งของนางอย่างเคร่งครัด

คนที่ได้ยินเรื่องราวจากปากหยวนตงหยางโดยเฉพาะคนสกุลหยวนก็ล้วนแต่จุกในอกเนื่องจากไม่เคยมีใครได้รับรู้เรื่องราวจากปากของชายผู้นี้เลยสักคนไม่ว่าที่ผ่านมาเขาจะลำบากกายและใจมากแค่ไหนก็ไม่เคยว่าร้ายหรือกล่าวถึงคนสกุลกู่ในทางไม่ดีแม้แต่ครึ่งคำ

ส่วนด้านชาวบ้านกินแตงก็ถึงกับหูผึ่งพากันปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนกันอย่างสนุกสนานเอาเรื่องโน้นมาต่อเรื่องนี้ให้วุ่นวายและมาจบตรงที่นั่งวิจารณ์สภาพของคนสกุลกู่ที่นับวันดูจะหมดสง่าราศีเพราะกิจการค้าขายที่มีไม่ได้รุ่งเรืองเช่นเก่าก่อน

“เงินแค่นั้นมันจะไปพออะไรส่วนสินเดิมของลูกสะใภ้มันก็แค่เครื่องประดับเพียงไม่กี่ชิ้น”

“หากท่านจะพูดโกหกอะไรถ้าไม่ละอายใจตัวเองก็ขอให้อายฟ้าอายดินละอายต่อดวงวิญญาณของท่านพ่อของข้าด้วยเถิด ทั้งชีวิตของข้าเมื่อครั้งที่ยังเป็นกู่ตงหยางทำงานเพื่อครอบครัวมาโดยตลอดแต่ได้รับส่วนแบ่งเพียงแค่หนึ่งส่วนแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ยุติธรรมแต่ก็ไม่ได้ต้องการผิดใจกับใครจึงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปด้วยความมุมานะจนกระทั่งสามารถเก็บเงินเอาไว้เป็นสินเดิมให้บุตรสาวสองคนได้ถึงหนึ่งพันสองร้อยตำลึงทองแล้วท่านยังกล้าพูดว่ามันเป็นเพียงเงินแค่นั้นอีกหรือ

ส่วนสินเดิมของภรรยาข้ามีทั้งชุดผ้าไหม ผ้าพับ เครื่องประดับที่ทำมาจากทองคำและหยก ปิ่นและต่างหูที่สตรีผู้นั้นสวมใส่อยู่ก็ล้วนเป็นสินเดิมของภรรยาข้าทั้งนั้นแล้วอะไรคือคำว่าเครื่องประดับเพียงไม่กี่ชิ้น”

เมื่อหยวนตงหยางพูดมาถึงตรงนี้ผู้คนทั้งโรงน้ำชาต่างก็สูดปากกันอย่างเมามันพร้อมกับเริ่มวิจารณ์แม่เฒ่ากู่อย่างเผ็ดร้อนที่นางอุตส่าห์เอาหน้าของตัวเองมาขายให้ผู้คนได้รู้กันไปทั่วทั้งเมืองหลวง