ในปี 2136 โลกใกล้พังทลาย อเล็กซ์ คาเดนซ์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ศูนย์เสียทุกสิ่งได้ต่อสู้เพื่อหาหนทางรอดของมนุษยชาติ จนได้พบสิ่งสำคัญ ซึ่งนี่อาจจะเป็นความหวังสุดท้าย หรือ จุดเริ่มต้นของฝันร้ายของโลกในบี้
แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,สะท้อนปัญหาสังคม,สงคราม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Nexus รอยเชื่อมจักรวาลในปี 2136 โลกใกล้พังทลาย อเล็กซ์ คาเดนซ์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ศูนย์เสียทุกสิ่งได้ต่อสู้เพื่อหาหนทางรอดของมนุษยชาติ จนได้พบสิ่งสำคัญ ซึ่งนี่อาจจะเป็นความหวังสุดท้าย หรือ จุดเริ่มต้นของฝันร้ายของโลกในบี้
โลกในปี 2136 ไม่ใช่บ้านของมวลมนุษยชาติอีกต่อไป ดวงอาทิตย์ที่เคยเปล่งแสงอบอุ่นกลับค่อยๆ มอดดับ แสงที่เคยเจิดจ้าบัดนี้อ่อนแสงจนกลายเป็นเพียงประกายริบหรี่ ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกสีหม่นซึ่งไม่เคยหายไป อุณหภูมิลดต่ำลงทุกวัน พื้นดินแข็งกระด้างและไร้ซึ่งชีวิต ทุกสิ่งดูเหมือนจะตายลงทีละน้อย
เมืองใหญ่ที่เคยคึกคักเต็มไปด้วยซากอาคารและท้องถนนที่ว่างเปล่า ร่างของผู้คนเดินลากขาไปมาราวกับสิ้นไร้แรงใจ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า คนที่เหลืออยู่ต้องต่อสู้แย่งชิงอาหาร น้ำ และที่พักอันน้อยนิด ไม่มีที่ใดปลอดภัยจากความสิ้นหวัง
ในเขตชานเมือง สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่า ผู้ลี้ภัยอาศัยในกระโจมผุพังที่แทบกันลมหนาวไม่ได้ พวกเขารวมตัวกันรอบกองไฟเล็กๆ ที่กำลังมอดดับ เด็กๆ ผอมแห้งนั่งขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของแม่ที่ไม่มีแม้แต่นมจะให้ พื้นดินแตกระแหงไม่มีวี่แววของต้นไม้หรือแม้แต่หญ้า
การดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดบนโลกที่ใกล้ถึงจุดจบ ทำให้มนุษย์แตกแยกเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่สนใจเพียงผลประโยชน์ส่วนตัว ความร่วมมือที่เคยมีแทบจะเลือนหาย เหลือเพียงความโลภและการแก่งแย่ง
ผมยืนอยู่บนระเบียงตึกสูงของเมืองหลวง มองลงไปยังสิ่งที่เหลืออยู่จากอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ แทบไม่มีร่องรอยของความรุ่งเรืองหลงเหลือ ผู้คนเดินเบียดเสียดกันไปมา แต่ไม่มีใครพูด ไม่มีรอยยิ้ม มีเพียงใบหน้าที่หม่นหมองและดวงตาที่ไร้ความหวัง
ภาพเหล่านั้นเป็นเหมือนบาดแผลที่ทิ่มแทงจิตใจผม แต่สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือผมรู้ว่าผมทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากเฝ้าดูทุกอย่างพังทลายลงไปเรื่อยๆ
“พ่อคะ…” เสียงเล็กๆ ของลูกสาวดึงผมออกจากภวังค์ ผมหันไปมองเธอ เธอกำลังนั่งอยู่ในมุมห้อง กอดตุ๊กตาขาดวิ่นที่ผมซ่อมให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาของเธอซ่อนความกลัวไว้ไม่มิด
ผมสัญญากับตัวเองในตอนนั้นว่า ผมจะไม่ยอมให้เธอต้องจบชีวิตลงไปพร้อมกับโลกใบนี้
“ด็อกเตอร์อเล็กซ์!” เสียงของแซมเพื่อนร่วมงานของผมดังมาจากห้องทดลอง ผมดึงตัวเองกลับมา สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะเดินเข้าไป
“พร้อมหรือยัง?” แซมถาม ผมพยักหน้า นี่เป็นโอกาสเดียวของเรา โครงการเน็กซัสที่เราทำงานกันมากว่าทศวรรษ
เครื่องเน็กซัสเป็นความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ มันถูกสร้างขึ้นด้วยความหวังที่จะเปิดทางไปยังโลกอื่น โลกที่มนุษย์สามารถอพยพไปได้ แต่โครงการนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง หากมันล้มเหลว จะไม่มีครั้งที่สอง
แสงสีฟ้าสว่างจ้าปกคลุมห้องทดลอง เสียงเครื่องจักรดังกระหึ่ม ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดเบาๆ ตามมาด้วยความเงียบ
จากกลางห้องทดลอง บานประตูบานหนึ่งปรากฏขึ้น มันเปล่งแสงสีทองเรืองรองและดูเหมือนจะเชื้อเชิญให้ก้าวผ่านไป
ผมเดินเข้าไปใกล้ประตูนั้น มือของผมสั่นเมื่อสัมผัสแสงที่ไหลรินผ่านนิ้วมือ มันเหมือนความฝัน
นี่คือโอกาสที่จะกอบกู้โลก หรืออาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้ายครั้งใหม่.......