ในปี 2136 โลกใกล้พังทลาย อเล็กซ์ คาเดนซ์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ศูนย์เสียทุกสิ่งได้ต่อสู้เพื่อหาหนทางรอดของมนุษยชาติ จนได้พบสิ่งสำคัญ ซึ่งนี่อาจจะเป็นความหวังสุดท้าย หรือ จุดเริ่มต้นของฝันร้ายของโลกในบี้
แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,สะท้อนปัญหาสังคม,สงคราม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Nexus รอยเชื่อมจักรวาลในปี 2136 โลกใกล้พังทลาย อเล็กซ์ คาเดนซ์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ศูนย์เสียทุกสิ่งได้ต่อสู้เพื่อหาหนทางรอดของมนุษยชาติ จนได้พบสิ่งสำคัญ ซึ่งนี่อาจจะเป็นความหวังสุดท้าย หรือ จุดเริ่มต้นของฝันร้ายของโลกในบี้
ณ ห้องประชุมใหญ่ของคณะกรรมการแห่งทรัพยากร
ในอาคารทรงสูงที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง แต่ตอนนี้กลายเป็นเครื่องเตือนใจถึงความเสื่อมถอยของโลก ห้องประชุมใหญ่ของ คณะกรรมการแห่งทรัพยากร Consortium of Resources เต็มไปด้วยสมาชิก 12 คนที่ถูกเลือกมาเพื่อจัดการสิ่งที่เหลืออยู่ของทรัพยากรมนุษยชาติ
ดร.เกรย์ตัน ฮาเวิร์ด ประธานคณะกรรมการ ชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐาน แต่สายตาแฝงความเย็นชา เขายืนขึ้นจากที่นั่งหัวโต๊ะ มือข้างหนึ่งวางบนโต๊ะกระจกโปร่งใส เคาะโต๊ะเบาๆ เพื่อเรียกความสนใจของทุกคนในห้อง เขามองไปรอบๆ ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยอำนาจ
“วันนี้ เราจะหารือเรื่องการกระจายทรัพยากรประจำสัปดาห์ที่ 45 ของปีนี้ มีรายงานว่าหลายศูนย์แจกจ่ายเริ่มเกิดความไม่พอใจ เพราะทรัพยากรที่ส่งไปนั้นลดลงกว่าครั้งก่อน” เสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่เด็ดขาด
“ปัญหาเรื่องทรัพยากรของเราไม่ได้อยู่ที่มันมีไม่พอ” เขากล่าว “แต่อยู่ที่เรายังเสียเวลาและทรัพยากรไปกับกลุ่มคนที่ไร้ประโยชน์”
คำพูดนั้นทำให้ห้องประชุมเงียบกริบ
ดร.ลูเซีย เวลส์ รองประธานฝ่ายวิทยาศาสตร์ของคณะกรรมการ หญิงวัยประมาณ 40 ปี มีดวงตาที่สื่อถึงความมุ่งมั่น เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยืนหยัดเพื่อมนุษยชาติในห้องประชุมนี้ นั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายของโต๊ะ เธอขมวดคิ้วแน่น ทนไม่ได้ที่จะเงียบต่อ
“คุณหมายความว่าไง?” ลูเซียถาม “คุณกำลังบอกว่าเราควรปล่อยให้คนตายเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้ ‘มีประโยชน์’ งั้นหรือ ดร.เกรย์ตัน?” ลูเซียถามเสียงแข็ง
เกรย์ตันยิ้มบางๆ แต่ดวงตากลับไร้ความรู้สึก
“ผมหมายความว่า เราควรให้ทรัพยากรแก่ผู้ที่สามารถสร้างอนาคตได้ ไม่ใช่กับกลุ่มคนที่เพียงรอคอยความตาย”
“พวกเขาเป็นคนเหมือนเรา!” ลูเซียสวนทันที เสียงของเธอหนักแน่น
“และนั่นคือข้อผิดพลาดของคุณ ดร.เวลส์” เกรย์ตันพูดต่อ น้ำเสียงของเขาเหมือนครูที่กำลังตำหนินักเรียน “คุณมองมนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ในโลกนี้ ไม่มีอะไรเท่าเทียม”
เกรย์ตันหยุดเล็กน้อยก่อนพูดต่อ น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบจนแทบทำให้บรรยากาศในห้องหนาวเยือก
“คุณรู้ไหมว่า มีหมู่บ้านหนึ่งในเขตตะวันตกเฉียงใต้ที่เราเลือกไม่ส่งอาหารไป เพราะเราเห็นว่าพวกเขาไม่น่าจะรอดอีกไม่เกินสองเดือน” เขากล่าวราวกับกำลังพูดถึงสิ่งที่ไม่สำคัญ “และคุณก็รู้ไหมว่า นั่นช่วยให้เรามีทรัพยากรเหลือพอสำหรับเมืองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจมากกว่า”
ลูเซียได้แต่มองเขาด้วยสายตาตกตะลึง ส่วนสมาชิกบางคนในห้องประชุม เช่น ฮิวโก้ เรย์นส์ และ อีวาน คาสโตร เลือกที่จะไม่แสดงความเห็นอย่างชัดเจน พวกเขามองไปมาระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ได้เอ่ยคำใด
“คุณกำลังพูดถึงชีวิตคนเป็นแค่ตัวเลข…” ลูเซียสวนกลับ “แต่ถ้าคุณคิดแบบนั้น มนุษยชาติจะเหลืออะไร? ความเป็นมนุษย์ของเราอยู่ที่ไหน?”
“ตัวเลขก็คือสิ่งที่ผมทำงานกับมัน” เกรย์ตันตอบ “ถ้าคุณอยากได้ความเมตตา อยากได้ความเป็นมนุษย์ ไปขอจากพระเจ้า แต่ถ้าคุณต้องการอยู่รอด คุณก็ต้องยอมรับความจริง”
หลังการประชุมสิ้นสุดลง เกรย์ตันเดินออกมาพร้อมกับ วิลเลียม ไรอันส์ เพื่อนร่วมฝ่ายที่สนับสนุนแนวคิดของเขา
“ลูเซียเป็นปัญหาใหญ่” เกรย์ตันพูดโดยไม่ปิดบัง “เธอจะทำให้เราสูญเสียการควบคุม ถ้าเราปล่อยให้เธอมีปากมีเสียงมากกว่านี้”
“เธอจะไม่ไปไกลกว่านี้หรอก” วิลเลียมตอบพลางหัวเราะเบาๆ
“ฉันไม่ชอบปล่อยอะไรให้เป็นเรื่องบังเอิญ” เกรย์ตันกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดวงตาเปี่ยมไปด้วยเจตนาร้าย
ลูเซียเองก็กลับมาที่ห้องทำงานของเธอ สีหน้าเคร่งเครียด แต่ยังไม่ยอมแพ้ เธอพูดคุยกับทีมเล็กๆ ของเธอที่ยังคงยืนหยัดเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติ
“เราต้องทำให้ได้” ลูเซียพูด “ถึงจะมีกำแพงจากคนอย่างเกรย์ตัน ฉันเชื่อว่าเรายังมีทาง”
ตอนนี้คณะกรรมการแห่งทรัพยรกรได้แสดงให้เห็นแล้วว่า โลกที่ล่มสลายไม่ได้เพียงแค่สร้างความขาดแคลนทรัพยากร แต่ยังเปิดเผยธรรมชาติของมนุษย์ด้วย ทั้งความเห็นแก่ตัว และความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือกัน
.
.
.
ในตอนกลางคืน เมื่ออาคารต่างๆเงียบสงัด มีเพียงห้องทดลองส่วนตัวของ อเล็กซ์ คาเดนซ์ ยังคงทำงานอยู่โดยระบบอัตโนมัติ
จู่ๆ เซ็นเซอร์บางตัวในห้องจับค่าความผิดปกติได้ เครื่องจักรเริ่มส่งเสียงเบาๆ และมีแสงเรืองขึ้นจากอุปกรณ์ที่อเล็กซ์กำลังพัฒนาอยู่
ระบบตรวจจับค่าผิดปกติในห้องทดลองเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อเล็กซ์กำลังค้นคว้าอยู่
จอมอนิเตอร์บันทึกข้อมูลอัตโนมัติ:
• ค่าแม่เหล็กไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1.8%
• อุณหภูมิในห้องลดลง 0.5 องศา
• การสั่นสะเทือนเล็กน้อยที่ไม่สามารถอธิบายได้กล้องรักษาความปลอดภัยจับภาาพเงาที่ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวเอง ราวกับว่ามีบางสิ่งที่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องจักรธรรมดากำลังเกิดขึ้น
แต่ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้น ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเลย….