ไม่มีอะไรซวยไปมากกว่าการตื่นมาอยู่ในร่างของคนอื่นและต้องเอาตัวรอดจากความตายที่จะมาเยือน | แพท นักศึกษาจบใหม่ตกงาน เธอสมัครทุกงานที่ตรงเงื่อนไขโดยที่เธอไม่ได้อ่านรายละเอียดของงานก่อนจะกดส่งใบสมัคร
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,เลือดสาด,เอาชีวิตรอด,สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
BORN OR DIE เกิดหรือตายก็เท่ากัน | GUNEO #อ่านฟรีไม่มีอะไรซวยไปมากกว่าการตื่นมาอยู่ในร่างของคนอื่นและต้องเอาตัวรอดจากความตายที่จะมาเยือน | แพท นักศึกษาจบใหม่ตกงาน เธอสมัครทุกงานที่ตรงเงื่อนไขโดยที่เธอไม่ได้อ่านรายละเอียดของงานก่อนจะกดส่งใบสมัคร
ไม่มีอะไรซวยไปกว่าการตื่นมาอยู่ในร่างของคนอื่นและต้องเอาตัวรอดจากความตายที่จะมาเยือน
แพท นักศึกษาจบใหม่ตกงาน เธอสมัครทุกงานที่ตรงเงื่อนไขโดยที่เธอไม่ได้อ่านรายละเอียดของงานก่อนจะกดส่งใบสมัคร แต่อย่างน้อย เธอก็ได้งานแล้วล่ะ
แต่เงื่อนไขของมันนี่สิที่น่าเป็นกังวล
งานของเธอคือการเอาชีวิตรอดในร่างของลูกค้าที่กำลังจะตายด้วยบางอย่าง และหากเธอทำไม่ได้ เธอเองก็จะตายด้วยเช่นกัน
"อ่อ งานนี้ ถ้าไม่ผ่านโปรไม่อนุญาตให้ลาออกนะ "
สวัสดีค่ะทุกคน ฝากผลงานนิยายแนวระทึกขวัญเรื่องแรกจากกูนีโอไว้ด้วยนะคะ เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ สำหรับการเปิดนิยายและเขียนไปพร้อมกันและนิยายเรื่องนี้จะถูกเขียนและปล่อยให้อ่านจนจบแน่นอนค่ะ
เนื้อหาภายในเรื่องไม่ได้มีส่วนอ้างอิงหรือเกี่ยวข้องกับบุคคลใดหรือเหตุการณ์ใดทั้งสิ้น ทุกเหตุการณ์และทุกการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น
มีการบรรยายสลับไปมาระหว่างมุมมองของตัวละครและมุมมองจากภายนอก
อาจมีคำที่พิมพ์ตัวอักษรสลับกันหรือพิมพ์ตกบ้างต้องขออภัยคุณนักอ่านด้วยนะคะ หากคุณนักอ่านกรุณาแจ้งให้กูนีโอทราบเพื่อแก้ไขเนื้อหาที่ตกหล่นกูนีโอขอขอบพระคุณมาก ๆ เลยค่ะ ในตอนที่นิยายจบแล้วกูนีโอจะมารีไรท์เพื่อปรับปรุงการใช้ภาษาให้ไหลลื่นขึ้นและแก้ไขในส่วนที่ผิดพลาดไปอีกครั้ง ขอบพระคุณที่กรุณาอ่านค่ะ
มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและมีถ้อยคำรุนแรง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและไม่นำไปเป็นเยี่ยงอย่าง
คำเตือน! มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม การค้าประเวณี การทำร้ายร่างกาย ความรุนแรงในครอบครัว
(ไม่ได้มีในทุกตอน)
#bornordieเกิดหรือตายก็เท่ากัน
อ่านฟรีจนจบเรื่อง
เสียงจอแจจากรอบข้างทั้งตำรวจพยาบาลและนักข่าวไม่เคยเงียบไปตั้งแต่เกิดเรื่อง ตอนนี้ทุกคนอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัยดีแล้ว แม่และพ่อของนิชาถูกช่วยเหลือและปฐมพยาบาลได้อย่างทันถ่วงทีจึงถือว่าไม่เป็นอะไรมาก
เวลาล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่เกิดเหตุ ตำรวจยังคงสอบปากคำจากเพื่อนบ้านและเก็บหลักฐานพยานวัตถุที่มีทั้งหมดในบ้าน
นักข่าวจากหลายสำนักทยอยกันมาที่นี่อย่างไม่หยุดหย่อนหรือเบาบางลงเลยตั้งแต่เกิดเหตุ แม้ตำรวจจะกันพวกเขาไว้ไม่ให้เข้ามาถึงด้านในแต่เสียงเรียกถามเรื่องราวต่าง ๆจากทางด้านนอกรั้วก็ยังคงดังระงมไปทั่วบริเวณรอบหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เสียงของนักข่าวเท่านั้น แต่ยังมีทั้งเสียงของรถพยาบาลและเสียงโทรศัพท์
พ่อของเด็กคนนี้ได้รับการปฐมพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย แม้จะมีเลือดซึมออกมาจากผ้าก๊อตที่พันรอบแขนและศีรษะบ้างก็ตามที ตำรวจกำลังสอบปากคำโดยละเอียด เพิ่งจะได้เห็นสภาพร่างกายของเขาอย่างชัดเจนก็ตอนนี้ เสื้อผ้าของเขาเปื้อนทั้งคราบเลือดทั้งรอยรองเท้า ใบหน้าก็มีแต่รอยช้ำและรอยแผลที่เพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขายืนอยู่ไม่ห่างจากตัวฉันนักจึงพอจะได้ยินในสิ่งที่พูดคุยกันบ้าง
ตำรวจแจ้งว่าพบกระสุนปืนและมือถือของโจรนั่นตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งจะนำไปตรวจสอบที่สำนักงานอีกทีนึง ตำรวจยื่นบางอย่างให้กับพ่อของเด็กคนนี้ กระดาษโพสต์อิทใบเล็ก ๆที่มีรอยไหม้และคราบหยดเลือด
ตำรวจแจ้งว่าพบมันในห้องนอนของนิชา มันถูกวางอยู่หลังโต๊ะคอมข้าง ๆกับแว่นขยาย มีตัวอักษรอยู่บนกระดาษแต่มันถูกรอยไหม้ทับถมไปจนแทบจะมองไม่ออกมีว่าข้อความอะไรอยู่
ชายหนุ่มวัยกลางคนผู้เป็นพ่อของเด็กหญิงหันมามองลูกสาวตัวน้อยด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปทางตำรวจ
มีตำรวจหญิงวิ่งเข้ามาทางด้านขวามือของฉันด้วยท่าทางรีบร้อนและเคร่งขึม
"ทางนั้นแจ้งมาว่าไม่สามารถกู้ชีพของนายศักดิ์ไชยได้ นายศักดิ์ไชยหัวใจหยุดเต้นลงบนรถพยาบาลตั้งแต่ถูกนำตัวออกไปและพยายามกู้ชีพไปตลอด ขณะนี้ได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลค่ะ" ตำรวจสาวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทางด้านตำรวจที่ยืนสอบปากคำผู้เป็นพ่อของเด็กคนนี้อยู่นั้นก็พยักหน้าเบา ๆเป็นการตอบรับ
"งั้นทางเราขอตัวก่อนนะครับ ได้เรื่องว่าเป็นอย่างไรจะแจ้งมาให้ท่านทราบอีกที"
"และไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยนะครับ ผมจะสั่งให้นายตำรวจสิบนายเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะปิดคดีได้ครับ ... ลูกสาวท่านฉลาดมากเลยนะครับ"ดวงหน้ายิ้มแย้มของนายตำรวจพูดขึ้น แต่น่าแปลกที่ยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา ต่อมาเขาได้เรียกตัวเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่เดินสำรวจอยู่ในบ้านหลังนี้ให้ออกไปพร้อมกันกับเขา เมื่อว่าจบดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองเดินออกไปจากตัวบ้านและตามออกไปด้วยเจ้าหน้าที่อีกหลายอัตรา
ฉันเองก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยที่ทำให้เขาต้องตายแต่ตัวของฉันเองนั้นก็ไม่ใช่ว่ามีทางเลือกมากนัก
