อดีตดาราสาวผู้โด่งดังได้ตัดสินใจลาออกจากวงการบันเทิงและมุ่งหน้าตามหาความฝันยังบ้านเกิดของตน แต่แล้วทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป สิ่งเก่าใกล้เลือนหายแต่สิ่งใหม่กำลังเข้ามา
รัก,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไทย,ตลก,โรแมนซ์,โรแมนติก,รัก,รักโรแมนซ์,ตลก,ความฝัน,ความรัก,ความสัมพันธ์,ครอบครัว,นิยายชายหญิง,นิยายรัก,นิยายรักชายหญิง,นิยายโรแมนติก,ชาย-หญิง,ชายหญิง,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อรักซัดเข้าฝั่งอดีตดาราสาวผู้โด่งดังได้ตัดสินใจลาออกจากวงการบันเทิงและมุ่งหน้าตามหาความฝันยังบ้านเกิดของตน แต่แล้วทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป สิ่งเก่าใกล้เลือนหายแต่สิ่งใหม่กำลังเข้ามา
เมื่อรักซัดเข้าฝั่ง | Waves To Luv
เขียน : ดาวพลอย
ภาพ : Aumaim
---------------------------------------------
เรื่องย่อ
อดีตดาราสาวผู้โด่งดังได้ตัดสินใจลาออกจากวงการบันเทิงและมุ่งหน้าตามหาความฝันยังบ้านเกิดของตน แต่แล้วทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป สิ่งเก่าใกล้เลือนหายแต่สิ่งใหม่กำลังเข้ามา
อัปเดตตอนทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 18.00น.
---------------------------------------------
Trigger warning
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เนื้อหาบางส่วนอาจใช้ถ้อยคำพูดหรือพฤติกรรมที่มีความรุนแรงไม่เหมาะสมกับผู้อ่านอายุต่ำกว่า 18ปี ควรมีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำ
อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น...
นาวีเดินทางมาถึงตลาดสดของชุมชน ด้วยการโดยสารรถซาเล้งของปราบต์ เขาส่งนาวีลงหน้าตลาด ตอนนี้ก็สายมากแล้วผู้คนเดินยั้วเยี้ยเต็มตลาดกันให้วุ่นวาย เสียงเจี๊ยวจ๊าวของพ่อค้าแม่ขายก็ดังไปทั่วทั้งตลาดสด
“ขอบคุณนะครับพี่ปราบต์ ขอให้โชคดีครับ”
“จ้า ไว้เจอกันใหม่นะน้อง”
นาวีไหว้ขอบคุณเขาด้วยสีหน้าท่าทางแสนจริงใจ และมองปราบต์ที่ได้ขับรถออกไปอย่างช้า ๆ ก่อนจะหันหลังเดินไปยังร้านอาหารทะเลชื่อดังของชุมชนแห่งนี้ร้านเจ๊เปียเคลียร์เล ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าตลาดซึ่งเป็นทำเลทองที่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางผ่านกันเยอะที่สุด ส่งผลให้ร้านนี้ได้รับเลือกให้ผ่านการรีวิวออกรายการโทรทัศน์มาหลายครั้ง จนทำให้มีลูกค้าแน่นร้านแทบทุกวัน มีเจ้าของธุรกิจหลายเข้ามาขอซื้อที่ดินบริเวณนี้ แต่เจ้าของร้านก็ยืนหยัดที่จะไม่ยอมให้ใครมาแย่งโฉนดที่ดินไปจากอกของตนเลย
“พี่วี!”
