รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) - เรื่องที่ 5 โรงเรียนสยองขวัญ โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค,ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า

รายละเอียด

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)  โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

ผู้แต่ง

ท่าเพชร

เรื่องย่อ

ผีมีจริงหรือไม่?

          คนเราตายแล้วไปไหน?

            สโมสรหลังเมรุ(Cemetery Club) มีจุดกำเนิดจากการได้รับแรงบันดาลใจจากได้ฟังเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ทว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเกิดจากพระภิกษุกลุ่มหนึ่งสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเร้นลับทั้งประสบพบเจอเอง ได้ยินได้ฟังมาในระหว่างรอสวดมาติกาบังสุกุลศพในช่วงบ่ายและระหว่างรอสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ในงานพิธีศพ บางคนอาจจะมองว่าการฟัง การอ่าน การชมเรื่องผีเป็นเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น สำหรับผมเรื่องผีเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล มีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง เราอยากจะรู้ว่าประเทศนั้นประเทศนี้มีความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนของประเทศนั้นๆ ผ่านการศึกษาเรื่องผี ผ่านคติความเชื่อในโลกหลังความตายได้ เรื่องผีบางเรื่องมีคติสอนใจซ่อนอยู่ มนุษย์ที่ตายไปแล้วไปสู่ภพภูมิที่ตนเองควรไป ยังวนเวียนอยู่กับมนุษย์เพราะความต้องการของเขา เธอทั้งหลายยังไม่บรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการทวงความยุติธรรมให้แก่ตน การสั่งเสียอำลาคนที่เรารัก การใช้ตนเองเป็นธรรมทาน หรือแม้กระทั่งเป็นประจักษ์พยานในการแสดงผลของการทำความดีและผลของการทำชั่ว เรื่องผีบางเรื่องสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคอย่างเรื่อง นางนวล สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นสามัญชนคนธรรมดา แม้จะมีการเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ผู้คนมากมายก็ยังคงตกเป็นทาสของอำนาจเงิน อย่าง ซ่องเจ๊เนาและซุ้มยาดองยายนี สะท้อนสภาพบ้านเมืองของอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 

สารบัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 2 วิวาห์ผี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 4 หอปรารถนาดี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 5 โรงเรียนสยองขวัญ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 8 ไปหาดใหญ่คราวนั้นฉันยังจดจำ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 9 โค้งเขาท่าเพชร,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 10 อย่านึกถึงฉัน,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 11 รวมเรื่องเล่าในโรงพยาบาล,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 3)

เนื้อหา

เรื่องที่ 5 โรงเรียนสยองขวัญ

เรื่องเล่าเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ผู้เขียนได้ยิน ได้มีส่วนร่วมในการประสบพบเจอมา ตั้งแต่สมัยเรียนประถมศึกษา จะจริงหรือไม่จริง ก็ยากจะหาคำตอบได้

เรื่องแรกเป็นเรื่องลึกลับเป็นปริศนา ตอนนั้นเรียนอยู่ป. 2 เพื่อนๆ มาเล่าลือกันว่า มีคนเห็นรูปภาพนางรำในห้องนาฏศิลป์เปลี่ยนท่าทางร่ายรำได้ ยามว่างช่วงพักเที่ยง พวกผมซักห้าหกคนไปเฝ้าสังเกตการณ์ เท่าที่สายตาผมเห็น เหนือช่องหน้าต่างไม้ห้าบานมีภาพถ่ายนางรำในชุดไทยสีต่างๆ ร่ายรำในท่ารำต่างกัน

“รูปตรงกลาง นางรำชุดสีฟ้านี่แหละที่เขาบอกกันมา” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งพูด ผมมองไปดู รูปภาพนางรำสวมชุดไทยสไบเฉียงสีฟ้า สวมศิราภรณ์เป็นกะบังหน้าบนศีรษะเหมือนพระมเหสี พระธิดาในละครจักรๆ วงศ์ช่องเจ็ดสีตอนเช้าวันเสาร์อาทิตย์ ร่ายรำอย่างตั้งใจไม่มองกล้อง มือซ้ายจับจีบ มือตั้งวงโค้งงดงามหมดจด พวกเรายืนเพ่งรูปนั้นอย่างใจจดใจจ่ออยู่นาน จนมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งละสายตาจากรูปภาพแล้วร้องไห้

“ไม่เอาแล้ว ฉันเห็นนางรำยิ้มปากฉีกถึงใบหู” เพื่อนคนละล่ำละลักพูดมา

นับจากนั้น ตอนพักเที่ยงหรือเวลาที่นักเรียนว่างจากการเล่าเรียน พวกเราก็วนเวียนไปแวะชมรูปภาพนางรำในห้องนาฏศิลป์นั้นราวกับเป็นมหรสพที่ดึงดูดให้พวกเราไปดูไปชม ข่าวลือเรื่องภาพนางรำขยับได้ราวกับมีชีวิตเป็นเรื่องเล่าลือไปทั่ว มีเด็กนักเรียนมาดูภาพนางรำกันมากมาย ทั้งเช้าเที่ยงเย็น น่าแปลกไม่มีใครกล้าเข้าไปดูรูปถ่ายอย่างใกล้ชิดในห้อง อย่างมากก็แอบดูอยู่หน้าห้อง เป็นอย่างนี้ไป บางทีดูๆ กันอยู่ คุณครูออกมาไล่เปิดเปิงกันไปคนละทิศคนละทาง ผ่านไปนานหลายๆ เดือน รูปภาพนางรำชุดไทยสีฟ้าถูกปลดออกแหว่งไปหนึ่งรูปเป็นปริศนา ทำไมปลดออกแค่รูปเดียว กลายเป็นเรื่องให้ถกเถียงกันในวงกว้าง มีหลายความคิดเห็นต่างๆ กันไปบางคนก็คิดว่าเป็นเรื่องจริงมีผีสิงสู่ในรูป รูปถ่ายนั้นถูกปลดออกไปเพื่อทำพิธีให้วิญญาณไปสู่ภพภูมิที่ควรไป บางคนก็ว่าไม่มีอะไรหรอกแค่จ้องมองรูปนานๆ ตาพร่าเลยเห็นภาพขยับได้ จนแล้วจนรอดยังคงเป็นปริศนาอยู่มาถึงทุกวันนี้

เรื่องต่อมา เป็นเรื่องตำนานประจำโรงเรียนประถมที่ผมเรียนจบมา โรงเรียนนี้ย้ายที่ตั้งมาที่ปัจจุบันเพราะโดนไฟไหม้ตั้งแต่ก่อนผมเกิดเสียอีก คนทั่วทั้งอำเภอรู้กันดีว่าโรงเรียนถูกวางเพลิงแต่ไม่มีหลักฐาน เรื่องมันเริ่มจาก ในบ่ายแก่ๆ ของวันสอบไล่วันสุดท้ายเด็กหญิงคนหนึ่งวิ่งแจ้นเข้าห้องปลดทุกข์ เธอเข้าออกมาหลายรอบเพราะท้องเสีย เรื่องไม่น่าจะเกิดขึ้น เด็กหญิงปลดทุกข์นานจนไม่รู้เวลา บ่ายคล้อยมากแล้ว นักเรียนคนอื่นๆ ผู้ปกครองมารับกลับไปหมดแล้ว ภารโรงไล่ล็อกห้องน้ำทีละห้องรวมทั้งห้องที่เด็กหญิงปลดทุกข์อยู่ด้วย พ่อแม่ของเด็กหญิงมารับลูกสาวตามเวลา ไม่พบลูกสาว พ่อแม่ตามหาลูกสาวแทบพลิกแผ่นดินก็ไร้วี่แวว พ่อของเด็กหญิงเป็นคหบดีประจำจังหวัด การหายตัวไปของลูกสาวเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจของชาวบ้าน ตำรวจออกแรงตามหาก็ไม่พบร่องรอยหรือมีหลักฐานใดๆ ที่จะระบุว่าเด็กหญิงหายไปไหน มีใครลักพาตัวไปหรือไม่ พ่อแม่เด็กออกตามหาลูกสาวอย่างไร้ความหวัง จนกระทั่งโรงเรียนเปิดภาคเรียนใหม่ ภารโรงเปิดห้องเรียน และห้องต่างๆ ทำความสะอาดเพื่อให้พร้อมใช้งาน ที่ห้องน้ำ ภารโรงเปิดห้องน้ำจนไปพบศพเด็กหญิงร่วงลงมาจากประตูหลังเปิดออก สภาพศพน่าสังเวชสะอิดสะเอียน ส่งกลิ่นเหม็นอับคละคลุ้ง เด็กหญิงมีน้ำเลือดน้ำหนองไหลออกมา ทวารทั้งห้าคือตา ปาก หู ทวารหนัก ทวารเบามีหนอนชอนไชน่าชวนขนลุกขนพอง พ่อแม่ใจแทบสลายเมื่อลูกสาวที่เขารักปานดวงใจหายจากไปเมื่อหลายเดือน กลายเป็นศพเสียแล้ว เพราะความประมาทเลินเล่อของภารโรง เด็กหญิงคงมีชีวิตอยู่ต่อในห้องน้ำอยู่ระยะหนึ่ง กรีดร้องร่ำไห้ขอความช่วยเหลือ อาศัยน้ำจากอ่างล้างดื่มกินประทังชีวิตดับความหิวโหยจนน้ำหมด เด็กหญิงทุบประตูทุบผนังกรีดประตูจนเล็บหลุดและเกาะประตูห้องน้ำด้านในจนหมดลมหายใจ พ่อผู้เป็นคหบดีคับแค้นใจสั่งคนวางเพลิงเผาโรงเรียนพินาศเป็นจุณ ว่ากันว่าภารโรงและครูใหญ่เสียชีวิตในกองเพลิงด้วย แม้ว่าคนทั่วไปรู้ดีว่าเพลิงไหม้โรงเรียนเป็นฝีมือใครแต่เพราะความเป็นคหบดีและมีอิทธิพลจึงไม่มีหลักฐานสืบสาวถึงตัวเขาได้ โรงเรียนย้ายที่ตั้งมาอยู่ที่ตั้งปัจจุบัน คหบดีได้ซื้อที่ดินของโรงเรียนที่กลายเป็นสุสานของลูกสาวอันเป็นที่รัก สร้างโรงแรมทับที่โรงเรียนเก่า ยังมีคนโทรศัพท์ไปเล่าในรายการ The Ghost Radio ว่ามาพักโรงแรมนี้ก่อนข้ามไปเกาะแล้วฝันว่าตื่นขึ้นมาในห้องพักที่เต็มไปด้วยรอยเขม่าดำเกิดจากเพลิงไหม้ ตำนานของโรงเรียนนี้น่าจะจบลงเท่านี้ กาลเวลาอาจจะทำให้ทุกคนลืมว่ามีตำนานที่เล่าลือกันต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น

เรื่องที่สามเป็นเรื่องในโรงมัธยมประจำจังหวัดที่ผมศึกษาอยู่ เป็นเรื่องที่ฮือฮาและแพร่ไปรวดเร็วอย่างกับไฟไหม้ฟาง เคยได้ยินไหมคำว่าจิตคนเรานำพาไปได้ทุกที่ ตอนนั้นผมเรียนม.1 หรือว่าม.2 มีข่าวว่ามีคนเจอผีนักเรียนม.4 เรื่องก็มีอยู่ว่าเช้าวันนั้นก่อนเข้าเรียน นักเรียนทยอยกันมาโรงเรียน พี่เอ (นามสมมุติ) มาเช้าเป็นประจำ มาถึงพบว่าพี่บี (นามสมมติ) นั่งอยู่ในห้องเรียนมืดๆ ไม่เปิดหน้าต่างสักบาน พี่เอเฉลียวใจว่าทำไมพี่บีมาโรงเรียนเช้าจังทั้งๆ ที่ปกติจะมาถึงโรงเรียนเกือบเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติเพราะพี่บีอยู่มีบ้านอยู่ต่างอำเภอต้องโดยสารรถสองแถวมาเรียน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร จะไปเปิดหน้าต่างเพื่อรับแสงแดด พี่บีก็ห้ามไว้ ไม่นานนักพี่บีก็ขอตัวออกไปนอกห้อง บอกเพียงแต่รู้สึกไม่สบายจะไปนอนพักที่ห้องพยาบาล จนแล้วจนรอดพี่บีหายไป จนพี่เอสงสัยว่าเพื่อนไม่สบายหนักถึงกับนอนห้องพยาบาลจนหมดช่วงเช้าเลยหรือ พักเที่ยงพี่เอไปหาพี่บีที่ห้องพยาบาลก็ไม่เจอคิดว่าผู้ปกครองมารับไปแล้ว พี่เอกลับมาที่ห้องเรียน พบว่าเพื่อนๆ นั่งกันเต็มห้อง อาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์หัวหน้างานระดับและผู้ปกครองพี่บีแจ้งข่าวร้ายว่าพี่บีตกรถสองแถวโดนรถสิบล้อที่ขับตามหลังทับเสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนเช้า แล้วสิ่งที่พี่เอเห็นคืออะไร พี่เลิ่กลั่กคิดทบทวน พี่บีเป็นผี อุตส่าห์มาโรงเรียนตั้งแต่เช้า นั่นคือสิ่งที่ผมได้ยินมา จนมาบัดนี้ มีคนมาเล่าในรายการ The Ghost Radio ผมฟังไปฟังมาคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ผู้เล่ายังเล่าสาเหตุที่ผีพี่บีมาโรงเรียนแท้จริง หลังจากวันที่เกิดเรื่องหนึ่งวันพี่เอมาโรงเรียนช้ากว่าเดิม พบว่ามีคนนำรองเท้าคอมแบทของนักศึกษาวิชาทหารคู่หนึ่งมาวางไว้ใต้โต๊ะเรียน เป็นพี่เอนั่นแหละแต่พี่บียืมไปใช้ ที่แท้พี่บีตั้งใจจะนำรองเท้าคอมแบทมาคืนนั่นเอง

เรื่องที่สี่เป็นเรื่องที่เกิดกับเพื่อนต่างห้อง ตอนนั้นเราเรียนกันชั้นม.4 สถานที่เรียนเป็นตึกใหม่สูงสี่ชั้นเรียกกันตามอาจารย์หัวหน้างานระดับว่าหอคอยงาช้าง เรื่องมันไม่ได้เกิดขึ้นที่หอคอยงาช้างหรอกแค่อยากเล่าเฉยๆ ผมได้ยินมีเพื่อนผู้หญิงสองนางถูกผีหลอก สมมติว่าชื่อแก้วกับแอนก็แล้วกัน ตกบ่ายวันหนึ่งแก้วกับแอนไปนั่งเล่นพูดคุยเมาท์มอยกันสองคนแถวบ้านพักครู ใกล้ๆ หอคอยงาช้าง แก้วกับแอนกำลังเดินกลับไปเดินสะดุดกับพานบายศรี กระทงใส่กับอาหารหวานคาวที่เหลือแปรสภาพเป็นของเสียขยะไปแล้ว ทั้งสองไม่สนใจกระไร แต่มีลมวูบใหญ่หอบปะทะสารร่าง แต่ละย่างก้าวที่เดินไปรู้สึกว่ามีคนกำลังตามมา หันไปดูพบผู้ชายคนหนึ่งใส่ชุดเหมือนกรรมกรก่อสร้าง เดินตามมา แก้วกับแอนรู้สึกว่าไม่ดีแล้วจึงรีบเดินขึ้นตึก ผู้ชายคนนั้นยังตามมา จนถึงห้องเรียน ชายคนนั้นเข้าห้องเรียนไม่ได้ ได้แต่เดินไปเดินมาหน้าห้องเรียน ทว่าเรื่องมันมาพีคตอนหลังเลิกเรียน แก้วกับแอนไปเรียนพิเศษที่โรงเรียนกวดวิชา ผีผู้ชายตนนั้นยังติดตามไป จนทั้งสองขวัญเสีย ป่วยไข้นอนซม สุดท้ายต้องไปจุดธูปขอขมา เรื่องก็จบลง ผีตนนั้นคาดว่าเป็นกรรมก่อสร้างเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุในการทำงานสร้างหอคอยงาช้างนั่นเอง