ผู้เป็นพ่อของนิชาเดินมาทางฉันผู้ซึ่งอยู่ในร่างลูกสาวของเขาที่นั่งอยู่บนโซฟาและหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับวางมือไว้บนหัวของฉันอย่างอ่อนโยนและลูบเบา ๆ
"ตกใจมากเลยใช่ไหมครับลูก ไม่เป็นไรนะ พ่ออยู่นี่แล้ว" เสียงนุ่มเอ่ยพลางสอดแขนมาที่ข้างตัวของฉันและค่อย ๆอุ้มขึ้นเบา ๆ ในใจฉันพลันคิดว่าอยากให้เรื่องนี้จบลงไว ๆ ฉันไม่อยากจะแย่งช่วงเวลาที่แสนมีค่าเช่นนี้ไปจากใคร
ช่วงเวลาที่ได้รับการแสดงออกถึงความห่วงใยหรือความรักจากใครสักคนเป็นช่วงเวลาที่ฉันไม่ได้พบเจอกับมันมาเนินนาน สำหรับฉันมันจึงเป็นช่วงเวลาที่น่าหวงแหนกว่าสิ่งใด
ชีวิตก่อนหน้านี้ของฉันเป็นชีวิตที่ฉันพึงพอใจและมีความสุขกับมัน ฉันได้รับความรักอย่างไม่ต้องโหยหา แต่ทว่าเวลาแห่งความสุขไม่ใช่สิ่งที่จะคงอยู่ตลอดไป ทั้งสุขและทุกข์ย่อมผลัดเปลี่ยนไปตามวันเวลาและเงื่อนไข
หลังจากฉันเรียนจบได้ไม่นาน ในขณะที่ฉันกำลังเพลิดเพลินกับการจัดห้องนอนใหม่เพื่อเป็นการต้อนรับชีวิตวัยทำงานที่จะมาถึง จู่ ๆแม่ก็เปิดประตูห้องนอนของฉันและเดินมาบอกกับฉันว่าตนกำลังจะหย่ากับพ่อ
ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยกาศ ดวงตาที่เคยสดใสพลันเปลี่ยนเป็นดวงตาที่แวววับ สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากความตื่นเต้นของความสุขแต่อย่างใด แต่มันเป็นเช่นนั้นก็เพราะน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมา
หยดน้ำตาไหลสัมผัสกับใบหน้าเจ้าของ จมูกปากขอบตาและใบหูของเธอเริ่มแดงก่ำขึ้นมา แม้จะไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาหรือพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เพียงใดก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งปฏิกิริยาของร่างกายที่ออกมาจากภายในได้
แพททำท่าเหมือนจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด สีหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจ
"มึงจะไปบอกลูกทำไม หย่ากันเงียบ ๆไม่ได้หรือไงวะ!" ผู้เป็นพ่อขึ้นเสียงและตะคอกใส่แม่ แพทพลันตกใจสะดุ้งตามเสียงของพ่อ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกระทำที่แพทไม่เคยเห็นในบ้านหลังนี้มาก่อนตั้งแต่จำความได้ไม่ว่าจะจากพ่อหรือแม่
"ทำไม! มึงกลัวรึไงว่าลูกจะรู้ว่ามึงทำอัปรีย์อะไรไว้!" เสียงของแม่ตะหวาดขึ้น ทั้งสองกำลังยืนประชันหน้าและก่นด่ากันไป สิ่งที่แพททำได้ในตอนนั้นมีเพียงการปล่อยให้น้ำตาอาบแก้มโดยไร้ซึ่งเสียงสะอื้นและฟังเสียงด่าสาดเทเสียของผู้เป็นพ่อและแม่ สิ่งใดที่แพทไม่เคยรู้มาก่อนก็จึงได้รู้ในวันนี้
"กลัวลูกไม่รู้รึไงว่ามึงมีเมียน้อย! ถึงได้เอามันเข้ามาถึงในบ้าน" ประโยคนี้ทำให้สมองของแพทปั่นป่วน รู้สึกแตกสลายคล้ายกับว่าหัวใจทั้งดวงของเธอนั้นกำลังจะทลายลงมาและกลายเป็นเพียงเศษผุยผง