ฟอร์ดตะโกนขึ้นมาเสียงดังจนลูกค้าที่กำลังนั่งทานอยู่ในร้านหยุดทุกการกระทำและหันมาจ้องที่เขาคนเดียว เจ๊เปียที่กำลังขะมักเขม้นกับการบันทึกบัญชีรายรับ รายจ่ายก็ต้องหยุดกดเครื่องคิดเลขแล้วยกหน้าขึ้นมามองผ่านแว่นตาอันหนาเตอะ
“ทำอะไรของแกวะเนี่ย คนเขาตกใจหมด... ขอโทษด้วยนะครับ เชิญทานต่อเลยครับ”
นาวีพูดเสียงแข็งใส่เจ้าตัวต้นเรื่อง เพราะลึก ๆ แล้วเขาเป็นคนขี้อายอยู่ในระดับหนึ่ง ยิ่งถ้าไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยแล้วก็จะยิ่งเขินจนอยากหมุดดินนี้เอาเสียให้ได้
“ทีหลังอย่ามาตะโกนเสียงดังโวยวายแบบนี้ ไม่มีความเป็นผู้ดีเอาเสียเลย”
“โถ่พี่ คนกันเองทั้งนั้นที่นั่งอยู่ ไม่เห็นต้องเกรงอกเกรงใจอะไรให้มากมาย”
“แต่ถ้าเอ็งไปทำตัวแบบนี้ที่จปร. คงโดนสั่งทำโทษไม่รู้กี่ร้อยยกล่ะวะ”
“แหม นี่อวยพรให้ผมสอบผ่านได้เข้าไปเรียนใช่ไหมเนี่ย ถ้าได้เข้าไปต่อให้เป็นพันยกผมก็พร้อมครับ!”
ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นมาทำท่าตะเบ๊ะอย่างทหาร นาวีหัวเราะเบา ๆ พร้อมส่ายหัวอย่างขบขัน
“อย่าเก่งแต่ปากแล้วกันไอ้น้อง... เอ้าดูเมนู จะกินอะไรก็รีบสั่ง”
“นี่พี่มาช้าแล้วยังจะเร่งผมอีกหรอเนี่ย คนเรานี่นะ”
“แล้วจะกินไม่กิน”
“กินครับกิน หยอกหน่อยก็ไม่ได้ พี่ชาย”
ฟอร์ดเปิดสมุดเมนูขึ้นมาดูอย่างเบามือ เขากวาดสายตามองรายการอาหารหลายสิบอย่าง มีทั้งอาหารจานเดียว ซาซิมิ ต้ม ผัด แกง ทอด เรียกได้ว่าทุกเมนูล้วนได้รับการการันตีจากเชฟมืออาชีพมาแล้วหลายท่าน
“โห จานละตั้ง 150 เจ๊เปียแกไม่มีราคาชาวบ้านให้หน่อยหรือจ๊ะนี่”
ฟอร์ดพูดเบา ๆ แต่ก็ตั้งใจให้ได้ยินไปถึงหูเจ๊เจ้าของร้านซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่เก๊ะ เธอหันหลังกลับไปมองพลางแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย
“เอ็งมาต่อราคาข้าหลายรอบจนจะขาดทุนเอาแล้ว แต่วันนี้พ่อหนุ่มนาวีมาหาถึงร้าน เจ๊ลดให้30% ทุกเมนูไปเลยจ้ะ ถือซะว่ารับขวัญ”
“แหมเจ๊ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ ผมจะฟ้องพี่อี๊ด”
“เอ็งกล้าก็ลองดู!”
เจ๊เปียจ้องมองตาเขม็งใส่จนทำให้ฟอร์ดกลัวหัวหดจนต้องหลบอยู่หลังสมุดเมนูอาหาร นาวีแย่งใบเมนูนั้นมาจากมือเขากวาดสายตามองครู่เดียวก็ลงมือเขียนรายการที่สั่งลงบนกระดาษซึ่งได้ถูกจัดเตรียมไว้ให้เหมือนกันทุกโต๊ะ
“ฉันเอาสุกี้ทะเลกับชาดำเย็นแล้วกัน เอ็งล่ะกินอะไร”
“ฉันขอกะเพรากุ้ง เพิ่มไข่เจียว แล้วก็ขอพิเศษกุ้งนะจ๊ะ แหะ ๆ ”
“แหม่ สั่งซะพิเศษเชียวนะ แล้วไม่เอาน้ำอะไรหรือ”
“ได้ด้วยหรอจ๊ะ งั้นผมเอามะพร้าวน้ำหอมลูกหนึ่ง”
ชายหนุ่มใช้มือเรียวยาวของเขาจดบันทึกทุกอย่างลงในกระดาษแผ่นนั้น ก่อนที่จะยื่นมันให้พนักงานบริการเพื่อนำไปส่งให้พ่อครัวต่อไป
“เออ ฟอร์ด แล้วเขาจะให้เอ็งไปทดสอบสมรรถภาพวันไหนล่ะ”
“7 เมษาฯ ครับพี่ อีกไม่กี่วันนี้เอง”
“มีรายละเอียดไหม เขาให้ทำอะไรบ้าง”
“ในกำหนดการเขาบอกว่าจะมีตรวจสุขภาพร่างกายทั่วไปเสียก่อน แล้วค่อยไปสอบสัมภาษณ์ เสร็จแล้วก็จะมีสอบด้านพลศึกษา 8 สถานีครับ แต่ที่น่ากังวลที่สุดคงเป็นว่ายน้ำ”
“ท่าจะหนัก ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่จะช่วยฝึกให้ก็แล้วกันสักสัปดาห์ ช่วงนี้คงได้งดออกทะเลไปยาว ๆ น่ะ ไม่อยากใช้เวลาเสียเปล่าไปวัน ๆ”
“พี่ชายสุดที่รักของผม ขอบคุณมาก ๆ ครับ!”
ฟอร์ดจับมือนาวีขึ้นมายกไว้เหนือศีรษะเป็นการขอบคุณรุ่นพี่ผู้ใจดีกับเขาเสมอมา ตั้งแต่ที่นาวีได้ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยณ ที่แห่งนี้ เขาก็ได้พบกับฟอร์ดเป็นคนแรก ๆ ยิ่งเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจนสามารถสอบผ่านการคัดเลือกรอบแรกของโรงเรียนนายร้อยมาได้ เขาก็ยิ่งอยากสนับสนุน
“เอ่อ พี่คะ หนูขอไอจีพี่หน่อยได้ไหมคะ”
หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะของพวกเขาพลางยื่นมือถือให้พิมพ์ชื่อบัญชีโซเชียลของนาวี ทำให้ชายหนุ่มชะงักตกใจไปชั่วขณะ
“พี่ไม่ค่อยเล่นน่ะครับ ขอโทษด้วยนะ”
“เฟสบุ๊คล่ะคะ ไลน์ก็ได้ คือพี่ตรงไทป์หนูสุด ๆ เลยค่ะ”
หญิงสาวส่งสายตาอ้อนวอนจนเกือบทำให้นาวีหลงเข้าไปในภวังค์ของเธอ แต่เขากลับเป็นคนรักความเป็นส่วนตัวมากที่สุด ทำให้นาวีไม่ต้องการให้ช่องทางการติดต่อของตนกับคนแปลกหน้า
“แหม่ น้องครับ เขาไม่ให้ก็มาขอพี่นี่มา หล่อเหมือนกันนะจ๊ะ”
“ค่ะ พี่หล่อในแบบของตัวเองนะคะ แต่ไม่ตรงสเปคหนูเท่าไหร่”
“ถึงอย่างไรพี่ก็ให้น้องไม่ได้หรอกครับ เราไม่รู้จักกันมาก่อน พี่ขอโทษด้วยถ้าต้องเสียมารยาท”
“ค่ะ พี่...”
หญิงสาวทำหน้าหงอยเดินออกไปจ่ายค่าอาหารที่หน้าร้านอย่างไว ชายหนุ่มทั้งสองส่งสายตาของคุณให้กันอย่างเงียบ ๆ เพื่อเป็นการให้เกียรติหญิงสาวคนนั้นไปในตัว
มีหลายครั้งที่นักท่องเที่ยวจะเดินมาขอช่องทางการติดต่อกับนาวี คงเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของเขาที่เพอร์เฟคไปเสียทุกส่วน ทั้งความสูงโปร่ง ไหล่กว้าง หุ่นสมส่วน ผิวขาวเนียนใส จมูกโด่งเป็นสันเป็นคม ริมฝีปากที่ชุ่มฉ่ำ ใบหน้าของเขายังดูอ่อนกว่าวัยเป็นอย่างมากทั้งที่ความจริงเขาก็อายุ 33 ปีเข้าให้แล้ว
“อาหารมาแล้วค่ะ ขอออนุญาตนะคะ”
พนักงานเสิร์ฟเดินยกถาดอาหารมาจากด้านในครัวก่อนที่จะวางลงบนโต๊ะทีละใบ อาหารที่ร้านเจ๊เปียนอกจากจะเลื่องชื่อด้านรสชาติ ในด้านปริมาณก็ให้เยอะจนล้นจานเช่นเดียวกัน อย่างสุกี้ทะเลที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของนาวี ก็ได้กุ้งตัวใหญ่ถึง 3 ตัว ไหนจะหมึกตัวใหญ่ที่ให้มาจนคนทานยังต้องรู้สึกเกรงใจ
“ฝีมือพี่อี๊ดนี่ไม่ตกเลยจริง ๆ อร่อยวันยังค่ำ”
“รีบกินซะเดี๋ยวหายร้อน เอ็งคงจะไม่ฝึกขัดฉากก่อนใช่ไหมนี่”
“อันนั้นเก็บไว้ฝึกที่บ้านครับ ฮ่าฮ่า”
นาวียิ้มอย่างเอ็นดูในความซื่อของเด็กหนุ่มชาวเลคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะเหมือนได้เห็นตนเองในวัยเด็กไม่มีผิดแผก
ท่ามกลางท้องฟ้าสดใสที่คละเคล้าไปด้วยฝุ่นควันในกรุงเทพมหานคร หญิงสาวในชุดนอนขนเฟอสีชมพูกำลังนั่งกดโทรศัพท์มือถืออยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งไซซ์ยักษ์ของตนเอง
“สวัสดีค่ะพี่มะนาว หนูกอหญ้านะคะ”
“จ้า ว่าไงจ๊ะกอหญ้า โอเคดีใช่ไหม”
“สบายดีค่ะ แต่ว่าหนูอยากติดต่อพี่เรื่องที่หนูจะ เอ่อ... ขายกระเป๋าแบรนด์เนมน่ะค่ะ”
“หือ หนูมีตั้งหลายใบเลยนี่ ขายหมดเลยหรือ”
“ไม่หมดหรอกค่ะ อาจจะเหลือไว้สักสามใบไว้ใช้งานบ้างค่ะ”
“ฮื่อ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่เข้าไปดูของและประเมินราคาให้นะจ๊ะ หนูสะดวกวันนี้เลยไหมล่ะ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะพี่สาว”
“ไม่เป็นอะไรหรอกจ้า ไว้เจอกันนะ”
กอหญ้าวางสายโทรศัพท์ลง ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่ใช้เก็บกระเป๋าแบรนด์เนมที่มีเป็นกองของเธอ เธอมองของพวกนี้อย่างถี่ถ้วนเพื่อที่จะเลือกกระเป๋าเพียง 3 ใบที่จะยังคงอยู่กับเธอต่อไป
“คงต้องขายใบแพง ๆ ไปสินะ โถ แต่ใบนี้มันมีแค่ 5 ใบบนโลกเลยนี่นา เสียดายแย่”
เธอใคร่ครวญหวนไห้ไปกับของรักของหวง หากแต่จะไม่นำของเหล่านี้ไปขายเธอเองก็คงถูกฟ้องล้มละลายจนโดนอายัดทรัพย์สินไปอยู่ดี
แต่ก่อนที่เธอจะเลือกกระป๋องใบใดใบหนึ่ง เธอก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังต้องติดต่อไปยัง พี่กบ เพื่อให้เข้ามาดูเสื้อผ้าและเครื่องประดับแบรนด์เนมของเธอเช่นเดียวกัน เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและยิงสายตรงไปหาเขาทันที
“สวัสดีค่ะพี่กบ กอหญ้าเองนะคะ”
“หนูกอหญ้าลูก เป็นอย่างไรบ้าง พี่คิดถึงเธอจะแย่”
“หนูสบายดีมากเลยค่ะ แต่ว่าพี่กบคะ คือพอดีว่าหนูอยากจะขายเสื้อผ้ากับเครื่องประดับบางส่วนน่ะค่ะ พี่กบช่วยเข้ามาประเมินราคาให้หนูหน่อยได้ไหมคะ”
“ต๊าย กอหญ้า เสื้อผ้าเธอมีแต่ของดี ๆ ไม่ใช่หรือ หลายชุดก็สั่งตัดเชียวนี่”
“อ๋อ ชุดที่สั่งตัดหนูจะยังเก็บไว้ค่ะ จะขายแต่ของแบรนด์”
“ฮื่อ ถ้าอย่างนั้นสักวันพรุ่งนี้เดี๋ยวพี่เข้าไปดูให้นะ วันนี้มีงานต่อที่เวทีประกวดนางงาม วุ่นทั้งวันเลย”
“ได้ค่ะพี่กบ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ”
“จ้ากอหญ้า ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก แล้วเจอกัน”
จบการสนทนากอหญ้าก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเธอในห้องแต่งตัวอีกครั้ง ภายในห้องทั้ง 4 ทิศล้วนเป็นตู้เสื้อผ้าที่มีประตูเป็นกระจกใส สะท้อนให้เห็นถึงความแน่นหนาของเสื้อผ้าภายในตู้ที่แต่ละชุดถูกจัดเรียงไว้ตามแต่ละสีอย่างสวยงาม ชุดของเธอหลายชุดเป็นการสั่งตัดเย็บจากช่างฝีมือดีระดับประเทศ ด้วยรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอทำให้หาคนมาใส่ชุดของเธอต่อได้ยาก
กอหญ้าวุ่นวายกับการเลือกสรรเสื้อผ้า เครื่องประดับและกระเป๋าแบรนด์เนมที่เธอจะตัดสินใจขายอยู่อย่างนั้นในขณะที่ริชชี่เองก็กำลังดำเนินการติดต่อกับหลากหลายบริษัทที่กอหญ้าติดสัญญาอยู่เพื่อนัดหมายจ่ายเงินค่าผิดสัญญาต่อไป
กอหญ้าเดินไปรอบ ๆ เพ้นต์เฮ้าส์ของตนเอง ก่อนจะไปสะดุดตากับรูปภาพครอบครัวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ ของห้องนั่งเล่นซึ่งเธอไม่ค่อยได้ยุ่งกับมันมานานแล้ว
หญิงสาวยกกรอบรูปนั้นขึ้นมาดูและถอดเอารูปภาพออกมาจากกรอบเพื่อดูและสัมผัสให้ใกล้ตามากขึ้น ในภาพนั้นได้ถูกถ่ายที่ชายหาดแห่งหนึ่ง คาดว่าถ่ายตั้งแต่สมัยที่เธอนั้นอายุได้ 5 ขวบ กอหญ้าในวัยเด็กสวมชุดเดรสสีชมพูลายดอกไม้มาตั้งแต่เด็กเธอยืนจับมือกับพี่ชายคนเดียวของตนเองอย่างกอไผ่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนด้านซ้ายและขวาของรูปเป็นคุณพ่อคุณแม่ของเธอเอง ช่วงเวลาในวัยเด็กของกอหญ้าเต็มไปด้วยความสุขจนเธอแทบไม่เคยสัมผัสกับความทุกข์ใจในชีวิต เธอจึงเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพ่อแม่เสมอไม่ว่าจะชี้ให้เธอเดินไปทิศทางใด
กอหญ้าพลิกไปด้านหลังรูป เผยให้เห็นรายชื่อของบุคคลในภาพที่ถูกเขียนไว้ด้วยลายมือของมารดาสุดที่รักของตนเอง....
ครอบครัวยิ้มตะวัน ณ แก้วใส
น้องกอหญ้า กันนิดา
น้องกอไผ่ ทัชวาล
ป๊าธรรม์ และ ม๊าพิมพ์ใจ
“หนูคิดถึงช่วงเวลานั้นมากที่สุดเลยค่ะป๊า ม๊า ถ้าครอบครัวของเรายังอยู่พร้อมหน้าก็คงดี...”