ภาพตรงหน้าของเธอพร่าเลือนไปเพราะหยดน้ำตา ขณะนี้หญิงสาวที่อยู่ตรงกลางระหว่างผู้เป็นพ่อและแม่ที่กำลังสาดวาจาแง่ลบใส่กันนั้นไม่อาจได้ยินเสียงใดนอกจากความว่างเปล่าในใจของตน
วันนี้เธอได้รู้ว่าพ่อของเธอนั้นมีคนอื่นมานานนับสิบปี และที่ครอบครัวยังคงเป็นครอบครัวมาจวบจนถึงทุกวันนี้นั้นเป็นเพียงเพราะพวกเขาอยากจะส่งเธอให้ถึงฝั่ง
ทุกเรื่องราวที่ก่อให้เกิดความเจ็บช้ำเหมือนคมมีดที่กรีดลงกลางใจที่ถูกสะสมไว้มานานนับสิบปีวิ่งเข้าใส่หญิงสาวภายในวันเดียว เธอพลันคิดโทษตัวเองว่าตัวของเธอนั่นแหละที่เป็นโซ่ฉุดรั้งให้ทุกคนในครอบครัวต้องเจ็บช้ำและทรมาน เธอเปรียบตัวของเธอเสมือนตัวปัญหาที่ทำให้ทุกคนเจ็บช้ำ
ภาพของความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับครอบครัวตลอดชีวิตค่อย ๆร่ายเรียงในหัว สมองอลหม่านไปด้วยความสับสนว่าทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นนั้นเป็นของจริงหรือเป็นเพียงการสร้างภาพลวงเป็นครอบครัวแสนสุขจากพ่อและแม่เพื่อเธอ
หญิงสาวจมอยู่กับความเศร้าหมองในบ้านที่มีแต่เสียงก่นด่าเช้าเย็นได้ไม่นานนัก รู้ตัวอีกทีเสียงโวกเวกโวยวายที่ตัวของเธอนั้นไม่แม้แต่จะพยายามจับใจความของมันเสียด้วยซ้ำก็เงียบลง
ชายหญิงที่เธอเคารพรักค่อย ๆทยอยย้ายของออกไปจากบ้านหลังนี้ที่เคยเป็นที่พักพิงมานานหลายปีเพื่อแยกย้ายกันไปตามทางของตน สิ่งเดียวที่พวกเขาไม่ได้นำไปด้วยนั้นมีเพียงแพท สิ่งหนึ่งที่เคยเป็นโซ่ทองคล้องใจ และเป็นสิ่งหนึ่งที่พวกเขาจะรักและหวงแหนตลอดไป
เมื่อต่างคนต่างแยกกันอยู่การสนทนาก็น้อยลงตามไป ตั้งแต่ผ่านเรื่องตอนนั้นมาเธอยังไม่ได้พบหน้าพ่อกับแม่เลยสักครั้งเดียว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนมีเหตุผลของมันทั้งสิ้น หญิงสาวบอกเสมอว่าเธอนั้นเข้าใจ เข้าใจในทุกอย่างและเหตุผลของทุกคน
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยใช้ชีวิตตัวคนเดียวมานานมากขนาดนี้ ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาหากความโดดเดียวจะทำให้เหงาจนรู้สึกหนาวเหน็บ หลายเรื่องราวถาโถมเข้าใส่ตัวเธอในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน หลังจากเรียนจบเธอไม่สามารถหางานทำได้เลยสักงาน ไม่มีเลยสักงานจริง ๆ
เธอได้แต่คิดโทษตัวเองว่าเธอมันเป็นคนไม่เอาไหน เป็นคนที่ไร้ความสามารถ พึ่งพาไม่ได้ เธอตราหน้าว่าตนเองว่าเป็นตัวปัญหา ทุกครั้งที่เห็นเงาสะท้อนของตนเธอก็มักจะได้ยินคำว่าล้มเหลวสาดเข้ามาอยู่เสมอ
จากเด็กสาวที่เคยมีดวงหน้าหวานละมุน รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นเมื่อใดก็ทำให้โลกใบนี้สดใสขึ้นมา นัยน์ตาสะท้อนถึงความสุขที่เอ่อล้นอยู่เสมอ
กลับแปรเปลี่ยนไปเป็นหญิงสาวผู้มีใบหน้าอมทุกข์ ไร้สิ้นสุขจากสิ่งใด แววตาที่เคยหวานใสผลัดไปเป็นดวงตาเหนื่อยหน่าย
ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้....
ผู้ไม่เคยหยุดคิดสิ่งใดไม่อาจสู้ความเหนื่อยล้าของสมองเจ้าของร่างกายนี้ได้ เปลือกตาน้อย ๆค่อย ๆปิดลงช้า ๆเพื่อให้ร่างกายนี้ได้พักผ่อนและฟื้นฟูตนเองจากความเหนื่อยล้าที่เจอมาตลอดทั้งวัน
เด็กน้อยที่น่ารักหลับซบลงกลางอกของพ่อ ความเหนื่อยล้าที่เจอมาทำให้การนอนหลับนี้ช่างรู้สึกสบายกายและเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับคนตัวใหญ่นี้แล้ว จึงสบายใจที่จะปล่อยให้ร่างกายนี้ได้หลับอย่างสนิท
เสียงพูดคุยของชายสองคนปลุกให้เด็กน้อยค่อย ๆตื่นขึ้นจากการหลับไหล ดวงตาเรียวเล็กค่อย ๆเลิกขึ้นช้า ๆ แสงจากภายนอกบ่งบอกว่าเวลานี้เป็นยามราตรีเสียแล้ว มือเล็ก ๆกางออกเบา ๆเพื่อให้ดวงตาได้สำรวจอย่างละเอียด
หญิงสาวรับรู้ว่าเธอยังอยู่ในร่างของเด็กน้อยนิชา เมื่อมองขึ้นไปที่นาฬิกาที่ติดอยู่กับฝาผนังจึงเข้าใจ แต่สถานที่นี้นั้นแตกต่างออกไปจากเมื่อตอนกลางวัน ดวงตาเรียวเล็กมองซ้ายทีขวาที่เพื่อสำรวจสถานที่
หากคิดไม่ผิดที่นี่คงจะเป็นห้องพิเศษสักห้องนึงในโรงพยาบาลสักแห่ง ตอนนี้เด็กสาวนอนอยู่บนโซฟาและถูกคลุมกายด้วยผ้าห่มนุ่มนิ่มสีชมพู เบื้องหน้าของเธอนั้นปรากฏเห็นหญิงสาวดวงหน้าสวยงามดั่งดาราบนหน้าจอทีวีสวมชุดคนไข้นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล หากเดาไม่ผิดเธอคงจะเป็นแม่ของนิชา
เมื่อสมองเริ่มตื่นจากการหลับไหลจึงสามารถจับใจความของบทสนทนาเกิดขึ้นในห้องนี้ได้
"จากการตรวจสอบแล้ว นายศักดิ์ไชยเป็นพ่อของเด็กคนนั้นจริง ๆครับท่าน"ประโยคนี้ถูกพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำจากอีกฝ่ายที่ไม่ใช่พ่อของนิชาอย่างแน่นอน
"ยังไงก็ฝากจัดการด้วย อย่าให้เรื่องนี้มากระทบงานของผม ผมยินดีดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว คุณคงรู้" เสียงของหนุ่มวัยกลางคนพูดขึ้นตอบ เสียงนี้เป็นเสียงที่ฉัรเคยได้ยินและจำได้ดีว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร
บทสนทนาที่ฉันได้ยินมันทำให้ฉันสงสัยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ต้นเหตุของมันคืออะไร และจุดจบของมันจะเป็นเช่นไร
เสียงฝีเท้าก้าวออกไปจากห้องพักคนไข้ตามหลังด้วยเสียงปิดประตูลง
ชายหนุ่มวัยกลางคนเดินเข้ามาใกล้ฉันและนั่งลงบนเบาะเดียวกับที่ฉันนอนอยู่ เขาพลางใช้ฝามือขนาดของผู้ใหญ่วางบนศีรษะของฉันเบา ๆและลูบอย่างอ่อนโยนเหมือนเมื่อตอนนั้น
"พ่อทำให้หนูตื่นเหรอครับนิชา นอนต่อนะ ดึกมากแล้ว"
เสียงอ่อนโยนพูดกล่อมจนดวงตาเรียวเล็กค่อย ๆขยับลงและหลับสนิทไปในที่สุด
ความเจ็บปวดจากท้ายทอยปรากฎขึ้นในทันใดที่เธอเริ่มรู้สึกตัว หญิงสาวค่อย ๆลืมตาขึ้นด้วยความสะลึมสะลือ เสียงจากนาฬิกาปลุกทางด้านนอกทำให้เธอเริ่มได้สติ เธอค่อย ๆดันตัวเองขึ้นจากพื้นพลางใช้มือตบหน้าตัวเองเบา ๆ ภาพตรงหน้าของเธอคือห้องน้ำที่คุ้นเคย เธอยังคงอยู่ในสภาพร่างเปลือยเปล่าเหมือนในตอนเช้า
เธอพยุงตนเองไปที่ราวแขวนผ้าที่พาดไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าและค่อย ๆสวมเสื้อผ้าให้ตนเองทีละชิ้นพลางปลายตาไปมองกระจกที่อยู่ทางด้านข้างเพื่อสำรวจตนเอง เธอสังเกตเห็นว่าท้ายทอยของเธอนั้นแม้จะยังมีความรู้สึกปวดอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มีรอยช้ำแต่อย่างใด
เมื่อจัดการตนเองจนเรียบร้อยและออกมาจากห้องน้ำแล้วนั้นเธอก็ค่อย ๆก้าวขาขึ้นไปบนบรรไดทีละขั้นเพื่อพาตนเองไปให้ถึงห้องนอน บ้านช่องของเธอในขณะนี้มืดจนแทบมองอะไรไม่เห็น เมื่อเธอก้าวเท้าเหยียบจนถึงบรรไดขั้นสุดท้ายเธอก็ได้ยินเสียงแปลก ๆที่ข้างหู คล้ายเสียงลมพัดเบา ๆร่างกายของเธอขนลุกซู่ หญิงสาวรีบย่ำเท้าไปกดสวิตไฟในมุมที่คุ้นเคย
บ้านที่เคยมืดมัวก็พลันสว่าง ความรู้สบายใจเริ่มกลับเข้ามาหาเธออีกครั้ง แพทเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนที่คุ้นเคยและเอื้อมมือไปเปิดไฟ ทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิมอย่างที่เคยเป็นมา
แพทหยิบมือจรกข้างหัวเตียงที่ขาร์จไว้ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเมื่อครู่นี้ขึ้นมาและแตะนิ้วเรียลยาวลงบนหน้าจอเบา ๆสองสามที ปรากฎให้เห็นเวลาในขณะนี้
00:17
ความคิดของเธอยังคงตีกันอย่างอลหม่านภายในหัวสมอง หากคิดในแง่ดีสิ่งที่เธอเจอมาในวันนี้อาจเป็นเพียงความฝันที่เกิดขึ้นในตอนที่เธอสลบไปเพียงเท่านั้น หญิงสาวหย่อนบั้นท้ายลงบนเตียงนอนเบา ๆ พลางใช้นิ้วกดไปที่แอพโซเชียลหวังจะหนีจากความคิดของตน
มีอะไรเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นวันต่อวัน ผ่านมาและผ่านไปจนบางครั้งฉันเองไม่สามารถตามกระแสของโลกใบนี้ได้ทั้งหมด มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนึง พอถึงอีกวันคนก็เลิกให้ความสนใจกับมันและลืมไปเสียหมด
สายตาของฉันหยุดลงที่โพสต์ข่าวโพสต์หนึ่ง ภายในนั้นระบุแคปชั่นไว้ว่า 'นักการเมืองดังและภรรยาลูกสาวเจ้าของนักธุรกิจใหญ่ถูกยิงกลางบ้าน ลูกสาวไลฟ์สดเพจพรรคช่วยชีวิตพ่อแม่ ขณะนี้ผู้ก่อเหตุเสียชีวิตแล้ว'
ดวงหน้าตื่นตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ภายในหน้าจอเล็ก ๆของโทรศัพท์มือถือ เธอจดจ้องอย่างไม่วางตาพลางกดเข้าไปดูรายละเอียดปรากฏให้เห็นเนื้อข่าวว่า
'เมื่อเวลา 10:43 น. ของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 ที่สน.ศาลาแดงได้รับแจ้งว่ามีเหตุบุกยิงที่บ้านของนายธีรุตม์ จิรทีปต์ อายุ 43ปี และนางชญานิศ จิรทีปต์ อายุ37ปี พร้อมด้วยลูกสาว เด็กหญิงนิชา จิรทีปต์
ด้านผู้เสียหายถูกยิงได้รับบาดเจ็บภายในบ้านพักของตนวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 เวลาโดยประมาณสิบโมงเช้า
นางชญานิศ จิรทีปต์ถูกยิงที่ต้นขาและแขนซ้ายเสียเลือดหนักถูกหามส่งโรงพยาบาลหลังจากตำรวจเข้าจับกุมคนร้ายได้ ขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ปลอดภัย
นายธีรุตม์ จิรทีปต์ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวาและศีรษะ
ผู้ก่อเหตุมีชื่อว่า นาย ศักดิ์ไชย ศรีวงค์ อายุ 41ปี ก่อเหตุด้วยอาวุธปืน นายศักดิ์ไชย ศรีวงค์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกไฟช็อต มีการพยายามกู้ชีพหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตลงบนรถพยาบาลในเวลา 12:38 น.
ด้านเหตุจูงใจนั้นยังไม่ปรากฏแน่ชัด จากคำให้การของนายธีรุตม์กล่าวว่าตนไม่เคยรู้จักหรือมีปัญหากับนายศักดิ์ไชย
จากการตรวจสอบประวัติของนายศักดิ์ไชย ไม่พบประวัติต้องโทษ
ทางตำรวจเร่งหาสาเหตุจูงใจของการก่อเหตุครั้งนี้ต่อไป'
หลังจากอ่านข่าวจนถึงประโยคสุดท้ายแพทวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่ข้างเตียงและทิ้งตัวลงนอนด้วยสีหน้าประหลาดใจและตกตะลึงกับสิ่งที่เธอได้ค้นพบ แพทครุ่นคิดอยู่นานสองนานพยายามตั้งสติกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เมื่อเริ่มตั้งสติได้เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือมากดเบอร์และโทรออกหาคนที่ชื่อว่าหอมกรุ่น หญิงสาวโทรไปหลายต่อหลายสายแต่ก็ไม่มีสัญญาตอบรับใด ๆในขณะโทรออกหญิงสาวหน้าเครียดพลางกัดนิ้วจนมีเลือดซึมออกมา ดวงไฟที่เคยสว่างแจ่มชัดก็พลันเปลี่ยนเป็นสลัวกระพริบไปมา บรรยกาศของความเงียบคลุ้งปกคลุมไปทั่งทุกมุมห้องเช่นเดียวกับความตื่นกลัวที่แสดงออกด้วยเม็ดเหงื่อย้อยและใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาว